ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.เตรียมผ่อนคลายมาตรการกันสำรองร้อยละ 30 ให้ตลาดตราสารหนี้ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แสดง
ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “นโยบายธนาคารแห่งประเทศไทยต่อธุรกิจตลาดทุน” ว่า หลังจากที่ ธปท.เตรียมออกประกาศผ่อนคลายมาตรการกันสำรอง
ร้อยละ 30 ให้ภาคธุรกิจที่ต้องการกู้เงินตราต่างประเทศเข้ามาลงทุน หรือขยายกิจการในไทย สามารถเลือกปฏิบัติได้ระหว่างใช้มาตรการกันสำรอง
ร้อยละ 30 หรือเลือกที่จะใช้วิธีการทำป้องกันความเสี่ยง (hedging) ด้วยการทำสัญญาซื้อขายเงินตลาดต่างประเทศล่วงหน้าตามระยะเวลา
(swap) และหากในอนาคตการผ่อนคลายวิธีนี้ได้ผล โดยค่าเงินไม่มีความผันผวนมากนัก ก็เตรียมจะนำการผ่อนคลายวิธีนี้นำมาใช้กับตลาดตราสารหนี้
ด้วย (ผู้จัดการรายวัน)
2. ธปท.ชี้สัญญาณสินเชื่อบัตรเครดิตเปราะบางมากขึ้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุในรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อมล่าสุดว่า
สินเชื่อบัตรเครดิตมีสัญญาณความเปราะบางเพิ่มขึ้น เนื่องจากข้อมูลในไตรมาส 2 ปี 49 ชี้ให้เห็นว่า ในขณะที่สัดส่วนการเบิกเงินสดล่วงหน้าต่อ
ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตลดลงเล็กน้อย แต่สัดส่วนยอดคงค้างสินเชื่อบัตรเครดิตต่อปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตกลับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ
ในภาคธุรกิจที่ไม่ใช่ธนาคาร (นอนแบงก์) สะท้อนให้เห็นว่าหนี้ที่เพิ่มขึ้นไม่ได้มาจากปริมาณการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลของ
ความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนที่ลดลงด้วย ทั้งนี้ ยอดเบิกเงินสดล่วงหน้าสิ้นไตรมาส 3 อยู่ที่ 14,475.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก
สิ้นไตรมาส 2 ที่มียอดเบิกเงินสด 14,387.40 ล้านบาท เป็นสัดส่วนร้อยละ 0.61 ส่วนยอดคงค้างสินเชื่อบัตรเครดิตรวมไตรมาส 3 อยู่ที่
160,375.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นไตรมาส 2 ที่มียอดคงค้างอยู่ที่ 153,848.31 ล้านบาท เป็นสัดส่วนร้อยละ 4.24 โดยส่วนของนอนแบงก์
มียอดคงค้างสิ้นไตรมาส 3 อยู่ที่ 75,539.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่มียอดคงค้างอยู่ที่ 72,547.59 ล้านบาท เป็นสัดส่วนร้อยละ
4.12 อย่างไรก็ตาม รายงานดังกล่าวระบุว่า การที่อัตราการขยายตัวของยอดคงค้างสินเชื่อบัตรเครดิตของนอนแบงก์ชะลอตัวลงแสดงให้เห็นถึง
การพยายามปรับตัวของภาคครัวเรือนต่อภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้น (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, เดลินิวส์, ข่าวสด)
3. ก.คลังเตรียมรื้อโครงสร้างทุนและทีมบริหารของ ธ.ทหารไทย รายงานจาก ก.คลัง เปิดเผยถึงแนวทางการแก้ปัญหา
ธ.ทหารไทยว่า จะต้องดำเนินการไปพร้อม ๆ กันระหว่างการปรับโครงสร้างทุนและการปรับโครงสร้างการบริหารงาน โดยการปรับโครงสร้างทุน
เพื่อให้เพียงพอต่อการขยายธุรกิจนั้น คาดว่าจะต้องใส่เม็ดเงินใหม่อย่างร้อยประมาณ 6.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นเงินเพิ่มทุนจำนวน
3.5 หมื่นล้านบาท และออกหุ้นกู้ประเภทต่าง ๆ ที่จะนำมาใช้เป็นเงินกองทุนขั้นที่ 2 อีกประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง
ของ ธ.ทหารไทย ในปัจจุบันสามารถรองรับการขยายสินเชื่อได้ถึงกลางปีนี้เท่านั้น ดังนั้น แผนการเพิ่มทุนต่าง ๆ จะต้องแล้วเสร็จก่อนกลางปีนี้
นอกจากนี้ แผนการรื้อโครงสร้างการบริหารจะต้องรื้อใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาเดือน เม.ย.นี้ (กรุงเทพธุรกิจ)
4. ตลท.เตรียมโรดโชว์ญี่ปุ่นในเดือน มี.ค.หรือ เม.ย.นี้ รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า
ในเดือน มี.ค. หรือเม.ย.นี้ ตลท.มีแผนที่จะไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะไปร่วมกับ บล.ที่มีฐานลูกค้าเป็นชาวญี่ปุ่น 2 ราย
คือ บล.ยูไนเต็ด และ บล.พัฒนสิน ซึ่งการไปโรดโชว์ครั้งนี้ก็จะเป็นอีกทางหนึ่งในการขยายฐานนักลงทุนต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย
มากขึ้น (ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ)
5. ภาคเอกชนหนุน 4 หน่วยงานรัฐศึกษาการจัดทำเครื่องชี้วัดเศรษฐกิจไทยจากฐานข้อมูลภาษี ผอ.ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค
ธ.กรุงเทพ จำกัด กล่าวถึงกรณีที่หน่วยงานภาครัฐ ซึ่งประกอบไปด้วย สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติ (สศช.) กรมสรรพากร และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถึงกรณีการจัดทำเครื่องชี้วัดเศรษฐกิจไทยจากฐานข้อมูลภาษีว่า
เป็นสิ่งที่ค่อนข้างดี โดยเฉพาะในทางอ้อม แต่ในภาพรวมของเศรษฐกิจมหภาคนั้นอาจมีความจำเป็นน้อยกว่าในการใช้ข้อมูลด้านภาษี เนื่องจากมี
ดัชนีชี้วัดในตัวอยู่แล้ว เช่น ดัชนีภาคเกษตร อุตสาหกรรม ดัชนีการบริโภค การลงทุน ซึ่งค่อนข้างดีอยู่แล้วด้านอุปสงค์ ขณะที่บางสาขาถ้าใช้ข้อมูล
ดังกล่าวมาวิเคราะห์ก็จะเป็นสิ่งที่มปีระโยชน์มาก เพราะบางสาขาไม่มีดัชนีมาก่อน ทั้งนี้ ในกรณีของความแม่นยำจากการใช้มาตรการนี้ เป็นสิ่งที่
ทดสอบได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากปัญหาทางสถิติเป็นสิ่งที่จะต้องแก้ไขต่อไป เพราะระบบนี้ประเทศไทยยังไม่เคยมีการนำมาใช้ (ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ปริมาณเงินหมุนเวียนของยูโรโซนในเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุด รายงานจาก Frankfurt เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 50
ทางการยุโรปเปิดเผยว่า ปริมาณเงินหมุนเวียน ในเดือน ธ.ค. ขยายตัวทำสถิติสูงสุดในรอบ 16 ปี ทำให้ ธ.กลางยุโรป วิตกเกี่ยวกับแรงกดดัน
ด้านเงินเฟ้อ และคาดว่า ธ.กลางยุโรปจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้ง อย่างไรก็ตามมีสัญญานที่ดีจากการที่ภาคเอกชนและภาคธุรกิจมี
การกู้ยืมชะลอลง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ทั้งนี้นักวิเคราะห์คาดว่าการขยายตัวของปริมาณเงิน M3 ซึ่งประกอบด้วยเงินสด เงินฝากระยะสั้น
ที่ ธพ. และเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ ในตลาดเงิน ในเดือน ธ.ค. ชะลอลงหลังจากที่เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเมื่อเดือนก่อนหน้า ขณะที่เมื่อเทียบกับ
ช่วงเดียวกันปีที่แล้วปริมาณเงิน M3 ขยายตัวจากร้อยละ 9.3 เป็นร้อยละ 9.7 ขยายตัวอย่างรวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 33 เนื่องจากการ
ขยายตัวอย่างมากของเงินฝากระยะสั้นที่ ธพ. และการลงทุน ขณะที่นาย Axel Weber กรรมาธิการ ธ.กลางยุโรปกล่าวว่า ตัวเลขดังกล่าวชี้ว่า
แรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ทั้งที่เมื่อเดือนที่แล้วเงินเฟ้อเพิ่งลดลงต่ำกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อร้อยละ 2.0 เนื่องจากราคาน้ำมันลดลง แต่คาดว่า
ในปีนี้อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนอาจสูงกว่าร้อยละ 2.0 ทั้งนี้ที่ผ่านมาในรอบ 14 เดือนธ.กลางยุโรปได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยรวมร้อยละ 1.50
อยู่ที่ร้อยละ 3.50 เพื่อสกัดภาวะเงินเฟ้อ ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่า ธ.กลางยุโรปจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 ในเดือน
มี.ค. นี้ (รอยเตอร์)
2. ราคาบ้านในอังกฤษเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง รายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 29 ม.ค.50
Hometrack บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ผลสำรวจราคาบ้านในอังกฤษของเดือน ม.ค.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.0 จากปีก่อน ซึ่งเป็น
อัตราการเพิ่มขึ้นต่อปีสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค.46 อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นดังกล่าวกระจุกตัวอยู่แต่เฉพาะในกรุงลอนดอน แต่สำหรับพื้นที่เกือบ 3
ใน 4 ของประเทศไม่ได้แสดงให้เห็นว่าราคาบ้านเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ทั้งนี้ เมื่อเทียบต่อเดือนราคาบ้านเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 และเฉพาะใน
กรุงลอนดอนเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 ซึ่ง Hometrack กล่าวว่าราคาบ้านที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในกรุงลอนดอนสะท้อนให้เห็นถึงการขาดแคลนบ้านที่
ไม่เพียงพอต่อความต้องการที่มีมากกว่าของผู้ซื้อ ส่วนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลกระทบต่อราคาบ้านเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และคาดว่าจำนวน
บ้านที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ซื้อจะยังคงทำให้ราคาบ้านอยู่ในระดับสูงต่อไปในช่วงปี 50 (รอยเตอร์)
3. ยอดค้าปลีกของญี่ปุ่นในเดือน ธ.ค.49 ลดลงร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบต่อปี รายงานจากโตเกียว เมื่อ 29 ม.ค.50 ยอดค้าปลีกของ
ญี่ปุ่นในเดือน ธ.ค.49 ลดลงร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบกับเดือน ธ.ค.48 และลดลงร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบกับเดือน พ.ย.49 ในขณะที่ผลสำรวจความ
เห็นของนักเศรษฐศาสตร์ก่อนหน้านี้คาดว่าจะลดลงร้อยละ 0.5 ต่อปี ทั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากสภาพอากาศที่อบอุ่นผิดปรกติทำให้ยอดขายเสื้อผ้า
สำหรับใส่ในฤดูหนาวลดลง นอกจากนี้สภาพอากาศที่อบอุ่นยังส่งผลให้ยอดขายน้ำมันที่ใช้ทำความร้อนลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 33 เดือน อย่างไรก็ดี
นักเศรษฐศาสตร์เห็นว่ายอดขายของภาคบริการในเดือน ธ.ค.49 ซึ่งขยายตัวดีจะช่วยให้ยอดใช้จ่ายภาคครัวเรือนซึ่งมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 55
ของผลผลิตรวมในประเทศเพิ่มสูงขึ้นจากไตรมาสก่อน (ก.ค.- ก.ย.49) นอกจากนี้นักเศรษฐศาสตร์ยังคาดว่าการบริโภคในประเทศในเดือน
ม.ค.50 จะไม่ขยายตัวมากอย่างที่คาดไว้และกว่าที่ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือน ม.ค.50 จะถูกเผยแพร่อย่างเป็นทางการในเดือน ก.พ.50
ก็เป็นเวลาประมาณ 9 วันหลังการประชุมนโยบายการเงินของ ธ.กลางญี่ปุ่น จึงคาดว่า ธ.กลางญี่ปุ่นจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือน
ก.พ.50 ที่จะถึงนี้ (รอยเตอร์)
4. ธ.กลางมาเลเซียคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 3.5 รายงานจากกัวลาลัมเปอร์เมื่อ 26 ม.ค.50
ธ.กลางมาเลเซีย เปิดเผยว่า ธ.กลางได้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 3.5 นับเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 6
เนื่องจากประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อจะไม่ขยายตัวเพิ่มขึ้นในปีนี้ และการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นไปตามการ
คาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ นอกจากนี้ บรรดานักเศรษฐศาสตร์ต่างคาดการณ์อีกว่า ธ.กลางมาเลเซียอาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไปถึง
ช่วงครึ่งหลังของปี ทั้งนี้ ธ.กลางมาเลเซียได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.80 ในช่วงระหว่างเดือน พ.ย.48 ถึงเดือน เม.ย.49
หลังจากนั้นก็คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิมคือร้อยละ 3.5 ตลอดมา เช่นเดียวกับหลายๆ ประเทศในเอเชียที่คงอัตราดอกเบี้ยไว้ ณ
ระดับเดิม เนื่องจากประเมินว่าความต้องการสินค้าจาก สรอ. จะชะลอตัว อนึ่ง ทางการมาเลเซียได้คาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ปี 50 ที่ระดับร้อยละ 6.0 เพิ่มขึ้นจากประมาณการปี 49 ที่ร้อยละ 5.8 สาเหตุส่วนหนึ่งจากการที่รัฐบาลประกาศแผนการใช้จ่ายภาครัฐระยะ 5 ปี
ซึ่งมียอดการใช้ งปม.เป็นจำนวน 54 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. สวนทางกับการคาดการณ์ของสถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจชั้นนำคือ
Malaysian Institute of Economic Research ซึ่งประมาณการว่าเศรษฐกิจมาเลเซียในปี 50 จะขยายตัวเพียงร้อยละ 5.2 ต่ำกว่า
ประมาณการของปี 49 ที่ร้อยละ 5.9 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 29 ม.ค. 50 26 ม.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 35.855 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 35.6368/35.9790 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.87438 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 657.65/10.70 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,850/10,950 10,800/10,900 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 52.72 51.05 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 25.19*/22.54** 25.19*/22.54** 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 19 ม.ค. 50
** ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 13 ม.ค. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.เตรียมผ่อนคลายมาตรการกันสำรองร้อยละ 30 ให้ตลาดตราสารหนี้ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แสดง
ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “นโยบายธนาคารแห่งประเทศไทยต่อธุรกิจตลาดทุน” ว่า หลังจากที่ ธปท.เตรียมออกประกาศผ่อนคลายมาตรการกันสำรอง
ร้อยละ 30 ให้ภาคธุรกิจที่ต้องการกู้เงินตราต่างประเทศเข้ามาลงทุน หรือขยายกิจการในไทย สามารถเลือกปฏิบัติได้ระหว่างใช้มาตรการกันสำรอง
ร้อยละ 30 หรือเลือกที่จะใช้วิธีการทำป้องกันความเสี่ยง (hedging) ด้วยการทำสัญญาซื้อขายเงินตลาดต่างประเทศล่วงหน้าตามระยะเวลา
(swap) และหากในอนาคตการผ่อนคลายวิธีนี้ได้ผล โดยค่าเงินไม่มีความผันผวนมากนัก ก็เตรียมจะนำการผ่อนคลายวิธีนี้นำมาใช้กับตลาดตราสารหนี้
ด้วย (ผู้จัดการรายวัน)
2. ธปท.ชี้สัญญาณสินเชื่อบัตรเครดิตเปราะบางมากขึ้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุในรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อมล่าสุดว่า
สินเชื่อบัตรเครดิตมีสัญญาณความเปราะบางเพิ่มขึ้น เนื่องจากข้อมูลในไตรมาส 2 ปี 49 ชี้ให้เห็นว่า ในขณะที่สัดส่วนการเบิกเงินสดล่วงหน้าต่อ
ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตลดลงเล็กน้อย แต่สัดส่วนยอดคงค้างสินเชื่อบัตรเครดิตต่อปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตกลับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ
ในภาคธุรกิจที่ไม่ใช่ธนาคาร (นอนแบงก์) สะท้อนให้เห็นว่าหนี้ที่เพิ่มขึ้นไม่ได้มาจากปริมาณการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลของ
ความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนที่ลดลงด้วย ทั้งนี้ ยอดเบิกเงินสดล่วงหน้าสิ้นไตรมาส 3 อยู่ที่ 14,475.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก
สิ้นไตรมาส 2 ที่มียอดเบิกเงินสด 14,387.40 ล้านบาท เป็นสัดส่วนร้อยละ 0.61 ส่วนยอดคงค้างสินเชื่อบัตรเครดิตรวมไตรมาส 3 อยู่ที่
160,375.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นไตรมาส 2 ที่มียอดคงค้างอยู่ที่ 153,848.31 ล้านบาท เป็นสัดส่วนร้อยละ 4.24 โดยส่วนของนอนแบงก์
มียอดคงค้างสิ้นไตรมาส 3 อยู่ที่ 75,539.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่มียอดคงค้างอยู่ที่ 72,547.59 ล้านบาท เป็นสัดส่วนร้อยละ
4.12 อย่างไรก็ตาม รายงานดังกล่าวระบุว่า การที่อัตราการขยายตัวของยอดคงค้างสินเชื่อบัตรเครดิตของนอนแบงก์ชะลอตัวลงแสดงให้เห็นถึง
การพยายามปรับตัวของภาคครัวเรือนต่อภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้น (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, เดลินิวส์, ข่าวสด)
3. ก.คลังเตรียมรื้อโครงสร้างทุนและทีมบริหารของ ธ.ทหารไทย รายงานจาก ก.คลัง เปิดเผยถึงแนวทางการแก้ปัญหา
ธ.ทหารไทยว่า จะต้องดำเนินการไปพร้อม ๆ กันระหว่างการปรับโครงสร้างทุนและการปรับโครงสร้างการบริหารงาน โดยการปรับโครงสร้างทุน
เพื่อให้เพียงพอต่อการขยายธุรกิจนั้น คาดว่าจะต้องใส่เม็ดเงินใหม่อย่างร้อยประมาณ 6.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นเงินเพิ่มทุนจำนวน
3.5 หมื่นล้านบาท และออกหุ้นกู้ประเภทต่าง ๆ ที่จะนำมาใช้เป็นเงินกองทุนขั้นที่ 2 อีกประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง
ของ ธ.ทหารไทย ในปัจจุบันสามารถรองรับการขยายสินเชื่อได้ถึงกลางปีนี้เท่านั้น ดังนั้น แผนการเพิ่มทุนต่าง ๆ จะต้องแล้วเสร็จก่อนกลางปีนี้
นอกจากนี้ แผนการรื้อโครงสร้างการบริหารจะต้องรื้อใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาเดือน เม.ย.นี้ (กรุงเทพธุรกิจ)
4. ตลท.เตรียมโรดโชว์ญี่ปุ่นในเดือน มี.ค.หรือ เม.ย.นี้ รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า
ในเดือน มี.ค. หรือเม.ย.นี้ ตลท.มีแผนที่จะไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะไปร่วมกับ บล.ที่มีฐานลูกค้าเป็นชาวญี่ปุ่น 2 ราย
คือ บล.ยูไนเต็ด และ บล.พัฒนสิน ซึ่งการไปโรดโชว์ครั้งนี้ก็จะเป็นอีกทางหนึ่งในการขยายฐานนักลงทุนต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย
มากขึ้น (ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ)
5. ภาคเอกชนหนุน 4 หน่วยงานรัฐศึกษาการจัดทำเครื่องชี้วัดเศรษฐกิจไทยจากฐานข้อมูลภาษี ผอ.ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค
ธ.กรุงเทพ จำกัด กล่าวถึงกรณีที่หน่วยงานภาครัฐ ซึ่งประกอบไปด้วย สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติ (สศช.) กรมสรรพากร และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถึงกรณีการจัดทำเครื่องชี้วัดเศรษฐกิจไทยจากฐานข้อมูลภาษีว่า
เป็นสิ่งที่ค่อนข้างดี โดยเฉพาะในทางอ้อม แต่ในภาพรวมของเศรษฐกิจมหภาคนั้นอาจมีความจำเป็นน้อยกว่าในการใช้ข้อมูลด้านภาษี เนื่องจากมี
ดัชนีชี้วัดในตัวอยู่แล้ว เช่น ดัชนีภาคเกษตร อุตสาหกรรม ดัชนีการบริโภค การลงทุน ซึ่งค่อนข้างดีอยู่แล้วด้านอุปสงค์ ขณะที่บางสาขาถ้าใช้ข้อมูล
ดังกล่าวมาวิเคราะห์ก็จะเป็นสิ่งที่มปีระโยชน์มาก เพราะบางสาขาไม่มีดัชนีมาก่อน ทั้งนี้ ในกรณีของความแม่นยำจากการใช้มาตรการนี้ เป็นสิ่งที่
ทดสอบได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากปัญหาทางสถิติเป็นสิ่งที่จะต้องแก้ไขต่อไป เพราะระบบนี้ประเทศไทยยังไม่เคยมีการนำมาใช้ (ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ปริมาณเงินหมุนเวียนของยูโรโซนในเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุด รายงานจาก Frankfurt เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 50
ทางการยุโรปเปิดเผยว่า ปริมาณเงินหมุนเวียน ในเดือน ธ.ค. ขยายตัวทำสถิติสูงสุดในรอบ 16 ปี ทำให้ ธ.กลางยุโรป วิตกเกี่ยวกับแรงกดดัน
ด้านเงินเฟ้อ และคาดว่า ธ.กลางยุโรปจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้ง อย่างไรก็ตามมีสัญญานที่ดีจากการที่ภาคเอกชนและภาคธุรกิจมี
การกู้ยืมชะลอลง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ทั้งนี้นักวิเคราะห์คาดว่าการขยายตัวของปริมาณเงิน M3 ซึ่งประกอบด้วยเงินสด เงินฝากระยะสั้น
ที่ ธพ. และเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ ในตลาดเงิน ในเดือน ธ.ค. ชะลอลงหลังจากที่เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเมื่อเดือนก่อนหน้า ขณะที่เมื่อเทียบกับ
ช่วงเดียวกันปีที่แล้วปริมาณเงิน M3 ขยายตัวจากร้อยละ 9.3 เป็นร้อยละ 9.7 ขยายตัวอย่างรวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 33 เนื่องจากการ
ขยายตัวอย่างมากของเงินฝากระยะสั้นที่ ธพ. และการลงทุน ขณะที่นาย Axel Weber กรรมาธิการ ธ.กลางยุโรปกล่าวว่า ตัวเลขดังกล่าวชี้ว่า
แรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ทั้งที่เมื่อเดือนที่แล้วเงินเฟ้อเพิ่งลดลงต่ำกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อร้อยละ 2.0 เนื่องจากราคาน้ำมันลดลง แต่คาดว่า
ในปีนี้อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนอาจสูงกว่าร้อยละ 2.0 ทั้งนี้ที่ผ่านมาในรอบ 14 เดือนธ.กลางยุโรปได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยรวมร้อยละ 1.50
อยู่ที่ร้อยละ 3.50 เพื่อสกัดภาวะเงินเฟ้อ ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่า ธ.กลางยุโรปจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 ในเดือน
มี.ค. นี้ (รอยเตอร์)
2. ราคาบ้านในอังกฤษเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง รายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 29 ม.ค.50
Hometrack บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ผลสำรวจราคาบ้านในอังกฤษของเดือน ม.ค.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.0 จากปีก่อน ซึ่งเป็น
อัตราการเพิ่มขึ้นต่อปีสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค.46 อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นดังกล่าวกระจุกตัวอยู่แต่เฉพาะในกรุงลอนดอน แต่สำหรับพื้นที่เกือบ 3
ใน 4 ของประเทศไม่ได้แสดงให้เห็นว่าราคาบ้านเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ทั้งนี้ เมื่อเทียบต่อเดือนราคาบ้านเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 และเฉพาะใน
กรุงลอนดอนเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 ซึ่ง Hometrack กล่าวว่าราคาบ้านที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในกรุงลอนดอนสะท้อนให้เห็นถึงการขาดแคลนบ้านที่
ไม่เพียงพอต่อความต้องการที่มีมากกว่าของผู้ซื้อ ส่วนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลกระทบต่อราคาบ้านเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และคาดว่าจำนวน
บ้านที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ซื้อจะยังคงทำให้ราคาบ้านอยู่ในระดับสูงต่อไปในช่วงปี 50 (รอยเตอร์)
3. ยอดค้าปลีกของญี่ปุ่นในเดือน ธ.ค.49 ลดลงร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบต่อปี รายงานจากโตเกียว เมื่อ 29 ม.ค.50 ยอดค้าปลีกของ
ญี่ปุ่นในเดือน ธ.ค.49 ลดลงร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบกับเดือน ธ.ค.48 และลดลงร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบกับเดือน พ.ย.49 ในขณะที่ผลสำรวจความ
เห็นของนักเศรษฐศาสตร์ก่อนหน้านี้คาดว่าจะลดลงร้อยละ 0.5 ต่อปี ทั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากสภาพอากาศที่อบอุ่นผิดปรกติทำให้ยอดขายเสื้อผ้า
สำหรับใส่ในฤดูหนาวลดลง นอกจากนี้สภาพอากาศที่อบอุ่นยังส่งผลให้ยอดขายน้ำมันที่ใช้ทำความร้อนลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 33 เดือน อย่างไรก็ดี
นักเศรษฐศาสตร์เห็นว่ายอดขายของภาคบริการในเดือน ธ.ค.49 ซึ่งขยายตัวดีจะช่วยให้ยอดใช้จ่ายภาคครัวเรือนซึ่งมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 55
ของผลผลิตรวมในประเทศเพิ่มสูงขึ้นจากไตรมาสก่อน (ก.ค.- ก.ย.49) นอกจากนี้นักเศรษฐศาสตร์ยังคาดว่าการบริโภคในประเทศในเดือน
ม.ค.50 จะไม่ขยายตัวมากอย่างที่คาดไว้และกว่าที่ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือน ม.ค.50 จะถูกเผยแพร่อย่างเป็นทางการในเดือน ก.พ.50
ก็เป็นเวลาประมาณ 9 วันหลังการประชุมนโยบายการเงินของ ธ.กลางญี่ปุ่น จึงคาดว่า ธ.กลางญี่ปุ่นจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือน
ก.พ.50 ที่จะถึงนี้ (รอยเตอร์)
4. ธ.กลางมาเลเซียคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 3.5 รายงานจากกัวลาลัมเปอร์เมื่อ 26 ม.ค.50
ธ.กลางมาเลเซีย เปิดเผยว่า ธ.กลางได้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 3.5 นับเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 6
เนื่องจากประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อจะไม่ขยายตัวเพิ่มขึ้นในปีนี้ และการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นไปตามการ
คาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ นอกจากนี้ บรรดานักเศรษฐศาสตร์ต่างคาดการณ์อีกว่า ธ.กลางมาเลเซียอาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไปถึง
ช่วงครึ่งหลังของปี ทั้งนี้ ธ.กลางมาเลเซียได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.80 ในช่วงระหว่างเดือน พ.ย.48 ถึงเดือน เม.ย.49
หลังจากนั้นก็คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิมคือร้อยละ 3.5 ตลอดมา เช่นเดียวกับหลายๆ ประเทศในเอเชียที่คงอัตราดอกเบี้ยไว้ ณ
ระดับเดิม เนื่องจากประเมินว่าความต้องการสินค้าจาก สรอ. จะชะลอตัว อนึ่ง ทางการมาเลเซียได้คาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ปี 50 ที่ระดับร้อยละ 6.0 เพิ่มขึ้นจากประมาณการปี 49 ที่ร้อยละ 5.8 สาเหตุส่วนหนึ่งจากการที่รัฐบาลประกาศแผนการใช้จ่ายภาครัฐระยะ 5 ปี
ซึ่งมียอดการใช้ งปม.เป็นจำนวน 54 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. สวนทางกับการคาดการณ์ของสถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจชั้นนำคือ
Malaysian Institute of Economic Research ซึ่งประมาณการว่าเศรษฐกิจมาเลเซียในปี 50 จะขยายตัวเพียงร้อยละ 5.2 ต่ำกว่า
ประมาณการของปี 49 ที่ร้อยละ 5.9 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 29 ม.ค. 50 26 ม.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 35.855 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 35.6368/35.9790 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.87438 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 657.65/10.70 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,850/10,950 10,800/10,900 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 52.72 51.05 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 25.19*/22.54** 25.19*/22.54** 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 19 ม.ค. 50
** ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 13 ม.ค. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--