ตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ(ฉบับที่4) พ.ศ.2550 ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2550 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2550 เป็นต้นไปนั้น ได้มีสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องหมายแสดงว่ามีการรับประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัยจากรถ ดังนี้
1. ให้ยกเลิกเครื่องหมายที่แสดงว่ารถดังกล่าวได้จัดให้มีการประกันภัย ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 และยกเลิกภาระของนายทะเบียนในการจัดทำเครื่องหมายและส่งมอบให้กับบริษัท เพื่อส่งมอบเครื่องหมายให้เจ้าของรถที่จัดให้มีการประกันภัย ด้วยเหตุผลดังกล่าวส่งผลให้เจ้าของรถที่ได้จัดทำประกันภัยที่ความคุ้มครองเริ่มตั้งแต่ วันที่ 6 เมษายน 2550 เป็นต้นมา จะไม่ได้รับเครื่องหมายแสดงว่ามีการประกันภัยรถจากบริษัทประกันภัย
2. เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกัน กรมการประกันภัยได้ออกประกาศนายทะเบียน เรื่อง ให้บริษัทรายงานการรับประกันภัย ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ลงวันที่ 12 เมษายน 2550 ให้บริษัทประกันภัยส่งคืนเครื่องหมายที่ยังมิได้มีการจำหน่ายให้แก่ประชาชนแล้ว
ดังนั้น กรมการประกันภัยจึงใคร่ขอเตือนประชาชนให้โปรดระมัดระวัง และหากพบข้อเท็จจริงดังกล่าว ทั้งอย่าได้หลงเชื่อผู้ที่มีพฤติกรรมส่อไปในทางที่ไม่สุจริต หรือกรมธรรม์ประกันภัยที่มีการส่งมอบพร้อมเครื่องหมาย หากความคุ้มครองเริ่มตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2550 ถ้าหากพบเห็นการกระทำผิดดังกล่าวหรือมีข้อสงสัยใดๆให้สอบถามได้ที่ ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนกรมการประกันภัยหรือโทรแจ้งสายด่วน 1186
3. พระราชบัญญัติฉบับดังกล่าว บัญญัติให้กรมการขนส่งทางบกได้ทำหน้าที่ในการตรวจสอบรถทุกคันก่อนการจดทะเบียนหรือชำระภาษีประจำปี ว่าได้มีการจัดทำประกันภัยแล้วหรือไม่ ซึ่งหากไม่ได้มีการจัดทำประกันภัยแล้วกรมการขนส่งทางบกก็จะไม่ดำเนินการจดทะเบียนหรือชำระภาษีประจำปีให้แก่รถคันดังกล่าว ดังนั้น หากจะต้องนำรถไปจดทะเบียนหรือรถคันใดถึงกำหนดเวลาที่จะต้องชำระภาษีประจำปี เจ้าของรถควรจัดให้มีการทำประกันภัยก่อน และนำเอกสารหลักฐานการจัดทำประกันภัยประกอบคำร้องขอการจดทะเบียนหรือชำระภาษีประจำปีนั้นด้วย โดยป้ายวงกลมที่ได้รับหลังจากการชำระภาษีประจำปีจะเป็นข้อสันนิฐานเบื้องต้นว่ารถคันนั้นได้มีการจัดทำประกันภัยแล้ว และเพื่อให้ความเชื่อใจเกิดแก่ประชาชน กรมการประกันภัยได้มีการประสานงานกับกรมการขนส่งทางบก และพร้อมที่จะนำระบบส่งข้อมูลการรับประกันภัยผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการตรวจสอบการจัดทำประกันภัย
ที่มา: http://www.doi.go.th