“อลงกรณ์”ห่วงการเคลื่อนพลของนปก.บานปลาย วอนทุกฝ่ายเลี่ยงความรุนแรง แนะการเจรจาคือแนวทางแก้ไขปัญหา ชี้ปัญหาของประเทศรุมเร้ามากมาย”ปชป”เร่งมือเดินเครื่องเต็มสูบกำหนดนโยบายปฏิรูปประเทศไทยครั้งใหญ่ก่อนเสนอเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมใหญ่พรรค 19-20 กรกฏาคมนี้
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แถลงวันนี้(23 มิ.ย.50 )ที่พรรคประชาธิปัตย์แสดงความห่วงใยต่อการชุมนุมของนปก.ที่จะมีการเคลื่อนพลไปหน้ากองบัญชาการกองทัพบกว่า การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ(นปก.)ถือเป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกแต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมายและคำนึงถึงความสงบสุขของบ้านเมือง ทั้งนี้ขอให้เจ้าหน้าที่และกลุ่มผู้ชุมนุมพึงหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าหรือยั่วยุจนอาจบานปลายกลายเป็นความรุนแรงซ้ำเติมปัญหาของประเทศชาติ
นายอลงกรณ์กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาการเมืองจากกรณีการชุมนุมทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดยังส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ห่วงใยต่อปัญหานี้ที่ยังไม่คลี่คลายและเห็นว่า การเจรจาระหว่าง คมช. รัฐบาลและนปก.คือแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องไม่ใช่การเผชิญหน้าเพราะหากทุกฝ่ายช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบความเชื่อมั่นก็จะคืนมาจะช่วยให้การแก้ไขปัญหาของประเทศที่มีอยู่มากมายง่ายขึ้น และหวังว่า วันที่ 24 มิถุนายนของปีนี้ซึ่งตรงกับวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง 75 ปีจะเป็นวันเริ่มต้นของการเมืองยุคใหม่ของประเทศไทย
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคได้มีแนวทางนโยบายให้คณะทำงานทุกฝ่ายเร่งมือจัดทำร่างนโยบายของพรรคเพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาของประเทศโดยระหว่างวันที่ 25 มิถุนายนถึง 3 กรกฏาคมนี้จะมีการสัมมนาเชิงนโยบาย 9 ด้าน 9 กลุ่มได้แก่ นโยบายการศึกษา นโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจและธุรกิจ นโยบายขนส่งและโลจิสติกส์ นโยบายสวัสดิการคนไทย นโยบายสาธารณสุข นโยบายธรรมาภิบาล นโยบายพลังงาน นโยบายปัญหาความไม่สงบภาคใต้ นโยบายสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ โดยจะมีอดีต ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคเข้าร่วมในการสัมมนาดังกล่าวและเป็นการต่อยอดจากการสัมมนาเชิงวิชาการรอบแรกที่ดำเนินมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ซึ่งถือเป็นกระบวนการจัดทำนโยบายแบบมีส่วนร่วมอย่างเป็นระบบจากวงการภาครัฐภาคเอกชนภาควิชาการภาควิชาชีพภาคประชาชนและภาคการเมือง จากนั้นจะนำเสนอแนวทางนโยบายต่อที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรควันที่ 19-20 กรกฏาคมที่จะถึงนี้และเชื่อว่าจะเป็นแนวนโยบายในการปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23 มิ.ย. 2550--จบ--
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แถลงวันนี้(23 มิ.ย.50 )ที่พรรคประชาธิปัตย์แสดงความห่วงใยต่อการชุมนุมของนปก.ที่จะมีการเคลื่อนพลไปหน้ากองบัญชาการกองทัพบกว่า การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ(นปก.)ถือเป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกแต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมายและคำนึงถึงความสงบสุขของบ้านเมือง ทั้งนี้ขอให้เจ้าหน้าที่และกลุ่มผู้ชุมนุมพึงหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าหรือยั่วยุจนอาจบานปลายกลายเป็นความรุนแรงซ้ำเติมปัญหาของประเทศชาติ
นายอลงกรณ์กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาการเมืองจากกรณีการชุมนุมทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดยังส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ห่วงใยต่อปัญหานี้ที่ยังไม่คลี่คลายและเห็นว่า การเจรจาระหว่าง คมช. รัฐบาลและนปก.คือแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องไม่ใช่การเผชิญหน้าเพราะหากทุกฝ่ายช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบความเชื่อมั่นก็จะคืนมาจะช่วยให้การแก้ไขปัญหาของประเทศที่มีอยู่มากมายง่ายขึ้น และหวังว่า วันที่ 24 มิถุนายนของปีนี้ซึ่งตรงกับวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง 75 ปีจะเป็นวันเริ่มต้นของการเมืองยุคใหม่ของประเทศไทย
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคได้มีแนวทางนโยบายให้คณะทำงานทุกฝ่ายเร่งมือจัดทำร่างนโยบายของพรรคเพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาของประเทศโดยระหว่างวันที่ 25 มิถุนายนถึง 3 กรกฏาคมนี้จะมีการสัมมนาเชิงนโยบาย 9 ด้าน 9 กลุ่มได้แก่ นโยบายการศึกษา นโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจและธุรกิจ นโยบายขนส่งและโลจิสติกส์ นโยบายสวัสดิการคนไทย นโยบายสาธารณสุข นโยบายธรรมาภิบาล นโยบายพลังงาน นโยบายปัญหาความไม่สงบภาคใต้ นโยบายสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ โดยจะมีอดีต ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคเข้าร่วมในการสัมมนาดังกล่าวและเป็นการต่อยอดจากการสัมมนาเชิงวิชาการรอบแรกที่ดำเนินมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ซึ่งถือเป็นกระบวนการจัดทำนโยบายแบบมีส่วนร่วมอย่างเป็นระบบจากวงการภาครัฐภาคเอกชนภาควิชาการภาควิชาชีพภาคประชาชนและภาคการเมือง จากนั้นจะนำเสนอแนวทางนโยบายต่อที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรควันที่ 19-20 กรกฏาคมที่จะถึงนี้และเชื่อว่าจะเป็นแนวนโยบายในการปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23 มิ.ย. 2550--จบ--