แท็ก
อิตาลี
เดิมทีคิดว่าสัปดาห์นี้คงจะไม่ได้เขียนบทความเหมือนทุกๆสัปดาห์ เนื่องจากผมได้รับเชิญไปร่วมประชุมโต๊ะกลมว่าด้วยการสร้างพันธมิตรใหม่สำหรับพรรคประชาธิปไตย (Towards a new alliance of Democrats) ซึ่งจัดขึ้นโดยมีพรรค La Margherita ของอิตาลีเป็นเจ้าภาพ ระหว่างการประชุมใหญ่ของพรรคเขา โดยเชิญผู้บริหารพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตยจากเกือบ ๓๐ ประเทศทั่วโลก แต่ปรากฏว่าตลอดระยะเวลา ๒ วันที่อยู่ที่กรุงโรม กลับได้เห็นอะไรหลายๆอย่าง ที่ทำให้เกิดข้อคิดที่อยากจะแบ่งปันกับผู้อ่าน เพราะดูจะเกี่ยวข้องกับการเมืองและปัญหาของบ้านเมืองเราไม่น้อย
การเมืองไทย-การเมืองอิตาลี
การเมืองไทยกับการเมืองอิตาลีมีความคล้ายคลึงกันมานานพอสมควร ในอดีตอิตาลีมีปัญหารัฐบาลขาดเสถียรภาพเพราะเป็นรัฐบาลผสม ต่อมาเมื่ออดีตนายกฯ เบอร์ลุสโคนี (Silvio Berlusconi) ซึ่งเป็นนักธุรกิจมหาเศรษฐีชนะการเลือกตั้ง อิตาลีก็ประสบกับปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน การทุจริตคอร์รัปชั่น การแทรกแซงสื่อ การแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ฯลฯ ในที่สุด เมื่อปีที่แล้ว พรรคการเมืองแนวประชาธิปไตยและพรรคการเมืองฝ่ายซ้าย ก็จับมือกันเป็นพันธมิตร โค่นนายเบอร์ลุสโคนี (Silvio Berlusconi) สำเร็จ แต่ชัยชนะที่ได้มาทำให้อิตาลีมีรัฐบาลผสมที่มีอาการร่อแร่มาอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้คะแนนนิยมของนายเบอร์ลุสโคนี (Silvio Berlusconi) ดูจะดีขึ้น
กว่า ๑ ชั่วโมงที่ผมนั่งฟังคำปราศรัยของหัวหน้าพรรค La Margherita ซึ่งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลปัจจุบัน ผมจำไม่ได้ว่าผมต้องหวนกลับมาคิดถึงการเมืองไทยกี่ครั้ง แต่ตัวอย่างต่อไปนี้ คงทำให้เห็นภาพอะไรหลายอย่าง
- เพื่อแก้ปัญหาเสถียรภาพ พรรค La Margherita จะควบรวมพรรคกับพรรคสังคม
นิยมประชาธิปไตย เพื่อก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ (Democratic Party) ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปครั้งต่อไป
- เพื่อแก้ปัญหาการต่อรองของพรรคฝ่ายซ้ายจัด ผู้นำรัฐบาล คือ นายกรัฐมนตรีโพรดี (Romano
Prodi)
ซึ่งมากล่าวปราศรัยด้วย และ หัวหน้าพรรค ต่างก็พยายามพูดถึงการสมานฉันท์กับพรรคฝ่ายค้าน รวมทั้งนายเบอร์ลุสโคนี (Silvio Berlusconi) ซึ่งได้รับเชิญและมาร่วมการประชุมใหญ่ของพรรครัฐบาลครั้งนี้ด้วย
- มีการเรียกร้องให้มีการแก้ไขระบบเลือกตั้ง โดยต้องการให้มีการยกเลิก สส. ระบบ
บัญชีรายชื่อ เพราะเห็นว่าทำให้พรรคเล็กๆเข้ามาสู่สภามาก และ สส.บัญชีรายชื่อ ไม่เป็น “ผู้แทน” ของประชาชนอย่างแท้จริง
- มีการแสดงความห่วงใยว่า ขณะนี้ มีข้อเรียกร้องจากกลุ่มศาสนาคริสต์ที่มองว่า อิตาลี
กำลังสูญเสียความเป็นเมืองคริสต์ โดยพรรครัฐบาลเรียกร้องให้ทุกคนหนักแน่น อย่านำเรื่องศาสนากับการเมืองมาเกี่ยวข้องกัน และวิงวอนให้ทุกฝ่ายเคารพสิทธิในการนับถือศาสนาต่างๆที่หลากหลาย
ฯลฯ
ใครที่คิดว่า ปัญหาข้อถกเถียงเรื่องรัฐบาลเข้มแข็ง — รัฐบาลอ่อนแอ สมานฉันท์หมายความว่าอย่างไร จะเลือกตั้งกันอย่างไร ควรมีศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญหรือไม่ เป็นปัญหาเฉพาะของการเมืองไทย คงจะเห็นแล้วว่า ข้อถกเถียงเหล่านี้เป็นเรื่องปกติของสังคมการเมืองประชาธิปไตย
ส่วนปัญหาต่างๆจะคลี่คลายไปในทางที่ดีหรือไม่ ก็คงจะอยู่ที่วุฒิภาวะของแต่ละสังคม
ผนึกกำลังประชาธิปัตย์ทั่วโลก
พรรคการเมืองที่มาร่วมประชุมโต๊ะกลมครั้งนี้มาจากทั่วโลก ทั้งจากอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชีย มีทั้งพรรครัฐบาล และ พรรคฝ่ายค้าน จากประเทศที่เป็นประชาธิปไตยมาช้านานแล้ว จากประเทศที่อยู่ในภาวะความไม่สงบ (อิรัก อาฟกานิสถาน) ประเทศที่เป็นเผด็จการ หากมองผิวเผินถึงภูมิหลัง จะเห็นความแตกต่างหลากหลายมาก ปัญหาที่ถูกหยิบยกขึ้นมา ก็ครอบคลุมถึง ปัญหาการเมือง (การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย การร่างรัฐธรรมนูญ การจัดการเลือกตั้ง การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ) ปัญหาความมั่นคง (สงคราม การก่อการร้าย) ปัญหาเศรษฐกิจ (ความยากจน ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ) และปัญหาสิ่งแวดล้อม (โลกร้อน) ทั้งในมิติของการเมืองภายในของแต่ละประเทศ และ การเมืองระหว่างประเทศ
แต่ด้วยอุดมการณ์ประชาธิปไตยที่ตรงกัน การเริ่มต้นก่อตั้งพันธมิตรครั้งนี้ จึงอยู่บนพื้นฐานความเชื่อร่วมกันว่า กระบวนการประชาธิปไตย เป็นหลักประกันที่ดีที่สุด ที่จะแก้ปัญหาต่างๆเหล่านี้ได้อย่างยั่งยืน
ผมเองได้กล่าวต่อที่ประชุมโดยเน้นให้เห็นว่า วิกฤติการณ์ในประเทศเราก็เกิดจากการสูญเสียสาระของประชาธิปไตยในช่วงรัฐบาลที่แล้ว ตามมาด้วยการสูญเสียประชาธิปไตยในรูปแบบเมื่อมีการรัฐประหาร และประชาชนไทยรอคอยการหวนคืนสู่กระบวนการประชาธิปไตยเพื่อคลี่คลายปัญหาต่างๆ แต่ลำพังการเลือกตั้งนั้นไม่เพียงพอ สาระสำคัญของประชาธิปไตย คือ การมีนิติรัฐ การเคารพในสิทธิเสรีภาพของประชาชน และการมีส่วนร่วมของประชาชนเท่านั้น ที่จะทำให้ปัญหาต่างๆที่เป็นปัญหาเฉพาะของเรา และปัญหาที่เราเผชิญร่วมกับชาวโลก มีโอกาสคลี่คลายได้
ผู้แทนจากประเทศต่างๆ ก็สะท้อนมุมมองนี้ แม้แต่ละแห่งจะเผชิญปัญหาที่แตกต่างกันไป ตลอดระยะเวลาของการประชุมกว่า ๔ ชั่วโมง ความจริงที่ถูกตอกย้ำ คือ โลกของเราที่ถูกย่อส่วนลงโดยกระแสโลกาภิวัตน์ ทำให้ประชาธิปไตย ยิ่งมีคุณค่าและความสำคัญ ที่จะทำให้ชาวโลกก้าวไปข้างหน้าสู่เป้าหมายของความสงบสุขและความกินดีอยู่ดี
ความสัมพันธ์ไทย- อิตาลี
ในระหว่างที่อยู่ที่กรุงโรม ผมมีโอกาสได้พบปะกับรองนายกรัฐมนตรีและผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่รับผิดชอบภูมิภาคเอเชีย ด้วยความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพรรค (La Margherita ได้เดินทางมาเชิญชวนพรรคประชาธิปัตย์ให้ร่วมสร้างพันธมิตรเมื่อ ๒ ปีก่อน ก่อนจะเข้าไปเป็นรัฐบาล) ทางอิตาลีได้แจ้งให้ผมทราบว่า เขาอยากมาเยือนประเทศไทย เพราะกังวลว่าความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ระหว่างสองประเทศกำลังหยุดชะงัก แต่ขณะนี้ สหภาพยุโรปออกแนวปฏิบัติว่าไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐในสหภาพยุโรปมาเยือนประเทศไทย เพราะมีการรัฐประหาร จนกว่าจะมีสัญญาณว่า สถานการณ์ได้คลี่คลายลงแล้ว ทางอิตาลีจึงปรึกษาว่า จะให้คำแนะนำเขาว่าจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร ผมจึงเสนอไว้ ๒ แนวทางว่า หากมีการยกเลิกกฎอัยการศึก (ยกเว้นใน ๓ จังหวัดภาคใต้) หรือยกเลิกประกาศการห้ามดำเนินกิจการของพรรคการเมือง ผมจะรีบแจ้งรายละเอียดไปให้ เพื่อนำไปทบทวนแนวปฏิบัติกับทางสหภาพยุโรป หรือ อีกแนวทางหนึ่ง คือ การขอมาประเทศไทยเพื่อสังเกตการณ์ในกระบวนการประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งทางฝ่ายอิตาลีดูสนใจในข้อเสนอทั้งสองนี้มาก
ผมหวังว่าผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจะได้ช่วยกันลดความสูญเสียทางโอกาสของประเทศ จากวิกฤติการณ์การเมืองที่เราเผชิญอยู่
ทั้งหมดนี้ ถือเป็นการเก็บตก เล็กๆน้อยๆ จากการที่ผมเดินทางไปประชุมที่กรุงโรม เป็นเวลา ๒ วัน กับ ๑ คืน ข้อคิดต่างๆและการแลกเปลี่ยนกับนักประชาธิปไตยทั่วโลก รวมทั้งการช่วยประคับประคองความสัมพันธ์กับประเทศเจ้าภาพถือว่าคุ้มค่ากับความเหนื่อยจากการเดินทางครั้งนี้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 22 เม.ย. 2550--จบ--
การเมืองไทย-การเมืองอิตาลี
การเมืองไทยกับการเมืองอิตาลีมีความคล้ายคลึงกันมานานพอสมควร ในอดีตอิตาลีมีปัญหารัฐบาลขาดเสถียรภาพเพราะเป็นรัฐบาลผสม ต่อมาเมื่ออดีตนายกฯ เบอร์ลุสโคนี (Silvio Berlusconi) ซึ่งเป็นนักธุรกิจมหาเศรษฐีชนะการเลือกตั้ง อิตาลีก็ประสบกับปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน การทุจริตคอร์รัปชั่น การแทรกแซงสื่อ การแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ฯลฯ ในที่สุด เมื่อปีที่แล้ว พรรคการเมืองแนวประชาธิปไตยและพรรคการเมืองฝ่ายซ้าย ก็จับมือกันเป็นพันธมิตร โค่นนายเบอร์ลุสโคนี (Silvio Berlusconi) สำเร็จ แต่ชัยชนะที่ได้มาทำให้อิตาลีมีรัฐบาลผสมที่มีอาการร่อแร่มาอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้คะแนนนิยมของนายเบอร์ลุสโคนี (Silvio Berlusconi) ดูจะดีขึ้น
กว่า ๑ ชั่วโมงที่ผมนั่งฟังคำปราศรัยของหัวหน้าพรรค La Margherita ซึ่งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลปัจจุบัน ผมจำไม่ได้ว่าผมต้องหวนกลับมาคิดถึงการเมืองไทยกี่ครั้ง แต่ตัวอย่างต่อไปนี้ คงทำให้เห็นภาพอะไรหลายอย่าง
- เพื่อแก้ปัญหาเสถียรภาพ พรรค La Margherita จะควบรวมพรรคกับพรรคสังคม
นิยมประชาธิปไตย เพื่อก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ (Democratic Party) ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปครั้งต่อไป
- เพื่อแก้ปัญหาการต่อรองของพรรคฝ่ายซ้ายจัด ผู้นำรัฐบาล คือ นายกรัฐมนตรีโพรดี (Romano
Prodi)
ซึ่งมากล่าวปราศรัยด้วย และ หัวหน้าพรรค ต่างก็พยายามพูดถึงการสมานฉันท์กับพรรคฝ่ายค้าน รวมทั้งนายเบอร์ลุสโคนี (Silvio Berlusconi) ซึ่งได้รับเชิญและมาร่วมการประชุมใหญ่ของพรรครัฐบาลครั้งนี้ด้วย
- มีการเรียกร้องให้มีการแก้ไขระบบเลือกตั้ง โดยต้องการให้มีการยกเลิก สส. ระบบ
บัญชีรายชื่อ เพราะเห็นว่าทำให้พรรคเล็กๆเข้ามาสู่สภามาก และ สส.บัญชีรายชื่อ ไม่เป็น “ผู้แทน” ของประชาชนอย่างแท้จริง
- มีการแสดงความห่วงใยว่า ขณะนี้ มีข้อเรียกร้องจากกลุ่มศาสนาคริสต์ที่มองว่า อิตาลี
กำลังสูญเสียความเป็นเมืองคริสต์ โดยพรรครัฐบาลเรียกร้องให้ทุกคนหนักแน่น อย่านำเรื่องศาสนากับการเมืองมาเกี่ยวข้องกัน และวิงวอนให้ทุกฝ่ายเคารพสิทธิในการนับถือศาสนาต่างๆที่หลากหลาย
ฯลฯ
ใครที่คิดว่า ปัญหาข้อถกเถียงเรื่องรัฐบาลเข้มแข็ง — รัฐบาลอ่อนแอ สมานฉันท์หมายความว่าอย่างไร จะเลือกตั้งกันอย่างไร ควรมีศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญหรือไม่ เป็นปัญหาเฉพาะของการเมืองไทย คงจะเห็นแล้วว่า ข้อถกเถียงเหล่านี้เป็นเรื่องปกติของสังคมการเมืองประชาธิปไตย
ส่วนปัญหาต่างๆจะคลี่คลายไปในทางที่ดีหรือไม่ ก็คงจะอยู่ที่วุฒิภาวะของแต่ละสังคม
ผนึกกำลังประชาธิปัตย์ทั่วโลก
พรรคการเมืองที่มาร่วมประชุมโต๊ะกลมครั้งนี้มาจากทั่วโลก ทั้งจากอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชีย มีทั้งพรรครัฐบาล และ พรรคฝ่ายค้าน จากประเทศที่เป็นประชาธิปไตยมาช้านานแล้ว จากประเทศที่อยู่ในภาวะความไม่สงบ (อิรัก อาฟกานิสถาน) ประเทศที่เป็นเผด็จการ หากมองผิวเผินถึงภูมิหลัง จะเห็นความแตกต่างหลากหลายมาก ปัญหาที่ถูกหยิบยกขึ้นมา ก็ครอบคลุมถึง ปัญหาการเมือง (การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย การร่างรัฐธรรมนูญ การจัดการเลือกตั้ง การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ) ปัญหาความมั่นคง (สงคราม การก่อการร้าย) ปัญหาเศรษฐกิจ (ความยากจน ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ) และปัญหาสิ่งแวดล้อม (โลกร้อน) ทั้งในมิติของการเมืองภายในของแต่ละประเทศ และ การเมืองระหว่างประเทศ
แต่ด้วยอุดมการณ์ประชาธิปไตยที่ตรงกัน การเริ่มต้นก่อตั้งพันธมิตรครั้งนี้ จึงอยู่บนพื้นฐานความเชื่อร่วมกันว่า กระบวนการประชาธิปไตย เป็นหลักประกันที่ดีที่สุด ที่จะแก้ปัญหาต่างๆเหล่านี้ได้อย่างยั่งยืน
ผมเองได้กล่าวต่อที่ประชุมโดยเน้นให้เห็นว่า วิกฤติการณ์ในประเทศเราก็เกิดจากการสูญเสียสาระของประชาธิปไตยในช่วงรัฐบาลที่แล้ว ตามมาด้วยการสูญเสียประชาธิปไตยในรูปแบบเมื่อมีการรัฐประหาร และประชาชนไทยรอคอยการหวนคืนสู่กระบวนการประชาธิปไตยเพื่อคลี่คลายปัญหาต่างๆ แต่ลำพังการเลือกตั้งนั้นไม่เพียงพอ สาระสำคัญของประชาธิปไตย คือ การมีนิติรัฐ การเคารพในสิทธิเสรีภาพของประชาชน และการมีส่วนร่วมของประชาชนเท่านั้น ที่จะทำให้ปัญหาต่างๆที่เป็นปัญหาเฉพาะของเรา และปัญหาที่เราเผชิญร่วมกับชาวโลก มีโอกาสคลี่คลายได้
ผู้แทนจากประเทศต่างๆ ก็สะท้อนมุมมองนี้ แม้แต่ละแห่งจะเผชิญปัญหาที่แตกต่างกันไป ตลอดระยะเวลาของการประชุมกว่า ๔ ชั่วโมง ความจริงที่ถูกตอกย้ำ คือ โลกของเราที่ถูกย่อส่วนลงโดยกระแสโลกาภิวัตน์ ทำให้ประชาธิปไตย ยิ่งมีคุณค่าและความสำคัญ ที่จะทำให้ชาวโลกก้าวไปข้างหน้าสู่เป้าหมายของความสงบสุขและความกินดีอยู่ดี
ความสัมพันธ์ไทย- อิตาลี
ในระหว่างที่อยู่ที่กรุงโรม ผมมีโอกาสได้พบปะกับรองนายกรัฐมนตรีและผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่รับผิดชอบภูมิภาคเอเชีย ด้วยความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพรรค (La Margherita ได้เดินทางมาเชิญชวนพรรคประชาธิปัตย์ให้ร่วมสร้างพันธมิตรเมื่อ ๒ ปีก่อน ก่อนจะเข้าไปเป็นรัฐบาล) ทางอิตาลีได้แจ้งให้ผมทราบว่า เขาอยากมาเยือนประเทศไทย เพราะกังวลว่าความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ระหว่างสองประเทศกำลังหยุดชะงัก แต่ขณะนี้ สหภาพยุโรปออกแนวปฏิบัติว่าไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐในสหภาพยุโรปมาเยือนประเทศไทย เพราะมีการรัฐประหาร จนกว่าจะมีสัญญาณว่า สถานการณ์ได้คลี่คลายลงแล้ว ทางอิตาลีจึงปรึกษาว่า จะให้คำแนะนำเขาว่าจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร ผมจึงเสนอไว้ ๒ แนวทางว่า หากมีการยกเลิกกฎอัยการศึก (ยกเว้นใน ๓ จังหวัดภาคใต้) หรือยกเลิกประกาศการห้ามดำเนินกิจการของพรรคการเมือง ผมจะรีบแจ้งรายละเอียดไปให้ เพื่อนำไปทบทวนแนวปฏิบัติกับทางสหภาพยุโรป หรือ อีกแนวทางหนึ่ง คือ การขอมาประเทศไทยเพื่อสังเกตการณ์ในกระบวนการประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งทางฝ่ายอิตาลีดูสนใจในข้อเสนอทั้งสองนี้มาก
ผมหวังว่าผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจะได้ช่วยกันลดความสูญเสียทางโอกาสของประเทศ จากวิกฤติการณ์การเมืองที่เราเผชิญอยู่
ทั้งหมดนี้ ถือเป็นการเก็บตก เล็กๆน้อยๆ จากการที่ผมเดินทางไปประชุมที่กรุงโรม เป็นเวลา ๒ วัน กับ ๑ คืน ข้อคิดต่างๆและการแลกเปลี่ยนกับนักประชาธิปไตยทั่วโลก รวมทั้งการช่วยประคับประคองความสัมพันธ์กับประเทศเจ้าภาพถือว่าคุ้มค่ากับความเหนื่อยจากการเดินทางครั้งนี้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 22 เม.ย. 2550--จบ--