"อภิสิทธิ์" ชี้ "แม้ว" ปราศรัยแก้ตัวว่าไม่ผิด ไม่ได้รับความเป็นธรรมไม่ใช่นอกเหนือความคาดหมาย ชี้ปัญหาที่กระทบลูกเมียทุกวันนี้เป็นเพราะสร้างเอาไว้ให้เอง วอนประชาชนพิจารณาตามข้อเท็จจริง และพิสูจน์กันตามกระบวนการยุติธรรม
วันนี้(16 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อผู้ชุมนุมที่สนามหลวงคืนวานนี้ (15 มิ.ย.) ว่าไม่มีอะไรนอกเหนือความคาดหมาย เป็นการพูดกับผู้สนับสนุน และพยายามยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด ส่วนเรื่องที่บอกว่าถูกรังแก คงจะต้องพิสูจน์กัน คิดว่าสิ่งที่จำเป็นคือต้องการให้ทุกฝ่ายรับทราบว่ากระบวนการพิจารณาเป็นอย่างไร และผู้ที่เกี่ยวข้องควรออกมายืนยันว่าไม่มีการกลั่นแกล้ง เป็นเรื่องของการว่าไปตามข้อเท็จจริง ซึ่งทั้ง 2 ฝ่าย ต้องนำข้อมูลมาหักล้างกัน
“ส่วนเรื่องของบุตรและภรรยาของอดีตนายกรัฐมนตรี ต้องพูดกันตรง ๆ ว่า การที่บุตรและภรรยามาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เพราะเป็นการตัดสินใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นคนเอาปัญหาไปให้คนใกล้ชิด ด้วยการโอนทรัพย์สินและหุ้น ขณะเดียวกันก็ไม่ชัดเจนว่าเคยปล่อยอำนาจในการบริหารจัดการ เพราะฉะนั้นจะไปพูดว่าเป็นเรื่องที่คนอื่นกลั่นแกล้งไม่ได้ เพราะมันเริ่มมาจากการตัดสินใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ เอง” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
เมื่อถามว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศว่าจะกลับมาต่อสู้ และมีการจ้างบริษัทที่ปรึกษากฎหมายในการสู้คดี อาจทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ขอลี้ภัยต่างประเทศ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การต่อสู้คดีต้องมีกระบวนการและกรอบเวลาที่ชัดเจน ซึ่งอยู่ที่การตัดสินใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อประกาศเช่นนี้ก็ต้องกลับมาสู้ แต่การมาสู้ในกรณีนี้ คือมาสู้ในกระบวนการยุติธรรม และบอกให้ทุกฝ่ายเข้าใจว่ากระบวนการนี้จะให้ความเป็นธรรมก็เป็นเรื่องปกติ บ้านเมืองก็ต้องเดินต่อไป ส่วนการลี้ภัย เป็นเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ และขึ้นอยู่กับประเทศที่เกี่ยวข้องจะพิจารณา แต่จนถึงขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ได้ระบุชัด ส่วนที่บริษัทที่ปรึกษากฎหมายได้เปรยมาว่า กำลังดูทางเลือกต่าง ๆ ซึ่งการไม่กลับมา ก็เป็นทางเลือกหนึ่ง
“ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ลี้ภัย การดำเนินคดีเกี่ยวกับการทุจริตก็ดำเนินต่อไปไม่ได้ เพราะท่านไม่มา การพิจารณาคดีต้องเป็นการพิจารณาต่อหน้า ในใจผมอยากให้ทางการโดยเฉพาะในส่วนของศาล ให้ความมั่นใจกับประชาชนทั้งประเทศว่า กระบวนการยุติธรรมของเราเป็นอิสระ เชื่อถือได้ และเป็นกลาง และใจของผมเอง คนไทยทุกคนก็อยู่ภายใต้กฎหมาย เพราะฉะนั้นมาพิสูจน์กันตามกระบวนการของกฎหมาย สังคมก็ควรปล่อยให้กระบวนการเรียนรู้และกระบวนการยุติธรรมดำเนินไป เพื่อที่จะทำให้คนไทยทุกคนเสมอภาคและเท่าเทียมกันจริง ๆ ว่าใครทำผิดต้องรับโทษ ใครไม่ทำผิดก็ต้องไม่ถูกกลั่นแกล้ง ถ้าเราทำอย่างนี้ได้ บ้านเมืองก็จะเดินไปข้างหน้าได้มาก ชาวโลกเองก็จะเข้าใจว่าประเทศไทยจะมีการพัฒนา เป็นสังคมที่ยึดมั่นในเรื่องของนิติรัฐจริง ๆ หากจะให้ประเมินเรื่องการลี้ภัย หรือการกลับมาสู้คดีนั้น ผมคงประเมินไม่ได้ เพราะแต่ละคนก็มีความคิดและเป้าหมายไม่เหมือนกัน แต่สำหรับบ้านเมือง ผมอยากพิสูจน์ให้โลกเห็นว่า เราสามารถที่จะควบคุมความเป็นสภาพบ้านเมืองที่มีขื่อมีแป ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายที่เท่าทียมกัน” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น กรณีคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่สั่งอายัดทรัพย์ หากเปิดเผยข้อมูล ประชาชนก็จะเข้าใจ ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องนำข้อเท็จจริงมาพูดกัน แต่ไม่ควรพูดลอย ๆ เช่น ถ้าไปพูดเพียงแค่ว่าถูกกลั่นแกล้ง จะเสียหายถึงหลายกระบวนการในประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความจำเป็นที่จะต้องทำหนังสือชี้แจงเรื่องอายัดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อต่างประเทศหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการไปแล้ว โดยที่ผ่านมาได้ชี้แจงต่อคณะทูตประเทศต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ถ้าข้อเท็จจริงปรากฏตามที่ คตส.ระบุ คิดว่าทุกคนคงเข้าใจ
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีตอบรับพร้อมที่จะเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ หากไม่มีเจตนาอะไรแอบแฝง และช่วยให้บ้านเมืองสงบ ถือเป็นเรื่องที่ดี สามารถทำได้ เมื่อถามว่า หลังจากการปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะมีผลต่อการชุมนุมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่จะต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพราะความรุนแรงสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด
ส่วนกรณีที่ ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เสนอให้ฝ่ายต่าง ๆ ในบ้านเมืองเจรจากันเพื่อความสงบ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีที่แต่ละฝ่ายจะพูดคุยว่าสิทธิของตัวเองอยู่ตรงไหน เพื่อให้บ้านเมืองเดินไปสู่ระบอบประชาธิปไตยได้ โดยต้องเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลาง เช่น สถาบันพระปกเกล้า องค์กรสื่อ ฯลฯ เพื่อหารือถึงแนวทางในการคลี่คลายสถานการณ์บ้านเมือง ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ พรรคประชาธิปัตย์ยินดีให้ความร่วมมือ
เมื่อถามถึงสังคมขณะนี้ ข่าวลือและข่าวปล่อยค่อนข้างมาก จะหยุดได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ข่าวลือก็มีมาทุกยุคทุกสมัย ซึ่งต้องดูว่ามีจริงกี่เรื่อง ไม่จริงกี่เรื่อง ดีที่สุดคืออย่าหวั่นไหว ตื่นตระหนก สิ่งเหล่านี้เป็นการทดสอบความเข้มแข็งของสังคมว่าต้องตั้งสติให้มั่น ใช้สติปัญญา ดูข้อเท็จจริง ดูเหตุผล อะไรที่เกิดประโยชน์สูงสุดต่อส่วนร่วม อะไรที่ต้องหลีกเลี่ยง เมื่อทุกคนคิดได้เช่นนี้ ก็ไม่ต้องกลัวการปล่อยข่าว การทำสงครามจิตวิทยาก็มีตลอดเวลา เป็นการตลาดอย่างหนึ่ง
กรุงเทพฯ--16 มิ.ย.--ผู้จัดการออนไลน์
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 16 มิ.ย. 2550--จบ--
วันนี้(16 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อผู้ชุมนุมที่สนามหลวงคืนวานนี้ (15 มิ.ย.) ว่าไม่มีอะไรนอกเหนือความคาดหมาย เป็นการพูดกับผู้สนับสนุน และพยายามยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด ส่วนเรื่องที่บอกว่าถูกรังแก คงจะต้องพิสูจน์กัน คิดว่าสิ่งที่จำเป็นคือต้องการให้ทุกฝ่ายรับทราบว่ากระบวนการพิจารณาเป็นอย่างไร และผู้ที่เกี่ยวข้องควรออกมายืนยันว่าไม่มีการกลั่นแกล้ง เป็นเรื่องของการว่าไปตามข้อเท็จจริง ซึ่งทั้ง 2 ฝ่าย ต้องนำข้อมูลมาหักล้างกัน
“ส่วนเรื่องของบุตรและภรรยาของอดีตนายกรัฐมนตรี ต้องพูดกันตรง ๆ ว่า การที่บุตรและภรรยามาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เพราะเป็นการตัดสินใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นคนเอาปัญหาไปให้คนใกล้ชิด ด้วยการโอนทรัพย์สินและหุ้น ขณะเดียวกันก็ไม่ชัดเจนว่าเคยปล่อยอำนาจในการบริหารจัดการ เพราะฉะนั้นจะไปพูดว่าเป็นเรื่องที่คนอื่นกลั่นแกล้งไม่ได้ เพราะมันเริ่มมาจากการตัดสินใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ เอง” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
เมื่อถามว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศว่าจะกลับมาต่อสู้ และมีการจ้างบริษัทที่ปรึกษากฎหมายในการสู้คดี อาจทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ขอลี้ภัยต่างประเทศ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การต่อสู้คดีต้องมีกระบวนการและกรอบเวลาที่ชัดเจน ซึ่งอยู่ที่การตัดสินใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อประกาศเช่นนี้ก็ต้องกลับมาสู้ แต่การมาสู้ในกรณีนี้ คือมาสู้ในกระบวนการยุติธรรม และบอกให้ทุกฝ่ายเข้าใจว่ากระบวนการนี้จะให้ความเป็นธรรมก็เป็นเรื่องปกติ บ้านเมืองก็ต้องเดินต่อไป ส่วนการลี้ภัย เป็นเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ และขึ้นอยู่กับประเทศที่เกี่ยวข้องจะพิจารณา แต่จนถึงขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ได้ระบุชัด ส่วนที่บริษัทที่ปรึกษากฎหมายได้เปรยมาว่า กำลังดูทางเลือกต่าง ๆ ซึ่งการไม่กลับมา ก็เป็นทางเลือกหนึ่ง
“ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ลี้ภัย การดำเนินคดีเกี่ยวกับการทุจริตก็ดำเนินต่อไปไม่ได้ เพราะท่านไม่มา การพิจารณาคดีต้องเป็นการพิจารณาต่อหน้า ในใจผมอยากให้ทางการโดยเฉพาะในส่วนของศาล ให้ความมั่นใจกับประชาชนทั้งประเทศว่า กระบวนการยุติธรรมของเราเป็นอิสระ เชื่อถือได้ และเป็นกลาง และใจของผมเอง คนไทยทุกคนก็อยู่ภายใต้กฎหมาย เพราะฉะนั้นมาพิสูจน์กันตามกระบวนการของกฎหมาย สังคมก็ควรปล่อยให้กระบวนการเรียนรู้และกระบวนการยุติธรรมดำเนินไป เพื่อที่จะทำให้คนไทยทุกคนเสมอภาคและเท่าเทียมกันจริง ๆ ว่าใครทำผิดต้องรับโทษ ใครไม่ทำผิดก็ต้องไม่ถูกกลั่นแกล้ง ถ้าเราทำอย่างนี้ได้ บ้านเมืองก็จะเดินไปข้างหน้าได้มาก ชาวโลกเองก็จะเข้าใจว่าประเทศไทยจะมีการพัฒนา เป็นสังคมที่ยึดมั่นในเรื่องของนิติรัฐจริง ๆ หากจะให้ประเมินเรื่องการลี้ภัย หรือการกลับมาสู้คดีนั้น ผมคงประเมินไม่ได้ เพราะแต่ละคนก็มีความคิดและเป้าหมายไม่เหมือนกัน แต่สำหรับบ้านเมือง ผมอยากพิสูจน์ให้โลกเห็นว่า เราสามารถที่จะควบคุมความเป็นสภาพบ้านเมืองที่มีขื่อมีแป ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายที่เท่าทียมกัน” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น กรณีคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่สั่งอายัดทรัพย์ หากเปิดเผยข้อมูล ประชาชนก็จะเข้าใจ ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องนำข้อเท็จจริงมาพูดกัน แต่ไม่ควรพูดลอย ๆ เช่น ถ้าไปพูดเพียงแค่ว่าถูกกลั่นแกล้ง จะเสียหายถึงหลายกระบวนการในประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความจำเป็นที่จะต้องทำหนังสือชี้แจงเรื่องอายัดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อต่างประเทศหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการไปแล้ว โดยที่ผ่านมาได้ชี้แจงต่อคณะทูตประเทศต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ถ้าข้อเท็จจริงปรากฏตามที่ คตส.ระบุ คิดว่าทุกคนคงเข้าใจ
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีตอบรับพร้อมที่จะเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ หากไม่มีเจตนาอะไรแอบแฝง และช่วยให้บ้านเมืองสงบ ถือเป็นเรื่องที่ดี สามารถทำได้ เมื่อถามว่า หลังจากการปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะมีผลต่อการชุมนุมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่จะต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพราะความรุนแรงสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด
ส่วนกรณีที่ ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เสนอให้ฝ่ายต่าง ๆ ในบ้านเมืองเจรจากันเพื่อความสงบ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีที่แต่ละฝ่ายจะพูดคุยว่าสิทธิของตัวเองอยู่ตรงไหน เพื่อให้บ้านเมืองเดินไปสู่ระบอบประชาธิปไตยได้ โดยต้องเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลาง เช่น สถาบันพระปกเกล้า องค์กรสื่อ ฯลฯ เพื่อหารือถึงแนวทางในการคลี่คลายสถานการณ์บ้านเมือง ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ พรรคประชาธิปัตย์ยินดีให้ความร่วมมือ
เมื่อถามถึงสังคมขณะนี้ ข่าวลือและข่าวปล่อยค่อนข้างมาก จะหยุดได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ข่าวลือก็มีมาทุกยุคทุกสมัย ซึ่งต้องดูว่ามีจริงกี่เรื่อง ไม่จริงกี่เรื่อง ดีที่สุดคืออย่าหวั่นไหว ตื่นตระหนก สิ่งเหล่านี้เป็นการทดสอบความเข้มแข็งของสังคมว่าต้องตั้งสติให้มั่น ใช้สติปัญญา ดูข้อเท็จจริง ดูเหตุผล อะไรที่เกิดประโยชน์สูงสุดต่อส่วนร่วม อะไรที่ต้องหลีกเลี่ยง เมื่อทุกคนคิดได้เช่นนี้ ก็ไม่ต้องกลัวการปล่อยข่าว การทำสงครามจิตวิทยาก็มีตลอดเวลา เป็นการตลาดอย่างหนึ่ง
กรุงเทพฯ--16 มิ.ย.--ผู้จัดการออนไลน์
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 16 มิ.ย. 2550--จบ--