กรุงเทพ--3 พ.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมานามาว่า ในช่วงระยะเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือหญิงไทยที่ถูกทางการบาห์เรนจับกุมในข้อหาลักลอบค้าประเวณีเป็นจำนวนหลายราย โดยหญิงไทยเหล่านี้บ้างก็เป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติบ้างก็ลักลอบไปประกอบอาชีพค้าประเวณีโดยตั้งใจได้อาศัยประโยชน์จากการที่รัฐบาลบาห์เรนยกเว้นการตรวจลงตราให้กับคนไทยตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2545 เป็นต้นมา ทำให้คนไทยสามารถเดินทางเข้าบาห์เรนและพำนักอยู่ได้ 2 สัปดาห์ และหากประสงค์จะขออยู่ต่อ ก็ให้ยื่นคำร้องกับหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองบาห์เรนได้ โดยจะอนุญาตให้อยู่ต่อได้อีก 15 วัน โดยไม่ต้องตรวจลงตรา เมื่อครบกำหนดก็จะเดินทางออกไปประเทศใกล้เคียงและใช้สิทธิเข้าบาห์เรนดังกล่าวอีก
เพื่อเป็นการแก้ปัญหาดังกล่าว รัฐบาลบาห์เรนจำเป็นต้องออกมาตรการตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2549 ห้ามชาวต่างชาติเดินทางไปประเทศที่สามและกลับเข้าบาห์เรนโดยไม่มีการตรวจลงตรา อย่างไรก็ดี ปรากฎว่าได้ผลเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น รวมทั้งกลุ่มที่ได้รับความช่วยเหลือส่งกลับแล้วก็พยายามกลับเข้าไปบาห์เรนอีก
ตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา สถานเอกอัครราชทูตฯ ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 20 ล้านบาทเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือส่งหญิงไทยที่ทำผิดกฎหมายกลับประเทศไทย โดยในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2549-กุมภาพันธ์ 2550 สถานเอกอัครราชทูตฯ ส่งหญิงไทยที่ถูกจับกุมในข้อหาลักลอบค้าประเวณีในบาห์เรนกลับประเทศไทยจำนวนถึง 211 คน อย่างไรก็ดี ก็ยังมีหญิงไทยอีกจำนวนมากที่ยังลักลอบทำงานในบาห์เรนอย่างผิดกฏหมาย และมีรายงานจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของไทยว่า ยังคงมีหญิงไทยเดินทางไปบาห์เรนอย่างต่อเนื่อง
กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และได้ร่วมกันดำเนินมาตรการต่างๆ ในการยับยั้งมิให้หญิงไทยเดินทางไปค้าประเวณีที่บาห์เรน อาทิ การเสนอให้คณะรัฐมนตรีมีมติให้เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง/แรงงานสามารถปฏิเสธการเดินทางของหญิงไทยที่จะไปบาห์เรน หากมีเหตุให้เชื่อว่า บุคคลเหล่านี้จะไปค้าบริการทางเพศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็พยายามดำเนินคดีกับนายหน้าขบวนการค้ามนษย์ในไทย (เดือนกุมภาพันธ์ 2550 ได้ออกหมายจับไปแล้ว 19 รายและจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว 4 ราย) ในส่วนของกรมการกงสุล ก็มีมาตรการที่จะไม่ออกหนังสือเดินทางให้แก่หญิงไทยที่ไปค้าประเวณีและมาขอความช่วยเหลือสถานเอกอัครราชทูตฯ ส่งตัวกลับประเทศไทย นอกจากสามารถแสดงหลักฐานได้ว่าเป็นการเดินทางไปท่องเที่ยวโดยสุจริต
กรณีที่เกิดขึ้นได้สร้างความเสื่อมเสียให้กับชื่อเสียงของประเทศไทยในบาห์เรนอย่างต่อเนื่อง การยกเลิกการตรวจลงตรามีขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทางโดยบริสุทธ์ เพื่อให้เกิดการไปมาหาสู่ระหว่างกัน ส่งเสริมการท่องเที่ยว การค้า การลงทุน ภาพลักษณ์ที่เสียไปส่งผลอย่างมากต่อคนไทยอื่นๆ ที่อาศัยอยู่โดยปกติ เพราะหลายกรณีถูกเหมารวมว่าเป็นผู้ประกอบอาชีพดังกล่าว จึงขอให้สื่อมวลชนช่วยประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนหญิงไทยที่จะคิดไปทำงานผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการค้าประเวณีที่บาห์เรนให้ละเว้นการกระทำดังกล่าวและพึงระวังการหลอกลวงจากขบวนการต่างๆ ด้วย
ข้อมูลสถิติ
หญิงไทยที่มาขอความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูตในการส่งตัวกลับประเทศปี 2550
มกราคม 57 คน กลับประเทศไทยหมดแล้ว
กุมภาพันธ์ 25 คน กลับประเทศไทยหมดแล้ว
มีนาคม 17 คน (ยังไม่กลับประเทศไทย)
เมษายน 42 คน (กลับมาแล้วบางส่วน)
ขั้นตอนการดำเนินการของสถานเอกอัครราชทูต
1. กรณีไม่มีเงิน
- ทำสัญญายืมเงินกับสถานเอกอัครราชทูต และให้จ่ายคืนภายหลัง
- สถานเอกอัครราชทูตฯ ให้ที่พักชั่วคราว
- ยื่นคำร้อง
- ออกหนังสือสำคัญประจำตัวของหญิงไทยที่มาขอความช่วยเหลือ
- สถานเอกอัครราชทูตฯ ซื้อตั๋วเครื่องบินให้
- สถานเอกอัครราชทูตฯ ส่งตัวกลับประเทศไทย
2. กรณีถูกคุมขัง / จับกุม เรื่องค้าอาวุธ ค้าประเวณี ฯลฯ
- ดำเนินการเรื่องค่าใช้จ่าย (หากไม่มีเงิน สถานเอกอัครราชทูตฯ จะจัดการให้ก่อน)
- ดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายของบาห์เรน
- สถานเอกอัครราชทูตเข้าเยี่ยมและนำของใช้จำเป็นไปให้
- ดำเนินคดีกับผู้จัดหา /นายจ้าง
- หากอยู่เกินระยะเวลาที่กำหนดไว้ในวีซ่า ทางสถานเอกอัครราชทูตจะเจรจากับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองบาห์เรน เพื่อไม่ให้ต้องรับโทษ และหากพิสูจน์ได้ว่าเป็นเหยื่อ ทางการบาห์เรนจะอลุ่มอล่วยให้ไม่ต้องรับโทษ (ต้องจ่ายค่าปรับหากอยู่เกินระยะเวลาที่กำหนดไว้ในวีซ่า)
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมานามาว่า ในช่วงระยะเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือหญิงไทยที่ถูกทางการบาห์เรนจับกุมในข้อหาลักลอบค้าประเวณีเป็นจำนวนหลายราย โดยหญิงไทยเหล่านี้บ้างก็เป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติบ้างก็ลักลอบไปประกอบอาชีพค้าประเวณีโดยตั้งใจได้อาศัยประโยชน์จากการที่รัฐบาลบาห์เรนยกเว้นการตรวจลงตราให้กับคนไทยตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2545 เป็นต้นมา ทำให้คนไทยสามารถเดินทางเข้าบาห์เรนและพำนักอยู่ได้ 2 สัปดาห์ และหากประสงค์จะขออยู่ต่อ ก็ให้ยื่นคำร้องกับหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองบาห์เรนได้ โดยจะอนุญาตให้อยู่ต่อได้อีก 15 วัน โดยไม่ต้องตรวจลงตรา เมื่อครบกำหนดก็จะเดินทางออกไปประเทศใกล้เคียงและใช้สิทธิเข้าบาห์เรนดังกล่าวอีก
เพื่อเป็นการแก้ปัญหาดังกล่าว รัฐบาลบาห์เรนจำเป็นต้องออกมาตรการตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2549 ห้ามชาวต่างชาติเดินทางไปประเทศที่สามและกลับเข้าบาห์เรนโดยไม่มีการตรวจลงตรา อย่างไรก็ดี ปรากฎว่าได้ผลเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น รวมทั้งกลุ่มที่ได้รับความช่วยเหลือส่งกลับแล้วก็พยายามกลับเข้าไปบาห์เรนอีก
ตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา สถานเอกอัครราชทูตฯ ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 20 ล้านบาทเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือส่งหญิงไทยที่ทำผิดกฎหมายกลับประเทศไทย โดยในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2549-กุมภาพันธ์ 2550 สถานเอกอัครราชทูตฯ ส่งหญิงไทยที่ถูกจับกุมในข้อหาลักลอบค้าประเวณีในบาห์เรนกลับประเทศไทยจำนวนถึง 211 คน อย่างไรก็ดี ก็ยังมีหญิงไทยอีกจำนวนมากที่ยังลักลอบทำงานในบาห์เรนอย่างผิดกฏหมาย และมีรายงานจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของไทยว่า ยังคงมีหญิงไทยเดินทางไปบาห์เรนอย่างต่อเนื่อง
กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และได้ร่วมกันดำเนินมาตรการต่างๆ ในการยับยั้งมิให้หญิงไทยเดินทางไปค้าประเวณีที่บาห์เรน อาทิ การเสนอให้คณะรัฐมนตรีมีมติให้เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง/แรงงานสามารถปฏิเสธการเดินทางของหญิงไทยที่จะไปบาห์เรน หากมีเหตุให้เชื่อว่า บุคคลเหล่านี้จะไปค้าบริการทางเพศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็พยายามดำเนินคดีกับนายหน้าขบวนการค้ามนษย์ในไทย (เดือนกุมภาพันธ์ 2550 ได้ออกหมายจับไปแล้ว 19 รายและจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว 4 ราย) ในส่วนของกรมการกงสุล ก็มีมาตรการที่จะไม่ออกหนังสือเดินทางให้แก่หญิงไทยที่ไปค้าประเวณีและมาขอความช่วยเหลือสถานเอกอัครราชทูตฯ ส่งตัวกลับประเทศไทย นอกจากสามารถแสดงหลักฐานได้ว่าเป็นการเดินทางไปท่องเที่ยวโดยสุจริต
กรณีที่เกิดขึ้นได้สร้างความเสื่อมเสียให้กับชื่อเสียงของประเทศไทยในบาห์เรนอย่างต่อเนื่อง การยกเลิกการตรวจลงตรามีขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทางโดยบริสุทธ์ เพื่อให้เกิดการไปมาหาสู่ระหว่างกัน ส่งเสริมการท่องเที่ยว การค้า การลงทุน ภาพลักษณ์ที่เสียไปส่งผลอย่างมากต่อคนไทยอื่นๆ ที่อาศัยอยู่โดยปกติ เพราะหลายกรณีถูกเหมารวมว่าเป็นผู้ประกอบอาชีพดังกล่าว จึงขอให้สื่อมวลชนช่วยประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนหญิงไทยที่จะคิดไปทำงานผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการค้าประเวณีที่บาห์เรนให้ละเว้นการกระทำดังกล่าวและพึงระวังการหลอกลวงจากขบวนการต่างๆ ด้วย
ข้อมูลสถิติ
หญิงไทยที่มาขอความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูตในการส่งตัวกลับประเทศปี 2550
มกราคม 57 คน กลับประเทศไทยหมดแล้ว
กุมภาพันธ์ 25 คน กลับประเทศไทยหมดแล้ว
มีนาคม 17 คน (ยังไม่กลับประเทศไทย)
เมษายน 42 คน (กลับมาแล้วบางส่วน)
ขั้นตอนการดำเนินการของสถานเอกอัครราชทูต
1. กรณีไม่มีเงิน
- ทำสัญญายืมเงินกับสถานเอกอัครราชทูต และให้จ่ายคืนภายหลัง
- สถานเอกอัครราชทูตฯ ให้ที่พักชั่วคราว
- ยื่นคำร้อง
- ออกหนังสือสำคัญประจำตัวของหญิงไทยที่มาขอความช่วยเหลือ
- สถานเอกอัครราชทูตฯ ซื้อตั๋วเครื่องบินให้
- สถานเอกอัครราชทูตฯ ส่งตัวกลับประเทศไทย
2. กรณีถูกคุมขัง / จับกุม เรื่องค้าอาวุธ ค้าประเวณี ฯลฯ
- ดำเนินการเรื่องค่าใช้จ่าย (หากไม่มีเงิน สถานเอกอัครราชทูตฯ จะจัดการให้ก่อน)
- ดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายของบาห์เรน
- สถานเอกอัครราชทูตเข้าเยี่ยมและนำของใช้จำเป็นไปให้
- ดำเนินคดีกับผู้จัดหา /นายจ้าง
- หากอยู่เกินระยะเวลาที่กำหนดไว้ในวีซ่า ทางสถานเอกอัครราชทูตจะเจรจากับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองบาห์เรน เพื่อไม่ให้ต้องรับโทษ และหากพิสูจน์ได้ว่าเป็นเหยื่อ ทางการบาห์เรนจะอลุ่มอล่วยให้ไม่ต้องรับโทษ (ต้องจ่ายค่าปรับหากอยู่เกินระยะเวลาที่กำหนดไว้ในวีซ่า)
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-