ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.อยู่ระหว่างพิจารณาผ่อนคลายหลักเกณฑ์การกู้ยืมเงินจากต่างประเทศเพื่อนำมาลงทุนในประเทศ
ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.กำลังหารือกับสมาคมธนาคารไทยเพื่อหาแนวทางผ่อนปรนให้บริษัทที่กู้ยืมเงินทุน
จากต่างประเทศเพื่อนำมาดำเนินธุรกิจในประเทศไม่ต้องเข้าเกณฑ์การกันสำรอง 30% หากแสดงหลักฐานได้ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเก็งกำไร
ค่าเงินบาท เพื่อไม่ให้ผู้ที่ไม่มีเจตนามาหาผลประโยชน์จากค่าเงินบาทได้รับผลกระทบจากมาตรการ นอกจากนี้ ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับการ
แลกเปลี่ยนเงินและสินเชื่อ เปิดเผยว่า ธปท.ได้ออกมาตรการคลายเกณฑ์และเงื่อนไขในการนำเงินตราต่างประเทศออกนอกประเทศ และการ
ถือครองเงินตราต่างประเทศ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค.50 โดยอนุญาตให้บุคคลไทยส่งเงินไปลงทุนหรือให้กู้ยืมแก่กิจการหรือบริษัทแม่ใน
ต่างประเทศไม่เกินปีละ 20 ล.ดอลลาร์ สรอ. จากเดิมที่ต้องขออนุญาตเป็นกรณี และอนุญาตให้ผู้ลงทุนสถาบัน 7 ประเภทที่ต้องการลงทุนใน
หลักทรัพย์ต่างประเทศที่ไม่ได้ออกโดยนิติบุคคลไทยให้ลงทุนได้แต่มียอดคงค้างไม่เกิน 50 ดอลลาร์ สรอ. และไม่เกินวงเงินที่หน่วยงานที่กำกับ
ดูแลผู้ลงทุนกำหนด หากเกินกว่านี้ต้องขออนุญาตจาก ธปท. ซึ่งเดิมผู้ลงทุนต้องยื่นขออนุญาตจาก ธปท.เป็นรายกรณีเช่นเดียวกัน (ข่าวสด,
ไทยโพสต์, กรุงเทพธุรกิจ)
2. ธปท.ยื่นคำร้องดำเนินคดีการซื้อที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษกของคุณหญิงพจมานต่อ คตส. นายไพโรจน์ เฮงสกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะผู้จัดการกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เปิดเผยว่า คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ
มีมติให้ยื่นคำร้องดำเนินคดีกับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ตามมาตรา 66 และ 67 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม
การทุจริต พ.ศ.2542 โดยจะเร่งยื่นคำร้องกับ คตส. ภายในวันนี้ (16 ม.ค.) ในคดีซื้อที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษก ทั้งนี้ ในการพิจารณาขายที่ดิน
ให้กับคุณหญิงก่อนหน้านี้นั้น ก่อนทำสัญญาซื้อขายที่ดิน กองทุนฟื้นฟูฯ ได้พิจารณาการซื้อขายที่ดินดังกล่าวเทียบเคียงกับความเห็นของคณะกรรมการ
กฤษฎีกาในประเด็นที่เกี่ยวกับมาตรา 100 แล้ว โดยความเห็นที่นำมาเทียบเคียงนั้นระบุว่า ผู้ที่จะผิดตามมาตรา 100 จะต้องเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ที่ทำหน้าที่กำกับดูแลหน่วยงานของรัฐโดยตรง จึงทำให้พิจารณาเห็นว่ากรณีการซื้อขายที่ดินดังกล่าวไม่เข้าข่ายการกำกับดูแลโดยตรง แต่เมื่อ
คตส.พิจารณาชี้ขาด และขอความร่วมมือเพื่อให้เกิดการไต่สวน กองทุนฟื้นฟูฯ ก็ต้องยื่นคำร้องเพื่อให้ คตส.สามารถดำเนินการได้ สำหรับ
กระบวนการต่อไปของคดีนี้ หลังจากที่กองทุนฟื้นฟูฯ ยื่นคำร้องแล้ว คตส.จะเป็นผู้พิจารณาไต่สวนข้อเท็จจริงก่อนส่งเรื่องให้อัยการเพื่อยื่นฟ้องต่อ
ศาลฎีกาแผนกคดีการเมืองเป็นผู้พิจารณาต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ)
3. คาดว่าการส่งออกของไทยในปี 50 ขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 12.5% อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า กรมส่งเสริมการ
ส่งออกมีแนวคิดที่จะปรับรูปแบบการส่งเสริมการส่งออกปี 2550 ใหม่ เพราะจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและปัญหาต่างๆ อาจทำให้การ
ส่งออกสินค้าไทยมีปัญหา จึงจำเป็นต้องปรับบทบาทการเจาะตลาด และเท่าที่หารือกับผู้ประกอบการแต่ละกลุ่มสาขาในการส่งออก รวมถึงทูตพาณิชย์
58 แห่งทั่วโลกยืนยันว่า ตัวเลขการส่งออกสินค้าไทยไปตลาดโลกในปี 2550 ยังขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 12.5% หรือคิดเป็นมูลค่า
145,000 ล.ดอลลาร์ สรอ. (โลกวันนี้, มติชน, ไทยโพสต์)
4. ดัชนีอุตสาหกรรมขยายตัว 4.8% ในเดือน พ.ย.49 ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยถึงการ
ขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมว่า เดือน พ.ย.49 ดัชนีอุตสาหกรรมขยายตัว 4.8% โดยมีอุตสาหกรรมหลักหนุนการขยายตัวที่สำคัญคือ การผลิต
คอมพิวเตอร์ การผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม และอุปกรณ์ก่อสร้าง โดยตลอดปี 49 อุตสาหกรรมการผลิตคอมพิวเตอร์ขยายตัว
24% สามารถทำรายได้เข้าประเทศสูงถึง 420,000 ล.บาท คิดเป็น 8.2% ของการส่งออกรวมทั้งหมด สำหรับการกลั่นปิโตรเลียมมีปริมาณ
การผลิตเพิ่มขึ้น 5.69% และการจำหน่ายเพิ่มขึ้น 7.4% (โลกวันนี้)
5. ค่าเอฟทีมีแนวโน้มปรับลดลงเนื่องจากต้นทุนการผลิตไฟฟ้ามีอัตราลดลง แหล่งข่าวจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
(กฟผ.) เปิดเผยว่า จากการติดตามต้นทุนการผลิตไฟฟ้าเบื้องต้นเพื่อประกอบการพิจารณาค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติหรือเอฟทีที่จะเรียกเก็บจาก
ประชาชนในรอบบิลระหว่างเดือน ก.พ.-พ.ค.2550 พบว่ามีแนวโน้มที่ค่าเอฟทีงวดใหม่จะปรับลดลงจากรอบบิลที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนการ
ผลิตไฟฟ้ามีอัตราลดลง ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ต้นทุนลดลงมาจากกรณีของเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ต้นทุนทางการเงินลดต่ำลง ในขณะที่ช่วง
ฤดูฝนที่ผ่านมา ส่งผลให้ปริมาณน้ำในเขื่อนต่างๆ เพิ่มขึ้นจนสามารถนำมาผลิตกระแสไฟฟ้าได้จำนวนมาก ทดแทนการใช้น้ำมันเตาที่มีต้นทุนราคาแพง
นอกจากนี้ การผลิตไฟฟ้าของบริษัทบีแอลซีพีที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงที่มาบตาพุดส่งป้อนเข้าระบบเพิ่มขึ้น ทำให้ค่าไฟรวมลดต่ำลง (โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. กลุ่มธุรกิจต่างๆทั่วโลกเรียกร้องให้ผลักดันการเจรจาการค้าโลก รายงานจากบรัสเซล เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 50 กลุ่มธุรกิจต่างๆ
จำนวน 19 กลุ่มทั่วโลกจากหลากหลายประเทศซึ่งมีสัดส่วนในการค้าโลกราวร้อยละ 60 ร่วมมือกันเรียกร้องรัฐบาลของพวกเขาให้ทบทวนการ
เจรจาการค้าโลกโดยให้ขจัดปัญหาต่างๆในการเจรจาการค้าให้หมดสิ้น ทั้งนี้องค์การการค้าโลก (WTO) ได้เริ่มการเจรจาทางการค้ารอบโดฮา
ในปี 44 เพื่อลดปัญหาและอุปสรรคทางการค้าทั่วโลก แต่การเจรากันครั้งล่าสุดเมื่อเดือน ก.ค. ต้องเลื่อนออกไปเนื่องจากประสบปัญหาที่
แตกต่างกันมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปัญหาสินค้าทางการเกษตรทำให้ต้องหยุดการเจรจาไป 2 — 3 เดือน การเจรจาข้อตกลงกันทางการค้าต้อง
ล่าช้าไปเป็นเวลาหลายปี ซึ่งกลุ่มธุรกิจดังกล่าวรวมถึงสมาคมนายจ้างของสหภาพยุโรป และกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศของสรอ.
กล่าวว่าหากการเจรจาการค้าได้ข้อสรุปจะเกิดผลประโยชน์อย่างมหาศาล ทั้งนี้กลุ่มการค้าดังกล่าวได้เรียกร้องให้รัฐบาลของตนมีความยืดหยุ่น
ให้มากขึ้นในการเจรจากันทางการค้าโลกครั้งต่อไปซึ่งจะมีขึ้นในอีก 2 — 3 เดือนข้างหน้า (รอยเตอร์)
2. ราคาสินค้าค้าส่งของญี่ปุ่นในเดือน ธ.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 ต่อปี รายงานจากโตเกียว เมื่อ 16 ม.ค.50 ธ.กลางญี่ปุ่น
รายงานดัชนีราคาสินค้าของภาคธุรกิจหรือ CGPI ซึ่งใช้เป็นตัวชี้วัดแนวโน้มราคาสินค้าค้าส่งของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 เมื่อเทียบต่อปี นับเป็น
การชะลอตัวเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันหลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 ต่อปีในเดือน พ.ย.49 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 ต่อปีในเดือน ก.ย.49 ซึ่งเป็น
อัตราการเพิ่มสูงสุดในรอบ 25 ปี แต่หลังจากนั้นราคาได้ชะลอตัวลงโดยส่วนใหญ่เป็นผลจากราคาน้ำมันและวัตถุดิบในตลาดโลกเริ่มมีเสถียรภาพหลัง
จากราคาสูงขึ้นมากในช่วงก่อนหน้า โดยเมื่อมองตลอดทั้งปี 49 CGPI เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 เพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดต่อปีนับตั้งแต่ปี 23 ซึ่งครั้งนั้น
CGPI เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.9 ต่อปี ทั้งนี้ตลาดการเงินไม่ได้แสดงปฏิกริยาต่อราคาสินค้าค้าส่งข้างต้นมากนัก นักค้าเงินส่วนใหญ่ในตลาดยังคงคาดว่า
ธ.กลางญี่ปุ่นจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 เป็นร้อยละ 0.50 ต่อปีในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันที่ 17-18
ม.ค.50 นี้ หลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี จากร้อยละ 0 เป็นร้อยละ 0.25 ต่อปีเมื่อเดือน ก.ค.49 ที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
3. ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศของจีนในปี 49 เพิ่มขึ้นจำนวน 247.3 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. รายงานจากปักกิ่ง เมื่อ
15 ม.ค.50 ธ.กลางจีน เปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศของจีนในปี 49 (ซึ่งเป็นประเทศที่มีทุนสำรองฯ มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง
ของโลก) เพิ่มขึ้นจำนวน 247.3 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ทำให้ทุนสำรองฯ ณ สิ้นเดือน ธ.ค.49 อยู่ที่ระดับ 1.06634 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ.
โดยในแต่ละไตรมาสของปี 49 ทุนสำรองฯ เพิ่มขึ้นจำนวน 78.4 46.8 66 และ 56.2 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ในไตรมาส 4 3 2
และ 1 ตามลำดับ นอกจากนี้ จากรายงานที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ของ ธ.กลาง รายงานว่า ทุนสำรองฯ ณ สิ้นเดือน พ.ย.49 และสิ้นเดือน
ต.ค.49 เพิ่มขึ้นอยู่ที่จำนวน 1.03875 และ 1.00963 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ. ตามลำดับ จึงเท่ากับว่าทุนสำรองฯ ของจีนในเดือน ธ.ค. พ.ย.
และ ต.ค.49 เพิ่มขึ้นจำนวน 27.6 29.1 และ 21.7 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ ทุนสำรองฯ ของจีนในปีที่ผ่านมาพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก
มีสาเหตุมาจากการเกินดุลการค้าอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 49 โดยเกินดุลถึงมากกว่า 20 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.ต่อเดือน
ทำให้ทั้งปี 49 จีนเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 74 อยู่ที่จำนวน 177.47 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. (รอยเตอร์)
4. คาดว่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่น้ำมันของสิงคโปร์ในเดือน ธ.ค.49 จะชะลอตัวอยู่ที่ร้อยละ 2.5 เทียบต่อปี รายงานจาก
สิงคโปร์ เมื่อ 15 ม.ค.50 ผลสำรวจของนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์ คาดการณ์ว่า การส่งออกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่น้ำมันของสิงคโปร์ในเดือน
ธ.ค.49 จะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 2.5 เทียบต่อปี ชะลอลงจากเดือน พ.ย.49 ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 แต่อยู่ในระดับเดียวกับเดือน
ต.ค.49 ที่ขยายตัวร้อยละ 2.5 ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่น้ำมันจะขยายตัวระหว่างลดลงร้อยละ 2.0 ถึง
เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 และหากเทียบต่อปี นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงร้อยละ 2.3 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.1 ในเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ สาเหตุ
ที่ตัวเลขการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่น้ำมันชะลอลงในเดือน ธ.ค. เนื่องจากความต้องการสินค้าหมวดเทคโนโลยีของ สรอ. (ซึ่งเป็นตลาดส่งออก
มากเป็นอันดับ 2 ของ สิงคโปร์รองจากสหภาพยุโรป) ลดลง เนื่องมาจากการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง อนึ่ง สินค้าอิเล็กทรอนิกส์มี
สัดส่วนถึงครึ่งหนึ่งของการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่น้ำมัน ขณะที่นักวิเคราะห์ประมาณการว่า การส่งออกสินค้าหมวดอิเล็กทรอนิกส์ในเดือน ธ.ค.49
จะขยายตัวร้อยละ 6.7 เทียบต่อปี ซึ่งอาจส่งผลให้การส่งออกอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่เดือน
พ.ย.49 และ ต.ค.49 การส่งออกสินค้าหมวดอิเล็กทรอนิกส์ลดลงอยู่ที่ร้อยละ 8.4 และ 2.6 เทียบต่อปีตามลำดับ ทั้งนี้ รัฐบาลสิงคโปร์จะ
ประกาศตัวเลขการส่งออกอย่างเป็นทางการในวันพุธที่ 17 ม.ค.นี้ เวลา 1.45 ตามเวลาท้องถิ่น (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 16 ม.ค. 50 15 ม.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 36.06 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 35.8349/36.1783 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.12 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 656.31/13.35 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,600/10,700 10,600/10,700 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 49.71 49.73 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 25.59*/22.54* 25.59*/22.54* 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 13 ม.ค. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.อยู่ระหว่างพิจารณาผ่อนคลายหลักเกณฑ์การกู้ยืมเงินจากต่างประเทศเพื่อนำมาลงทุนในประเทศ
ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.กำลังหารือกับสมาคมธนาคารไทยเพื่อหาแนวทางผ่อนปรนให้บริษัทที่กู้ยืมเงินทุน
จากต่างประเทศเพื่อนำมาดำเนินธุรกิจในประเทศไม่ต้องเข้าเกณฑ์การกันสำรอง 30% หากแสดงหลักฐานได้ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเก็งกำไร
ค่าเงินบาท เพื่อไม่ให้ผู้ที่ไม่มีเจตนามาหาผลประโยชน์จากค่าเงินบาทได้รับผลกระทบจากมาตรการ นอกจากนี้ ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับการ
แลกเปลี่ยนเงินและสินเชื่อ เปิดเผยว่า ธปท.ได้ออกมาตรการคลายเกณฑ์และเงื่อนไขในการนำเงินตราต่างประเทศออกนอกประเทศ และการ
ถือครองเงินตราต่างประเทศ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค.50 โดยอนุญาตให้บุคคลไทยส่งเงินไปลงทุนหรือให้กู้ยืมแก่กิจการหรือบริษัทแม่ใน
ต่างประเทศไม่เกินปีละ 20 ล.ดอลลาร์ สรอ. จากเดิมที่ต้องขออนุญาตเป็นกรณี และอนุญาตให้ผู้ลงทุนสถาบัน 7 ประเภทที่ต้องการลงทุนใน
หลักทรัพย์ต่างประเทศที่ไม่ได้ออกโดยนิติบุคคลไทยให้ลงทุนได้แต่มียอดคงค้างไม่เกิน 50 ดอลลาร์ สรอ. และไม่เกินวงเงินที่หน่วยงานที่กำกับ
ดูแลผู้ลงทุนกำหนด หากเกินกว่านี้ต้องขออนุญาตจาก ธปท. ซึ่งเดิมผู้ลงทุนต้องยื่นขออนุญาตจาก ธปท.เป็นรายกรณีเช่นเดียวกัน (ข่าวสด,
ไทยโพสต์, กรุงเทพธุรกิจ)
2. ธปท.ยื่นคำร้องดำเนินคดีการซื้อที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษกของคุณหญิงพจมานต่อ คตส. นายไพโรจน์ เฮงสกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะผู้จัดการกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เปิดเผยว่า คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ
มีมติให้ยื่นคำร้องดำเนินคดีกับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ตามมาตรา 66 และ 67 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม
การทุจริต พ.ศ.2542 โดยจะเร่งยื่นคำร้องกับ คตส. ภายในวันนี้ (16 ม.ค.) ในคดีซื้อที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษก ทั้งนี้ ในการพิจารณาขายที่ดิน
ให้กับคุณหญิงก่อนหน้านี้นั้น ก่อนทำสัญญาซื้อขายที่ดิน กองทุนฟื้นฟูฯ ได้พิจารณาการซื้อขายที่ดินดังกล่าวเทียบเคียงกับความเห็นของคณะกรรมการ
กฤษฎีกาในประเด็นที่เกี่ยวกับมาตรา 100 แล้ว โดยความเห็นที่นำมาเทียบเคียงนั้นระบุว่า ผู้ที่จะผิดตามมาตรา 100 จะต้องเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ที่ทำหน้าที่กำกับดูแลหน่วยงานของรัฐโดยตรง จึงทำให้พิจารณาเห็นว่ากรณีการซื้อขายที่ดินดังกล่าวไม่เข้าข่ายการกำกับดูแลโดยตรง แต่เมื่อ
คตส.พิจารณาชี้ขาด และขอความร่วมมือเพื่อให้เกิดการไต่สวน กองทุนฟื้นฟูฯ ก็ต้องยื่นคำร้องเพื่อให้ คตส.สามารถดำเนินการได้ สำหรับ
กระบวนการต่อไปของคดีนี้ หลังจากที่กองทุนฟื้นฟูฯ ยื่นคำร้องแล้ว คตส.จะเป็นผู้พิจารณาไต่สวนข้อเท็จจริงก่อนส่งเรื่องให้อัยการเพื่อยื่นฟ้องต่อ
ศาลฎีกาแผนกคดีการเมืองเป็นผู้พิจารณาต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ)
3. คาดว่าการส่งออกของไทยในปี 50 ขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 12.5% อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า กรมส่งเสริมการ
ส่งออกมีแนวคิดที่จะปรับรูปแบบการส่งเสริมการส่งออกปี 2550 ใหม่ เพราะจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและปัญหาต่างๆ อาจทำให้การ
ส่งออกสินค้าไทยมีปัญหา จึงจำเป็นต้องปรับบทบาทการเจาะตลาด และเท่าที่หารือกับผู้ประกอบการแต่ละกลุ่มสาขาในการส่งออก รวมถึงทูตพาณิชย์
58 แห่งทั่วโลกยืนยันว่า ตัวเลขการส่งออกสินค้าไทยไปตลาดโลกในปี 2550 ยังขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 12.5% หรือคิดเป็นมูลค่า
145,000 ล.ดอลลาร์ สรอ. (โลกวันนี้, มติชน, ไทยโพสต์)
4. ดัชนีอุตสาหกรรมขยายตัว 4.8% ในเดือน พ.ย.49 ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยถึงการ
ขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมว่า เดือน พ.ย.49 ดัชนีอุตสาหกรรมขยายตัว 4.8% โดยมีอุตสาหกรรมหลักหนุนการขยายตัวที่สำคัญคือ การผลิต
คอมพิวเตอร์ การผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม และอุปกรณ์ก่อสร้าง โดยตลอดปี 49 อุตสาหกรรมการผลิตคอมพิวเตอร์ขยายตัว
24% สามารถทำรายได้เข้าประเทศสูงถึง 420,000 ล.บาท คิดเป็น 8.2% ของการส่งออกรวมทั้งหมด สำหรับการกลั่นปิโตรเลียมมีปริมาณ
การผลิตเพิ่มขึ้น 5.69% และการจำหน่ายเพิ่มขึ้น 7.4% (โลกวันนี้)
5. ค่าเอฟทีมีแนวโน้มปรับลดลงเนื่องจากต้นทุนการผลิตไฟฟ้ามีอัตราลดลง แหล่งข่าวจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
(กฟผ.) เปิดเผยว่า จากการติดตามต้นทุนการผลิตไฟฟ้าเบื้องต้นเพื่อประกอบการพิจารณาค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติหรือเอฟทีที่จะเรียกเก็บจาก
ประชาชนในรอบบิลระหว่างเดือน ก.พ.-พ.ค.2550 พบว่ามีแนวโน้มที่ค่าเอฟทีงวดใหม่จะปรับลดลงจากรอบบิลที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนการ
ผลิตไฟฟ้ามีอัตราลดลง ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ต้นทุนลดลงมาจากกรณีของเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ต้นทุนทางการเงินลดต่ำลง ในขณะที่ช่วง
ฤดูฝนที่ผ่านมา ส่งผลให้ปริมาณน้ำในเขื่อนต่างๆ เพิ่มขึ้นจนสามารถนำมาผลิตกระแสไฟฟ้าได้จำนวนมาก ทดแทนการใช้น้ำมันเตาที่มีต้นทุนราคาแพง
นอกจากนี้ การผลิตไฟฟ้าของบริษัทบีแอลซีพีที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงที่มาบตาพุดส่งป้อนเข้าระบบเพิ่มขึ้น ทำให้ค่าไฟรวมลดต่ำลง (โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. กลุ่มธุรกิจต่างๆทั่วโลกเรียกร้องให้ผลักดันการเจรจาการค้าโลก รายงานจากบรัสเซล เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 50 กลุ่มธุรกิจต่างๆ
จำนวน 19 กลุ่มทั่วโลกจากหลากหลายประเทศซึ่งมีสัดส่วนในการค้าโลกราวร้อยละ 60 ร่วมมือกันเรียกร้องรัฐบาลของพวกเขาให้ทบทวนการ
เจรจาการค้าโลกโดยให้ขจัดปัญหาต่างๆในการเจรจาการค้าให้หมดสิ้น ทั้งนี้องค์การการค้าโลก (WTO) ได้เริ่มการเจรจาทางการค้ารอบโดฮา
ในปี 44 เพื่อลดปัญหาและอุปสรรคทางการค้าทั่วโลก แต่การเจรากันครั้งล่าสุดเมื่อเดือน ก.ค. ต้องเลื่อนออกไปเนื่องจากประสบปัญหาที่
แตกต่างกันมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปัญหาสินค้าทางการเกษตรทำให้ต้องหยุดการเจรจาไป 2 — 3 เดือน การเจรจาข้อตกลงกันทางการค้าต้อง
ล่าช้าไปเป็นเวลาหลายปี ซึ่งกลุ่มธุรกิจดังกล่าวรวมถึงสมาคมนายจ้างของสหภาพยุโรป และกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศของสรอ.
กล่าวว่าหากการเจรจาการค้าได้ข้อสรุปจะเกิดผลประโยชน์อย่างมหาศาล ทั้งนี้กลุ่มการค้าดังกล่าวได้เรียกร้องให้รัฐบาลของตนมีความยืดหยุ่น
ให้มากขึ้นในการเจรจากันทางการค้าโลกครั้งต่อไปซึ่งจะมีขึ้นในอีก 2 — 3 เดือนข้างหน้า (รอยเตอร์)
2. ราคาสินค้าค้าส่งของญี่ปุ่นในเดือน ธ.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 ต่อปี รายงานจากโตเกียว เมื่อ 16 ม.ค.50 ธ.กลางญี่ปุ่น
รายงานดัชนีราคาสินค้าของภาคธุรกิจหรือ CGPI ซึ่งใช้เป็นตัวชี้วัดแนวโน้มราคาสินค้าค้าส่งของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 เมื่อเทียบต่อปี นับเป็น
การชะลอตัวเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันหลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 ต่อปีในเดือน พ.ย.49 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 ต่อปีในเดือน ก.ย.49 ซึ่งเป็น
อัตราการเพิ่มสูงสุดในรอบ 25 ปี แต่หลังจากนั้นราคาได้ชะลอตัวลงโดยส่วนใหญ่เป็นผลจากราคาน้ำมันและวัตถุดิบในตลาดโลกเริ่มมีเสถียรภาพหลัง
จากราคาสูงขึ้นมากในช่วงก่อนหน้า โดยเมื่อมองตลอดทั้งปี 49 CGPI เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 เพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดต่อปีนับตั้งแต่ปี 23 ซึ่งครั้งนั้น
CGPI เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.9 ต่อปี ทั้งนี้ตลาดการเงินไม่ได้แสดงปฏิกริยาต่อราคาสินค้าค้าส่งข้างต้นมากนัก นักค้าเงินส่วนใหญ่ในตลาดยังคงคาดว่า
ธ.กลางญี่ปุ่นจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 เป็นร้อยละ 0.50 ต่อปีในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันที่ 17-18
ม.ค.50 นี้ หลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี จากร้อยละ 0 เป็นร้อยละ 0.25 ต่อปีเมื่อเดือน ก.ค.49 ที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
3. ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศของจีนในปี 49 เพิ่มขึ้นจำนวน 247.3 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. รายงานจากปักกิ่ง เมื่อ
15 ม.ค.50 ธ.กลางจีน เปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศของจีนในปี 49 (ซึ่งเป็นประเทศที่มีทุนสำรองฯ มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง
ของโลก) เพิ่มขึ้นจำนวน 247.3 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ทำให้ทุนสำรองฯ ณ สิ้นเดือน ธ.ค.49 อยู่ที่ระดับ 1.06634 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ.
โดยในแต่ละไตรมาสของปี 49 ทุนสำรองฯ เพิ่มขึ้นจำนวน 78.4 46.8 66 และ 56.2 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ในไตรมาส 4 3 2
และ 1 ตามลำดับ นอกจากนี้ จากรายงานที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ของ ธ.กลาง รายงานว่า ทุนสำรองฯ ณ สิ้นเดือน พ.ย.49 และสิ้นเดือน
ต.ค.49 เพิ่มขึ้นอยู่ที่จำนวน 1.03875 และ 1.00963 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ. ตามลำดับ จึงเท่ากับว่าทุนสำรองฯ ของจีนในเดือน ธ.ค. พ.ย.
และ ต.ค.49 เพิ่มขึ้นจำนวน 27.6 29.1 และ 21.7 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ ทุนสำรองฯ ของจีนในปีที่ผ่านมาพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก
มีสาเหตุมาจากการเกินดุลการค้าอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 49 โดยเกินดุลถึงมากกว่า 20 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.ต่อเดือน
ทำให้ทั้งปี 49 จีนเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 74 อยู่ที่จำนวน 177.47 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. (รอยเตอร์)
4. คาดว่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่น้ำมันของสิงคโปร์ในเดือน ธ.ค.49 จะชะลอตัวอยู่ที่ร้อยละ 2.5 เทียบต่อปี รายงานจาก
สิงคโปร์ เมื่อ 15 ม.ค.50 ผลสำรวจของนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์ คาดการณ์ว่า การส่งออกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่น้ำมันของสิงคโปร์ในเดือน
ธ.ค.49 จะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 2.5 เทียบต่อปี ชะลอลงจากเดือน พ.ย.49 ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 แต่อยู่ในระดับเดียวกับเดือน
ต.ค.49 ที่ขยายตัวร้อยละ 2.5 ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่น้ำมันจะขยายตัวระหว่างลดลงร้อยละ 2.0 ถึง
เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 และหากเทียบต่อปี นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงร้อยละ 2.3 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.1 ในเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ สาเหตุ
ที่ตัวเลขการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่น้ำมันชะลอลงในเดือน ธ.ค. เนื่องจากความต้องการสินค้าหมวดเทคโนโลยีของ สรอ. (ซึ่งเป็นตลาดส่งออก
มากเป็นอันดับ 2 ของ สิงคโปร์รองจากสหภาพยุโรป) ลดลง เนื่องมาจากการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง อนึ่ง สินค้าอิเล็กทรอนิกส์มี
สัดส่วนถึงครึ่งหนึ่งของการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่น้ำมัน ขณะที่นักวิเคราะห์ประมาณการว่า การส่งออกสินค้าหมวดอิเล็กทรอนิกส์ในเดือน ธ.ค.49
จะขยายตัวร้อยละ 6.7 เทียบต่อปี ซึ่งอาจส่งผลให้การส่งออกอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่เดือน
พ.ย.49 และ ต.ค.49 การส่งออกสินค้าหมวดอิเล็กทรอนิกส์ลดลงอยู่ที่ร้อยละ 8.4 และ 2.6 เทียบต่อปีตามลำดับ ทั้งนี้ รัฐบาลสิงคโปร์จะ
ประกาศตัวเลขการส่งออกอย่างเป็นทางการในวันพุธที่ 17 ม.ค.นี้ เวลา 1.45 ตามเวลาท้องถิ่น (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 16 ม.ค. 50 15 ม.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 36.06 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 35.8349/36.1783 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.12 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 656.31/13.35 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,600/10,700 10,600/10,700 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 49.71 49.73 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 25.59*/22.54* 25.59*/22.54* 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 13 ม.ค. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--