คำต่อคำรายการตรงไปตรงมากับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ทางสถานีวิทยุ 101 ช่วงเวลา 08.00 — 08.30 น.
วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม 2550
ผู้ดำเนินรายการ สวัสดีค่ะ คุณอภิสิทธิ์คะ สวัสดีครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ
คุณอภิสิทธิ์ สวัสดีครับ
ผู้ดำเนินรายการ ค่ะ คุณอภิสิทธิ์คะ ช่วงนี้หลายท่านกำลังจับขั้วการเมืองกันสุดฤทธิ์เลยนะคะ แต่คุณอภิสิทธิ์ไปเวียดนามมาใช่ไม๊คะ เห็นบอกว่ามีหลายอย่างจะเอามาถ่ายทอดกันมีอะไรอย่างไรบ้างคะ
คุณอภิสิทธิ์ ใช่ครับ ผมก็เดินทางไปเวียดนาม เพราะว่าได้รับเชิญจากเอเชียอิงก์ 100 Leadership Forum นะครับ ซึ่งเป็นเวทีที่จัดขึ้นทุกปี โดยเชิญผู้นำทางการเมือง ผู้นำทางภาคธุรกิจรุ่นใหม่นะครับ ไปพูดคุยกัน จากประเทศอาเซียนต่าง ๆ ปีนี้ก็ไปกันที่ฮานอย แล้วก็มีการสัมมนาพูดคุยกันถึงเรื่องของอนาคตของอาเซียนเหมือนเคย ผมเองก็เป็นคนหนึ่งซึ่งพูดมาตลอดว่า เราต้องให้ความสำคัญกับอาเซียนนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะเศรษฐกิจซึ่งแข่งขันกันอย่างรุนแรง แล้วก็มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ทั้งจีน ทั้งอินเดียอยู่รอบ ๆ ด้านเรา การผนึกกำลังกันก็จะเป็นประโยชน์มากนะครับ
ในงานนี้นายกฯ เวียดนามก็ได้มายืนยันจุดยืนเหมือนกันของเวียดนามในการที่จะผลักดันอาเซียน ให้เป็นตัวที่จะช่วยขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจของภูมิภาคนี้เป็นไปด้วยดี รวมทั้งกระชับความสัมพันธ์ทางด้านของความมั่นคง ทางด้านของความร่วมมือทางด้านสังคม วัฒนธรรมด้วย จริง ๆ แล้วการเดินทางไปครั้งนี้นอกจากการไปร่วมประชุมครั้งนี้ ซึ่งผมก็ได้นำเสนอในเรื่องของแนวคิดเกี่ยวกับการเดินหน้าในการกระชับความร่วมมือของอาเซียน ซึ่งปลายปีนี้ก็ควรจะได้มีที่เรียกว่า อาเซียนชาเตอร์ ก็คือจะเป็นกฎกติกาของความร่วมมือต่อไป ซึ่งก็คงจะมีความเปลี่ยนแปลงคือจะทำให้อาเซียนน่าจะมีความคล่องตัวนะครับ แล้วก็เหมือนกับมีความเด็ดขาดมากขึ้นด้วยนะครับ ในการที่จะตกลงกติกาต่าง ๆ แล้วก็ให้มีผลบังคับใช้จริง และสามารถตอบสนองต่อความคาดหวังของประชาคมโลกได้มากขึ้น ซึ่งก็เป็นแนวทางที่ถูกต้อง เพียงแต่ว่า ก็มีการไปถกกันนะครับว่า แล้วการเดินต่อไป จะเดินแบบไหน จะเดินแบบสหภาพยุโรปไม๊ อะไร ซึ่งการแลกเปลี่ยนกัน ผมก็ได้เน้นข้อคิดที่ว่า ลักษณะที่พิเศษของอาเซียนนั้นคงทำให้เราไม่สามารถที่จะเอารูปแบบของที่ใดที่หนึ่งมาใช้โดยไม่มีการปรับ ให้สอดคล้องกับที่มาที่ไปประวัติศาสตร์ แล้วก็ความเป็นตัวของตัวเองของอาเซียน
แต่ว่านอกจากที่จะไปประชุมตรงนี้แล้ว ทางผมก็ได้มีโอกาสพบกับทางคณะกรรมการกลาง คณะกรรมการการเมืองของทางพรรคคอมมิวนิสต์ด้วย เพราะว่าขณะนี้ก็คือ ผมก็อยู่ในช่วงที่เดินทางไปเพื่อยืนยันและกระชับความสัมพันธ์ ไม่เพียงเฉพาะในแง่ของการเป็นคนไทยกับต่างประเทศ แต่ว่าพรรคการเมืองกับพรรคการเมืองด้วยนะครับ ก็ได้มีการพบปะแล้วก็พูดถึงความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น นอกเหนือจากกรอบอาเซียนแล้ว ก็คือการเชื่อมโยงกันทางถนน ซึ่งขณะนี้หลังจากที่เรามีสะพานที่มุกดาหาร แล้วก็มีถนนที่เชื่อมต่อกัน ความร่วมมือในด้านการขนส่งสินค้า การท่องเที่ยวอะไรต่าง ๆ ควรจะต้องมีการเร่งรัดปรับปรุงนะครับ รวมไปถึงการที่เวียดนามกับไทยก็เป็นผู้ส่งออกสำคัญในเรื่องของข้าว เรื่องของยางนะครับ ก็ทำให้ได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันเรื่องนี้นะครับ
จริง ๆ แล้วขณะนี้ หลายคนก็คงทราบนะครับ สื่อให้ความสำคัญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามค่อนข้างมากนะครับ เพราะว่าเป็นเศรษฐกิจที่โตที่สุดในภูมิภาคนี้ในขณะนี้ ก็จังหวะดีนะครับบังเอิญทางกระทรวงพาณิชย์เขาก็จัดเอาสินค้าไทยไปแสดงที่เวียดนาม ผมก็เลยถือโอกาสไปแวะเยี่ยมเยียนคนไทยที่เอาสินค้าของไทยไป ซึ่งดีมากมีทั้งที่ไปจากเชียงใหม่ จนถึงยะลา ปัตตานี นราธิวาส และก็อีสานนะครับ สินค้าก็อาจจะไม่ได้เป็นสินค้าที่มีราคาแพง หรือมีมูลค่าอะไรมากมาย แต่ก็ถือว่าเป็นสินค้าของเราที่ไปเจาะตรงนั้นได้ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องประดับ จอบ เสียม จักรยาน อะไรต่าง ๆ ฉะนั้นผมคิดว่าขณะที่เราวุ่น ๆ อยู่เรื่องการเมืองไม่จบนี้นะครับ เราจะทำให้ประเทศเสียโอกาสนะครับ ผมก็อยากจะให้มีความชัดเจนทางการเมืองเพื่อที่จะเดินหน้า แล้วก็เราจะได้สร้างโอกาสให้กับคนไทย แต่ว่าสิ่งหนึ่งซึ่งเราปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือว่า เราต้องเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน เศรษฐกิจโลก เราก็จะต้องมีการแลกเปลี่ยนกันทั้ง 2 ทางนะครับ ก็คือ เราไปค้าขายที่โน้น เขามาค้าขายที่นี่ มีการไปลงทุนทั้ง 2 ทาง ขณะนี้ประเทศไทยก็อยู่ในฐานะที่จะไปลงทุนในต่างประเทศได้มากขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับด้วยว่าบางประเทศเขาก็จะมาลงทุนในไทย เราก็ควรจะให้เข้ามาจับปรับให้มันเกิดประโยชน์สูงสุดกับไทยนะครับ
สัปดาห์หน้านี้ก็เลยเรียนให้ทราบว่า ผมก็จะเดินทางไปประเทศจีนนะครับ ตามคำเชิญของพรรคคอมมิวนิสต์จีนด้วย ก็คงจะไปทำหน้าที่แบบนี้แหละครับ อย่างน้อยที่สุดก็กระชับความสัมพันธ์ระหว่างพรรคการเมืองกับพรรคการเมือง แล้วก็ประชาชนกับประชาชน
ผู้ดำเนินรายการ ครับ อันนี้เป็นการไปแนะนำตัวล่วงหน้าหรือเปล่าครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ
คุณอภิสิทธิ์ ก็คงไม่ใช่หรอกครับ จริง ๆ แล้วก็คือว่า ผมก็ไปตามคำเชิญอย่างกรณีนี้ก็ไปตามคำเชิญของ เอเชียอิงก์ ฟอรัม แล้วก็สัปดาห์หน้าก็ไปตามคำเชิญของพรรคคอมมิวนิสต์จีน จริง ๆ ก็จะมีอีกประเทศนึงหรือสองประเทศนะครับที่เชิญค้างไว้ก็คือ ญี่ปุ่นกับออสเตรเลีย
ผู้ดำเนินรายการ ครับ ที่จะเป็นหนึ่งในแนวนโยบายด้านต่างประเทศของพรรคประชาธิปัตย์ด้วยหรือเปล่าครับ มุมมองจากเวทีต่าง ๆ เหล่านี้ครับ
คุณอภิสิทธิ์ เมื่อวันสองวันที่ผ่านมาที่ไปกันนั้น บังเอิญดร.สุรินทร์ ก็ไปร่วมด้วย ก็มีการตั้งความคาดหวังเอาไว้พอสมควรเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของ ดร.สุรินทร์ ในฐานะที่เป็นเลขาธิการอาเซียนคนใหม่ ผมก็กับ ดร.สุรินทร์ ก็ได้พูดคุยกันเยอะนะครับ ว่าจริง ๆ แล้วความคาดหวังตรงนี้ ถ้าเราสามารถทำให้เป็นจริงได้ เป็นประโยชน์มาก แล้วก็ตัวท่านเองโดยประสบการณ์ความรู้ความสามารถเป็นที่ยอมรับมากนะครับ ในหมู่ผู้ที่เข้าร่วมจากทุกประเทศในอาเซียน เพราะฉะนั้นอันนี้ก็เป็นจุดสำคัญจุดหนึ่งซึ่งตัวพรรคเองก็ถือเป็นนโยบายสำคัญ และก็บังเอิญมีบุคลากรของพรรคที่จะไปทำงานตรงนั้น ก็ถือว่าเป็นจุดซึ่งจะมาใช้ประโยชน์ได้อย่างยิ่งเลย ในการทำงานต่อไป
ผู้ดำเนินรายการ ขอถามถึงความเห็นต่อแนวนโยบาย โซ่ข้อกลางหน่อยครับคุณอภิสิทธิ์ครับ คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ครับ
คุณอภิสิทธิ์ ผมเรียนไปแล้วนะครับว่า เรื่องของความปรองดอง ซึ่งก็เข้าใจว่าพูดกันพอสมควรกับความหมายของคำว่า โซ่ข้อกลาง ก็คือจะมาแก้ปัญหาความขัดแย้งอะไรต่าง ๆ ผมก็เรียนไปแล้วว่า ความปรองดอง ความสมานสามัคคี มันเป็นเป้าหมายสำคัญอย่างมากในขณะนี้นะครับ เวลาที่ผมแถลงนโยบายพูดถึงวาระประชาชน ก็ไม่เคยละทิ้งเลยเรื่องที่จะบอกว่าสำคัญมากก็คือ ลดความขัดแย้งในประเทศ แล้วก็จะต้องมีความพยายามที่จะให้เกิดความปรองดองขึ้น แต่ว่าผมก็มีข้อคิดที่อาจจะเรียนเสนอมุมมองนะครับ ไม่รู้ว่าตรง แต่คิดว่าไม่ได้เป็นสิ่งที่ท่านพลเอกชวลิต พูดนะครับ
ประการแรกก็คือการสมานฉันท์หรือความปรองดองนั้น มันไม่มีวิธีอะไรดีไปกว่าการใช้กระบวนการประชาธิปไตย และก็กระบวนการของกฎหมายนะครับ ความคิดเห็นที่แตกต่าง ความขัดแย้งที่อาจจะมีขึ้นไม่ว่าจะในเรื่องใดก็ตาม ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องซึ่งกระบวนการทางกฎหมายและประชาธิปไตย ถ้าเรายอมรับมันจะมีคำตอบเสมอ เพราะฉะนั้นการแสดงเจตนาเฉย ๆ มันคงไม่เพียงพอ แล้วก็มันเป็นเรื่องซึ่งจะต้องปฏิบัติและมีแนวปฏิบัติที่ชัดเจน แล้วจริง ๆ เราก็ได้ยินคำพูดนี้มา ในกรอบของการเมืองบ้าง ในกรอบของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้บ้าง แต่ว่าเอาเข้าจริง ๆ มันไม่มีรูปธรรมที่เกิดขึ้นเท่าที่ควร ถ้ามันไม่มีหลักที่ชัด เพราะฉะนั้นการเคารพกระบวนการของกฎหมาย การเคารพกระบวนการประชาธิปไตย สำคัญมาก
ข้อที่สอง บังเอิญ ผมไม่ได้อยู่ในช่วงที่ท่านพูด แต่ว่าก็มีผู้สื่อข่าวที่ไปที่เวียดนาม ได้บอกทำนองว่า ความหมายว่าเรื่องอื่นตอนนี้ยังไม่ต้องทำอะไร คือหมายความว่าเอาเรื่องนี้เรื่องเดียวเป็นนโยบายหลัก ผมก็อยากจะบอกว่าจริง ๆ แล้ว ไปคิดอย่างนั้นคงไม่ได้ ที่บอกว่าไปคิดอย่างนั้นไม่ได้แน่นอนก็เพราะว่า ในเรื่องของการสมานฉันท์หรือความปรองดอง มันเกิดขึ้นง่ายขึ้นด้วย ถ้าหากว่าปัญหาของบ้านเมืองหรือของประชาชนได้รับการแก้ไขวาระประชาชนแล้วก็แนวทางในเรื่องของประชาชนต้องมาก่อนเป็นสิ่งที่ผมคิดว่า จะต้องเป็นคำตอบด้วยและเป็นส่วนหนึ่งของคำตอบด้วย คิดง่าย ๆ นะครับ ถ้าหากว่าประชาชนอยู่ดีกินดีมีการแก้ไขปัญหาปากท้อง ของแพง นะครับ มีความสงบอยู่ในจังหวัดภาคใต้ มีการศึกษาที่ดี ผมว่าการสมานฉันท์หรือความปรองดองเกิดขึ้นง่ายมากเลยครับ แต่ถ้าหากว่าเศรษฐกิจไม่ดี ประชาชนยากลำบากข้าวของแพงไม่มีรายได้ โอกาสที่จะเกิดความขัดแย้ง โอกาสที่จะเกิดปัญหามันย่อมมีมากกว่า ดังนั้นผมคิดว่ามันเป็นสิ่งซึ่งจะไปบอกว่า เรื่องอย่างนี้ยังไม่ต้องพูดกัน มันไม่ได้หรอก ประเทศมันต้องเดินไปข้างหน้าด้วย อย่างที่เราคุยกันตอนต้น ขณะเดียวกัน การทำให้ประเทศเดินหน้า ทำให้ประชาชนมีการศึกษาที่ดีหรืออะไรต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่จะเป็นสิ่งที่จะเป็นปัจจัยช่วยหรือปัจจัยเสริมให้เรื่องของการสมานฉันท์หรือความปรองดองเกิดขึ้นได้ อันนี้คือสิ่งที่อาจจะมองบางส่วนอาจจะเหมือน บางส่วนอาจจะต่างนะครับ จากสิ่งที่พลเอกชวลิตพูดครับ
ผู้ดำเนินรายการ คุณอภิสิทธิ์มีความคิดเห็นอย่างไรกับที่หลายคนมองว่าตัวเลขโหวตรัฐธรรมนูญที่ออกมา ถ้ามีการเลือกตั้งทั่วไป คุณทักษิณน่าจะมา เห็น ๆ ได้เนี่ยค่ะ
คุณอภิสิทธิ์ ผมไม่ได้มองอย่างนั้นนะครับ คือข้อที่ 1 ก็คือว่า จริง ๆ การลงคะแนนเรื่องรัฐธรรมนูญกับการตัดสินใจในเรื่องการเลือกตั้งนั้น ก็คงไม่ได้เหมือนกันอย่างเคร่งครัด แล้วก็มีปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อการที่ประชาชนจะตัดสินใจในเรื่องของรัฐธรรมนูญ ผมก็ทราบว่า มีทั้งคนที่ไม่รับรัฐธรรมนูญ แต่ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคุณทักษิณ หรือแม้กระทั่งคนที่ไปไม่รับรัฐธรรมนูญแล้วก็เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แต่มีความเห็นเรื่องรัฐธรรมนูญก็มีนะครับ อันนี้เป็นเรื่องที่มีความเป็นปกติมากนะครับ ประการที่ 2 ก็คือว่า จริง ๆ แล้วผมมีตัวเลขของการลงประชามติ แม้ว่าจะไปวิเคราะห์ในลักษณะที่บอกว่าการลงไม่รับแปลว่าสนับสนุนทางพรรคไทยรักไทยหรืออะไรก็แล้วแต่นั้น ถ้าคำนวนตัวเลขออกมาอย่างละเอียดจริง ๆ แล้ว ไม่ได้น่ากลัวเลยครับ เพราะว่าเป็นเสียงข้างน้อยไปแล้วในภาคเหนือ นะครับและก็ในภาคอีสานก็คะแนน ส.ส. ถ้าคำนวนออกมาตามสัดส่วนก็ลดลงไปเกือบครึ่งนะครับ
ผู้ดำเนินรายการ แต่เช้าวันนี้มีข่าวเขย่าขวัญอีกเรื่องนะคะ เรื่องที่เขาบอกว่า อาจจะเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง แล้วก็มีข่าวลือ เรื่องปฏิวัติจะโยงกับโผโยกย้ายนายทหารโดยเฉพาะอย่างยิ่งตำแหน่ง ผบ. ทบ. คุณอภิสิทธิ์คิดว่า
คุณอภิสิทธิ์ ต้น ๆ สัปดาห์ก็มีข่าวคราวทำนองนี้ แล้วเสร็จแล้วก็กระทบกับตลาดทุนด้วยอะไรด้วย ผมว่าเราช่วยกันเดินหน้าบ้านเมืองดีกว่าครับ เพราะว่าผู้นำที่เกี่ยวข้องก็ยืนแล้วนะครับว่า มันคงไม่มีเงื่อนไข ไม่มีอะไรที่ทำให้เป็นให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นนะครับ แล้วก็ที่คุณอวัสดาใช้คำก็คงถูกมังครับ ว่าคนก็มองว่า เรื่องนี้เขย่าขวัญ เพราะว่าถ้าเกิดขึ้น นึกไม่ออกนะครับว่าผลกระทบที่ตามมาต่อประเทศชาติ ฉะนั้นผมมั่นใจว่าไม่ใช่หรอกครับและก็วันนี้ถ้าเกิดความชัดเจนมีแล้วว่า กกต. จะนัดกับท่านนายกฯ พลเอกสุรยุทธ เพื่อที่จะกำหนดวันเลือกตั้ง ทุกอย่างก็น่าจะลงตัวแล้วก็เดินหน้าได้ครับ
ผู้ดำเนินรายการ คุณอภิสิทธิ์คิดอย่างไรครับ กับแนววิเคราะห์ที่ออกมาว่า หลังเลือกตั้งอาจจะเกิดการโดดเดี่ยวพรรคประชาธิปัตย์ครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ
คุณอภิสิทธิ์ ผมคิดว่าตอนนี้ก็เร็วเกินไปนะครับ ที่จะไปพูดอะไรนะครับ นอกจากพรรคประชาธิปัตย์แล้วก็พรรคชาติไทย พรรคมหาชน ซึ่งมีอยู่แล้วนะครับ และพรรคประชาราชรู้สึกว่าเมื่อวานก็มีความชัดเจนขึ้น กลุ่มอื่น ๆ ก็ไม่ได้มีความชัดเจนนะครับ ตั้งพรรคกันยังไม่เรียบร้อย คือยังไม่สามารถที่จะเห็นภาพได้เลยว่า ประกอบไปด้วยอดีตส.ส.คนใดบ้าง ใครเป็นหัวหน้าพรรค จุดยืนเป็นอย่าง นโยบายเป็นอย่างไร กรณีของพลังประชาชนเอง ก็เห็นว่ายังจะต้องไปดีเบต หัวหน้าพรรคกันอีกนะครับ
ผู้ดำเนินรายการ แต่ว่าเมื่อวานนี้คุณสุเทพ พูดคล้าย ๆ กับว่าหลังเลือกตั้งเนี่ย ไม่ทำงานร่วมกับพรรคพลังประชาชนแน่นอนหรือว่าพรรคที่เป็นตัวแทน
คุณอภิสิทธิ์ ผมเองแสดงจุดยืนนานแล้วครับว่า ถ้าคุณทักษิณอยู่เบื้องหลังของพรรคการเมือง หรือเป็นสมาชิก หรือว่าแสดงท่าทีชัดเจนอย่างเช่นว่าอยู่สนับสนุนพรรคพลังประชาชน คงเป็นไปไม่ได้ครับที่จะทำงานร่วมกันกับพรรคประชาธิปัตย์ คำว่าทำงานร่วมกันไม่ได้ ไม่ใช่ต้องน่ากลัวตกใจอะไรนะครับ ก็เหมือนกับในต่างประเทศ พรรคการเมืองซึ่งมีจุดยืนอุดมการณ์ต่างกันก็แข่งขันกันไป
ผู้ดำเนินรายการ แต่ก็ไม่ได้หวั่นไหวใช่ไม๊ครับ
คุณอภิสิทธิ์ ไม่หวั่นไหวหรอกครับ ประชาธิปัตย์ไม่เคยหวั่นไหวอยู่แล้วครับ
ผู้ดำเนินรายการ เรื่องการโดดเดี่ยวพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่หวั่นไหวนะครับ
คุณอภิสิทธิ์ ไม่โดดเดี่ยวเหรอครับ ทั้งหมดมันอยู่ที่ประชาชนนะครับที่จะตัดสิน แต่ผมมีความมั่นใจว่า วันนี้ประชาชนต้องการที่จะให้คนพูดถึง และก็เตรียมตัวในการแก้ไขปัญหาของเขา เรียนตรง ๆ ขณะนี้ นอกจากพรรคประชาธิปัตย์ ผมก็ยังไม่เห็นพรรคอื่น ทำหน้าที่นี้เลยนะครับ เพราะฉะนั้นผมมีความมั่นใจครับในการเดินหน้าต่อไป
ผู้ดำเนินรายการ ครับ เอาหล่ะครับ ขอบคุณมากครับคุณอภิสิทธิ์ครับ สวัสดีครับ
คุณอภิสิทธิ์ ขอบคุณครับ
*************************************************
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 24 ส.ค. 2550--จบ--
ทางสถานีวิทยุ 101 ช่วงเวลา 08.00 — 08.30 น.
วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม 2550
ผู้ดำเนินรายการ สวัสดีค่ะ คุณอภิสิทธิ์คะ สวัสดีครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ
คุณอภิสิทธิ์ สวัสดีครับ
ผู้ดำเนินรายการ ค่ะ คุณอภิสิทธิ์คะ ช่วงนี้หลายท่านกำลังจับขั้วการเมืองกันสุดฤทธิ์เลยนะคะ แต่คุณอภิสิทธิ์ไปเวียดนามมาใช่ไม๊คะ เห็นบอกว่ามีหลายอย่างจะเอามาถ่ายทอดกันมีอะไรอย่างไรบ้างคะ
คุณอภิสิทธิ์ ใช่ครับ ผมก็เดินทางไปเวียดนาม เพราะว่าได้รับเชิญจากเอเชียอิงก์ 100 Leadership Forum นะครับ ซึ่งเป็นเวทีที่จัดขึ้นทุกปี โดยเชิญผู้นำทางการเมือง ผู้นำทางภาคธุรกิจรุ่นใหม่นะครับ ไปพูดคุยกัน จากประเทศอาเซียนต่าง ๆ ปีนี้ก็ไปกันที่ฮานอย แล้วก็มีการสัมมนาพูดคุยกันถึงเรื่องของอนาคตของอาเซียนเหมือนเคย ผมเองก็เป็นคนหนึ่งซึ่งพูดมาตลอดว่า เราต้องให้ความสำคัญกับอาเซียนนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะเศรษฐกิจซึ่งแข่งขันกันอย่างรุนแรง แล้วก็มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ทั้งจีน ทั้งอินเดียอยู่รอบ ๆ ด้านเรา การผนึกกำลังกันก็จะเป็นประโยชน์มากนะครับ
ในงานนี้นายกฯ เวียดนามก็ได้มายืนยันจุดยืนเหมือนกันของเวียดนามในการที่จะผลักดันอาเซียน ให้เป็นตัวที่จะช่วยขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจของภูมิภาคนี้เป็นไปด้วยดี รวมทั้งกระชับความสัมพันธ์ทางด้านของความมั่นคง ทางด้านของความร่วมมือทางด้านสังคม วัฒนธรรมด้วย จริง ๆ แล้วการเดินทางไปครั้งนี้นอกจากการไปร่วมประชุมครั้งนี้ ซึ่งผมก็ได้นำเสนอในเรื่องของแนวคิดเกี่ยวกับการเดินหน้าในการกระชับความร่วมมือของอาเซียน ซึ่งปลายปีนี้ก็ควรจะได้มีที่เรียกว่า อาเซียนชาเตอร์ ก็คือจะเป็นกฎกติกาของความร่วมมือต่อไป ซึ่งก็คงจะมีความเปลี่ยนแปลงคือจะทำให้อาเซียนน่าจะมีความคล่องตัวนะครับ แล้วก็เหมือนกับมีความเด็ดขาดมากขึ้นด้วยนะครับ ในการที่จะตกลงกติกาต่าง ๆ แล้วก็ให้มีผลบังคับใช้จริง และสามารถตอบสนองต่อความคาดหวังของประชาคมโลกได้มากขึ้น ซึ่งก็เป็นแนวทางที่ถูกต้อง เพียงแต่ว่า ก็มีการไปถกกันนะครับว่า แล้วการเดินต่อไป จะเดินแบบไหน จะเดินแบบสหภาพยุโรปไม๊ อะไร ซึ่งการแลกเปลี่ยนกัน ผมก็ได้เน้นข้อคิดที่ว่า ลักษณะที่พิเศษของอาเซียนนั้นคงทำให้เราไม่สามารถที่จะเอารูปแบบของที่ใดที่หนึ่งมาใช้โดยไม่มีการปรับ ให้สอดคล้องกับที่มาที่ไปประวัติศาสตร์ แล้วก็ความเป็นตัวของตัวเองของอาเซียน
แต่ว่านอกจากที่จะไปประชุมตรงนี้แล้ว ทางผมก็ได้มีโอกาสพบกับทางคณะกรรมการกลาง คณะกรรมการการเมืองของทางพรรคคอมมิวนิสต์ด้วย เพราะว่าขณะนี้ก็คือ ผมก็อยู่ในช่วงที่เดินทางไปเพื่อยืนยันและกระชับความสัมพันธ์ ไม่เพียงเฉพาะในแง่ของการเป็นคนไทยกับต่างประเทศ แต่ว่าพรรคการเมืองกับพรรคการเมืองด้วยนะครับ ก็ได้มีการพบปะแล้วก็พูดถึงความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น นอกเหนือจากกรอบอาเซียนแล้ว ก็คือการเชื่อมโยงกันทางถนน ซึ่งขณะนี้หลังจากที่เรามีสะพานที่มุกดาหาร แล้วก็มีถนนที่เชื่อมต่อกัน ความร่วมมือในด้านการขนส่งสินค้า การท่องเที่ยวอะไรต่าง ๆ ควรจะต้องมีการเร่งรัดปรับปรุงนะครับ รวมไปถึงการที่เวียดนามกับไทยก็เป็นผู้ส่งออกสำคัญในเรื่องของข้าว เรื่องของยางนะครับ ก็ทำให้ได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันเรื่องนี้นะครับ
จริง ๆ แล้วขณะนี้ หลายคนก็คงทราบนะครับ สื่อให้ความสำคัญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามค่อนข้างมากนะครับ เพราะว่าเป็นเศรษฐกิจที่โตที่สุดในภูมิภาคนี้ในขณะนี้ ก็จังหวะดีนะครับบังเอิญทางกระทรวงพาณิชย์เขาก็จัดเอาสินค้าไทยไปแสดงที่เวียดนาม ผมก็เลยถือโอกาสไปแวะเยี่ยมเยียนคนไทยที่เอาสินค้าของไทยไป ซึ่งดีมากมีทั้งที่ไปจากเชียงใหม่ จนถึงยะลา ปัตตานี นราธิวาส และก็อีสานนะครับ สินค้าก็อาจจะไม่ได้เป็นสินค้าที่มีราคาแพง หรือมีมูลค่าอะไรมากมาย แต่ก็ถือว่าเป็นสินค้าของเราที่ไปเจาะตรงนั้นได้ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องประดับ จอบ เสียม จักรยาน อะไรต่าง ๆ ฉะนั้นผมคิดว่าขณะที่เราวุ่น ๆ อยู่เรื่องการเมืองไม่จบนี้นะครับ เราจะทำให้ประเทศเสียโอกาสนะครับ ผมก็อยากจะให้มีความชัดเจนทางการเมืองเพื่อที่จะเดินหน้า แล้วก็เราจะได้สร้างโอกาสให้กับคนไทย แต่ว่าสิ่งหนึ่งซึ่งเราปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือว่า เราต้องเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน เศรษฐกิจโลก เราก็จะต้องมีการแลกเปลี่ยนกันทั้ง 2 ทางนะครับ ก็คือ เราไปค้าขายที่โน้น เขามาค้าขายที่นี่ มีการไปลงทุนทั้ง 2 ทาง ขณะนี้ประเทศไทยก็อยู่ในฐานะที่จะไปลงทุนในต่างประเทศได้มากขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับด้วยว่าบางประเทศเขาก็จะมาลงทุนในไทย เราก็ควรจะให้เข้ามาจับปรับให้มันเกิดประโยชน์สูงสุดกับไทยนะครับ
สัปดาห์หน้านี้ก็เลยเรียนให้ทราบว่า ผมก็จะเดินทางไปประเทศจีนนะครับ ตามคำเชิญของพรรคคอมมิวนิสต์จีนด้วย ก็คงจะไปทำหน้าที่แบบนี้แหละครับ อย่างน้อยที่สุดก็กระชับความสัมพันธ์ระหว่างพรรคการเมืองกับพรรคการเมือง แล้วก็ประชาชนกับประชาชน
ผู้ดำเนินรายการ ครับ อันนี้เป็นการไปแนะนำตัวล่วงหน้าหรือเปล่าครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ
คุณอภิสิทธิ์ ก็คงไม่ใช่หรอกครับ จริง ๆ แล้วก็คือว่า ผมก็ไปตามคำเชิญอย่างกรณีนี้ก็ไปตามคำเชิญของ เอเชียอิงก์ ฟอรัม แล้วก็สัปดาห์หน้าก็ไปตามคำเชิญของพรรคคอมมิวนิสต์จีน จริง ๆ ก็จะมีอีกประเทศนึงหรือสองประเทศนะครับที่เชิญค้างไว้ก็คือ ญี่ปุ่นกับออสเตรเลีย
ผู้ดำเนินรายการ ครับ ที่จะเป็นหนึ่งในแนวนโยบายด้านต่างประเทศของพรรคประชาธิปัตย์ด้วยหรือเปล่าครับ มุมมองจากเวทีต่าง ๆ เหล่านี้ครับ
คุณอภิสิทธิ์ เมื่อวันสองวันที่ผ่านมาที่ไปกันนั้น บังเอิญดร.สุรินทร์ ก็ไปร่วมด้วย ก็มีการตั้งความคาดหวังเอาไว้พอสมควรเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของ ดร.สุรินทร์ ในฐานะที่เป็นเลขาธิการอาเซียนคนใหม่ ผมก็กับ ดร.สุรินทร์ ก็ได้พูดคุยกันเยอะนะครับ ว่าจริง ๆ แล้วความคาดหวังตรงนี้ ถ้าเราสามารถทำให้เป็นจริงได้ เป็นประโยชน์มาก แล้วก็ตัวท่านเองโดยประสบการณ์ความรู้ความสามารถเป็นที่ยอมรับมากนะครับ ในหมู่ผู้ที่เข้าร่วมจากทุกประเทศในอาเซียน เพราะฉะนั้นอันนี้ก็เป็นจุดสำคัญจุดหนึ่งซึ่งตัวพรรคเองก็ถือเป็นนโยบายสำคัญ และก็บังเอิญมีบุคลากรของพรรคที่จะไปทำงานตรงนั้น ก็ถือว่าเป็นจุดซึ่งจะมาใช้ประโยชน์ได้อย่างยิ่งเลย ในการทำงานต่อไป
ผู้ดำเนินรายการ ขอถามถึงความเห็นต่อแนวนโยบาย โซ่ข้อกลางหน่อยครับคุณอภิสิทธิ์ครับ คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ครับ
คุณอภิสิทธิ์ ผมเรียนไปแล้วนะครับว่า เรื่องของความปรองดอง ซึ่งก็เข้าใจว่าพูดกันพอสมควรกับความหมายของคำว่า โซ่ข้อกลาง ก็คือจะมาแก้ปัญหาความขัดแย้งอะไรต่าง ๆ ผมก็เรียนไปแล้วว่า ความปรองดอง ความสมานสามัคคี มันเป็นเป้าหมายสำคัญอย่างมากในขณะนี้นะครับ เวลาที่ผมแถลงนโยบายพูดถึงวาระประชาชน ก็ไม่เคยละทิ้งเลยเรื่องที่จะบอกว่าสำคัญมากก็คือ ลดความขัดแย้งในประเทศ แล้วก็จะต้องมีความพยายามที่จะให้เกิดความปรองดองขึ้น แต่ว่าผมก็มีข้อคิดที่อาจจะเรียนเสนอมุมมองนะครับ ไม่รู้ว่าตรง แต่คิดว่าไม่ได้เป็นสิ่งที่ท่านพลเอกชวลิต พูดนะครับ
ประการแรกก็คือการสมานฉันท์หรือความปรองดองนั้น มันไม่มีวิธีอะไรดีไปกว่าการใช้กระบวนการประชาธิปไตย และก็กระบวนการของกฎหมายนะครับ ความคิดเห็นที่แตกต่าง ความขัดแย้งที่อาจจะมีขึ้นไม่ว่าจะในเรื่องใดก็ตาม ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องซึ่งกระบวนการทางกฎหมายและประชาธิปไตย ถ้าเรายอมรับมันจะมีคำตอบเสมอ เพราะฉะนั้นการแสดงเจตนาเฉย ๆ มันคงไม่เพียงพอ แล้วก็มันเป็นเรื่องซึ่งจะต้องปฏิบัติและมีแนวปฏิบัติที่ชัดเจน แล้วจริง ๆ เราก็ได้ยินคำพูดนี้มา ในกรอบของการเมืองบ้าง ในกรอบของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้บ้าง แต่ว่าเอาเข้าจริง ๆ มันไม่มีรูปธรรมที่เกิดขึ้นเท่าที่ควร ถ้ามันไม่มีหลักที่ชัด เพราะฉะนั้นการเคารพกระบวนการของกฎหมาย การเคารพกระบวนการประชาธิปไตย สำคัญมาก
ข้อที่สอง บังเอิญ ผมไม่ได้อยู่ในช่วงที่ท่านพูด แต่ว่าก็มีผู้สื่อข่าวที่ไปที่เวียดนาม ได้บอกทำนองว่า ความหมายว่าเรื่องอื่นตอนนี้ยังไม่ต้องทำอะไร คือหมายความว่าเอาเรื่องนี้เรื่องเดียวเป็นนโยบายหลัก ผมก็อยากจะบอกว่าจริง ๆ แล้ว ไปคิดอย่างนั้นคงไม่ได้ ที่บอกว่าไปคิดอย่างนั้นไม่ได้แน่นอนก็เพราะว่า ในเรื่องของการสมานฉันท์หรือความปรองดอง มันเกิดขึ้นง่ายขึ้นด้วย ถ้าหากว่าปัญหาของบ้านเมืองหรือของประชาชนได้รับการแก้ไขวาระประชาชนแล้วก็แนวทางในเรื่องของประชาชนต้องมาก่อนเป็นสิ่งที่ผมคิดว่า จะต้องเป็นคำตอบด้วยและเป็นส่วนหนึ่งของคำตอบด้วย คิดง่าย ๆ นะครับ ถ้าหากว่าประชาชนอยู่ดีกินดีมีการแก้ไขปัญหาปากท้อง ของแพง นะครับ มีความสงบอยู่ในจังหวัดภาคใต้ มีการศึกษาที่ดี ผมว่าการสมานฉันท์หรือความปรองดองเกิดขึ้นง่ายมากเลยครับ แต่ถ้าหากว่าเศรษฐกิจไม่ดี ประชาชนยากลำบากข้าวของแพงไม่มีรายได้ โอกาสที่จะเกิดความขัดแย้ง โอกาสที่จะเกิดปัญหามันย่อมมีมากกว่า ดังนั้นผมคิดว่ามันเป็นสิ่งซึ่งจะไปบอกว่า เรื่องอย่างนี้ยังไม่ต้องพูดกัน มันไม่ได้หรอก ประเทศมันต้องเดินไปข้างหน้าด้วย อย่างที่เราคุยกันตอนต้น ขณะเดียวกัน การทำให้ประเทศเดินหน้า ทำให้ประชาชนมีการศึกษาที่ดีหรืออะไรต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่จะเป็นสิ่งที่จะเป็นปัจจัยช่วยหรือปัจจัยเสริมให้เรื่องของการสมานฉันท์หรือความปรองดองเกิดขึ้นได้ อันนี้คือสิ่งที่อาจจะมองบางส่วนอาจจะเหมือน บางส่วนอาจจะต่างนะครับ จากสิ่งที่พลเอกชวลิตพูดครับ
ผู้ดำเนินรายการ คุณอภิสิทธิ์มีความคิดเห็นอย่างไรกับที่หลายคนมองว่าตัวเลขโหวตรัฐธรรมนูญที่ออกมา ถ้ามีการเลือกตั้งทั่วไป คุณทักษิณน่าจะมา เห็น ๆ ได้เนี่ยค่ะ
คุณอภิสิทธิ์ ผมไม่ได้มองอย่างนั้นนะครับ คือข้อที่ 1 ก็คือว่า จริง ๆ การลงคะแนนเรื่องรัฐธรรมนูญกับการตัดสินใจในเรื่องการเลือกตั้งนั้น ก็คงไม่ได้เหมือนกันอย่างเคร่งครัด แล้วก็มีปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อการที่ประชาชนจะตัดสินใจในเรื่องของรัฐธรรมนูญ ผมก็ทราบว่า มีทั้งคนที่ไม่รับรัฐธรรมนูญ แต่ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคุณทักษิณ หรือแม้กระทั่งคนที่ไปไม่รับรัฐธรรมนูญแล้วก็เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แต่มีความเห็นเรื่องรัฐธรรมนูญก็มีนะครับ อันนี้เป็นเรื่องที่มีความเป็นปกติมากนะครับ ประการที่ 2 ก็คือว่า จริง ๆ แล้วผมมีตัวเลขของการลงประชามติ แม้ว่าจะไปวิเคราะห์ในลักษณะที่บอกว่าการลงไม่รับแปลว่าสนับสนุนทางพรรคไทยรักไทยหรืออะไรก็แล้วแต่นั้น ถ้าคำนวนตัวเลขออกมาอย่างละเอียดจริง ๆ แล้ว ไม่ได้น่ากลัวเลยครับ เพราะว่าเป็นเสียงข้างน้อยไปแล้วในภาคเหนือ นะครับและก็ในภาคอีสานก็คะแนน ส.ส. ถ้าคำนวนออกมาตามสัดส่วนก็ลดลงไปเกือบครึ่งนะครับ
ผู้ดำเนินรายการ แต่เช้าวันนี้มีข่าวเขย่าขวัญอีกเรื่องนะคะ เรื่องที่เขาบอกว่า อาจจะเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง แล้วก็มีข่าวลือ เรื่องปฏิวัติจะโยงกับโผโยกย้ายนายทหารโดยเฉพาะอย่างยิ่งตำแหน่ง ผบ. ทบ. คุณอภิสิทธิ์คิดว่า
คุณอภิสิทธิ์ ต้น ๆ สัปดาห์ก็มีข่าวคราวทำนองนี้ แล้วเสร็จแล้วก็กระทบกับตลาดทุนด้วยอะไรด้วย ผมว่าเราช่วยกันเดินหน้าบ้านเมืองดีกว่าครับ เพราะว่าผู้นำที่เกี่ยวข้องก็ยืนแล้วนะครับว่า มันคงไม่มีเงื่อนไข ไม่มีอะไรที่ทำให้เป็นให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นนะครับ แล้วก็ที่คุณอวัสดาใช้คำก็คงถูกมังครับ ว่าคนก็มองว่า เรื่องนี้เขย่าขวัญ เพราะว่าถ้าเกิดขึ้น นึกไม่ออกนะครับว่าผลกระทบที่ตามมาต่อประเทศชาติ ฉะนั้นผมมั่นใจว่าไม่ใช่หรอกครับและก็วันนี้ถ้าเกิดความชัดเจนมีแล้วว่า กกต. จะนัดกับท่านนายกฯ พลเอกสุรยุทธ เพื่อที่จะกำหนดวันเลือกตั้ง ทุกอย่างก็น่าจะลงตัวแล้วก็เดินหน้าได้ครับ
ผู้ดำเนินรายการ คุณอภิสิทธิ์คิดอย่างไรครับ กับแนววิเคราะห์ที่ออกมาว่า หลังเลือกตั้งอาจจะเกิดการโดดเดี่ยวพรรคประชาธิปัตย์ครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ
คุณอภิสิทธิ์ ผมคิดว่าตอนนี้ก็เร็วเกินไปนะครับ ที่จะไปพูดอะไรนะครับ นอกจากพรรคประชาธิปัตย์แล้วก็พรรคชาติไทย พรรคมหาชน ซึ่งมีอยู่แล้วนะครับ และพรรคประชาราชรู้สึกว่าเมื่อวานก็มีความชัดเจนขึ้น กลุ่มอื่น ๆ ก็ไม่ได้มีความชัดเจนนะครับ ตั้งพรรคกันยังไม่เรียบร้อย คือยังไม่สามารถที่จะเห็นภาพได้เลยว่า ประกอบไปด้วยอดีตส.ส.คนใดบ้าง ใครเป็นหัวหน้าพรรค จุดยืนเป็นอย่าง นโยบายเป็นอย่างไร กรณีของพลังประชาชนเอง ก็เห็นว่ายังจะต้องไปดีเบต หัวหน้าพรรคกันอีกนะครับ
ผู้ดำเนินรายการ แต่ว่าเมื่อวานนี้คุณสุเทพ พูดคล้าย ๆ กับว่าหลังเลือกตั้งเนี่ย ไม่ทำงานร่วมกับพรรคพลังประชาชนแน่นอนหรือว่าพรรคที่เป็นตัวแทน
คุณอภิสิทธิ์ ผมเองแสดงจุดยืนนานแล้วครับว่า ถ้าคุณทักษิณอยู่เบื้องหลังของพรรคการเมือง หรือเป็นสมาชิก หรือว่าแสดงท่าทีชัดเจนอย่างเช่นว่าอยู่สนับสนุนพรรคพลังประชาชน คงเป็นไปไม่ได้ครับที่จะทำงานร่วมกันกับพรรคประชาธิปัตย์ คำว่าทำงานร่วมกันไม่ได้ ไม่ใช่ต้องน่ากลัวตกใจอะไรนะครับ ก็เหมือนกับในต่างประเทศ พรรคการเมืองซึ่งมีจุดยืนอุดมการณ์ต่างกันก็แข่งขันกันไป
ผู้ดำเนินรายการ แต่ก็ไม่ได้หวั่นไหวใช่ไม๊ครับ
คุณอภิสิทธิ์ ไม่หวั่นไหวหรอกครับ ประชาธิปัตย์ไม่เคยหวั่นไหวอยู่แล้วครับ
ผู้ดำเนินรายการ เรื่องการโดดเดี่ยวพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่หวั่นไหวนะครับ
คุณอภิสิทธิ์ ไม่โดดเดี่ยวเหรอครับ ทั้งหมดมันอยู่ที่ประชาชนนะครับที่จะตัดสิน แต่ผมมีความมั่นใจว่า วันนี้ประชาชนต้องการที่จะให้คนพูดถึง และก็เตรียมตัวในการแก้ไขปัญหาของเขา เรียนตรง ๆ ขณะนี้ นอกจากพรรคประชาธิปัตย์ ผมก็ยังไม่เห็นพรรคอื่น ทำหน้าที่นี้เลยนะครับ เพราะฉะนั้นผมมีความมั่นใจครับในการเดินหน้าต่อไป
ผู้ดำเนินรายการ ครับ เอาหล่ะครับ ขอบคุณมากครับคุณอภิสิทธิ์ครับ สวัสดีครับ
คุณอภิสิทธิ์ ขอบคุณครับ
*************************************************
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 24 ส.ค. 2550--จบ--