นายโฆษิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีสภาพคล่องและเงินทุนมหาศาล ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนอย่างรวดเร็ว เพื่อเก็งกำไรจากค่าเงิน ราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ยไปทั่วโลกรวมทั้งไทย สภาพการแข่งขันที่ไม่ถูกทิศทางจะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่ออุตสาหกรรมไทยใน ปี 2550
โดยปีนี้ อัตราขยายตัวเศรษฐกิจ หรือจีดีพีรวมและจีดีพีภาคการผลิตยังโตต่อเนื่องอยู่ที่ 4-5 % แต่การขยายตัวดังกล่าวเริ่มมีสัญญานชี้ให้เห็นว่า การเติบโตของภาคอุตสาหกรรมจะกระจุกตัวอยู่ที่ผู้ประกอบการที่มีการปรับตัว และการขยายตัวของอุตสาหกรรมจะแตกต่างกันโดยอุตสาหกรรมสิ่งทอจะเติบโต 1 % ยานยนต์และชิ้นส่วนโต 7 % และอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่เป็นอุตสาหกรรมดาวรุ่งจะขยายตัวเฉพาะรายที่ปรับตัวเพิ่มคุณภาพการผลิตเท่านั้น
ส่วนผู้ประกอบการที่ไม่ปรับตัวแม้อยู่ในกลุ่มที่ขยายตัวสูง แต่ธุรกิจจะเติบโตตาม โดยครึ่งปีแรกการขยายตัวยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่ช่วงไตรมาส 3 หรือครึ่งปีหลังจะเห็นความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้ยังดีอยู่ เพราะอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะลดลง กำลังซื้อดี การส่งออกเพิ่มขึ้น ฐานะการคลังของประเทศมั่นคง ทั้งดุลบัญชีเดินสะพัด การจัดงบประมาณเพื่อลงทุนกิจกรรมสำคัญ ทำให้ภาวะเศรษฐกิจไทยโดยรวมมีความมั่นคง แต่ปัจจัยเสี่ยงจากภายนอกจะมีอิทธิพลกดดันให้ผู้ผลิตไทยต้องปรับตัวครั้งใหญ่และดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง
ประเด็นวิเคราะห์
อย่างไรก็ตาม แม้ไทยจะมีพื้นฐานเศรษฐกิจที่ดีมีเงินทุนสำรองและฐานะการเงินมั่นคง แต่ภาคอุตสาหกรรมไทยจะอยู่รอดได้ ผู้ประกอบการต้องปรับตัว เพิ่มผลิตภาพการผลิต สร้างพันธมิตรที่รู้ใจ พัฒนาสินค้าให้ได้คุณภาพตรงกับความต้องการของตลาด และสร้างสิทธิบัตรทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อปรับทิศทางการแข่งขันที่ใช้เงินทุนสร้างมูลค่าเพิ่มการผลิต ซึ่งพื้นฐานทางปัญญาเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันธุรกิจให้อยู่ได้อย่างยั่งยืน สามารถฝ่าปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจ
ที่มา: http://www.depthai.go.th