กรุงเทพ--11 พ.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
นายสวนิต คงสิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เดินทางไปเป็นสักขีร่วมกับดาโต๊ะ ซรี อับดุลลาห์ อาหมัด บาดาวี นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างฝ่ายไทย โดยศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Halal Science Center: HASCI) และสถาบันมาตรฐานอาหารฮาลาลแห่งประเทศไทย (Halal Food Standard of Thailand: HAFSOT) กับฝ่ายมาเลเซีย โดย Halal Industry Development Corporation: HDC และ World Halal Forum: WHF ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2550 เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์ประชุมกัวลาลัมเปอร์ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
สำหรับผู้ลงนามในพิธีดังกล่าว ได้แก่ รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายสวาป เผ่าประทาน กรรมการสถาบันมาตรฐานอาหารฮาลาลแห่งประเทศไทย ดาโต๊ะ จามิล บิดิน หัวหน้าคณะผู้บริหาร HDC และ นายนอร์ดิน อับดัลลาห์ ผู้อำนวยการ WHF นอกจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศแล้ว ผู้ร่วมเป็นสักขีฝ่ายไทย ยังประกอบด้วย นายปิยวัชร นิยมฤกษ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ศจ. ดร. เกื้อ วงศ์บุญสิน รองอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนายธนาธิป อุปัติศฤงค์ รองอธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
บันทึกความเข้าใจดังกล่าวมีสาระและวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการวิจัยการพัฒนามาตรฐานฮาลาล การเพิ่มขีดความสามารถด้านบุคลากรและศักยภาพ (Capacity Development)รวมทั้งความร่วมมือที่เกี่ยวข้องกับกิจการฮาลาลตามที่รัฐบาลมอบหมาย ซึ่งรวมถึงกิจกรรมภายใต้กรอบความร่วมมือเขตเศรษฐกิจสามฝ่ายอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT: Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle)
การที่องค์กรสำคัญในการตรวจสอบรับรองและพัฒนาฮาลาลของมาเลเซียได้เป็นผู้ริเริ่มเสนอขอทำบันทึกความเข้าใจดังกล่าวกับฝ่ายไทย เป็นข้อบ่งชี้ประการหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยแม้จะไม่ใช่ประเทศมุสลิม แต่ก็เป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับชาวมุสลิมและกิจการที่เกี่ยวเนื่อง จนถึงในระดับที่บทบาทของไทยได้รับการ ยอมรับในเวทีสากล และได้รับความไว้วางใจให้เป็นหนึ่งในแกนกลางของการพัฒนาและการกำหนดมาตรฐานฮาลาลร่วม อาทิ การเป็นประธานในคณะทำงานด้านสินค้าและบริการฮาลาลภายใต้กรอบความร่วมมือเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย และเป็นผู้เสนอร่าง Concept paper on halal food standard ในคณะทำงานด้านเศรษฐกิจในกรอบ Asia Middle East Dialogue ซึ่งมีประเทศเข้าร่วมราว 50 ประเทศ เป็นต้น
กระทรวงการต่างประเทศได้นำการยอมรับบทบาทและภาพลักษณ์ดังกล่าวของไทยจากนานาชาติซึ่งได้ ร่วมกันสร้างขึ้นจากการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา มาใช้เปิดโอกาสให้ชาวไทยมุสลิมได้นำเรื่อง ฮาลาล ซึ่งเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตและความเชื่อที่ดีงามของชาวมุสลิม มาร่วมพัฒนาประเทศไทยผ่านการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลไทยร่วมกันต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
นายสวนิต คงสิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เดินทางไปเป็นสักขีร่วมกับดาโต๊ะ ซรี อับดุลลาห์ อาหมัด บาดาวี นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างฝ่ายไทย โดยศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Halal Science Center: HASCI) และสถาบันมาตรฐานอาหารฮาลาลแห่งประเทศไทย (Halal Food Standard of Thailand: HAFSOT) กับฝ่ายมาเลเซีย โดย Halal Industry Development Corporation: HDC และ World Halal Forum: WHF ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2550 เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์ประชุมกัวลาลัมเปอร์ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
สำหรับผู้ลงนามในพิธีดังกล่าว ได้แก่ รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายสวาป เผ่าประทาน กรรมการสถาบันมาตรฐานอาหารฮาลาลแห่งประเทศไทย ดาโต๊ะ จามิล บิดิน หัวหน้าคณะผู้บริหาร HDC และ นายนอร์ดิน อับดัลลาห์ ผู้อำนวยการ WHF นอกจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศแล้ว ผู้ร่วมเป็นสักขีฝ่ายไทย ยังประกอบด้วย นายปิยวัชร นิยมฤกษ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ศจ. ดร. เกื้อ วงศ์บุญสิน รองอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนายธนาธิป อุปัติศฤงค์ รองอธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
บันทึกความเข้าใจดังกล่าวมีสาระและวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการวิจัยการพัฒนามาตรฐานฮาลาล การเพิ่มขีดความสามารถด้านบุคลากรและศักยภาพ (Capacity Development)รวมทั้งความร่วมมือที่เกี่ยวข้องกับกิจการฮาลาลตามที่รัฐบาลมอบหมาย ซึ่งรวมถึงกิจกรรมภายใต้กรอบความร่วมมือเขตเศรษฐกิจสามฝ่ายอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT: Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle)
การที่องค์กรสำคัญในการตรวจสอบรับรองและพัฒนาฮาลาลของมาเลเซียได้เป็นผู้ริเริ่มเสนอขอทำบันทึกความเข้าใจดังกล่าวกับฝ่ายไทย เป็นข้อบ่งชี้ประการหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยแม้จะไม่ใช่ประเทศมุสลิม แต่ก็เป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับชาวมุสลิมและกิจการที่เกี่ยวเนื่อง จนถึงในระดับที่บทบาทของไทยได้รับการ ยอมรับในเวทีสากล และได้รับความไว้วางใจให้เป็นหนึ่งในแกนกลางของการพัฒนาและการกำหนดมาตรฐานฮาลาลร่วม อาทิ การเป็นประธานในคณะทำงานด้านสินค้าและบริการฮาลาลภายใต้กรอบความร่วมมือเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย และเป็นผู้เสนอร่าง Concept paper on halal food standard ในคณะทำงานด้านเศรษฐกิจในกรอบ Asia Middle East Dialogue ซึ่งมีประเทศเข้าร่วมราว 50 ประเทศ เป็นต้น
กระทรวงการต่างประเทศได้นำการยอมรับบทบาทและภาพลักษณ์ดังกล่าวของไทยจากนานาชาติซึ่งได้ ร่วมกันสร้างขึ้นจากการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา มาใช้เปิดโอกาสให้ชาวไทยมุสลิมได้นำเรื่อง ฮาลาล ซึ่งเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตและความเชื่อที่ดีงามของชาวมุสลิม มาร่วมพัฒนาประเทศไทยผ่านการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลไทยร่วมกันต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-