ประธานธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) กล่าวระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียตะวันออก ครั้งที่ 2 ที่เมืองเซบู ฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 15 มค. 50 ว่า เอเชียตะวันออกจำเป็นต้องร่วมมือกันพัฒนาสาธารณูปโภค พร้อมกับต้องแสวงหาวิธีการรับมือกับหายนะข้ามชาติ เช่น อาชญากรรม และเชื้อโรค หากต้องการรักษาศักยภาพในการแข่งขันในอนาคต และกล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้นำเอเชียตะวันออกซึ่งประกอบด้วยอาเซียนและประเทศคู่เจรจา 6 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย จีน อินเดีย ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และเกาหลีใต้ ควรร่วมมือกันจัดตั้งข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) เต็มรูปแบบ โดยจัดทำแผนโรดแมพที่ชัดเจนเพื่อเร่งผลักดันเอฟทีเอในภูมิภาคต่อไป
ที่ประชุมสุดยอดผู้นำชาติสมาชิกสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ทั้ง 10 ประเทศเห็นพ้องในการประชุมสุดยอดช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่จะเร่งผลักดันการจัดตั้งเขตการค้าเสรีในภูมิภาคให้แล้วเสร็จภายในปี 2558 หรือก่อนกำหนดเวลาเดิม 5 ปี
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ของเอเชียตะวันออกอยู่ที่ 5% ในปีที่แล้วซึ่งเป็นตัวเลขที่เติบโตมากสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤติทางการเงินในเอเชีย และหากยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ภายในปี 2573 เอเชียตะวันออกไม่รวมอินเดียจะมีขนาดเศรษฐกิจคิดเป็น 40% ของเศรษฐกิจโลก
ประเด็นวิเคราะห์
อย่างไรก็ตาม กล่าวโดยสรุปว่า ผู้นำชาติเอเชียตะวันออกจำเป็นต้องเร่งแก้ปัญหาสำคัญ 4 ประการ ให้ได้โดยเร็ว ได้แก่ ปัญหาความยากจนช่องว่างของสาธารณูปโภค การทำลายสิ่งแวดล้อม และภัยคุกคามข้ามแนวชายแดน เช่น โรคระบาด อาชญากรรม และการจัดการภัยธรรมชาติ
ที่มา: http://www.depthai.go.th