ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. กองทุนฟื้นฟูฯ เตรียมออกพันธบัตรระยะ 5 ปี งวดแรกวงเงิน 7-8 หมื่นล้านบาทในเร็ว ๆ นี้ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายจัดการกองทุน
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะผู้จัดการกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เปิดเผยว่า ในเร็ว ๆ นี้ กองทุนฟื้นฟูฯ
จะออกพันธบัตรวงเงินประมาณ 7-8 หมื่นล้านบาท ระยะเวลาไถ่ถอน 5 ปี ซึ่งการออกพันธบัตรดังกล่าวเกิดจากการแปลงเงินกู้ระยะสั้นที่เคยกู้
ในตลาดซื้อคืนพันธบัตรของ ธปท.วงเงิน 2 แสนล้านบาท มากู้ยืมระยะยาวกับภาคเอกชน หลังจากที่ ธปท.กำลังจะปิดตลาดซื้อคืนพันธบัตรในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ แนวทางการออกพันธบัตรดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ แล้ว โดย ธปท.จะทยอยออกพันธบัตรเป็น 3 งวดด้วยกัน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กำลังศึกษาว่าจะออกขายให้กับนักลงทุนสถาบันหรือนักลงทุนรายย่อย รวมถึงศึกษาถึงการตอบรับพันธบัตรจากตลาดด้วย
(กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, , โลกวันนี้, โพสต์ทูเดย์, ไทยรัฐ, เดลินิวส์, มติชน, แนวหน้า)
2. ธปท.เผยยังไม่มีหนังสือขอโอนเงินออกนอกประเทศเพื่อซื้อหุ้นสโมสรฟุตบอลจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผอ.ฝ่ายกำกับการ
แลกเปลี่ยนเงินและสินเชื่อ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีการขอโอนเงินออกนอกประเทศ
เพื่อไปซื้อหุ้นสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของอดีต นรม.ทักษิณ ชินวัตร ส่วนการโอนเงินออกไปโดยไม่ผ่าน ธปท.นั้น สามารถตรวจสอบ
ธุรกรรมดังกล่าวย้อนหลังได้ 3 ปี แต่ต้องมีคำสั่งจาก คตส.ก่อน โดยที่ผ่านมามีเพียงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ขอนำเงินออกไปซื้อบ้านที่อังกฤษ
400 ล้านบาทเท่านั้น ทั้งนี้ ธปท.อนุญาตให้ ธพ.อนุมัติเงินที่ขออนุญาตไปลงทุนโดยตรงในต่างประเทศได้เอง โดยไม่ต้องส่งเรื่องให้ ธปท.อนุมัติ
หากวงเงินที่ขอโอนออกไปลงทุนไม่เกิน 50 ล้านดอลลาร์ สรอ. แต่ถ้านำเงินออกเกินวงเงินดังกล่าว และไม่แจ้งให้ ธปท.ทราบ ธพ.จะมี
ความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตามมาตรา 8 ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
(กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
3. ธปท.เผยหาก ธ.กรุงเทพดำเนินการขายหุ้นที่ถืออยู่ไม่ทันภายในเดือน มิ.ย.นี้ ถือว่าทำผิดหลักเกณฑ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับ
สถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า หาก ธ.กรุงเทพดำเนินการขายหุ้นที่ถืออยู่ใน ธ.สินเอเชียร้อยละ 19.26
ออกไปไม่ทันตามกำหนดเดิมที่ ธปท.สั่งให้ลดลงเหลือต่ำกว่าร้อยละ 10 ภายในเดือน มิ.ย.นี้ และขายหุ้นที่ถืออยู่ออกทั้งหมดภายในสิ้นปี 50
ไม่ได้ ถือว่า ธ.กรุงเทพทำผิดหลักเกณฑ์ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ของ ธปท.ห้ามสถาบันการเงินทำธุรกิจ 2 สถานะ หรือห้ามบริหารธุรกิจ ธพ.
2 แห่งพร้อมกัน (โพสต์ทูเดย์)
4. ก.ศึกษาธิการร่วมมือกับ ธปท.จัดทำหลักสูตรสังเกตธนบัตรปลอม รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ก.ศึกษาธิการ
มีการหารือร่วมกับนายยอดชาย ชูศรี ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายออกบัตรธนาคาร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับการนำความรู้ความ
เข้าใจเรื่องการใช้ธนบัตร ตลอดจนวิธีการสังเกตธนบัตรปลอม มาจัดทำเป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อสอนนักเรียนในระดับที่เหมาะสม เนื่องจาก
ในปัจจุบันมีการปลอมแปลงธนบัตรปลอมมากขึ้น ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ทั้งนี้ ธปท.ต้องการให้มีการเผยแพร่ความรู้เรื่องนี้ไปสู่
ประชาชนทุกระดับมากขึ้น โดยที่ผ่านมา ธปท.ได้ดำเนินการตามแผนรณรงค์ต่อต้านธนบัตรปลอมเชิงรุกผ่านเครือข่ายโรงเรียนในระดับมัธยมศึกษา
ไปแล้ว 22 จังหวัดทั่วประเทศ และตั้งเป้าหมายในปีนี้อีก 20 จังหวัด และจะขยายเครือข่ายครอบคลุมทุกพื้นที่ภายในปี 52 นอกจากนี้ จะมี
การแต่งตั้งคณะทำงานร่วมร่วมกันระหว่าง ธปท.และสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อศึกษาเนื้อหาที่จะสอนนักเรียน
แต่ละระดับควรจะครอบคลุมเรื่องใดบ้าง (กรุงเทพธุรกิจ)
5. กบข.คาดผลตอบแทนการลงทุนปีนี้อยู่ที่ร้อยละ 7-8 สูงกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จ
บำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ของ กบข.คาดว่าผลตอบแทนการลงทุนโดยรวมทั้งปีจะอยู่ที่ร้อยละ 7-8
ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 6-6.5 และสูงกว่าปีที่ผ่านมาที่ผลตอบแทนการลงทุนโดยรวมของ กบข.อยู่ที่ร้อยละ 3.5 เนื่องจาก
ได้รับผลกระทบจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศมาตรการควบคุมเงินทุนเคลื่อนย้ายเงินทุนระยะสั้น โดยการให้มีการกัน
สำรองร้อยละ 30 ของเงินทุนนำเข้า ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา หาก กบข.ไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการกันสำรองร้อยละ 30 ของ ธปท.
ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ร้อยละ 5-6 ส่วนผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ การลงทุนของ กบข.ให้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ย
ประมาณร้อยละ 6-7 โดยตัวแปรหลักที่ทำให้ผลตอบแทนออกมาดี เนื่องจาก กบข.มีกำไรจากการลงทุนในพันธบัตรระยะยาว (กรุงเทพธุรกิจ,
ผู้จัดการรายวัน, โพสต์ทูเดย์, ข่าวสด)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดขายบ้านสำเร็จรูปของ สรอ.ในเดือน พ.ค.50 ลดลงต่ำสุดในรอบ 4 ปี รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 25 มิ.ย.50
The National Association of Realtors เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านสำเร็จรูปของ สรอ.ในเดือน พ.ค.50 ลดลงร้อยละ 0.3
เหลือจำนวน 5.99 ล้านหลัง จากจำนวน 6.01 ล้านหลังในเดือนก่อนหน้า ใกล้เคียงกับการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่ายอดขาย
จะมีจำนวน 5.98 ล้านหลัง นับเป็นการลดลงต่ำสุดในรอบ 4 ปีตั้งแต่เดือน มิ.ย.46 ขณะที่จำนวนบ้านคงค้างรอการขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 5
หรือมีจำนวน 4.43 ล้านหลัง โดยระยะเวลาเฉลี่ยในการขายบ้านคงค้างอยู่ที่ 8.9 เดือน ซึ่งเป็นระดับเดียวกับในเดือน มิ.ย.35 เช่นเดียวกับ
ราคาบ้านเฉลี่ยซึ่งลดลงร้อยละ 2.1 อยู่ที่ราคาหลังละ 223,7000 ดอลลาร์ สรอ. ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 ทั้งนี้ ยอดขายและราคาบ้าน
สำเร็จรูปที่ลดลง ประกอบกับจำนวนบ้านคงค้างที่เพิ่มขึ้น ล้วนแสดงสัญญาณว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ของ สรอ.ยังคงห่างไกลจากภาวะฟื้นตัว
นอกจากนี้ จากผลการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พบว่าความเชื่อมั่นลดลงที่ระดับต่ำสุด
ในรอบกว่า 16 ปี (รอยเตอร์)
2. เยอรมนีกำลังพิจารณามาตรการเพื่อปกป้องการครอบครองกิจการในประเทศจากบริษัทต่างชาติ รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ
วันที่ 25 มิ.ย. 50 นาย Ulrich Wilhelm โฆษกรัฐบาลเยอรมนีเปิดเผยว่า รัฐบาลกำลังพิจารณากลไกใหม่ในการป้องกันกิจการในประเทศ
เพื่อไม่ให้ถูกครอบครอง (takeover) จากบริษัทต่างชาติ ทั้งนี้ทางการเยอรมนีได้เห็นชอบแผนการดังกล่าวในการประชุมที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน
ก็เตือนว่ายังไม่มีความชัดเจนมากนัก โดยความคิดดังกล่าวมีการพิจารณามาเป็นเวลานานถึง 7 เดือน ซึ่งเขาชี้ว่าประเทศอื่นๆ อาทิ สรอ.
ฝรั่งเศส ก็มีมาตรการในการป้องกันกิจการในประเทศที่จะถูก takeover จากบริษัทจากต่างประเทศเช่นเดียวกัน ซึ่งเยอรมนีมีความวิตก
เกี่ยวกับการที่ต่างชาติสนใจที่จะเข้ามา takeover กิจการในเยอรมนีเพิ่มขึ้น ทำให้ทางการเยอรมนีได้เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดในวิธีการ
ที่จะควบคุมกิจการในประเทศให้พันจากการ takeover ของบริษัทจากรัสเซีย จีน และบริษัทจากตะวันออกกลางที่จะเข้ามาซื้อกิจการ
ซึ่งนาย Michael Glos รมว. เศรษฐกิจเยอรมนี กล่าวว่าไม่ได้ต้องการเป็นผู้นำที่มีบทบาทในการปกป้องกิจการ แต่กำลังดูว่าฝรั่งเศส
ได้ดำเนินการอย่างไรในอันที่จะป้องกันบริษัทในประเทศไม่ให้ถูก takeover จากต่างชาติ (รอยเตอร์)
3. Ifo คาดว่าเศรษฐกิจเยอรมนีในปี 50 จะขยายตัวร้อยละ 2.6 ชะลอตัวเล็กน้อยจากร้อยละ 2.8 ต่อปีในปี 49 รายงาน
จากเบอร์ลิน เมื่อ 25 มิ.ย.50 Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจชั้นนำของเยอรมนีคาดว่าเศรษฐกิจเยอรมนีจะขยายตัวร้อยละ 2.6 ในปี 50
ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากร้อยละ 2.8 ต่อปีในปี 49 ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 6 ปี และคาดว่าในปี 51 เศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ 2.5 ต่อปี
ทั้งนี้ ในเดือน ธ.ค.49 ที่ผ่านมา Ifo ได้เคยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเยอรมนีจะขยายตัวร้อยละ 1.9 ต่อปีในปี 50 และต่อมาในเดือน เม.ย.50
ได้ร่วมกับสถาบันวิจัยเศรษฐกิจชั้นนำอีก 4 แห่งของเยอรมนีประมาณการว่าเศรษฐกิจในปี 50 จะขยายตัวร้อยละ 2.4 ต่อปีก่อนที่จะปรับเพิ่ม
ประมาณการในครั้งนี้เป็นร้อยละ 2.6 ต่อปี โดย Ifo คาดว่าการบริโภคของภาคเอกชนในปีนี้จะขยายตัวเพียงร้อยละ 0.3 ต่อปี ก่อนที่จะ
ขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 2.2 ต่อปีในปี 51 และคาดว่าจำนวนคนว่างงานจะลดลงเหลือประมาณ 3.5 ล้านคนในปี 51 ลดลงเกือบ 1 ล้านคน
จากปี 49 โดยคาดว่าจำนวนคนมีงานทำจะเพิ่มขึ้นเกือบ 860,000 คนในช่วงเวลาระหว่างปี 49 — 51 ทั้งนี้ ประมาณการของ Ifo ตั้งอยู่
บนสมมติฐานว่าราคาน้ำมันอยู่เฉลี่ย 70 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรลจนถึงสิ้นปี 51 และ ธ.กลางยุโรปหรือ ECB จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง
เป็นร้อยละ 4.5 ต่อปีจากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 4.0 ต่อปี (รอยเตอร์)
4. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสิงคโปร์ในเดือน พ.ค.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 รายงานจากประเทศสิงคโปร์ เมื่อ
วันที่ 25 มิ.ย.50 กรมการสถิติของสิงคโปร์เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสิงคโปร์ที่ปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วในเดือน พ.ค.50
เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 จากเดือน เม.ย.50 และสูงกว่าปีก่อนร้อยละ 1.0 การเพิ่มขึ้นตามมาหลังจากที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเดือน เม.ย.
และ มี.ค.50 โดยในเดือน พ.ค. ต้นทุนที่อยู่อาศัยลดลงร้อยละ 1.0 จากปีก่อน ขณะที่ราคาอาหารซึ่งเป็นสัดส่วนมากที่สุดในการคำนวณดัชนี
เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 26 มิ.ย. 50 25 มิ.ย. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 34.567 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 34.3716/34.7135 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.68984 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 764.12/13.82 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,600/10,700 10,650/10,750 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 67.21 66.61 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 29.99*/25.34** 29.99*/25.34** 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับเลดเมื่อ 2 มิ.ย. 50 , ** ปรับเพิ่มเมื่อ 26 เม.ย. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. กองทุนฟื้นฟูฯ เตรียมออกพันธบัตรระยะ 5 ปี งวดแรกวงเงิน 7-8 หมื่นล้านบาทในเร็ว ๆ นี้ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายจัดการกองทุน
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะผู้จัดการกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เปิดเผยว่า ในเร็ว ๆ นี้ กองทุนฟื้นฟูฯ
จะออกพันธบัตรวงเงินประมาณ 7-8 หมื่นล้านบาท ระยะเวลาไถ่ถอน 5 ปี ซึ่งการออกพันธบัตรดังกล่าวเกิดจากการแปลงเงินกู้ระยะสั้นที่เคยกู้
ในตลาดซื้อคืนพันธบัตรของ ธปท.วงเงิน 2 แสนล้านบาท มากู้ยืมระยะยาวกับภาคเอกชน หลังจากที่ ธปท.กำลังจะปิดตลาดซื้อคืนพันธบัตรในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ แนวทางการออกพันธบัตรดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ แล้ว โดย ธปท.จะทยอยออกพันธบัตรเป็น 3 งวดด้วยกัน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กำลังศึกษาว่าจะออกขายให้กับนักลงทุนสถาบันหรือนักลงทุนรายย่อย รวมถึงศึกษาถึงการตอบรับพันธบัตรจากตลาดด้วย
(กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, , โลกวันนี้, โพสต์ทูเดย์, ไทยรัฐ, เดลินิวส์, มติชน, แนวหน้า)
2. ธปท.เผยยังไม่มีหนังสือขอโอนเงินออกนอกประเทศเพื่อซื้อหุ้นสโมสรฟุตบอลจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผอ.ฝ่ายกำกับการ
แลกเปลี่ยนเงินและสินเชื่อ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีการขอโอนเงินออกนอกประเทศ
เพื่อไปซื้อหุ้นสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของอดีต นรม.ทักษิณ ชินวัตร ส่วนการโอนเงินออกไปโดยไม่ผ่าน ธปท.นั้น สามารถตรวจสอบ
ธุรกรรมดังกล่าวย้อนหลังได้ 3 ปี แต่ต้องมีคำสั่งจาก คตส.ก่อน โดยที่ผ่านมามีเพียงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ขอนำเงินออกไปซื้อบ้านที่อังกฤษ
400 ล้านบาทเท่านั้น ทั้งนี้ ธปท.อนุญาตให้ ธพ.อนุมัติเงินที่ขออนุญาตไปลงทุนโดยตรงในต่างประเทศได้เอง โดยไม่ต้องส่งเรื่องให้ ธปท.อนุมัติ
หากวงเงินที่ขอโอนออกไปลงทุนไม่เกิน 50 ล้านดอลลาร์ สรอ. แต่ถ้านำเงินออกเกินวงเงินดังกล่าว และไม่แจ้งให้ ธปท.ทราบ ธพ.จะมี
ความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตามมาตรา 8 ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
(กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
3. ธปท.เผยหาก ธ.กรุงเทพดำเนินการขายหุ้นที่ถืออยู่ไม่ทันภายในเดือน มิ.ย.นี้ ถือว่าทำผิดหลักเกณฑ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับ
สถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า หาก ธ.กรุงเทพดำเนินการขายหุ้นที่ถืออยู่ใน ธ.สินเอเชียร้อยละ 19.26
ออกไปไม่ทันตามกำหนดเดิมที่ ธปท.สั่งให้ลดลงเหลือต่ำกว่าร้อยละ 10 ภายในเดือน มิ.ย.นี้ และขายหุ้นที่ถืออยู่ออกทั้งหมดภายในสิ้นปี 50
ไม่ได้ ถือว่า ธ.กรุงเทพทำผิดหลักเกณฑ์ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ของ ธปท.ห้ามสถาบันการเงินทำธุรกิจ 2 สถานะ หรือห้ามบริหารธุรกิจ ธพ.
2 แห่งพร้อมกัน (โพสต์ทูเดย์)
4. ก.ศึกษาธิการร่วมมือกับ ธปท.จัดทำหลักสูตรสังเกตธนบัตรปลอม รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ก.ศึกษาธิการ
มีการหารือร่วมกับนายยอดชาย ชูศรี ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายออกบัตรธนาคาร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับการนำความรู้ความ
เข้าใจเรื่องการใช้ธนบัตร ตลอดจนวิธีการสังเกตธนบัตรปลอม มาจัดทำเป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อสอนนักเรียนในระดับที่เหมาะสม เนื่องจาก
ในปัจจุบันมีการปลอมแปลงธนบัตรปลอมมากขึ้น ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ทั้งนี้ ธปท.ต้องการให้มีการเผยแพร่ความรู้เรื่องนี้ไปสู่
ประชาชนทุกระดับมากขึ้น โดยที่ผ่านมา ธปท.ได้ดำเนินการตามแผนรณรงค์ต่อต้านธนบัตรปลอมเชิงรุกผ่านเครือข่ายโรงเรียนในระดับมัธยมศึกษา
ไปแล้ว 22 จังหวัดทั่วประเทศ และตั้งเป้าหมายในปีนี้อีก 20 จังหวัด และจะขยายเครือข่ายครอบคลุมทุกพื้นที่ภายในปี 52 นอกจากนี้ จะมี
การแต่งตั้งคณะทำงานร่วมร่วมกันระหว่าง ธปท.และสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อศึกษาเนื้อหาที่จะสอนนักเรียน
แต่ละระดับควรจะครอบคลุมเรื่องใดบ้าง (กรุงเทพธุรกิจ)
5. กบข.คาดผลตอบแทนการลงทุนปีนี้อยู่ที่ร้อยละ 7-8 สูงกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จ
บำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ของ กบข.คาดว่าผลตอบแทนการลงทุนโดยรวมทั้งปีจะอยู่ที่ร้อยละ 7-8
ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 6-6.5 และสูงกว่าปีที่ผ่านมาที่ผลตอบแทนการลงทุนโดยรวมของ กบข.อยู่ที่ร้อยละ 3.5 เนื่องจาก
ได้รับผลกระทบจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศมาตรการควบคุมเงินทุนเคลื่อนย้ายเงินทุนระยะสั้น โดยการให้มีการกัน
สำรองร้อยละ 30 ของเงินทุนนำเข้า ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา หาก กบข.ไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการกันสำรองร้อยละ 30 ของ ธปท.
ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ร้อยละ 5-6 ส่วนผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ การลงทุนของ กบข.ให้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ย
ประมาณร้อยละ 6-7 โดยตัวแปรหลักที่ทำให้ผลตอบแทนออกมาดี เนื่องจาก กบข.มีกำไรจากการลงทุนในพันธบัตรระยะยาว (กรุงเทพธุรกิจ,
ผู้จัดการรายวัน, โพสต์ทูเดย์, ข่าวสด)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดขายบ้านสำเร็จรูปของ สรอ.ในเดือน พ.ค.50 ลดลงต่ำสุดในรอบ 4 ปี รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 25 มิ.ย.50
The National Association of Realtors เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านสำเร็จรูปของ สรอ.ในเดือน พ.ค.50 ลดลงร้อยละ 0.3
เหลือจำนวน 5.99 ล้านหลัง จากจำนวน 6.01 ล้านหลังในเดือนก่อนหน้า ใกล้เคียงกับการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่ายอดขาย
จะมีจำนวน 5.98 ล้านหลัง นับเป็นการลดลงต่ำสุดในรอบ 4 ปีตั้งแต่เดือน มิ.ย.46 ขณะที่จำนวนบ้านคงค้างรอการขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 5
หรือมีจำนวน 4.43 ล้านหลัง โดยระยะเวลาเฉลี่ยในการขายบ้านคงค้างอยู่ที่ 8.9 เดือน ซึ่งเป็นระดับเดียวกับในเดือน มิ.ย.35 เช่นเดียวกับ
ราคาบ้านเฉลี่ยซึ่งลดลงร้อยละ 2.1 อยู่ที่ราคาหลังละ 223,7000 ดอลลาร์ สรอ. ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 ทั้งนี้ ยอดขายและราคาบ้าน
สำเร็จรูปที่ลดลง ประกอบกับจำนวนบ้านคงค้างที่เพิ่มขึ้น ล้วนแสดงสัญญาณว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ของ สรอ.ยังคงห่างไกลจากภาวะฟื้นตัว
นอกจากนี้ จากผลการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พบว่าความเชื่อมั่นลดลงที่ระดับต่ำสุด
ในรอบกว่า 16 ปี (รอยเตอร์)
2. เยอรมนีกำลังพิจารณามาตรการเพื่อปกป้องการครอบครองกิจการในประเทศจากบริษัทต่างชาติ รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ
วันที่ 25 มิ.ย. 50 นาย Ulrich Wilhelm โฆษกรัฐบาลเยอรมนีเปิดเผยว่า รัฐบาลกำลังพิจารณากลไกใหม่ในการป้องกันกิจการในประเทศ
เพื่อไม่ให้ถูกครอบครอง (takeover) จากบริษัทต่างชาติ ทั้งนี้ทางการเยอรมนีได้เห็นชอบแผนการดังกล่าวในการประชุมที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน
ก็เตือนว่ายังไม่มีความชัดเจนมากนัก โดยความคิดดังกล่าวมีการพิจารณามาเป็นเวลานานถึง 7 เดือน ซึ่งเขาชี้ว่าประเทศอื่นๆ อาทิ สรอ.
ฝรั่งเศส ก็มีมาตรการในการป้องกันกิจการในประเทศที่จะถูก takeover จากบริษัทจากต่างประเทศเช่นเดียวกัน ซึ่งเยอรมนีมีความวิตก
เกี่ยวกับการที่ต่างชาติสนใจที่จะเข้ามา takeover กิจการในเยอรมนีเพิ่มขึ้น ทำให้ทางการเยอรมนีได้เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดในวิธีการ
ที่จะควบคุมกิจการในประเทศให้พันจากการ takeover ของบริษัทจากรัสเซีย จีน และบริษัทจากตะวันออกกลางที่จะเข้ามาซื้อกิจการ
ซึ่งนาย Michael Glos รมว. เศรษฐกิจเยอรมนี กล่าวว่าไม่ได้ต้องการเป็นผู้นำที่มีบทบาทในการปกป้องกิจการ แต่กำลังดูว่าฝรั่งเศส
ได้ดำเนินการอย่างไรในอันที่จะป้องกันบริษัทในประเทศไม่ให้ถูก takeover จากต่างชาติ (รอยเตอร์)
3. Ifo คาดว่าเศรษฐกิจเยอรมนีในปี 50 จะขยายตัวร้อยละ 2.6 ชะลอตัวเล็กน้อยจากร้อยละ 2.8 ต่อปีในปี 49 รายงาน
จากเบอร์ลิน เมื่อ 25 มิ.ย.50 Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจชั้นนำของเยอรมนีคาดว่าเศรษฐกิจเยอรมนีจะขยายตัวร้อยละ 2.6 ในปี 50
ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากร้อยละ 2.8 ต่อปีในปี 49 ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 6 ปี และคาดว่าในปี 51 เศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ 2.5 ต่อปี
ทั้งนี้ ในเดือน ธ.ค.49 ที่ผ่านมา Ifo ได้เคยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเยอรมนีจะขยายตัวร้อยละ 1.9 ต่อปีในปี 50 และต่อมาในเดือน เม.ย.50
ได้ร่วมกับสถาบันวิจัยเศรษฐกิจชั้นนำอีก 4 แห่งของเยอรมนีประมาณการว่าเศรษฐกิจในปี 50 จะขยายตัวร้อยละ 2.4 ต่อปีก่อนที่จะปรับเพิ่ม
ประมาณการในครั้งนี้เป็นร้อยละ 2.6 ต่อปี โดย Ifo คาดว่าการบริโภคของภาคเอกชนในปีนี้จะขยายตัวเพียงร้อยละ 0.3 ต่อปี ก่อนที่จะ
ขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 2.2 ต่อปีในปี 51 และคาดว่าจำนวนคนว่างงานจะลดลงเหลือประมาณ 3.5 ล้านคนในปี 51 ลดลงเกือบ 1 ล้านคน
จากปี 49 โดยคาดว่าจำนวนคนมีงานทำจะเพิ่มขึ้นเกือบ 860,000 คนในช่วงเวลาระหว่างปี 49 — 51 ทั้งนี้ ประมาณการของ Ifo ตั้งอยู่
บนสมมติฐานว่าราคาน้ำมันอยู่เฉลี่ย 70 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรลจนถึงสิ้นปี 51 และ ธ.กลางยุโรปหรือ ECB จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง
เป็นร้อยละ 4.5 ต่อปีจากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 4.0 ต่อปี (รอยเตอร์)
4. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสิงคโปร์ในเดือน พ.ค.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 รายงานจากประเทศสิงคโปร์ เมื่อ
วันที่ 25 มิ.ย.50 กรมการสถิติของสิงคโปร์เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสิงคโปร์ที่ปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วในเดือน พ.ค.50
เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 จากเดือน เม.ย.50 และสูงกว่าปีก่อนร้อยละ 1.0 การเพิ่มขึ้นตามมาหลังจากที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเดือน เม.ย.
และ มี.ค.50 โดยในเดือน พ.ค. ต้นทุนที่อยู่อาศัยลดลงร้อยละ 1.0 จากปีก่อน ขณะที่ราคาอาหารซึ่งเป็นสัดส่วนมากที่สุดในการคำนวณดัชนี
เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 26 มิ.ย. 50 25 มิ.ย. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 34.567 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 34.3716/34.7135 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.68984 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 764.12/13.82 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,600/10,700 10,650/10,750 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 67.21 66.61 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 29.99*/25.34** 29.99*/25.34** 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับเลดเมื่อ 2 มิ.ย. 50 , ** ปรับเพิ่มเมื่อ 26 เม.ย. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--