ที่พรรคประชาธิปัตย์ นาย ถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีผู้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปีจากคดียุบพรรค เข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ ว่า ในคำร้องของยุบพรรคของพนักงานอัยการที่ขอให้ยุบพรรคนั้น มีคำขอท้ายคำร้องอยู่แล้วว่าขอให้ตัดสิทธิทางการเมืองตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2541 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ยังคงบังคับใช้อยู่ และกำหนดบทลงโทษไว้ว่าผู้ใดที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง บุคคลเหล่านั้นจะเริ่มก่อการจัดตั้งพรรคการเมืองไม่ได้และดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ได้ทั้งทางนิตินัยและพฤตินัย ซึ่งการก่อการจัดตั้งพรรคนั้นครอบคลุมตั้งแต่การจัดประชุม การรวบรวมสมาชิก การแสดงความคิดเห็น และการมอบหมายให้บุคคลอื่นไปยื่นขอจดทะเบียนพรรค
รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า ดังนั้น คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ต้องบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญ โดยควรดำเนินการส่งสัญญาณใดๆเตือนและสั่งห้ามถึงพรรคเมืองที่ผู้ถูกตัดสิทธิ์นี้เข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคทันที เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคตจากการที่ผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองทั้ง 111 คน ไปเคลื่อนไหวจัดตั้งพรรคการเมือง โดยปรากฏต่อสื่อมวลชนจากการแถลงข่าวและการประชุม เช่น กรณีที่นาย สมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมา และนาย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ แกนนำกลุ่มรวมใจไทย ที่เข้าร่วมประชุมเพื่อตั้งพรรค เป็นต้น ซึ่งมีพยานหลักฐานและพยานบุคคลชัดเจน อาจทำให้พรรคการเมืองใหม่เหล่านั้นถูกยุบหรือถูกลบชื่อออกจากทะเบียนพรรคการเมืองในภายหลัง ตามบทบัญญัติมาตรา 69 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง แม้จะมีการอ้างว่าในการขอจดทะเบียน ผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเหล่านั้นไม่ได้มีชื่อเป็นผู้ก่อการตั้งพรรคก็ตาม ทั้งนี้ ประชาชนสามารถไปยื่นหนังสือขอให้ กกต.ดำเนินการดังกล่าว แต่ถ้า กกต.ยังไม่ดำเนินการใดๆหรือแสดงความเห็นที่ขัดกับหลักกฎหมายหรือคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญ กกต.ก็จะถูกตรวจสอบการทำงานได้เช่นกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าบางกลุ่มหรือพรรคการเมืองมีการนำผู้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปเป็นที่ปรึกษา นายถาวร กล่าวว่า การเลี่ยงข้อกฎหมายเช่นนี้ทำแบบศรีธนญชัย แต่ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ว่าตัวเองไม่ได้ร่วมไม่ได้ เมื่อถามต่อว่าจะเป็นการบีบคั้นมากจนเกินไปหรือไม่ นายถาวร กล่าวว่า ไม่ เพราะกฎหมายเขียนไว้เช่นนั้น ในเมื่อเราอยากให้ประเทศนี้ปกครองด้วยกฎหมาย ก็ต้องเชื่อฟังกฎหมาย แต่เมื่อกฎหมายบัญญัติเป็นข้อห้ามไว้ ก็จะต้องไปแก้กฎหมาย ถ้าประชาชนหรือนักการเมืองเห็นว่าการตัดสิทธิ์ดังกล่าวเป็นการตัดสิทธิ์ขั้นพื้นฐานทางการเมือง
ต่อข้อถามถึงกรณีที่นาย สมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ประกาศเป็นนอมินีทางการเมืองของพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เข้าข่ายมีความผิด และการพูดที่เป็นปฏิปักษ์ต่อตัวเองต่อพรรคของตัวเองเช่นนี้ สามารถใช้เป็นหลักฐานได้ ซึ่ง กกต.คงดำเนินการรวบรวมอยู่แล้ว แต่ต้องเตือนและสั่งห้ามในตอนนี้ เพราะการเป็นนอมินีของคนที่ถูกตัดสิทธิ์หมายถึงการไปทำหน้าที่แทน พ.ต.ท.ทักษิณที่เป็นตัวการตัดสินใจ การพูด หรือการลงมติใดๆของนายสมัคร ดังนั้น ทั้งผู้ที่เป็นตัวการและผู้เป็นตัวแทนจะต้องรับผิดชอบการกระทำการใดๆในนามของตัวการ ซึ่งตรงนี้สามารถนำประมวลกฎหมายอาญามาใช้ได้ด้วย ทั้งนี้ กกต.จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่านายสมัครพูดเล่นหรือพูดจริง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 28 ส.ค. 2550--จบ--
รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า ดังนั้น คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ต้องบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญ โดยควรดำเนินการส่งสัญญาณใดๆเตือนและสั่งห้ามถึงพรรคเมืองที่ผู้ถูกตัดสิทธิ์นี้เข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคทันที เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคตจากการที่ผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองทั้ง 111 คน ไปเคลื่อนไหวจัดตั้งพรรคการเมือง โดยปรากฏต่อสื่อมวลชนจากการแถลงข่าวและการประชุม เช่น กรณีที่นาย สมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมา และนาย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ แกนนำกลุ่มรวมใจไทย ที่เข้าร่วมประชุมเพื่อตั้งพรรค เป็นต้น ซึ่งมีพยานหลักฐานและพยานบุคคลชัดเจน อาจทำให้พรรคการเมืองใหม่เหล่านั้นถูกยุบหรือถูกลบชื่อออกจากทะเบียนพรรคการเมืองในภายหลัง ตามบทบัญญัติมาตรา 69 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง แม้จะมีการอ้างว่าในการขอจดทะเบียน ผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเหล่านั้นไม่ได้มีชื่อเป็นผู้ก่อการตั้งพรรคก็ตาม ทั้งนี้ ประชาชนสามารถไปยื่นหนังสือขอให้ กกต.ดำเนินการดังกล่าว แต่ถ้า กกต.ยังไม่ดำเนินการใดๆหรือแสดงความเห็นที่ขัดกับหลักกฎหมายหรือคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญ กกต.ก็จะถูกตรวจสอบการทำงานได้เช่นกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าบางกลุ่มหรือพรรคการเมืองมีการนำผู้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปเป็นที่ปรึกษา นายถาวร กล่าวว่า การเลี่ยงข้อกฎหมายเช่นนี้ทำแบบศรีธนญชัย แต่ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ว่าตัวเองไม่ได้ร่วมไม่ได้ เมื่อถามต่อว่าจะเป็นการบีบคั้นมากจนเกินไปหรือไม่ นายถาวร กล่าวว่า ไม่ เพราะกฎหมายเขียนไว้เช่นนั้น ในเมื่อเราอยากให้ประเทศนี้ปกครองด้วยกฎหมาย ก็ต้องเชื่อฟังกฎหมาย แต่เมื่อกฎหมายบัญญัติเป็นข้อห้ามไว้ ก็จะต้องไปแก้กฎหมาย ถ้าประชาชนหรือนักการเมืองเห็นว่าการตัดสิทธิ์ดังกล่าวเป็นการตัดสิทธิ์ขั้นพื้นฐานทางการเมือง
ต่อข้อถามถึงกรณีที่นาย สมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ประกาศเป็นนอมินีทางการเมืองของพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เข้าข่ายมีความผิด และการพูดที่เป็นปฏิปักษ์ต่อตัวเองต่อพรรคของตัวเองเช่นนี้ สามารถใช้เป็นหลักฐานได้ ซึ่ง กกต.คงดำเนินการรวบรวมอยู่แล้ว แต่ต้องเตือนและสั่งห้ามในตอนนี้ เพราะการเป็นนอมินีของคนที่ถูกตัดสิทธิ์หมายถึงการไปทำหน้าที่แทน พ.ต.ท.ทักษิณที่เป็นตัวการตัดสินใจ การพูด หรือการลงมติใดๆของนายสมัคร ดังนั้น ทั้งผู้ที่เป็นตัวการและผู้เป็นตัวแทนจะต้องรับผิดชอบการกระทำการใดๆในนามของตัวการ ซึ่งตรงนี้สามารถนำประมวลกฎหมายอาญามาใช้ได้ด้วย ทั้งนี้ กกต.จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่านายสมัครพูดเล่นหรือพูดจริง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 28 ส.ค. 2550--จบ--