ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.พบผู้ให้บริการบัตรเครดิตบางรายรับสมัครผู้ขอรับบริการบัตรเครดิตไม่เป็นไปตามประกาศ
ธปท. รายงานจากสายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า จากการตอบข้อสอบถาม
จาก ธพ.และสถาบันผู้ประกอบธุรกิจการให้บริการบัตรเครดิต พบว่า มีผู้ให้บริการบัตรเครดิตบางรายรับสมัครผู้ขอ
รับบริการบัตรเครดิตโดยเฉพาะผู้ถือบัตรหลักไม่เป็นไปตามประกาศของ ธปท. โดยในการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ถือ
บัตรหลักนั้น ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตอนุญาตให้ใช้หลักฐานการสมัครเป็นสำเนาบัตรเครดิตของรายอื่นที่ผู้ยื่นขอ
สมัครบัตรใหม่มีอยู่มาถ่ายเอกสาร และสำเนาสลิปการใช้บัตรเครดิตใบนั้น โดยถือว่าได้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติ
ของผู้ประกอบธุรกิจรายอื่นแล้วนั้นทำไม่ได้ เพราะวิธีการดังกล่าวไม่เป็นไปตามประกาศของ ธปท.เนื่องจากไม่มี
หลักฐานที่แน่ชัดเกี่ยวกับแหล่งที่มาของรายได้ นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา ธปท.ได้ส่งหนังสือแจ้งผู้
ประกอบการว่า การอนุมัติบัตรเครดิตให้ลูกค้ารายใหม่นั้นแหล่งที่มาต่าง ๆ ของรายได้รวมกันต้องไม่น้อยกว่า 1.5
หมื่นบาทต่อเดือน หรือไม่ต่ำกว่า 1.8 แสนบาทต่อปี โดยต้องแสดงหลักฐานที่แน่ชัดเกี่ยวกับแหล่งที่มาของรายได้
เป็นผู้มีรายได้หรือเคยมีรายได้จากการทำมาหาได้ของตนเอง โดยพิจารณาจากกระแสเงินสดหมุนเวียนในบัญชีเงิน
ฝากของสถาบันการเงินเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน และผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็น
ผู้มีฐานะทางการเงินเพียงพอสำหรับการชำระเงินตามบัตรเครดิตได้ กรณีผู้ถือบัตรรายเก่า ผู้ประกอบการจะต่ออายุ
บัตรเครดิตให้แก่ผู้ถือบัตรรายเก่าที่มีรายได้รวมกันต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาทต่อเดือน หรือต่ำกว่า 1.8 แสนบาทต่อปี
ได้ หากผู้ถือบัตรรายเก่ามีประวัติการชำระหนี้ที่ดีต่อเนื่อง โดยในรอบ 1 ปีย้อนหลังไม่เคยผิดนัดชำระหนี้เกิน 2
ครั้ง แต่ละครั้งไม่เกิน 30 วัน ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.เป็นต้นไป ลูกค้าที่ถือบัตรเก่าทั้งหมดจะต้องชำระหนี้ขั้น
ต่ำร้อยละ 10 (ไทยรัฐ, โพสต์ทูเดย์)
2. ธ.กรุงไทยเปิดสินเชื่อพิเศษเอสเอ็มอีขั้นต่ำ 5 ล้านบาทต่อราย วงเงินรวม 1 หมื่นล้านบาท
กรรมการผู้จัดการ ธ.กรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้เปิดโครงการพิเศษให้ลูกค้าขนาดกลางและขนาดย่อม
(เอสเอ็มอี) ที่ประกอบกิจการเพื่อการส่งออก (KTB-Exporter Club) พร้อมบริการด้านธุรกิจต่างประเทศแบบครบ
วงจร โดยให้ลูกค้าเงินกู้ข้นต่ำ 5 ล้านบาทต่อราย วงเงินโครงการรวม 10,000 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ
ส่งเสริมการส่งออกของประเทศมุ่งช่วยเหลือในการลดต้นทุนให้เอสเอ็มอีและให้ได้รับบริการทางการเงินที่มี
ประสิทธิภาพ (ผู้จัดการรายวัน)
3. ส.ป.ก.เตรียมเสนอออกพันธบัตรจำนวน 4 หมื่นล้านบาทเพื่อซื้อที่ดินจัดสรรให้คนยากจน
เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เปิดเผยว่า ส.ป.ก.เตรียมเสนอ รมว.เกษตร
และสหกรณ์พิจารณาเรื่องการออกพันธบัตรจำนวน 40,000 ล้านบาท สำหรับนำไปจัดซื้อที่ดินเพื่อจัดสรรให้แก่
ประชาชนที่ขึ้นทะเบียนคนยากจนและประสงค์มีที่ทำกิน ทั้งนี้ หลังจากการขึ้นทะเบียนคนยากจนมีผู้ต้องการที่ทำกินถึง
4 ล้านคน ซึ่งในส่วนนี้จะมีการพิจารณากลั่นกรองและคาดว่าจะสามารถจัดสรรที่ดินให้ประชาชนได้ประมาณร้อยละ
10 หรือ 4 แสนคน ๆ ละ ประมาณ 10 ไร่ ดังนั้น ส.ป.ก.จะต้องเร่งจัดหาที่ดินเพื่อจัดสรรให้ประชาชนถึง 4
ล้านไร่ ราคาประเมินไร่ละประมาณ 1 หมื่นบาท (โลกวันนี้, ข่าวสด, โพสต์ทูเดย์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ราคาบ้านของอังกฤษปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 ในช่วงกลางเดือน มี.ค.-เม.ย.48 รายงาน
จากลอนดอนเมื่อ 18 เม.ย.48 Rightmove เปิดเผยว่า ราคาบ้านของอังกฤษในช่วงกลางเดือน มี.ค.-เม.ย.48
เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 โดยราคาบ้านเฉลี่ยอยู่ที่หลังละ 197,539 ปอนด์ (372,600 ดอลลาร์ สรอ.) สูง
กว่าฤดูร้อนปีก่อนหน้าจำนวน 1,341 ปอนด์ ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาบ้านของอังกฤษอยู่ในระดับสูงก่อนที่ตลาดบ้านจะชะลอ
ตัวลง สำหรับอัตราการขยายตัวของราคาบ้านต่อปีลดลงที่ระดับร้อยละ 7.0 จากระดับร้อยละ 8.6 นับเป็นอัตรา
การขยายตัวต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปีนับตั้งแต่มีการสำรวจ ทั้งนี้ ไม่มีสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าช่องว่างระหว่างราคา
บ้านที่ผู้ขายกับผู้ซื้อต้องการจะแคบลง ซึ่งแสดงถึงแนวโน้มที่ไม่ดีนักของตลาดบ้านในช่วงต่อไป อย่างไรก็ตาม ผู้ซื้อ
บ้านยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากรายงานตัวเลขความต้องการซื้อบ้านที่สูงกว่าความต้องการขาย
เป็นครั้งแรกในรอบปีนี้ แต่การซื้อขายบ้านก็ยังคงต่ำกว่าระดับปกติที่ควรจะเป็นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นช่วงที่ธุรกิจ
ด้านการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เปิดดำเนินการมากขึ้น โดยในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดบ้านอังกฤษเริ่มเห็นทิศ
ทางที่ดีขึ้น จากจำนวนผู้ขายที่มีจำนวน 106,000 ราย ต่ำกว่าเล็กน้อยจาก 110,000 รายในช่วง 4 สัปดาห์ก่อน
หน้า ขณะที่ระยะเวลาเฉลี่ยของบ้านที่สร้างเสร็จเพื่อรอการขายลดลงจาก 82 วันเหลือ 73 วัน แม้ว่าจะยังคงสูง
ขึ้นร้อยละ 29 เมื่อเทียบกับปีก่อนก็ตาม สำหรับจำนวนบ้านที่สร้างเสร็จเพื่อรอการขายต่อบริษัทตัวแทนซื้อขายบ้านยัง
คงอยู่ที่ระดับ 67 หลังต่อบริษัท (รอยเตอร์)
2. คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวลดลงในไตรมาสแรกปี 48 รายงานจากปักกิ่ง เมื่อวันที่ 15
เม.ย. 48 นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าในไตรมาสแรกปี 48 เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวร้อยละ 9.1 จากช่วงเดียวกันปี 47
ชะลอตัวลงจากที่ขยายตัวร้อยละ 9.5 ในไตรมาสที่ 4 ปี 47 แต่ขยายตัวเท่ากับไตรมาสที่ 3 ปี 47 เนื่องจาก
ทางการจีนต้องการลดความร้อนแรงของการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยพยายามลดการลงทุน และการลดลงของผล
ผลิตอุตสาหกรรม ซึ่งตัวเลขอื่นๆอาจจะแสดงมากกว่านี้ในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตามการเติบโตทางเศรษฐกิจจีนอาจ
จะไม่สามารถควบคุมได้อย่างเต็มที่เนื่องจากทางการจีนเพิ่งจะมีมาตรการควบคุมธุรกิจการก่อสร้างบ้านหรูหรา
ฟุ่มเฟือย ทั้งนี้นักวิเคราะห์จาก Fortis Haitong Investment กล่าวว่าความร้อนแรงทางเศรษฐกิจของจีนยัง
คงมีเล็กน้อย และที่มีความเสี่ยงมากที่สุดมาจากภาวะฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ การใช้นโยบายเข้มงวดต่อไป
อาจจะเน้นไปที่โครงสร้างทางเศรษฐกิจที่ไม่สมดุล ทั้งนี้สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนมีกำหนดจะเปิดเผยตัวเลขการ
ขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสแรก ในวันที่ 20 เม.ย. นี้ ซึ่งรวมทั้งตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรม การลงทุนใน
สินทรัพย์ถาวร ตัวเลขเงินเฟ้อ และยอดขายปลีก ด้วย (รอยเตอร์)
3. มาเลเซียยังไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้ รายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์
ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 15 เม.ย.48 Zeti Akhtar Aziz ผู้ว่าการ ธ.กลางมาเลเซีย กล่าวว่า
มาเลเซียยังไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้ โดยสิ่งที่จะต้องทำก็คือ การทำให้เกิดความสมดุลระหว่าง
นโยบายด้านอัตราดอกเบี้ยกับการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อของประเทศ ซึ่งในขณะนี้ยังคง
เป็นไปด้วยดี ทั้งนี้ ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายข้ามคืนของมาเลเซียอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.70 ซึ่งเป็นระดับที่
ประกาศใช้มาเป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว ด้าน Malaysian Institute of Economic Research (MIER) ได้
ปรับลดพยากรณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของมาเลเซียในปีนี้ลงเหลือร้อยละ 5.4 จากที่เคยคาดการณ์ไว้ร้อยละ 5.7
เมื่อเดือน ม.ค.48 เนื่องจากการส่งออกชะลอตัวลงและราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยภาคการผลิตจะเติบโต
ร้อยละ 6.5 ลดลงจากที่ขยายตัวร้อยละ 9.8 ในปี 47 ทั้งนี้ ภาคการผลิตนับเป็นหัวใจสำคัญของระบบเศรษฐกิจ
มาเลเซีย โดยมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 80 ของการส่งออก และคิดเป็น 1 ใน 3 ของจีดีพี ในขณะที่ ธ.กลาง
มาเลเซียคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะเติบโตร้อยละ 5-6 ลดลงจากร้อยละ 7.1 ในปี 47(รอยเตอร์)
4. ยอดค้าปลีกของสิงคโปร์ในเดือน ก.พ.48 ลดลงร้อยละ 1.0 จากเดือนก่อน รายงานจาก
สิงคโปร์ เมื่อ 15 เม.ย.48 ยอดค้าปลีกของสิงคโปร์ในเดือน ก.พ.48 ลดลงร้อยละ 1.0 จากเดือนก่อน จากที่
คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 ในเดือน ม.ค.48 จากเดือนก่อน และลด
ลงร้อยละ 3.1 และ 5.7 ในเดือน พ.ย.และ ธ.ค.47 ตามลำดับ โดยคาดว่าเป็นผลจากการลดลงของยอดขาย
รถยนต์และการจับจ่ายซื้อสินค้าในช่วงเทศกาลตรุษจีน โดยยอดขายรถยนต์ลดลงร้อยละ 18.9 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อย
ละ 18.7 ในเดือน ม.ค.48 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการที่โควต้าใบอนุญาตให้มีรถยนต์ในเดือนดังกล่าว มีจำนวนสูงขึ้น ส่ง
ผลให้ต้นทุนการเป็นเจ้าของรถยนต์ถูกลง โดยชาวสิงคโปร์ที่ต้องการซื้อรถยนต์ต้องมีใบอนุญาตให้มีรถยนต์ซึ่งกำหนด
โควต้าโดยรัฐบาลเพื่อควบคุมปริมาณรถยนต์ในประเทศที่มีพื้นที่จำกัดอย่างสิงคโปร์ โดยหากไม่รวมยอดขายรถยนต์
แล้ว ยอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 จากเดือน ม.ค.48 นอกจากนี้ยอดขายอุปกรณ์สื่อสารก็ลดลงร้อยละ 14.3
ในเดือน ก.พ.48 เมื่อเทียบกับปีก่อน ยอดค้าปลีกที่ลดลงได้สร้างความกังวลว่าความต้องการของผู้บริโภค
ในประเทศที่ประชากรมีรายได้สูงเป็นอันดับที่ 3 ของเอเชียรองจากญี่ปุ่นและฮ่องกงชะลอตัวลง ธ.กลางสิงคโปร์
คาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะขยายตัวอยู่ในช่วงครึ่งต่ำระหว่างร้อยละ 3 ถึง 5 ที่รัฐบาลคาดไว้ หลังจากเศรษฐกิจ
สิงคโปร์ขยายตัวถึงร้อยละ 8.4 ในปี 47 สูงสุดในรอบ 4 ปี จากการชะลอตัวของการส่งออกซึ่งได้รับผลกระทบ
จากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงอันเป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยและราคาน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 18 เม.ย. 48 12 เม.ย. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.663 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.4521/39.7395 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.2200 - 2.2500 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 698.28/13.38 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,950/8,050 8,000/8,100 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 44.97 48.04 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.89*/18.19** 22.89*/18.19** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 12 เม.ย. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 3 บาท เมื่อ 23 มี.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.พบผู้ให้บริการบัตรเครดิตบางรายรับสมัครผู้ขอรับบริการบัตรเครดิตไม่เป็นไปตามประกาศ
ธปท. รายงานจากสายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า จากการตอบข้อสอบถาม
จาก ธพ.และสถาบันผู้ประกอบธุรกิจการให้บริการบัตรเครดิต พบว่า มีผู้ให้บริการบัตรเครดิตบางรายรับสมัครผู้ขอ
รับบริการบัตรเครดิตโดยเฉพาะผู้ถือบัตรหลักไม่เป็นไปตามประกาศของ ธปท. โดยในการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ถือ
บัตรหลักนั้น ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตอนุญาตให้ใช้หลักฐานการสมัครเป็นสำเนาบัตรเครดิตของรายอื่นที่ผู้ยื่นขอ
สมัครบัตรใหม่มีอยู่มาถ่ายเอกสาร และสำเนาสลิปการใช้บัตรเครดิตใบนั้น โดยถือว่าได้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติ
ของผู้ประกอบธุรกิจรายอื่นแล้วนั้นทำไม่ได้ เพราะวิธีการดังกล่าวไม่เป็นไปตามประกาศของ ธปท.เนื่องจากไม่มี
หลักฐานที่แน่ชัดเกี่ยวกับแหล่งที่มาของรายได้ นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา ธปท.ได้ส่งหนังสือแจ้งผู้
ประกอบการว่า การอนุมัติบัตรเครดิตให้ลูกค้ารายใหม่นั้นแหล่งที่มาต่าง ๆ ของรายได้รวมกันต้องไม่น้อยกว่า 1.5
หมื่นบาทต่อเดือน หรือไม่ต่ำกว่า 1.8 แสนบาทต่อปี โดยต้องแสดงหลักฐานที่แน่ชัดเกี่ยวกับแหล่งที่มาของรายได้
เป็นผู้มีรายได้หรือเคยมีรายได้จากการทำมาหาได้ของตนเอง โดยพิจารณาจากกระแสเงินสดหมุนเวียนในบัญชีเงิน
ฝากของสถาบันการเงินเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน และผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็น
ผู้มีฐานะทางการเงินเพียงพอสำหรับการชำระเงินตามบัตรเครดิตได้ กรณีผู้ถือบัตรรายเก่า ผู้ประกอบการจะต่ออายุ
บัตรเครดิตให้แก่ผู้ถือบัตรรายเก่าที่มีรายได้รวมกันต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาทต่อเดือน หรือต่ำกว่า 1.8 แสนบาทต่อปี
ได้ หากผู้ถือบัตรรายเก่ามีประวัติการชำระหนี้ที่ดีต่อเนื่อง โดยในรอบ 1 ปีย้อนหลังไม่เคยผิดนัดชำระหนี้เกิน 2
ครั้ง แต่ละครั้งไม่เกิน 30 วัน ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.เป็นต้นไป ลูกค้าที่ถือบัตรเก่าทั้งหมดจะต้องชำระหนี้ขั้น
ต่ำร้อยละ 10 (ไทยรัฐ, โพสต์ทูเดย์)
2. ธ.กรุงไทยเปิดสินเชื่อพิเศษเอสเอ็มอีขั้นต่ำ 5 ล้านบาทต่อราย วงเงินรวม 1 หมื่นล้านบาท
กรรมการผู้จัดการ ธ.กรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้เปิดโครงการพิเศษให้ลูกค้าขนาดกลางและขนาดย่อม
(เอสเอ็มอี) ที่ประกอบกิจการเพื่อการส่งออก (KTB-Exporter Club) พร้อมบริการด้านธุรกิจต่างประเทศแบบครบ
วงจร โดยให้ลูกค้าเงินกู้ข้นต่ำ 5 ล้านบาทต่อราย วงเงินโครงการรวม 10,000 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ
ส่งเสริมการส่งออกของประเทศมุ่งช่วยเหลือในการลดต้นทุนให้เอสเอ็มอีและให้ได้รับบริการทางการเงินที่มี
ประสิทธิภาพ (ผู้จัดการรายวัน)
3. ส.ป.ก.เตรียมเสนอออกพันธบัตรจำนวน 4 หมื่นล้านบาทเพื่อซื้อที่ดินจัดสรรให้คนยากจน
เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เปิดเผยว่า ส.ป.ก.เตรียมเสนอ รมว.เกษตร
และสหกรณ์พิจารณาเรื่องการออกพันธบัตรจำนวน 40,000 ล้านบาท สำหรับนำไปจัดซื้อที่ดินเพื่อจัดสรรให้แก่
ประชาชนที่ขึ้นทะเบียนคนยากจนและประสงค์มีที่ทำกิน ทั้งนี้ หลังจากการขึ้นทะเบียนคนยากจนมีผู้ต้องการที่ทำกินถึง
4 ล้านคน ซึ่งในส่วนนี้จะมีการพิจารณากลั่นกรองและคาดว่าจะสามารถจัดสรรที่ดินให้ประชาชนได้ประมาณร้อยละ
10 หรือ 4 แสนคน ๆ ละ ประมาณ 10 ไร่ ดังนั้น ส.ป.ก.จะต้องเร่งจัดหาที่ดินเพื่อจัดสรรให้ประชาชนถึง 4
ล้านไร่ ราคาประเมินไร่ละประมาณ 1 หมื่นบาท (โลกวันนี้, ข่าวสด, โพสต์ทูเดย์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ราคาบ้านของอังกฤษปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 ในช่วงกลางเดือน มี.ค.-เม.ย.48 รายงาน
จากลอนดอนเมื่อ 18 เม.ย.48 Rightmove เปิดเผยว่า ราคาบ้านของอังกฤษในช่วงกลางเดือน มี.ค.-เม.ย.48
เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 โดยราคาบ้านเฉลี่ยอยู่ที่หลังละ 197,539 ปอนด์ (372,600 ดอลลาร์ สรอ.) สูง
กว่าฤดูร้อนปีก่อนหน้าจำนวน 1,341 ปอนด์ ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาบ้านของอังกฤษอยู่ในระดับสูงก่อนที่ตลาดบ้านจะชะลอ
ตัวลง สำหรับอัตราการขยายตัวของราคาบ้านต่อปีลดลงที่ระดับร้อยละ 7.0 จากระดับร้อยละ 8.6 นับเป็นอัตรา
การขยายตัวต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปีนับตั้งแต่มีการสำรวจ ทั้งนี้ ไม่มีสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าช่องว่างระหว่างราคา
บ้านที่ผู้ขายกับผู้ซื้อต้องการจะแคบลง ซึ่งแสดงถึงแนวโน้มที่ไม่ดีนักของตลาดบ้านในช่วงต่อไป อย่างไรก็ตาม ผู้ซื้อ
บ้านยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากรายงานตัวเลขความต้องการซื้อบ้านที่สูงกว่าความต้องการขาย
เป็นครั้งแรกในรอบปีนี้ แต่การซื้อขายบ้านก็ยังคงต่ำกว่าระดับปกติที่ควรจะเป็นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นช่วงที่ธุรกิจ
ด้านการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เปิดดำเนินการมากขึ้น โดยในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดบ้านอังกฤษเริ่มเห็นทิศ
ทางที่ดีขึ้น จากจำนวนผู้ขายที่มีจำนวน 106,000 ราย ต่ำกว่าเล็กน้อยจาก 110,000 รายในช่วง 4 สัปดาห์ก่อน
หน้า ขณะที่ระยะเวลาเฉลี่ยของบ้านที่สร้างเสร็จเพื่อรอการขายลดลงจาก 82 วันเหลือ 73 วัน แม้ว่าจะยังคงสูง
ขึ้นร้อยละ 29 เมื่อเทียบกับปีก่อนก็ตาม สำหรับจำนวนบ้านที่สร้างเสร็จเพื่อรอการขายต่อบริษัทตัวแทนซื้อขายบ้านยัง
คงอยู่ที่ระดับ 67 หลังต่อบริษัท (รอยเตอร์)
2. คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวลดลงในไตรมาสแรกปี 48 รายงานจากปักกิ่ง เมื่อวันที่ 15
เม.ย. 48 นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าในไตรมาสแรกปี 48 เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวร้อยละ 9.1 จากช่วงเดียวกันปี 47
ชะลอตัวลงจากที่ขยายตัวร้อยละ 9.5 ในไตรมาสที่ 4 ปี 47 แต่ขยายตัวเท่ากับไตรมาสที่ 3 ปี 47 เนื่องจาก
ทางการจีนต้องการลดความร้อนแรงของการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยพยายามลดการลงทุน และการลดลงของผล
ผลิตอุตสาหกรรม ซึ่งตัวเลขอื่นๆอาจจะแสดงมากกว่านี้ในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตามการเติบโตทางเศรษฐกิจจีนอาจ
จะไม่สามารถควบคุมได้อย่างเต็มที่เนื่องจากทางการจีนเพิ่งจะมีมาตรการควบคุมธุรกิจการก่อสร้างบ้านหรูหรา
ฟุ่มเฟือย ทั้งนี้นักวิเคราะห์จาก Fortis Haitong Investment กล่าวว่าความร้อนแรงทางเศรษฐกิจของจีนยัง
คงมีเล็กน้อย และที่มีความเสี่ยงมากที่สุดมาจากภาวะฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ การใช้นโยบายเข้มงวดต่อไป
อาจจะเน้นไปที่โครงสร้างทางเศรษฐกิจที่ไม่สมดุล ทั้งนี้สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนมีกำหนดจะเปิดเผยตัวเลขการ
ขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสแรก ในวันที่ 20 เม.ย. นี้ ซึ่งรวมทั้งตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรม การลงทุนใน
สินทรัพย์ถาวร ตัวเลขเงินเฟ้อ และยอดขายปลีก ด้วย (รอยเตอร์)
3. มาเลเซียยังไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้ รายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์
ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 15 เม.ย.48 Zeti Akhtar Aziz ผู้ว่าการ ธ.กลางมาเลเซีย กล่าวว่า
มาเลเซียยังไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้ โดยสิ่งที่จะต้องทำก็คือ การทำให้เกิดความสมดุลระหว่าง
นโยบายด้านอัตราดอกเบี้ยกับการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อของประเทศ ซึ่งในขณะนี้ยังคง
เป็นไปด้วยดี ทั้งนี้ ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายข้ามคืนของมาเลเซียอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.70 ซึ่งเป็นระดับที่
ประกาศใช้มาเป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว ด้าน Malaysian Institute of Economic Research (MIER) ได้
ปรับลดพยากรณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของมาเลเซียในปีนี้ลงเหลือร้อยละ 5.4 จากที่เคยคาดการณ์ไว้ร้อยละ 5.7
เมื่อเดือน ม.ค.48 เนื่องจากการส่งออกชะลอตัวลงและราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยภาคการผลิตจะเติบโต
ร้อยละ 6.5 ลดลงจากที่ขยายตัวร้อยละ 9.8 ในปี 47 ทั้งนี้ ภาคการผลิตนับเป็นหัวใจสำคัญของระบบเศรษฐกิจ
มาเลเซีย โดยมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 80 ของการส่งออก และคิดเป็น 1 ใน 3 ของจีดีพี ในขณะที่ ธ.กลาง
มาเลเซียคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะเติบโตร้อยละ 5-6 ลดลงจากร้อยละ 7.1 ในปี 47(รอยเตอร์)
4. ยอดค้าปลีกของสิงคโปร์ในเดือน ก.พ.48 ลดลงร้อยละ 1.0 จากเดือนก่อน รายงานจาก
สิงคโปร์ เมื่อ 15 เม.ย.48 ยอดค้าปลีกของสิงคโปร์ในเดือน ก.พ.48 ลดลงร้อยละ 1.0 จากเดือนก่อน จากที่
คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 ในเดือน ม.ค.48 จากเดือนก่อน และลด
ลงร้อยละ 3.1 และ 5.7 ในเดือน พ.ย.และ ธ.ค.47 ตามลำดับ โดยคาดว่าเป็นผลจากการลดลงของยอดขาย
รถยนต์และการจับจ่ายซื้อสินค้าในช่วงเทศกาลตรุษจีน โดยยอดขายรถยนต์ลดลงร้อยละ 18.9 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อย
ละ 18.7 ในเดือน ม.ค.48 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการที่โควต้าใบอนุญาตให้มีรถยนต์ในเดือนดังกล่าว มีจำนวนสูงขึ้น ส่ง
ผลให้ต้นทุนการเป็นเจ้าของรถยนต์ถูกลง โดยชาวสิงคโปร์ที่ต้องการซื้อรถยนต์ต้องมีใบอนุญาตให้มีรถยนต์ซึ่งกำหนด
โควต้าโดยรัฐบาลเพื่อควบคุมปริมาณรถยนต์ในประเทศที่มีพื้นที่จำกัดอย่างสิงคโปร์ โดยหากไม่รวมยอดขายรถยนต์
แล้ว ยอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 จากเดือน ม.ค.48 นอกจากนี้ยอดขายอุปกรณ์สื่อสารก็ลดลงร้อยละ 14.3
ในเดือน ก.พ.48 เมื่อเทียบกับปีก่อน ยอดค้าปลีกที่ลดลงได้สร้างความกังวลว่าความต้องการของผู้บริโภค
ในประเทศที่ประชากรมีรายได้สูงเป็นอันดับที่ 3 ของเอเชียรองจากญี่ปุ่นและฮ่องกงชะลอตัวลง ธ.กลางสิงคโปร์
คาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะขยายตัวอยู่ในช่วงครึ่งต่ำระหว่างร้อยละ 3 ถึง 5 ที่รัฐบาลคาดไว้ หลังจากเศรษฐกิจ
สิงคโปร์ขยายตัวถึงร้อยละ 8.4 ในปี 47 สูงสุดในรอบ 4 ปี จากการชะลอตัวของการส่งออกซึ่งได้รับผลกระทบ
จากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงอันเป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยและราคาน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 18 เม.ย. 48 12 เม.ย. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.663 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.4521/39.7395 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.2200 - 2.2500 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 698.28/13.38 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,950/8,050 8,000/8,100 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 44.97 48.04 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.89*/18.19** 22.89*/18.19** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 12 เม.ย. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 3 บาท เมื่อ 23 มี.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--