วันนี้ (15 กค.50) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงเกี่ยวกับกรณีการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของ กทม. ว่า พรรคประชาธิปัตย์ต้องการจะให้ทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมถึงฝ่ายที่ตรวจสอบอยู่ในปัจจุบัน คือ คตส. ทำความจริงในเรื่องนี้ให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชน ทั้งนี้พรรคฯ มีความเชื่อมั่นว่าการบริหารงานของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน นั้นดำเนินไปเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าเพื่อประโยชน์ของส่วนตน และดำเนินการบริหารราชการกรุงเทพมหานครโดยยึดหลักข้อกฎหมาย และธรรมาภิบาล
“โดยเฉพาะเรื่องของเรือดับเพลิง รถดับเพลิงนี้ ผมคิดว่าใครก็ไม่สามารถที่จะหนีความจริงไปได้ เพราะการดำเนินการทุกอย่างนั้น ดำเนินการไปตามเอกสารหลักฐานที่ปรากฎอยู่แล้ว ไม่ว่าใครจะออกมาพูดอย่างไรก็ตาม ใครจะมาปฏิเสธความรับผิดชอบอย่างไรก็ตาม หรือจะแก้ตัวขนาดไหนก็คงไม่สามารถหลีกหนีความจริงที่ปรากฎไปได้” นายองอาจกล่าว
ในส่วนของผู้ว่า กทม. นั้นโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า พรรคฯ ได้ติดตามการทำงานมาโดยตลอด และพบว่าในเรื่องของรถ — เรือดับเพลิงนี้ หากดูจากบุคคลที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้เฉพาะเป็นฝ่ายการเมืองทั้งหมดแล้ว จะเห็นได้ชัดเจนว่าผู้ว่ากทม. นั้นเป็นเพียงบุคคลเดียวที่ได้แสดงออก ทักท้วง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของส่วนรวมมาโดยตลอด
“มีการสอบถาม มีการพยายามหาทางออก หลังจากที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนที่แล้วได้เซ็นสัญญาไป จนกระทั่งถึงขณะนี้เมื่อสัญญาสมบูรณ์ไปแล้ว ผู้ว่ากทม.เองก็ได้สอบถามไปยัง คตส. อีกว่า จะยกเลิกสัญญาได้หรือไม่ สอบถามไปยังอัยการว่าจะยกเลิกสัญญาได้หรือไม่ ในช่วง 2 — 3 เดือนที่ผ่านมา ปรากฎว่าท่านคตส. เองก็ดี ทั้งอัยการเองก็ดี ก็บอกว่ามาถึงขณะนี้นั้นไม่สามารถที่จะยกเลิกสัญญาได้แล้ว จะเห็นได้ว่าความพยายามของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นความพยายามที่จะทำงานให้เป็นไปตามหลักการของกฎหมาย ตามบทบัญญัติของกฎหมาย และก็พยายามที่จะรักษาผลประโยชน์ของส่วนรวมไปในคราวเดียวกัน” นายองอาจกล่าว
ต่อในเรื่องนี้ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายองอาจ กล่าวว่า พรรคฯ คงไม่ออกไปปกป้องใคร และต้องการจะเห็นการตรวจสอบที่ไปตามความจริง เพราะทุกอย่างไม่ได้เป็นที่คำพูด แต่เป็นเรื่องของเอกสารหลักฐานที่ปรากฎอยู่แล้ว
อย่างไรก็ดีพรรคเชื่อมั่นว่า เมื่อการตรวจสอบเสร็จเรียบร้อยปรากฎออกมา ก็จะได้เห็นข้อเท็จจริงว่าใครจะมีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหนอย่างไรในเรื่องที่เกิดขึ้นนี้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 15 ก.ค. 2550--จบ--
“โดยเฉพาะเรื่องของเรือดับเพลิง รถดับเพลิงนี้ ผมคิดว่าใครก็ไม่สามารถที่จะหนีความจริงไปได้ เพราะการดำเนินการทุกอย่างนั้น ดำเนินการไปตามเอกสารหลักฐานที่ปรากฎอยู่แล้ว ไม่ว่าใครจะออกมาพูดอย่างไรก็ตาม ใครจะมาปฏิเสธความรับผิดชอบอย่างไรก็ตาม หรือจะแก้ตัวขนาดไหนก็คงไม่สามารถหลีกหนีความจริงที่ปรากฎไปได้” นายองอาจกล่าว
ในส่วนของผู้ว่า กทม. นั้นโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า พรรคฯ ได้ติดตามการทำงานมาโดยตลอด และพบว่าในเรื่องของรถ — เรือดับเพลิงนี้ หากดูจากบุคคลที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้เฉพาะเป็นฝ่ายการเมืองทั้งหมดแล้ว จะเห็นได้ชัดเจนว่าผู้ว่ากทม. นั้นเป็นเพียงบุคคลเดียวที่ได้แสดงออก ทักท้วง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของส่วนรวมมาโดยตลอด
“มีการสอบถาม มีการพยายามหาทางออก หลังจากที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนที่แล้วได้เซ็นสัญญาไป จนกระทั่งถึงขณะนี้เมื่อสัญญาสมบูรณ์ไปแล้ว ผู้ว่ากทม.เองก็ได้สอบถามไปยัง คตส. อีกว่า จะยกเลิกสัญญาได้หรือไม่ สอบถามไปยังอัยการว่าจะยกเลิกสัญญาได้หรือไม่ ในช่วง 2 — 3 เดือนที่ผ่านมา ปรากฎว่าท่านคตส. เองก็ดี ทั้งอัยการเองก็ดี ก็บอกว่ามาถึงขณะนี้นั้นไม่สามารถที่จะยกเลิกสัญญาได้แล้ว จะเห็นได้ว่าความพยายามของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นความพยายามที่จะทำงานให้เป็นไปตามหลักการของกฎหมาย ตามบทบัญญัติของกฎหมาย และก็พยายามที่จะรักษาผลประโยชน์ของส่วนรวมไปในคราวเดียวกัน” นายองอาจกล่าว
ต่อในเรื่องนี้ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายองอาจ กล่าวว่า พรรคฯ คงไม่ออกไปปกป้องใคร และต้องการจะเห็นการตรวจสอบที่ไปตามความจริง เพราะทุกอย่างไม่ได้เป็นที่คำพูด แต่เป็นเรื่องของเอกสารหลักฐานที่ปรากฎอยู่แล้ว
อย่างไรก็ดีพรรคเชื่อมั่นว่า เมื่อการตรวจสอบเสร็จเรียบร้อยปรากฎออกมา ก็จะได้เห็นข้อเท็จจริงว่าใครจะมีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหนอย่างไรในเรื่องที่เกิดขึ้นนี้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 15 ก.ค. 2550--จบ--