วันนี้ (22มิย.50.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ลงมติให้สภาผู้แทนราษฎร มีสมาชิก 480 คน ประกอบด้วย ส.ส.ระบบเขต 400 คน และสัดส่วน 80 คน โดยระบบเขตเป็นแบบรวมเขตเรียงเบอร์ไม่เกิน 3 คน ว่า ตนไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเป็นกฎกติกาการแข่งขัน แต่ที่สำคัญ คือ การเลือกตั้งต้องทำอย่างเที่ยงธรรมและบริสุทธิ์ ทั้งนี้ ประชาชนจำนวนมากก็มีความคุ้นเคยกับแบบรวมเขตเรียงเบอร์ไม่เกิน 3 คน แต่อาจมีคนที่ใช้สิทธิ์เลือกตั้งในระยะหลังเท่านั้นที่ไม่คุ้นเคย ดังนั้น รัฐบาลและคณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.) ควรเร่งประชาสัมพันธ์และรณรงค์เรื่องระบบการเลือกตั้งใหม่ให้ชัดเจน เพราะเป็นเรื่องสำคัญมาก ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากมีความชัดเจนในเรื่องนี้แล้ว พรรคจะเริ่มเดินหน้าวางตัวผู้สมัครได้หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คงทำได้ง่ายขึ้น เพราะมีความชัดเจน แต่คงต้องรอการแบ่งเขตด้วย
เมื่อถามว่าถ้าเทียบกับระบบการเลือกตั้งแบบเก่า มีข้อดีข้อเสียอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เขตเลือกตั้งใหญ่จะทำให้คนที่มาลงสมัครและ ส.ส.ทำงานระดับชาติมากกว่าเขตเล็ก แต่จะมีข้อติติงว่าบางเขตที่ไม่ได้ 3 คนเหมือนมีความไม่เท่าเทียมกัน แต่ในแง่ของการทำงานและการหาเสียงที่ผ่านมา ก็มองว่าเขตใหญ่ทำงานได้ดี ส่วนแบบบัญชีรายชื่อเขตย่อยลงมา ก็มีปัญหาพอสมควร เพราะถ้ามี 10 คนต่อเขต ก็หมายความว่าใครได้น้อยกว่าร้อยละ 10 คงจะไม่มีโอกาส ตรงนี้จะกระทบกับพรรคเล็กรุนแรงกว่าเมื่อก่อนนี้ซึ่งเป็นเพียงร้อยละ 5 ก็หาเสียงก็จะเป็นแบบเขตเลือกตั้งซ้อนเขตเลือกตั้ง
เมื่อถามว่าการแยกพื้นที่ออกมา จะทำให้เกิดความรู้สึกแตกแยกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าเป็น 8 เขตก็ไม่เท่าไร เพราะแต่ละเขตเล็กกว่าภาค คงจะไม่กระทบมากนัก เมื่อถามว่า พรรคจะเริ่มรณรงค์เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญใหม่ได้เมื่อใด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องรอดูรัฐธรรมนูญว่าผ่านทุกขั้นตอนหรือไม่ เมื่อกระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้นถึงจะง่ายขึ้น แต่เราเรียกร้องรัฐบาลกับ กกต.คือให้เร่งปูทางการเลือกตั้งที่สุจริต กกต.ต้องเตรียมความพร้อมให้เกิดความมั่นใจในเรื่องกลไกต่างๆ ตั้งแต่กกต.เขต และจังหวัด ต้องคัดสรรคนที่เป็นกลางจริงๆเข้ามา
ถามต่อว่า มั่นใจแค่ไหน ที่กกต.จะดูแลการเลือกตั้งในครั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กกต.มีทัศนะคติที่มั่นใจการเมืองมากขึ้น หลายท่านมีพื้นเพจากตุลาการ ดังนั้นจึงไม่สงสัยเรื่องความเป็นกลาง แต่เป็นห่วงว่าความเข้าใจสภาพของการเมืองจะเป็นอุปสรรคหรือไม่ “ผมอยากให้มีทัศนคติส่งเสริมนักการเมือง และพรรคการเมือง แต่ใครที่ทำผิดกฎหมายมีเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ โกงการเลือกตั้งก็ต้องลงโทษอย่างเด็ดขาด โดยรวมไม่ควรจะมีความรู้สึกที่มองพรรคการเมือง และนัการเมืองในทางลบ ในด้านเดียว” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มไทยรักไทยมองว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้เปรียบมากกว่าพรรคการเมืองอื่น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้เราก็เรียกร้องให้กระบวนการการจดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้นได้ ซึ่งไม่ใช่ประโยชน์ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นประโยชน์ส่วนรวม เพื่อให้เกิดการแข่งขัน และมีอีกหลายกลุ่มที่รอการจดทะเบียนอยู่ แต่การเคลื่อนไหวทางการเมืองในขณะนี้ นักการเมืองก็ทำได้ คงไม่ได้มีความได้เปรียบเสียเปรียบกัน เมื่อถามว่า กกต.ระบุว่าไม่สามารถจดทะเบียนพรรคการเมือง โดยใช้ชื่อเดิมได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย คิดว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องที่มาขัดแย้งกัน เพราะมันไม่สำคัญขนาดนั้น--จบ-- ที่มา: http://www.komchadluek.net
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 22 มิ.ย. 2550--จบ--
เมื่อถามว่าถ้าเทียบกับระบบการเลือกตั้งแบบเก่า มีข้อดีข้อเสียอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เขตเลือกตั้งใหญ่จะทำให้คนที่มาลงสมัครและ ส.ส.ทำงานระดับชาติมากกว่าเขตเล็ก แต่จะมีข้อติติงว่าบางเขตที่ไม่ได้ 3 คนเหมือนมีความไม่เท่าเทียมกัน แต่ในแง่ของการทำงานและการหาเสียงที่ผ่านมา ก็มองว่าเขตใหญ่ทำงานได้ดี ส่วนแบบบัญชีรายชื่อเขตย่อยลงมา ก็มีปัญหาพอสมควร เพราะถ้ามี 10 คนต่อเขต ก็หมายความว่าใครได้น้อยกว่าร้อยละ 10 คงจะไม่มีโอกาส ตรงนี้จะกระทบกับพรรคเล็กรุนแรงกว่าเมื่อก่อนนี้ซึ่งเป็นเพียงร้อยละ 5 ก็หาเสียงก็จะเป็นแบบเขตเลือกตั้งซ้อนเขตเลือกตั้ง
เมื่อถามว่าการแยกพื้นที่ออกมา จะทำให้เกิดความรู้สึกแตกแยกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าเป็น 8 เขตก็ไม่เท่าไร เพราะแต่ละเขตเล็กกว่าภาค คงจะไม่กระทบมากนัก เมื่อถามว่า พรรคจะเริ่มรณรงค์เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญใหม่ได้เมื่อใด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องรอดูรัฐธรรมนูญว่าผ่านทุกขั้นตอนหรือไม่ เมื่อกระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้นถึงจะง่ายขึ้น แต่เราเรียกร้องรัฐบาลกับ กกต.คือให้เร่งปูทางการเลือกตั้งที่สุจริต กกต.ต้องเตรียมความพร้อมให้เกิดความมั่นใจในเรื่องกลไกต่างๆ ตั้งแต่กกต.เขต และจังหวัด ต้องคัดสรรคนที่เป็นกลางจริงๆเข้ามา
ถามต่อว่า มั่นใจแค่ไหน ที่กกต.จะดูแลการเลือกตั้งในครั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กกต.มีทัศนะคติที่มั่นใจการเมืองมากขึ้น หลายท่านมีพื้นเพจากตุลาการ ดังนั้นจึงไม่สงสัยเรื่องความเป็นกลาง แต่เป็นห่วงว่าความเข้าใจสภาพของการเมืองจะเป็นอุปสรรคหรือไม่ “ผมอยากให้มีทัศนคติส่งเสริมนักการเมือง และพรรคการเมือง แต่ใครที่ทำผิดกฎหมายมีเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ โกงการเลือกตั้งก็ต้องลงโทษอย่างเด็ดขาด โดยรวมไม่ควรจะมีความรู้สึกที่มองพรรคการเมือง และนัการเมืองในทางลบ ในด้านเดียว” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มไทยรักไทยมองว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้เปรียบมากกว่าพรรคการเมืองอื่น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้เราก็เรียกร้องให้กระบวนการการจดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้นได้ ซึ่งไม่ใช่ประโยชน์ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นประโยชน์ส่วนรวม เพื่อให้เกิดการแข่งขัน และมีอีกหลายกลุ่มที่รอการจดทะเบียนอยู่ แต่การเคลื่อนไหวทางการเมืองในขณะนี้ นักการเมืองก็ทำได้ คงไม่ได้มีความได้เปรียบเสียเปรียบกัน เมื่อถามว่า กกต.ระบุว่าไม่สามารถจดทะเบียนพรรคการเมือง โดยใช้ชื่อเดิมได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย คิดว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องที่มาขัดแย้งกัน เพราะมันไม่สำคัญขนาดนั้น--จบ-- ที่มา: http://www.komchadluek.net
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 22 มิ.ย. 2550--จบ--