ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ผ่อนเกณฑ์การถือครองอสังหาริมทรัพย์ของ ธพ. ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ลงนามในประกาศหลักเกณฑ์
และเงื่อนไขการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเดิมใช้เป็นสถานที่สำหรับดำเนินธุรกิจหรือสำหรับพนักงานและลูกจ้างของธนาคารพาณิชย์ ทั้งนี้ เพื่อ
บรรเทาผลกระทบต่อ ธพ.ที่ไม่สามารถจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ที่เลิกใช้ประโยชน์ได้ตามกำหนด อีกทั้งเห็นว่าการถือครองอสังหาริมทรัพย์โดยไม่ได้
ใช้ประโยชน์ถือเป็นการใช้เงินทุนที่ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ของการประกอบธุรกิจ ธพ. และอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงซึ่งมีผลกระทบต่อฐานะของ
ธพ.ด้วย โดยกรณีที่ ธพ.ได้ย้าย ระงับ หรือยกเลิกการใช้ประโยชน์หรือปิดสำนักงานก่อนวันที่ 1 ม.ค.47 ซึ่งเคยได้รับการผ่อนผันให้จำหน่ายภาย
ในสิ้นปี 49 ธปท.จะผ่อนผันให้ถือครองอสังหาริมทรัพย์ต่อได้อีก 2 ปี เฉพาะ ธพ.รายที่สามารถกันเงินสำรองได้ 75% และ 100% ของมูลค่า
ยุติธรรมภายในปี 50-51 ส่วนกรณีที่ ธพ.ได้ย้าย ระงับ หรือยกเลิกการใช้ประโยชน์หรือปิดสำนักงานสาขาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.47 เป็นต้นไป
ต้องจำหน่ายหรือยกเลิกการเช่าภายใน 1 ปี โดย ธปท.ผ่อนผันให้ถือต่อได้อีก 4 ปี เฉพาะ ธพ.ที่สามารถกันเงินสำรองได้ 25% 50% 75% และ
100% ของมูลค่ายุติธรรมภายในปีที่ 1-4 ทั้งนี้ หาก ธพ.ไม่สามารถจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ได้หมดภายในระยะเวลาที่ผ่อนผัน ธปท.จะดำเนินการ
เปรียบเทียบปรับหรือดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยประกาศดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.50 เป็นต้นไป (ผู้จัดการรายวัน)
2. ช่วงไตรมาส 4 ปี 49 ยอดการใช้เช็คลดลงทั้งปริมาณและมูลค่า รายงานข่าวจากฝ่ายระบบการชำระเงิน ธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า ธปท.ได้รายงานระบบการหักบัญชีระหว่างธนาคารล่าสุดในช่วงไตรมาส 4 ของปี 49 พบว่า การหักบัญชีเช็ค
ระหว่างธนาคารทั้ง 3 ระบบ ซึ่งประกอบด้วย 1)การหักบัญชีเช็คระหว่างธนาคารในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 2)เช็คเรียกเก็บผ่านสำนักหัก
บัญชีจังหวัด ซึ่งไม่รวมเช็คเรียกเก็บในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และ 3)เช็คเรียกเก็บข้ามเขตสำนักหักบัญชี มีปริมาณทั้งสิ้น 20,526,599 ฉบับ
คิดเป็นมูลค่า 7,495,270 ล.บาท โดยทั้งปริมาณและมูลค่าเช็คที่เรียกเก็บลดลงจากไตรมาสก่อนเล็กน้อย 0.9% และ 0.8% ตามลำดับ
สาเหตุจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและราคาเช็คที่ปรับเพิ่มขึ้น (ผู้จัดการรายวัน)
3. นอนแบงก์เปิดสาขาในปี 49 เพิ่มขึ้น 55% จากปี 48 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานว่า ในรอบปี 2549 ที่ผ่านมา
ธุรกิจบัตรเครดิตที่ไม่ใช่ ธพ. (นอนแบงก์) มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง โดยเฉพาะด้านการเปิดสาขาใหม่ โดยพบว่า ณ สิ้นปี 49 มีจำนวนสาขาสูง
ถึง 462 สาขา เพิ่มจากปี 48 ที่มีจำนวน 289 สาขา เพิ่มขึ้น 164 สาขาหรือ 55% โดยบริษัทเซทเทเลม ผู้ออกบัตรเครดิตบิ๊กซีมีจำนวนสาขา
มากสุด 191 สาขา เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มี 135 สาขา ทั้งนี้ นายสามารถ บูรณวัฒนาโชค ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท. ให้ความเห็นว่า ธปท.ไม่มีความ
กังวลเกี่ยวกับประเด็นนี้แต่อย่างใด เนื่องจากเป็นการสนับสนุนให้ประชาชนมีการกู้ยืมสินเชื่อในระบบมากขึ้น และในอนาคตหากอัตราดอกเบี้ยใน
ตลาดการเงินปรับตัวลดลงระดับหนึ่ง ธปท.อาจจะพิจารณาปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตจากปัจจุบันกำหนดที่ไม่เกิน 20% ต่อปี โดย
ธปท.เพิ่งมีมติปรับขึ้นเพดานอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตจาก 18% เป็น 20% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีเพียง ธ.ไทยพาณิชย์และ
ธ.กสิกรไทยเท่านั้นที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต (ไทยโพสต์)
4. สถาบันการเงินของรัฐมียอดรายได้เพิ่มขึ้น 34.4% ในเดือน ก.ย.49 รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบาย
รัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจในกลุ่มสถาบันการเงินจำนวน 9 แห่งในช่วงปี 49 ระหว่างเดือน
ก.ย.48-ก.ย.49 ว่ามีกำไรสุทธิลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 714 ล.บาท หรือ 2.7% สาเหตุหลักเกิดจาก 4 สถาบันการเงินทำกำไรได้
ลดลง คือ ธ.อาคารสงเคราะห์ ธ.ออมสิน ธ.เพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม มีกำไรสุทธิลดลง 1,284 ล.บาท 592 ล.บาท
และ 350 ล.บาท ตามลำดับ ขณะที่บรรษัทประกันสินเชื่อุตสาหกรรมขนาดย่อมขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้น 235 ล.บาท อย่างไรก็ตาม ธ.กรุงไทยและ
ธ.เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร มีกำไรเพิ่มขึ้น 1,413 ล.บาท และ 260 ล.บาท ตามลำดับ สำหรับ ณ สิ้นเดือน ก.ย.49 สถาบันการ
เงินทั้ง 9 แห่งมีรายได้รวม 130,195 ล.บาท เพิ่มขึ้น 34.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้น 8.7% หนี้สินรวมเพิ่มขึ้น 8.5%
และสินเชื่อรวมขยายตัว 7.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคใน สรอ.ในเดือน ม.ค.50 เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี รายงานจากนิวยอร์ค เมื่อ
19 ม.ค.50 ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคใน สรอ.จากผลสำรวจโดยรอยเตอร์และ ม.มิชิแกนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 98.0 ในเดือน ม.ค.50
จากระดับ 91.7 ในเดือน ธ.ค.49 สูงสุดในรอบ 3 ปีนับตั้งแต่อยู่ที่ระดับ 103.80 ในเดือน ม.ค.47 และสูงกว่าระดับ 92.5 ที่คาดไว้จากผล
สำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์ ทั้งนี้เป็นผลมาจากผู้บริโภคคาดว่าสถานะทางการเงินของตนจะดีขึ้นจากราคาน้ำมันที่ลดลงและ
เศรษฐกิจที่คาดว่าจะขยายตัวในอัตราที่สูงขึ้น โดยราคาเฉลี่ยขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงใน สรอ.อยู่ที่ 2.23 ดอลลาร์ สรอ.ต่อแกลลอน ต่ำสุดในรอบ
5 สัปดาห์ และอาจลดลงมาใกล้ 2 ดอลลาร์ สรอ.ต่อแกลลอนหากราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงอีก แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้บริโภคจะมีความเชื่อมั่น
ที่ดีขึ้น แต่ยังคงกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อ โดยดัชนีชี้วัดภาวะเงินเฟ้อในช่วง 1 ปีข้างหน้าเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 3.0 จากร้อยละ 2.9 ในเดือน
ธ.ค.49 ในขณะที่ดัชนีชี้วัดภาวะเงินเฟ้อในช่วง 5 ปีข้างหน้ายังคงที่อยู่ที่ร้อยละ 3.0 เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน (รอยเตอร์)
2. ยอดการค้าปลีกของอังกฤษเดือน ธ.ค.49 เพิ่มขึ้นรายเดือนสูงสุดในรอบ 18 เดือน รายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
เมื่อวันที่ 19 ม.ค.50 สนง.สถิติแห่งชาติของอังกฤษ เปิดเผยว่า ยอดการค้าปลีกของอังกฤษในเดือน ธ.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 เป็นการเพิ่มขึ้น
รายเดือนสูงสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย.48 และเป็นยอดค้าปลีกเดือน ธ.ค. ที่ดีที่สุดในรอบ 3 ปี ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5
ทำให้อัตราเทียบต่อปีเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.7 นอกจากนี้ ข้อมูลยังแสดงให้เห็นถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมากโดยผู้ค้าไม่จำเป็นต้องลดราคาสินค้า
โดยราคาสินค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เทียบกับเดือน ธ.ค.48 นับเป็นการเพิ่มขึ้นรายเดือนติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 และเป็นการเพิ่มขึ้นยาวนานที่สุดนับ
ตั้งแต่เดือน เม.ย.42 ทั้งนี้ ดูเหมือนว่าตัวเลขดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนให้มีการคาดการณ์ว่าอาจจะต้องมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยตามมา ในขณะ
เดียวกัน สนง.สถิติแห่งชาติรายงานว่าภาครัฐมีความต้องการเงินสดสุทธิประมาณ 13 พันล้านปอนด์ในเดือนก่อน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่
ระดับ 15.1 พันล้านปอนด์ (รอยเตอร์)
3. ยอดสินเชื่อจำนองของอังกฤษในเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 5.8 พัน ล. ปอนด์ รายงานจากลอนดอน เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 50
British Bankers’ Association - BBA เปิดเผยว่า ในเดือน ธ.ค. ยอดเงินกู้สินเชื่อจำนองของอังกฤษเพิ่มขึ้น 5.8 พัน ล. ปอนด์
ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งหลังจากที่เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุด 6.7 พัน ล. ปอนด์ในเดือน พ.ย. อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์กล่าวว่าต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น
จะเริ่มส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของผู้ซื้อบ้าน จะสูงขึ้นอีกหลังจากที่ทางการ
อังกฤษปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือน ม.ค. ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผู้ซื้อบ้านมีต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น ขณะที่ผู้ขาดการชำระเงินกู้สินเชื่อจำนองมี
จำนวนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้นักวิเคราะห์เชื่อว่าการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นปัจจัยสำคัญที่ ธ.กลางอังกฤษปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย
นโยบายเป็นร้อยละ 5.25 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยก่อนหน้านั้นได้ปรับเพิ่มมาแล้ว 2 ครั้งในเดือน ส.ค. และเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว(รอยเตอร์)
4. คาดว่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจในเดือน ม.ค.50 จะเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ที่ระดับ 109.0 รายงานจาก
เบอร์ลิน เมื่อ 19 ม.ค.50 รอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจของนักวิเคราะห์ 50 คน คาดการณ์ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจในเดือน ม.ค.50
น่าจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 109.0 จากระดับ 108.7 ในเดือน ธ.ค.48 ซึ่งเป็นการแข็งแกร่งต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และอยู่ในช่วงที่คาดการณ์ว่า
จะอยู่ระหว่างระดับ 107.0 — 110.0 ขณะที่ดัชนีชี้วัดมุมมองภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันของนักธุรกิจล่าสุดจะลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 115.1 จาก
ระดับ 115.3 ในเดือน ม.ค. 50 ส่วนดัชนีความคาดหวังในอนาคตจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 103.0 จากระดับ 102.5 ทั้งนี้ คาดว่าภาคธุรกิจยังคง
มีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการปรับเพิ่มอีกร้อยละ 3 เป็นร้อยละ 19 ของรัฐบาลที่เริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อต้นปี 50 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม
นักวิคราะห์คาดการณ์ว่า จากการที่ภาวะเศรษฐกิจโลกกระเตื้องขึ้น และราคาน้ำมันลดลง รวมทั้งผลกระทบจากการปรับเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็จะ
เป็นเพียงผลกระทบชั่วคราว ดังนั้น เศรษฐกิจของเยอรมนีจะกลับมาขยายตัวอีกครั้งในปลายปีนี้ ซึ่ง รมว.เศรษฐกิจเยอรมนีกล่าวว่า การเติบโต
ทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในปี 50 น่าจะขยายตัวร้อยละ 2.0 ขณะที่สถาบันวิจัย HWWI ปรับเพิ่มประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 50 อยู่ที่
ร้อยละ 1.7 จากที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.1 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 22 ม.ค. 50 19 ม.ค. 50 29 ธ.ค. 49
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 36.034 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 35.8088/36.1460 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.88 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 658.17/12.70 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,750/10,850 10,650/10,750 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 50.69 48.67 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 25.19*/22.54** 25.19*/22.54** 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 19 ม.ค. 50 ** ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 13 ม.ค. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.ผ่อนเกณฑ์การถือครองอสังหาริมทรัพย์ของ ธพ. ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ลงนามในประกาศหลักเกณฑ์
และเงื่อนไขการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเดิมใช้เป็นสถานที่สำหรับดำเนินธุรกิจหรือสำหรับพนักงานและลูกจ้างของธนาคารพาณิชย์ ทั้งนี้ เพื่อ
บรรเทาผลกระทบต่อ ธพ.ที่ไม่สามารถจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ที่เลิกใช้ประโยชน์ได้ตามกำหนด อีกทั้งเห็นว่าการถือครองอสังหาริมทรัพย์โดยไม่ได้
ใช้ประโยชน์ถือเป็นการใช้เงินทุนที่ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ของการประกอบธุรกิจ ธพ. และอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงซึ่งมีผลกระทบต่อฐานะของ
ธพ.ด้วย โดยกรณีที่ ธพ.ได้ย้าย ระงับ หรือยกเลิกการใช้ประโยชน์หรือปิดสำนักงานก่อนวันที่ 1 ม.ค.47 ซึ่งเคยได้รับการผ่อนผันให้จำหน่ายภาย
ในสิ้นปี 49 ธปท.จะผ่อนผันให้ถือครองอสังหาริมทรัพย์ต่อได้อีก 2 ปี เฉพาะ ธพ.รายที่สามารถกันเงินสำรองได้ 75% และ 100% ของมูลค่า
ยุติธรรมภายในปี 50-51 ส่วนกรณีที่ ธพ.ได้ย้าย ระงับ หรือยกเลิกการใช้ประโยชน์หรือปิดสำนักงานสาขาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.47 เป็นต้นไป
ต้องจำหน่ายหรือยกเลิกการเช่าภายใน 1 ปี โดย ธปท.ผ่อนผันให้ถือต่อได้อีก 4 ปี เฉพาะ ธพ.ที่สามารถกันเงินสำรองได้ 25% 50% 75% และ
100% ของมูลค่ายุติธรรมภายในปีที่ 1-4 ทั้งนี้ หาก ธพ.ไม่สามารถจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ได้หมดภายในระยะเวลาที่ผ่อนผัน ธปท.จะดำเนินการ
เปรียบเทียบปรับหรือดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยประกาศดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.50 เป็นต้นไป (ผู้จัดการรายวัน)
2. ช่วงไตรมาส 4 ปี 49 ยอดการใช้เช็คลดลงทั้งปริมาณและมูลค่า รายงานข่าวจากฝ่ายระบบการชำระเงิน ธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า ธปท.ได้รายงานระบบการหักบัญชีระหว่างธนาคารล่าสุดในช่วงไตรมาส 4 ของปี 49 พบว่า การหักบัญชีเช็ค
ระหว่างธนาคารทั้ง 3 ระบบ ซึ่งประกอบด้วย 1)การหักบัญชีเช็คระหว่างธนาคารในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 2)เช็คเรียกเก็บผ่านสำนักหัก
บัญชีจังหวัด ซึ่งไม่รวมเช็คเรียกเก็บในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และ 3)เช็คเรียกเก็บข้ามเขตสำนักหักบัญชี มีปริมาณทั้งสิ้น 20,526,599 ฉบับ
คิดเป็นมูลค่า 7,495,270 ล.บาท โดยทั้งปริมาณและมูลค่าเช็คที่เรียกเก็บลดลงจากไตรมาสก่อนเล็กน้อย 0.9% และ 0.8% ตามลำดับ
สาเหตุจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและราคาเช็คที่ปรับเพิ่มขึ้น (ผู้จัดการรายวัน)
3. นอนแบงก์เปิดสาขาในปี 49 เพิ่มขึ้น 55% จากปี 48 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานว่า ในรอบปี 2549 ที่ผ่านมา
ธุรกิจบัตรเครดิตที่ไม่ใช่ ธพ. (นอนแบงก์) มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง โดยเฉพาะด้านการเปิดสาขาใหม่ โดยพบว่า ณ สิ้นปี 49 มีจำนวนสาขาสูง
ถึง 462 สาขา เพิ่มจากปี 48 ที่มีจำนวน 289 สาขา เพิ่มขึ้น 164 สาขาหรือ 55% โดยบริษัทเซทเทเลม ผู้ออกบัตรเครดิตบิ๊กซีมีจำนวนสาขา
มากสุด 191 สาขา เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มี 135 สาขา ทั้งนี้ นายสามารถ บูรณวัฒนาโชค ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท. ให้ความเห็นว่า ธปท.ไม่มีความ
กังวลเกี่ยวกับประเด็นนี้แต่อย่างใด เนื่องจากเป็นการสนับสนุนให้ประชาชนมีการกู้ยืมสินเชื่อในระบบมากขึ้น และในอนาคตหากอัตราดอกเบี้ยใน
ตลาดการเงินปรับตัวลดลงระดับหนึ่ง ธปท.อาจจะพิจารณาปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตจากปัจจุบันกำหนดที่ไม่เกิน 20% ต่อปี โดย
ธปท.เพิ่งมีมติปรับขึ้นเพดานอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตจาก 18% เป็น 20% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีเพียง ธ.ไทยพาณิชย์และ
ธ.กสิกรไทยเท่านั้นที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต (ไทยโพสต์)
4. สถาบันการเงินของรัฐมียอดรายได้เพิ่มขึ้น 34.4% ในเดือน ก.ย.49 รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบาย
รัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจในกลุ่มสถาบันการเงินจำนวน 9 แห่งในช่วงปี 49 ระหว่างเดือน
ก.ย.48-ก.ย.49 ว่ามีกำไรสุทธิลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 714 ล.บาท หรือ 2.7% สาเหตุหลักเกิดจาก 4 สถาบันการเงินทำกำไรได้
ลดลง คือ ธ.อาคารสงเคราะห์ ธ.ออมสิน ธ.เพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม มีกำไรสุทธิลดลง 1,284 ล.บาท 592 ล.บาท
และ 350 ล.บาท ตามลำดับ ขณะที่บรรษัทประกันสินเชื่อุตสาหกรรมขนาดย่อมขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้น 235 ล.บาท อย่างไรก็ตาม ธ.กรุงไทยและ
ธ.เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร มีกำไรเพิ่มขึ้น 1,413 ล.บาท และ 260 ล.บาท ตามลำดับ สำหรับ ณ สิ้นเดือน ก.ย.49 สถาบันการ
เงินทั้ง 9 แห่งมีรายได้รวม 130,195 ล.บาท เพิ่มขึ้น 34.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้น 8.7% หนี้สินรวมเพิ่มขึ้น 8.5%
และสินเชื่อรวมขยายตัว 7.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคใน สรอ.ในเดือน ม.ค.50 เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี รายงานจากนิวยอร์ค เมื่อ
19 ม.ค.50 ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคใน สรอ.จากผลสำรวจโดยรอยเตอร์และ ม.มิชิแกนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 98.0 ในเดือน ม.ค.50
จากระดับ 91.7 ในเดือน ธ.ค.49 สูงสุดในรอบ 3 ปีนับตั้งแต่อยู่ที่ระดับ 103.80 ในเดือน ม.ค.47 และสูงกว่าระดับ 92.5 ที่คาดไว้จากผล
สำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์ ทั้งนี้เป็นผลมาจากผู้บริโภคคาดว่าสถานะทางการเงินของตนจะดีขึ้นจากราคาน้ำมันที่ลดลงและ
เศรษฐกิจที่คาดว่าจะขยายตัวในอัตราที่สูงขึ้น โดยราคาเฉลี่ยขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงใน สรอ.อยู่ที่ 2.23 ดอลลาร์ สรอ.ต่อแกลลอน ต่ำสุดในรอบ
5 สัปดาห์ และอาจลดลงมาใกล้ 2 ดอลลาร์ สรอ.ต่อแกลลอนหากราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงอีก แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้บริโภคจะมีความเชื่อมั่น
ที่ดีขึ้น แต่ยังคงกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อ โดยดัชนีชี้วัดภาวะเงินเฟ้อในช่วง 1 ปีข้างหน้าเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 3.0 จากร้อยละ 2.9 ในเดือน
ธ.ค.49 ในขณะที่ดัชนีชี้วัดภาวะเงินเฟ้อในช่วง 5 ปีข้างหน้ายังคงที่อยู่ที่ร้อยละ 3.0 เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน (รอยเตอร์)
2. ยอดการค้าปลีกของอังกฤษเดือน ธ.ค.49 เพิ่มขึ้นรายเดือนสูงสุดในรอบ 18 เดือน รายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
เมื่อวันที่ 19 ม.ค.50 สนง.สถิติแห่งชาติของอังกฤษ เปิดเผยว่า ยอดการค้าปลีกของอังกฤษในเดือน ธ.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 เป็นการเพิ่มขึ้น
รายเดือนสูงสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย.48 และเป็นยอดค้าปลีกเดือน ธ.ค. ที่ดีที่สุดในรอบ 3 ปี ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5
ทำให้อัตราเทียบต่อปีเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.7 นอกจากนี้ ข้อมูลยังแสดงให้เห็นถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมากโดยผู้ค้าไม่จำเป็นต้องลดราคาสินค้า
โดยราคาสินค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เทียบกับเดือน ธ.ค.48 นับเป็นการเพิ่มขึ้นรายเดือนติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 และเป็นการเพิ่มขึ้นยาวนานที่สุดนับ
ตั้งแต่เดือน เม.ย.42 ทั้งนี้ ดูเหมือนว่าตัวเลขดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนให้มีการคาดการณ์ว่าอาจจะต้องมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยตามมา ในขณะ
เดียวกัน สนง.สถิติแห่งชาติรายงานว่าภาครัฐมีความต้องการเงินสดสุทธิประมาณ 13 พันล้านปอนด์ในเดือนก่อน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่
ระดับ 15.1 พันล้านปอนด์ (รอยเตอร์)
3. ยอดสินเชื่อจำนองของอังกฤษในเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 5.8 พัน ล. ปอนด์ รายงานจากลอนดอน เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 50
British Bankers’ Association - BBA เปิดเผยว่า ในเดือน ธ.ค. ยอดเงินกู้สินเชื่อจำนองของอังกฤษเพิ่มขึ้น 5.8 พัน ล. ปอนด์
ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งหลังจากที่เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุด 6.7 พัน ล. ปอนด์ในเดือน พ.ย. อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์กล่าวว่าต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น
จะเริ่มส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของผู้ซื้อบ้าน จะสูงขึ้นอีกหลังจากที่ทางการ
อังกฤษปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือน ม.ค. ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผู้ซื้อบ้านมีต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น ขณะที่ผู้ขาดการชำระเงินกู้สินเชื่อจำนองมี
จำนวนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้นักวิเคราะห์เชื่อว่าการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นปัจจัยสำคัญที่ ธ.กลางอังกฤษปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย
นโยบายเป็นร้อยละ 5.25 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยก่อนหน้านั้นได้ปรับเพิ่มมาแล้ว 2 ครั้งในเดือน ส.ค. และเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว(รอยเตอร์)
4. คาดว่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจในเดือน ม.ค.50 จะเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ที่ระดับ 109.0 รายงานจาก
เบอร์ลิน เมื่อ 19 ม.ค.50 รอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจของนักวิเคราะห์ 50 คน คาดการณ์ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจในเดือน ม.ค.50
น่าจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 109.0 จากระดับ 108.7 ในเดือน ธ.ค.48 ซึ่งเป็นการแข็งแกร่งต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และอยู่ในช่วงที่คาดการณ์ว่า
จะอยู่ระหว่างระดับ 107.0 — 110.0 ขณะที่ดัชนีชี้วัดมุมมองภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันของนักธุรกิจล่าสุดจะลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 115.1 จาก
ระดับ 115.3 ในเดือน ม.ค. 50 ส่วนดัชนีความคาดหวังในอนาคตจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 103.0 จากระดับ 102.5 ทั้งนี้ คาดว่าภาคธุรกิจยังคง
มีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการปรับเพิ่มอีกร้อยละ 3 เป็นร้อยละ 19 ของรัฐบาลที่เริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อต้นปี 50 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม
นักวิคราะห์คาดการณ์ว่า จากการที่ภาวะเศรษฐกิจโลกกระเตื้องขึ้น และราคาน้ำมันลดลง รวมทั้งผลกระทบจากการปรับเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็จะ
เป็นเพียงผลกระทบชั่วคราว ดังนั้น เศรษฐกิจของเยอรมนีจะกลับมาขยายตัวอีกครั้งในปลายปีนี้ ซึ่ง รมว.เศรษฐกิจเยอรมนีกล่าวว่า การเติบโต
ทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในปี 50 น่าจะขยายตัวร้อยละ 2.0 ขณะที่สถาบันวิจัย HWWI ปรับเพิ่มประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 50 อยู่ที่
ร้อยละ 1.7 จากที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.1 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 22 ม.ค. 50 19 ม.ค. 50 29 ธ.ค. 49
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 36.034 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 35.8088/36.1460 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.88 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 658.17/12.70 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,750/10,850 10,650/10,750 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 50.69 48.67 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 25.19*/22.54** 25.19*/22.54** 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 19 ม.ค. 50 ** ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 13 ม.ค. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--