วันนี้ (28 มค 50) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าปัญหาที่เกิดขึ้นภายในสนามบินสุวรรณภูมินั้นชี้ให้เห็นถึงการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างชัดเจน จนสร้างความสะเทือนใจให้กับประชาชนมากกว่าความภูมิใจ ในฐานะศูนย์กลางการบินของภูมิภาคนี้ ดังนั้นรัฐบาลควรจะตั้งคณะกรรมการที่มีความเป็นกลาง และได้รับการยอมรับจากประชาชนขึ้นมาสรุปผลเสียที่เกิดขึ้น และแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหา โดยจะต้องกำหนดกรอบในการทำงานให้ชัดเจน เพื่อให้ธุรกิจการบินสามารถวางแผนงานรองรับได้ ที่สำคัญจะต้องหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้ได้
ส่วนเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้นนายองอาจกล่าวว่า ขณะนี้มีความพยายามที่จะเสนอแนวคิดให้นายกรัฐมนตรีอาจจะมาจากการเลือกของ สส. หรือบุคคลใดก็ได้ที่ผ่านการรับรองของรัฐสภา แต่พรรคประชาธิปัตย์ยังคงยืนยันว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่กำหนดที่มาของนายกรัฐมนตรีนั้นต้องเป็นบุคคลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเท่านั้น และก็ต้องมีแนวทางในการป้องกันผู้มีอำนาจใช้ช่องว่างของรัฐธรรมนูญสร้างเผด็จทางรัฐสภา อีกทั้งในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ไม่ควรใช้ขอบเขตของระดับการศึกษามาปิดกั้นประชาชนที่ต้องการลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าใครมีคุณสมบัติที่จะได้รับการคัดเลือกให้เป็นตัวแทนของประชาชน นอกจากนี้รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังได้เสนอให้มีการเพิ่มอำนาจกรรมาธิการที่มีหน้าที่ตรวจสอบในเรื่องต่าง ๆ สามารถใช้อำนาจในการสั่งการได้จริง ไม่ใช่เป็นเพียงแต่ตำแหน่งอย่างที่ผ่านมา และที่สำคัญการอภิปรายนายกรัฐมนตรีต้องเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะมีฝ่ายค้านกี่คนในสภา
“นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้งจากประชาชน ไม่ว่าจะรูปแบบของการเลือกตั้งที่รัฐธรรมนูญที่ออกมาจะเป็นอย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าวันนี้ต้องชัดเจน อย่าไปให้ใครคนใดคนหนึ่งพยายามมาหาช่องโหว่ ช่องว่าง แล้วก็เล่นคำพูดเพื่อจุดประสงค์ใดก็ตาม”
ส่วนทางด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเรียกร้องให้มีการแก้ปัญหาการ ซื้อเสียงอย่างจริงจัง โดยได้เสนอมาตรการลงโทษผู้ที่ซื้อสิทธิ์ขายเสียงอย่างจริงจัง ในขณะที่ กกต. ต้องไม่ทำตัวเป็นนักวิชาการแต่ควรเป็นนักปฏิบัติ อีกทั้งต้องสร้างความศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้เป็นที่เชื่อมั่นในการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งนี้ กกต. ควรมีการเตรียมการให้พร้อมสำหรับการเลือกตั้งทุกระดับ แม้กระทั่งการเลือกตั้งท้องถิ่นที่กำลังจะมีขึ้นในเดือน มีค. — เมย.นี้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 28 ม.ค. 2550--จบ--
ส่วนเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้นนายองอาจกล่าวว่า ขณะนี้มีความพยายามที่จะเสนอแนวคิดให้นายกรัฐมนตรีอาจจะมาจากการเลือกของ สส. หรือบุคคลใดก็ได้ที่ผ่านการรับรองของรัฐสภา แต่พรรคประชาธิปัตย์ยังคงยืนยันว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่กำหนดที่มาของนายกรัฐมนตรีนั้นต้องเป็นบุคคลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเท่านั้น และก็ต้องมีแนวทางในการป้องกันผู้มีอำนาจใช้ช่องว่างของรัฐธรรมนูญสร้างเผด็จทางรัฐสภา อีกทั้งในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ไม่ควรใช้ขอบเขตของระดับการศึกษามาปิดกั้นประชาชนที่ต้องการลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าใครมีคุณสมบัติที่จะได้รับการคัดเลือกให้เป็นตัวแทนของประชาชน นอกจากนี้รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังได้เสนอให้มีการเพิ่มอำนาจกรรมาธิการที่มีหน้าที่ตรวจสอบในเรื่องต่าง ๆ สามารถใช้อำนาจในการสั่งการได้จริง ไม่ใช่เป็นเพียงแต่ตำแหน่งอย่างที่ผ่านมา และที่สำคัญการอภิปรายนายกรัฐมนตรีต้องเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะมีฝ่ายค้านกี่คนในสภา
“นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้งจากประชาชน ไม่ว่าจะรูปแบบของการเลือกตั้งที่รัฐธรรมนูญที่ออกมาจะเป็นอย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าวันนี้ต้องชัดเจน อย่าไปให้ใครคนใดคนหนึ่งพยายามมาหาช่องโหว่ ช่องว่าง แล้วก็เล่นคำพูดเพื่อจุดประสงค์ใดก็ตาม”
ส่วนทางด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเรียกร้องให้มีการแก้ปัญหาการ ซื้อเสียงอย่างจริงจัง โดยได้เสนอมาตรการลงโทษผู้ที่ซื้อสิทธิ์ขายเสียงอย่างจริงจัง ในขณะที่ กกต. ต้องไม่ทำตัวเป็นนักวิชาการแต่ควรเป็นนักปฏิบัติ อีกทั้งต้องสร้างความศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้เป็นที่เชื่อมั่นในการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งนี้ กกต. ควรมีการเตรียมการให้พร้อมสำหรับการเลือกตั้งทุกระดับ แม้กระทั่งการเลือกตั้งท้องถิ่นที่กำลังจะมีขึ้นในเดือน มีค. — เมย.นี้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 28 ม.ค. 2550--จบ--