น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม สส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2549 ของกระทรวงสาธารณสุข โดยได้หยิบยกเรื่องการทุจริตในโครงการจัดซื้อรถพยาบาล วงเงินงบประมาณ 400 ล้านบาท และคุรุภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ใช้สำหรับรถพยาบาล ที่มีการล็อกสเปก โดยคุรุภัณฑ์ที่อยู่ในเครื่องช่วยหายใจแบบใช้มือบีบ เดิมมี 2 ขนาด คือขนาดผู้ใหญ่ 1000 ซีซี และขนาดเด็กไม่เกิน 500 ซีซี แต่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดว่าต้องใช้ระบบทูอินวัน สามารถใช้ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยใช้ตัวควบคุมความดัน ซึ่งถือว่าเป็นการจัดซื้ออุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสม หากนำเครื่องช่วยหายใจดังกล่าวมาใช้ร่วมกับเด็ก
“ผมโทรไปหาเพื่อนแพทย์กลุ่มที่ใช้เครื่องช่วยหายใจแบบมือบีบมากที่สุด ก็ได้รับการยืนยันว่า ตั้งแต่เป็นหมอมาไม่เคยใช้เครื่องช่วยหายใจแบบมือบีบที่ร่วมกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ผมไปถามหมอด้านปอด แขนงเดียวกับท่าน รมว.สาธารณสุข เขาบอกว่าคนใช้งานที่ได้ลองใช้ก็ไม่สบายใจ เพราะเขากลัว และเป็นห่วงว่าถ้าเป็นพยาบาลจบใหม่ยังไม่คุ้นเคยกับการใช้เครื่อง หากเกิดเหตุฉุกเฉิน อาจบีบหลอดแตกได้ ผมถึงบอกว่าความไม่เหมาะสม ความบกพร่องหรือการทุจริต จะเกิดอะไรก็แล้วแต่ ไม่เป็นไร แต่อย่ามาใช้กับคนไข้ อย่าเอาชีวิตคนไข้หรือชีวติประชาชนมาเป็นเดิมพันในผลประโยชน์อย่างนี้” น.พ.วรงค์ กล่าว
น.พ.วรงค์ กล่าวว่า สิ่งที่น่าสังเกตอีกประการ คือ เครื่องช่วยหายใจแบบอัตโนมัติ ตามปกติกำหนดความดันที่ 20-30 เซนติเมตร แต่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดสเปกว่า ตั้งความดันที่ 0-100 เซนติเมตร ซึ่งหมอหลายท่านก็ไม่เข้าใจว่าทำไมกำหนดไว้สูงถึง 100 แต่สามารถจำกัดความดันไว้ที่ 20-80 เซนติเมตร ก็เท่ากับว่า 80 — 100 ไม่มีค่า ไม่มีประโยชน์ แล้วจะกำหนดไว้ทำไม หรือรถพยาบาลใช้กับช้าง เพราะความดัน 80-100 ใช้กับช้าง ตนจึงรู้สึกไม่สบายใจทำไมกระทรวงสาธารณสุขจึงกำหนดอย่างนี้ นอกจากนี้ ชุดแผ่นรองหลังผู้ป่วยในรถพยาบาลที่กำหนดว่าต้องมีความยาวไม่น้อยกว่า 183 เซนติเมตร กว้างไม่น้อยกว่า 41 เซนติเมตร หนาไม่เกิน 5 เซนติเมตร หนัก 7 กิโลกรัม ซึ่งเป็นเรื่องแปลกว่าทำไมต้องกำหนดเช่นนั้นทำไมไม่กว้าง 40 เซนติเมตร ยาว 180 เซนติเมตร เลยทำให้เกิดความรู้สึกว่าจะตั้งใจให้ตรงกับสเปกของบริษัทใดบริษัทหนึ่งหรือไม่ ฉะนั้นต้องมีไอ้โม่งคนหนึ่งที่ไปจัดสเปกของคุรุภัณฑ์ทางการแพทย์เรียบร้อยแล้ว เพราะคุรุภัณฑ์การแพทย์เป็นตัวกำหนด ล็อคไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งไม่เหมาะสมที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดสเปกรถพยาบาลแบบนี้ จึงเป็นจุดที่เราเป็นห่วงในชีวิตของพี่น้องประชาชน
น.พ.วรงค์ อภิปรายต่อว่า ตอนนี้โรงพยาบาลก็รอรถพยาบาลนี้อยู่ โครงการรถพยาบาลตอนนี้มี 232 คัน จำนวน 31 คันต้องไปอยู่ที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่ต้องการถึง 31 คัน และอีก 201 กว่าคัน จะอยู่หลายๆโรงพยาบาลในพื้นที่ทั่วประเทศ “เห็นหรือไม่ว่าสถานการณ์ภาคใต้รุนแรงแค่ไหน ยิงกันตลอด มีระเบิด มีคนบาดเจ็บ ต้องใช้รถพยาบาล อยากฝากไปบอกท่านรัฐมนตรีว่า ทุกวันที่ท่านช้าลงไปหมายถึงชีวิตของพี่น้องประชาชนชาวใต้ และคนอีกทั่วประเทศ ขอให้ทำด้วยความรวดเร็ว แต่ต้องโปร่งใส และของต้องมีคุณภาพ” น.พ.วรงค์กล่าว และกล่าวต่อถึงกรณีโครงการคอมพิวเตอร์ของกระทรวงสาธารณสุข ที่ขณะนี้ โรงพยาบาลทั่วประเทศ 818 แห่ง กำลังรอเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ โดยเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ลงผลสอบเรื่องคอมฯฉาวว่าพัวพันกับนักการเมือง 3 คน และข้าราชการระดับสูงอีก 2 คน ตนเกรงว่ารายงานดังกล่าวจะไม่ถึงมือรัฐมนตรี จึงขอให้รัฐมนตรีพยายามตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุข และท่านจะรู้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมันเป็นอย่างไร
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 29 มิ.ย. 2548--จบ--
“ผมโทรไปหาเพื่อนแพทย์กลุ่มที่ใช้เครื่องช่วยหายใจแบบมือบีบมากที่สุด ก็ได้รับการยืนยันว่า ตั้งแต่เป็นหมอมาไม่เคยใช้เครื่องช่วยหายใจแบบมือบีบที่ร่วมกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ผมไปถามหมอด้านปอด แขนงเดียวกับท่าน รมว.สาธารณสุข เขาบอกว่าคนใช้งานที่ได้ลองใช้ก็ไม่สบายใจ เพราะเขากลัว และเป็นห่วงว่าถ้าเป็นพยาบาลจบใหม่ยังไม่คุ้นเคยกับการใช้เครื่อง หากเกิดเหตุฉุกเฉิน อาจบีบหลอดแตกได้ ผมถึงบอกว่าความไม่เหมาะสม ความบกพร่องหรือการทุจริต จะเกิดอะไรก็แล้วแต่ ไม่เป็นไร แต่อย่ามาใช้กับคนไข้ อย่าเอาชีวิตคนไข้หรือชีวติประชาชนมาเป็นเดิมพันในผลประโยชน์อย่างนี้” น.พ.วรงค์ กล่าว
น.พ.วรงค์ กล่าวว่า สิ่งที่น่าสังเกตอีกประการ คือ เครื่องช่วยหายใจแบบอัตโนมัติ ตามปกติกำหนดความดันที่ 20-30 เซนติเมตร แต่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดสเปกว่า ตั้งความดันที่ 0-100 เซนติเมตร ซึ่งหมอหลายท่านก็ไม่เข้าใจว่าทำไมกำหนดไว้สูงถึง 100 แต่สามารถจำกัดความดันไว้ที่ 20-80 เซนติเมตร ก็เท่ากับว่า 80 — 100 ไม่มีค่า ไม่มีประโยชน์ แล้วจะกำหนดไว้ทำไม หรือรถพยาบาลใช้กับช้าง เพราะความดัน 80-100 ใช้กับช้าง ตนจึงรู้สึกไม่สบายใจทำไมกระทรวงสาธารณสุขจึงกำหนดอย่างนี้ นอกจากนี้ ชุดแผ่นรองหลังผู้ป่วยในรถพยาบาลที่กำหนดว่าต้องมีความยาวไม่น้อยกว่า 183 เซนติเมตร กว้างไม่น้อยกว่า 41 เซนติเมตร หนาไม่เกิน 5 เซนติเมตร หนัก 7 กิโลกรัม ซึ่งเป็นเรื่องแปลกว่าทำไมต้องกำหนดเช่นนั้นทำไมไม่กว้าง 40 เซนติเมตร ยาว 180 เซนติเมตร เลยทำให้เกิดความรู้สึกว่าจะตั้งใจให้ตรงกับสเปกของบริษัทใดบริษัทหนึ่งหรือไม่ ฉะนั้นต้องมีไอ้โม่งคนหนึ่งที่ไปจัดสเปกของคุรุภัณฑ์ทางการแพทย์เรียบร้อยแล้ว เพราะคุรุภัณฑ์การแพทย์เป็นตัวกำหนด ล็อคไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งไม่เหมาะสมที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดสเปกรถพยาบาลแบบนี้ จึงเป็นจุดที่เราเป็นห่วงในชีวิตของพี่น้องประชาชน
น.พ.วรงค์ อภิปรายต่อว่า ตอนนี้โรงพยาบาลก็รอรถพยาบาลนี้อยู่ โครงการรถพยาบาลตอนนี้มี 232 คัน จำนวน 31 คันต้องไปอยู่ที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่ต้องการถึง 31 คัน และอีก 201 กว่าคัน จะอยู่หลายๆโรงพยาบาลในพื้นที่ทั่วประเทศ “เห็นหรือไม่ว่าสถานการณ์ภาคใต้รุนแรงแค่ไหน ยิงกันตลอด มีระเบิด มีคนบาดเจ็บ ต้องใช้รถพยาบาล อยากฝากไปบอกท่านรัฐมนตรีว่า ทุกวันที่ท่านช้าลงไปหมายถึงชีวิตของพี่น้องประชาชนชาวใต้ และคนอีกทั่วประเทศ ขอให้ทำด้วยความรวดเร็ว แต่ต้องโปร่งใส และของต้องมีคุณภาพ” น.พ.วรงค์กล่าว และกล่าวต่อถึงกรณีโครงการคอมพิวเตอร์ของกระทรวงสาธารณสุข ที่ขณะนี้ โรงพยาบาลทั่วประเทศ 818 แห่ง กำลังรอเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ โดยเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ลงผลสอบเรื่องคอมฯฉาวว่าพัวพันกับนักการเมือง 3 คน และข้าราชการระดับสูงอีก 2 คน ตนเกรงว่ารายงานดังกล่าวจะไม่ถึงมือรัฐมนตรี จึงขอให้รัฐมนตรีพยายามตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุข และท่านจะรู้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมันเป็นอย่างไร
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 29 มิ.ย. 2548--จบ--