แท็ก
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
อเมริกัน เอ็กซ์เพรส
ส่งท้ายปีเก่า
โรงแรมคอนราด
กรมราชทัณฑ์
คำต่อคำ - คลิ๊กฟังเสียง
ผู้ดำเนินรายการ สวัสดีคะ คุณอภิสิทธิ์ คะ สวัสดีครับ คุณอภิสิทธิ์ ครับ สำหรับวันนี้คงต้องขอให้คุณอภิสิทธิ์ช่วยคอมเมนท์การเมืองช่วงส่งท้ายปีเก่าหน่อยค่ะ เพราะว่ารู้สึกว่าก็ยังแรงต่อเนื่องและโดยเฉพาะอย่างยิ่งเริ่มมีคดีต่าง ๆ มาที่ฝ่ายรัฐบาลชุดปัจจุบันด้วยค่ะ
คุณอภิสิทธิ์ สวัสดีครับ ผมคิดว่าการเมืองก็จะอยู่ในสภาพที่จะมีความเข้มข้นอย่างนี้ไปอีกระยะหนึ่งนะครับ และก็น่าจะมีความเข้มข้นมากขึ้นด้วย ซึ่งอันนี้ก็เป็นเรื่องที่เคยคาดหมายกันไว้อยู่แล้วนะครับ เพราะว่าอย่างที่คุยกันหลายครั้งก็คือเงื่อนไขของความคิดเห็นที่อาจจะแตกต่างหรือขัดแย้งในตัวของมันจะมีเพิ่มเรื่อย ๆ อยู่นะครับ ในสภาพที่จะต้องมีการดำเนินการในการจัดทำรัฐธรรมนูญและก็มีการผลักดันนโยบายต่าง ๆ ออกมาและก็ขณะเดียวกันการตรวจสอบซึ่งมีความจำเป็นจะที่ต้องทำมันก็จะเข้มข้นขึ้น ทั้งรัฐบาลเก่าและแน่นอนฝ่ายที่เป็นผู้มามีอำนาจในปัจจุบันก็จะต้องถูกตรวจสอบเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นก็ไม่ที่น่าแปลกใจ เพราะตอนนี้การตรวจสอบหรือว่าการนำเสนอประเด็นที่เป็นการตรวจสอบของทั้งสองฝ่ายจะรุนแรงขึ้นและผมก็คาดการณ์ว่าสภาพก็จะเป็นอย่างนี้ไป เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรดีไปกว่าทำทุกเรื่องให้เกิดความชัดเจนแล้วก็โปร่งใส
ผู้ดำเนินรายการ แล้วในส่วนของการยุบพรรคการเมืองในช่วงเวลานี้ละคะคุณอภิสิทธิ์ เพราะเห็นว่าคุณอภิสิทธิ์ก็โดนโวยวายเหมือนกันว่าเป็นคนปล่อยข่าวไทยรักไทยไปยุบพรรคอะไรพวกนี้
คุณอภิสิทธิ์ ผมไม่เคยปล่อยข่าวเลยนะครับแต่ผมได้พูดเรื่องนี้มาอย่างเปิดเผยตั้งแต่ต้นนะครับ ที่จริงต้องบอกว่าผมเป็นคนแรก ๆ ที่พูดเรื่องของการที่จะให้ผ่อนคลายคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องของการห้ามพรรคการเมืองดำเนินการใด ๆ และก็วันที่พรรคการเมืองไปพบท่านนายกฯ ผมได้กราบเรียนท่านต่อหน้าท่านเลยว่าผมอยากให้ผ่อนคลายเรื่องนี้นะครับ เพียงแต่ว่ามันมีข่าวคราวมาก่อนหน้านี้ว่าถ้าเกิดประชุมกันแล้วเกิดยุบตัวเองไปหนีความผิดเป็นอย่างไร ครั้งสุดท้ายผมก็เลยเขียนเปิดเผยลงในเว็บไซต์ในบทความว่าถ้ากลัวเรื่องนี้ก็ผ่อนคลายเสียแล้วก็มีเงื่อนไขนะครับก็ออกเป็นมติครม.ว่าให้ดำเนินการได้แต่ว่าห้ามยุบตัวเองก็หมดเรื่อง เพราะฉะนั้นไม่มีประเด็นที่จะต้องไปปล่อยข่าวอะไรเพียงแต่ว่ามันมีข่าวคราวว่าอาจจะมีการทำอย่างนี้และมันก็มีการถกเถียงกันในหมู่นักกฎหมายว่าสมมติมันเกิดขึ้นแปลว่าคดีมันจะนั้นไปหรือเปล่าและก็จะเป็นการหนีความผิดได้ไม๊ เพราะนั้นประเภทใช้วิธีการปล่อยข่าว ไม่เคยเป็นวิธีการทำงานการเมืองของผมอยู่แล้ว แต่ผมแสดงความเห็นในทัศนะเพื่อที่จะบอกว่าผมก็อยากให้ผ่อนคลาย ข้อจำกัดอันนี้และก็ถ้ากลัวอย่างนี้ถ้ากลัวเรื้องนี้ก็ผ่อนคลายแบบมีเงื่อนไขเสียเพราะนั้นอย่างนี้ครับ
ผู้ดำเนินรายการ ก็เลยกลายเป็นความกังวลของคมช.ไปเลย ไ ม่ทราบคมช.ฟังคุณอภิสิทธิ์แล้วกลัวหรือว่ากลัวอยู่แล้วไม่รู้
คุณอภิสิทธิ์ ผมคิดว่าถ้าเขาฟังผมแล้วกลัวก็ทำอย่างที่ผมบอกสิครับ ก็คือผ่อนคลายแบบเงื่อนไขใช่ไม๊ ครับว่าผ่อนคลายได้แต่ว่าห้ามพรรคการเมืองทำดังเรื่องต่อไปนี้ 1.ยุบตัวเอง 2. จัดชุมนุมในลักษณะอะไรก็ว่าไปใช่ไม๊ครับถ้าสมมติว่ากลัวอย่างนั้น คงไม่ใช่เรื่องที่ว่ามาฟังผมแล้วก็เลยไม่ผ่อนคลาย เพราะว่าสิ่งที่ผมเสนอคือควรผ่อนคลายแต่ว่าอะไรที่กลัวก็กำหนดเป็นเงื่อนไขเสีย
ผู้ดำเนินรายการ การกลับเข้ามาในประเทศของคุณทักษิณมีเงื่อนไขของสถานการณ์อะไรที่น่าเป็นห่วงนะครับในสายตาคุณอภิสิทธิ์
คุณอภิสิทธิ์ ผมคิดว่าเรื่องการกลับเข้ามาเป็นเรื่องที่คงหลีกเลี่ยงไม่ได้หรอกครับ เพราะว่าถ้าสมมติว่าเราจะมีการดำเนินคดีกับท่าน ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ท่านอยู่ต่างประเทศนะครับ อันนี้ไม่ได้หมายถึงมาในฐานะพยานแต่มาในฐานะผู้ถูกกล่าวหาหรือเป็นจำเลยนะครับไม่งั้นแล้วมันก็ไม่สามารถดำเนินการขบวนการยุติธรรมต่อไปได้ ทีนี้ถามว่ามาแล้วเป็นอย่างไร อันนี้มันอยู่ที่หลาย ๆ ฝ่ายนะครับ เราก็พยายามนำเสนอให้รัฐบาลและคมช.ได้เร่งทำความเข้าใจกับประชาชนนะครับ ผมก็เสนอมาโดยตลอดว่าทุกหน่วยงานได้ทำหน้าที่ตรวจสอบให้ข้อเท็จจริงกับประชาชนให้มาก ในลักษณะที่ให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาด้วยนะครับเพราะว่าถ้าสภาพการรับรู้ของคนไม่ค่อยดีก็จะเป็นปัญหาว่าฝ่ายที่ถูกกล่าวหาก็มักจะไปพูดว่าถูกกลั่นแกล้งนะครับ นอกจากนั้นผมก็คิดว่า ผมพูดมาตั้งแต่ต้นว่าเมื่อคุณทักษิณเป็นคนไทยก็ย่อมมีสิทธิ์กลับเข้ามาในประไทยแต่ว่าก็อยากจะเห็นคุณทักษิณได้แสดงท่าทีจุดยืนของตัวเองบ้าง
ที่ผ่านมาไม่มีการแสดงจุดยืนชัดเจนโดยตัวของท่านเองเลยว่าความประสงค์คืออะไร เช่นอยากจะกลับไม่อยากจะกลับ มีความคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องของอนาคตของตัวเองที่จะทำงานการเมืองหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการที่จะพูดถึงกับผู้สนับสนุนว่ายอมรับการตรวจสอบอะไรต่างๆ เราก็ไม่ได้ยินของเหล่านี้ ผมกลับมองว่าจริงๆก็มี เป็นค่อนข้างจะเป็นกระบวนการอยู่ในขณะนี้ที่เห็นการดำเนินการไปพร้อมๆกัน ของตัวที่ปรึกษากฎหมายที่พยายามให้ข่าวในทำนองที่ว่าการตรวจสอบ มีปัญหาเรื่องมาตรฐานหรือกลั่นแกล้งอะไรต่างๆเหล่านี้ ซึ่งอันนี้ก็เป็นเรื่องที่ผมก็อยากจะเรียกร้องนะครับว่าถ้าหากมีเจตนาที่บริสุทธิ์ ถ้ามั่นใจในความถูกต้องของตัวเองก็ควรจะแสดงท่าที่ที่ชัด
ผู้ดำเนินรายการ ส่วนนายกฯ คนปัจจุบันคุณอภิสิทธิ์มองว่าเร็วเกินไปไม๊ครับที่ท่านเอาเก้าอี้เอาตำแหน่งเดิมพันในกรณีที่ดินเขายายเที่ยงของท่าน
คุณอภิสิทธิ์ คือผมคิดว่าสิ่งที่ท่านนายกฯสุรยุทธ์แสดงออกเป็นท่าที่ที่ดีนะครับคือหมายความว่าท่านแสดงเจตนาชัดเจนว่าพร้อมที่จะรับการตรวจสอบใช่ไม๊ครับ ซึ่งอันนี้ผมคิ ดว่ามันเป็นสิ่งที่เราน่าจะสนับสนุนให้นักการเมืองแสดงท่าทีของการยอมรับการตรวจสอบ ส่วนเรื่องความรับผิดชอบของท่านก็ต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริงที่จะมีการดำเนินการแล้วก็ให้ปรากฎออกมาก็คงต้องบอกว่าในเบื้องต้นผมก็ติดตามเรื่องนี้นะครับ คือเท่าที่ดูไม่ใช่เรื่องว่าท่านไปใช้อำนาจหน้าที่ในทางราชการหรือตำแหน่งของท่านไปได้ที่ดินตรงนี้มาแต่ก็หมายความว่าได้มาในฐานะที่ว่าตามที่ท่านได้บอกข้อเท็จจริง เมื่อเป็นอย่างนั้นก็ต้องมาดูว่าข้อเท็จจริงและกฎหมายว่าอย่างไร งั้นสิ่งที่ทางรัฐบาลก็จำเป็นจะต้องทำก็คือว่าให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้ให้ชัดเสียว่ามันเป็นที่มันเป็นที่ประเภทไหน
แต่ว่าเท่าที่ตามดูก็คือว่าที่ตรงนี้เป็นที่ซึ่งมีปัญหาอยู่ระหว่างทางป่าไม้กับทางราษฎร ที่พูดตรงนี้เพราะว่าในสมัยของรัฐบาลท่านพลเอกชวลิต เมื่อตอนประมาณซักเมษาปี 40 มันเคยมีการเสนอเรื่องการเจรจากลุ่มปัญหาต่าง ๆ ระหว่าง เข้าใจว่าน่าจะเป็นสมัชชาคนจนกับทางป่าไม้ ซึ่งมีเรื่องของเขายายเที่ยงอยู่ด้วย และก็เป็นมติครม.เมื่อวันที่ 29 เมษา ปี 40นะครับ ต่อมาพอเปลี่ยนรัฐบาลมาเป็นรัฐบาลของท่านนายกฯชวนสมัยที่ 2 แล้วก็ท่านรัฐมนตรีเกษตรตอนนั้นก็คือคุณปองพลเข้ามาปี 41 นะครับก็มีมติ ครม.วันที่ 10 มิถุนายกเลิกมติของท่านรัฐบาลท่านพลเอกชวลิตแล้วก็ใช้หลักทั่วไปกับพื้นที่ต่างๆในเรื่องป่าว่ากรณีของคือเป็นมติที่ต้องการสกัดกั้นไม่ให้เกิดการบุกรุกป่าเพิ่มเติมนะครับแต่ว่าบอกว่า กรณีซึ่งมีราษฎรเข้าไปครอบครองอยู่ก่อนให้ครอบครองทำกินต่อไปได้ ซึ่งผมเข้าใจว่าตรงนี้ก็คือผู้ที่เข้ามาแจ้งว่าได้ครอบครองอยู่ก่อนนี้ก็คือนายเบ้านะครับซึ่งปัจจุบันได้ไปเป็นหลวงตาเบ้าที่ได้ให้สัมภาษณ์ เมื่อวาน เพราะฉะนั้นที่ตรงนี้ก็น่าจะเข้าอยู่ในลักษณะของมติครม.ตรงนี้ แต่มติก็คงบอกชัดนะครับว่าที่ประเภทนี้มันไม่ใช่เรื่องของการมีกรรมสิทธิ์นะครับ
ที่นี้ก็คงต้องไปดูว่าการดำเนินการในส่วนของการที่เปลี่ยนมือกันมามันเป็นอย่างไรนะครับแล้วก็หน่วยงานจะต้องปฎิบัติอย่างไรก็ว่ากันไปตามนั้นก็คงต้องปฎิบัติให้เสมอภาคกันแล้วก็ดูเหมือนว่าท่านนายกฯก็แสดงท่าทีที่ดีว่าจะต้องทำอะไรก็ต้องเป็นอย่างนั้น ส่วนท่านจะมีความผิดหรือไม่ก็ต้องไปดูตามทั้งข้อเท็จจริงทั้งข้อกฎหมายแล้วก็ดูเจตนาของท่านด้วย
ผู้ดำเนินรายการ ตกลงว่ามติ ครม. 30 มิถุนา 41 ที่ออกสมัยรัฐบาลคุณชวนเป็นการไปแก้ไขหรือว่าลบล้างมติครม.ของรัฐบาลพลเอกชวลิต 29 เมษา 40 เพราะอะไรครับ
คุณอภิสิทธิ์ คือเนื่องจากว่าตอนปี 40 มันมีเรื่องของการรับผลการเจรจา ซึ่งจะเป็นเรื่องของขั้นตอนการพิสูจน์สิทธิ์อะไรต่างๆ ทีนี้พอปี 41 ก็มาทำให้มันเหมือนกันหมดนะครับ เป็นเหมือนกับเป็นมติที่จะเป็นแนวปฎิบัติเกี่ยวกับพื้นที่ต่าง ๆ เพราะว่ามติของปี 41 จะจำแนกไว้เลยว่าพื้นที่ป่าประเภทไหนจะต้องทำอย่างไร
แล้วก็มามีประเด็นตรงนี้เท่านั้นเองว่าพื้นที่ที่มีราษฎรครอบครองทำกินอยู่ก่อนก็ให้ครอบครองต่อไปได้แต่ว่าไม่มีกรรมสิทธิ์ ทีนี้ส่วนการที่มีการโอนอะไรอย่างไรก็ต้องไปดูแล้วก็ผมก็เชื่อว่าท่านนายกฯไม่มีเจตนาที่จะไปบุกรุกแต่ว่าถ้าแนวปฎิบัติเกี่ยวกับการครอบครองที่ดินแล้วมันเป็นปัญหาอย่างไร ท่านก็ต้องยอมรับตามนั้นซึ่งผมก็ฟังดูซึ่งท่านก็ยอมรับ เพราะนั้นผมว่าท่าทีที่ท่านแสดงออกในเรื่องที่ว่าท่านยอมรับการตรวจสอบแล้วก็ให้ดำเนินการทุกอย่างตรงไปตรงมาและท่านเองก็ไม่ได้เป็นผู้ปิดบังอะไรถูกไม๊ครับเพราะว่าเรื่องนี้ท่านก็ให้มีการแสดงบัญชีทรัพย์สินและก็วันที่ท่านแถลงท่านก็เล่าอย่างตรงไปตรงมา ก็ต้องว่ากันไป ก็ต้องดูด้วยว่าอันนี้ก็เป็นเจตนาว่าท่านก็ได้แสดงเจตนาว่าทุกอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาซึ่งก็สอดคล้องกับตัวตนที่สังคมและก็เรารู้จักท่าน แต่อย่างไรก็ตาม มันผิดถูกอย่างไรก็ต้องว่าไปตามกฎหมายแล้วก็ดำเนินการให้เสมอภาคกัน
ผู้ดำเนินรายการ ปี 2549 ที่กำลังจะผ่านไปก็ถือว่าเป็นปีที่มีความผันผวนมาก ทางด้านการเมืองคุณอภิสิทธิ์อยากจะสะท้อนทัศนะที่มีต่อปีนี้ยังไงบ้างครับคุณอภิสิทธิ์ครับ
คุณอภิสิทธิ์ ผมคิดว่าปีที่ผ่านมามันเป็นปีซึ่งสังคมไทยพยายามที่จะจัดการและก็หาทางออกกับสภาพปัญหาที่ได้สะสมมาเป็นวิกฤติ โดยเฉพาะวิกฤติทางการเมืองแล้วกระบวนการของประชาธิปไตยและก็รัฐธรรมนูญที่ถูกบิดเบือนไป มันก็ทำให้ตลอดช่วงปี 49 เป็นปัญหาที่จะต้องสะสางกันตรงนี้ มันเหมือนกับยังต้องใช้เวลากันแล้วก็ยังทำให้เกิดความขัดแย้งหรือความสับสนกันอยู่ ทีนี้ผมก็คิดว่าเอาละกำลังจะผ่านพ้นไปนะครับพวกเราทุกคนมาร่วมกันตั้งปณิธานกันดีกว่า ว่าปี 2550 ที่จะมาถึง ซึ่งก็เป็นปีมงคลด้วย เพราะว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุครบ 80 พรรษา เราทุกคนร่วมกันถวายความจงรักภักดี โดยการยึดในแนวพระราชดำริในเรื่องของความพอเพียงในทุกๆด้านและก็รู้รักสามัคคีและก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองด้วยความซื่อสัตย์สุจริตด้วยความรับผิดชอบ
แล้วปี 2550 เป็นปีที่เราจะต้องช่วยกันนำพาให้บ้านเมืองของเรากลับคืนสู่ภาวะปกตินะครับแล้วก็ได้ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแบบสมบูรณ์คืนมาแล้วก็เลยอยากให้ได้ไม่ใช่เพียงว่ารูปแบบที่คืนมาแต่ว่าเนื้อหาสาระที่จะดีขึ้นแล้วก็ยังยืนด้วยก็คงเป็นหน้าที่ของทุกฝ่าย ผมก็หวังที่จะเห็นคนไทยทุกคนได้ตั้งมั่นในความตั้งใจอันนี้นะครับ แล้วก็ผมก็ต้องขอถือโอกาสนี้ก็อวยพรนะครับอาราธนาคุณพระศรีรัตนาตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ทุกท่านเคารพนับถือก็ดลบันดาลให้ท่านมีความสุขมีความเจริญความก้าวหน้ามีความสำเร็จแล้วก็มีความเข้มแข็งในการที่จะฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ
ผู้ดำเนินรายการ ส่วนคุณอภิสิทธิ์เอง กำลังใจเต็มมที่จะทำงานทางการเมืองต่อไ ปใช่ไม๊คะ
คุณอภิสิทธิ์ ครับ ก็มีความมุ่งมั่นอย่างไรก็มีความมุ่งมั่นต่อไปนะครับ แล้วก็ผมพูดมาตลอดว่างานการเมือง ถ้าใจไม่รักนะครับ ทำไม่ได้นะครับ เพราะนั้นที่ผมตัดสินใจทำงานการเมืองอยู่ก็ด้วยใจรักแล้วก็ทราบดีนะครับตั้งแต่ก่อนเข้ามาการเมืองว่าเข้ามาแล้วก็ต้องเผชิญกับปัญหาอุปสรรคต่างๆนะครับ เพราะนั้นก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาก็ต้องทำหน้าที่ของเราต่อไป
ผู้ดำเนินรายการ คิดว่าปีหน้าการทำงานการเมื องของคุณอภิสิทธิ์เองหรือพรรคการเมืองต่างๆ เองจะยากกว่าปีนี้ไม๊คะ
คุณอภิสิทธิ์ ผมคิดว่ามันคงไม่ยากกว่าปีนี้หรอกครับ แต่จะง่ายขึ้นหรือเปล่าไม่ทราบ ปีนี้มันมีเหตุการณ์พิเศษหลายเรื่องจริงๆ แล้วก็พบกับหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังไม่เคยพบมาก่อน แม้กระทั่งคนที่มีประสบการณ์มากกว่าผมก็ยังยอมรับว่าสภาพอย่างนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะนั้นก็ผ่านพ้นตรงนี้มาแล้วก็ต้องเดินหน้าต่อครับ
ผู้ดำเนินรายการ ขอบคุณมากคุณอภิสิทธิ์ครับ สวัสดีค่ะ
คุณอภิสิทธิ์ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
******************************************
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 1 ม.ค. 2550--จบ--
ผู้ดำเนินรายการ สวัสดีคะ คุณอภิสิทธิ์ คะ สวัสดีครับ คุณอภิสิทธิ์ ครับ สำหรับวันนี้คงต้องขอให้คุณอภิสิทธิ์ช่วยคอมเมนท์การเมืองช่วงส่งท้ายปีเก่าหน่อยค่ะ เพราะว่ารู้สึกว่าก็ยังแรงต่อเนื่องและโดยเฉพาะอย่างยิ่งเริ่มมีคดีต่าง ๆ มาที่ฝ่ายรัฐบาลชุดปัจจุบันด้วยค่ะ
คุณอภิสิทธิ์ สวัสดีครับ ผมคิดว่าการเมืองก็จะอยู่ในสภาพที่จะมีความเข้มข้นอย่างนี้ไปอีกระยะหนึ่งนะครับ และก็น่าจะมีความเข้มข้นมากขึ้นด้วย ซึ่งอันนี้ก็เป็นเรื่องที่เคยคาดหมายกันไว้อยู่แล้วนะครับ เพราะว่าอย่างที่คุยกันหลายครั้งก็คือเงื่อนไขของความคิดเห็นที่อาจจะแตกต่างหรือขัดแย้งในตัวของมันจะมีเพิ่มเรื่อย ๆ อยู่นะครับ ในสภาพที่จะต้องมีการดำเนินการในการจัดทำรัฐธรรมนูญและก็มีการผลักดันนโยบายต่าง ๆ ออกมาและก็ขณะเดียวกันการตรวจสอบซึ่งมีความจำเป็นจะที่ต้องทำมันก็จะเข้มข้นขึ้น ทั้งรัฐบาลเก่าและแน่นอนฝ่ายที่เป็นผู้มามีอำนาจในปัจจุบันก็จะต้องถูกตรวจสอบเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นก็ไม่ที่น่าแปลกใจ เพราะตอนนี้การตรวจสอบหรือว่าการนำเสนอประเด็นที่เป็นการตรวจสอบของทั้งสองฝ่ายจะรุนแรงขึ้นและผมก็คาดการณ์ว่าสภาพก็จะเป็นอย่างนี้ไป เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรดีไปกว่าทำทุกเรื่องให้เกิดความชัดเจนแล้วก็โปร่งใส
ผู้ดำเนินรายการ แล้วในส่วนของการยุบพรรคการเมืองในช่วงเวลานี้ละคะคุณอภิสิทธิ์ เพราะเห็นว่าคุณอภิสิทธิ์ก็โดนโวยวายเหมือนกันว่าเป็นคนปล่อยข่าวไทยรักไทยไปยุบพรรคอะไรพวกนี้
คุณอภิสิทธิ์ ผมไม่เคยปล่อยข่าวเลยนะครับแต่ผมได้พูดเรื่องนี้มาอย่างเปิดเผยตั้งแต่ต้นนะครับ ที่จริงต้องบอกว่าผมเป็นคนแรก ๆ ที่พูดเรื่องของการที่จะให้ผ่อนคลายคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องของการห้ามพรรคการเมืองดำเนินการใด ๆ และก็วันที่พรรคการเมืองไปพบท่านนายกฯ ผมได้กราบเรียนท่านต่อหน้าท่านเลยว่าผมอยากให้ผ่อนคลายเรื่องนี้นะครับ เพียงแต่ว่ามันมีข่าวคราวมาก่อนหน้านี้ว่าถ้าเกิดประชุมกันแล้วเกิดยุบตัวเองไปหนีความผิดเป็นอย่างไร ครั้งสุดท้ายผมก็เลยเขียนเปิดเผยลงในเว็บไซต์ในบทความว่าถ้ากลัวเรื่องนี้ก็ผ่อนคลายเสียแล้วก็มีเงื่อนไขนะครับก็ออกเป็นมติครม.ว่าให้ดำเนินการได้แต่ว่าห้ามยุบตัวเองก็หมดเรื่อง เพราะฉะนั้นไม่มีประเด็นที่จะต้องไปปล่อยข่าวอะไรเพียงแต่ว่ามันมีข่าวคราวว่าอาจจะมีการทำอย่างนี้และมันก็มีการถกเถียงกันในหมู่นักกฎหมายว่าสมมติมันเกิดขึ้นแปลว่าคดีมันจะนั้นไปหรือเปล่าและก็จะเป็นการหนีความผิดได้ไม๊ เพราะนั้นประเภทใช้วิธีการปล่อยข่าว ไม่เคยเป็นวิธีการทำงานการเมืองของผมอยู่แล้ว แต่ผมแสดงความเห็นในทัศนะเพื่อที่จะบอกว่าผมก็อยากให้ผ่อนคลาย ข้อจำกัดอันนี้และก็ถ้ากลัวอย่างนี้ถ้ากลัวเรื้องนี้ก็ผ่อนคลายแบบมีเงื่อนไขเสียเพราะนั้นอย่างนี้ครับ
ผู้ดำเนินรายการ ก็เลยกลายเป็นความกังวลของคมช.ไปเลย ไ ม่ทราบคมช.ฟังคุณอภิสิทธิ์แล้วกลัวหรือว่ากลัวอยู่แล้วไม่รู้
คุณอภิสิทธิ์ ผมคิดว่าถ้าเขาฟังผมแล้วกลัวก็ทำอย่างที่ผมบอกสิครับ ก็คือผ่อนคลายแบบเงื่อนไขใช่ไม๊ ครับว่าผ่อนคลายได้แต่ว่าห้ามพรรคการเมืองทำดังเรื่องต่อไปนี้ 1.ยุบตัวเอง 2. จัดชุมนุมในลักษณะอะไรก็ว่าไปใช่ไม๊ครับถ้าสมมติว่ากลัวอย่างนั้น คงไม่ใช่เรื่องที่ว่ามาฟังผมแล้วก็เลยไม่ผ่อนคลาย เพราะว่าสิ่งที่ผมเสนอคือควรผ่อนคลายแต่ว่าอะไรที่กลัวก็กำหนดเป็นเงื่อนไขเสีย
ผู้ดำเนินรายการ การกลับเข้ามาในประเทศของคุณทักษิณมีเงื่อนไขของสถานการณ์อะไรที่น่าเป็นห่วงนะครับในสายตาคุณอภิสิทธิ์
คุณอภิสิทธิ์ ผมคิดว่าเรื่องการกลับเข้ามาเป็นเรื่องที่คงหลีกเลี่ยงไม่ได้หรอกครับ เพราะว่าถ้าสมมติว่าเราจะมีการดำเนินคดีกับท่าน ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ท่านอยู่ต่างประเทศนะครับ อันนี้ไม่ได้หมายถึงมาในฐานะพยานแต่มาในฐานะผู้ถูกกล่าวหาหรือเป็นจำเลยนะครับไม่งั้นแล้วมันก็ไม่สามารถดำเนินการขบวนการยุติธรรมต่อไปได้ ทีนี้ถามว่ามาแล้วเป็นอย่างไร อันนี้มันอยู่ที่หลาย ๆ ฝ่ายนะครับ เราก็พยายามนำเสนอให้รัฐบาลและคมช.ได้เร่งทำความเข้าใจกับประชาชนนะครับ ผมก็เสนอมาโดยตลอดว่าทุกหน่วยงานได้ทำหน้าที่ตรวจสอบให้ข้อเท็จจริงกับประชาชนให้มาก ในลักษณะที่ให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาด้วยนะครับเพราะว่าถ้าสภาพการรับรู้ของคนไม่ค่อยดีก็จะเป็นปัญหาว่าฝ่ายที่ถูกกล่าวหาก็มักจะไปพูดว่าถูกกลั่นแกล้งนะครับ นอกจากนั้นผมก็คิดว่า ผมพูดมาตั้งแต่ต้นว่าเมื่อคุณทักษิณเป็นคนไทยก็ย่อมมีสิทธิ์กลับเข้ามาในประไทยแต่ว่าก็อยากจะเห็นคุณทักษิณได้แสดงท่าทีจุดยืนของตัวเองบ้าง
ที่ผ่านมาไม่มีการแสดงจุดยืนชัดเจนโดยตัวของท่านเองเลยว่าความประสงค์คืออะไร เช่นอยากจะกลับไม่อยากจะกลับ มีความคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องของอนาคตของตัวเองที่จะทำงานการเมืองหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการที่จะพูดถึงกับผู้สนับสนุนว่ายอมรับการตรวจสอบอะไรต่างๆ เราก็ไม่ได้ยินของเหล่านี้ ผมกลับมองว่าจริงๆก็มี เป็นค่อนข้างจะเป็นกระบวนการอยู่ในขณะนี้ที่เห็นการดำเนินการไปพร้อมๆกัน ของตัวที่ปรึกษากฎหมายที่พยายามให้ข่าวในทำนองที่ว่าการตรวจสอบ มีปัญหาเรื่องมาตรฐานหรือกลั่นแกล้งอะไรต่างๆเหล่านี้ ซึ่งอันนี้ก็เป็นเรื่องที่ผมก็อยากจะเรียกร้องนะครับว่าถ้าหากมีเจตนาที่บริสุทธิ์ ถ้ามั่นใจในความถูกต้องของตัวเองก็ควรจะแสดงท่าที่ที่ชัด
ผู้ดำเนินรายการ ส่วนนายกฯ คนปัจจุบันคุณอภิสิทธิ์มองว่าเร็วเกินไปไม๊ครับที่ท่านเอาเก้าอี้เอาตำแหน่งเดิมพันในกรณีที่ดินเขายายเที่ยงของท่าน
คุณอภิสิทธิ์ คือผมคิดว่าสิ่งที่ท่านนายกฯสุรยุทธ์แสดงออกเป็นท่าที่ที่ดีนะครับคือหมายความว่าท่านแสดงเจตนาชัดเจนว่าพร้อมที่จะรับการตรวจสอบใช่ไม๊ครับ ซึ่งอันนี้ผมคิ ดว่ามันเป็นสิ่งที่เราน่าจะสนับสนุนให้นักการเมืองแสดงท่าทีของการยอมรับการตรวจสอบ ส่วนเรื่องความรับผิดชอบของท่านก็ต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริงที่จะมีการดำเนินการแล้วก็ให้ปรากฎออกมาก็คงต้องบอกว่าในเบื้องต้นผมก็ติดตามเรื่องนี้นะครับ คือเท่าที่ดูไม่ใช่เรื่องว่าท่านไปใช้อำนาจหน้าที่ในทางราชการหรือตำแหน่งของท่านไปได้ที่ดินตรงนี้มาแต่ก็หมายความว่าได้มาในฐานะที่ว่าตามที่ท่านได้บอกข้อเท็จจริง เมื่อเป็นอย่างนั้นก็ต้องมาดูว่าข้อเท็จจริงและกฎหมายว่าอย่างไร งั้นสิ่งที่ทางรัฐบาลก็จำเป็นจะต้องทำก็คือว่าให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้ให้ชัดเสียว่ามันเป็นที่มันเป็นที่ประเภทไหน
แต่ว่าเท่าที่ตามดูก็คือว่าที่ตรงนี้เป็นที่ซึ่งมีปัญหาอยู่ระหว่างทางป่าไม้กับทางราษฎร ที่พูดตรงนี้เพราะว่าในสมัยของรัฐบาลท่านพลเอกชวลิต เมื่อตอนประมาณซักเมษาปี 40 มันเคยมีการเสนอเรื่องการเจรจากลุ่มปัญหาต่าง ๆ ระหว่าง เข้าใจว่าน่าจะเป็นสมัชชาคนจนกับทางป่าไม้ ซึ่งมีเรื่องของเขายายเที่ยงอยู่ด้วย และก็เป็นมติครม.เมื่อวันที่ 29 เมษา ปี 40นะครับ ต่อมาพอเปลี่ยนรัฐบาลมาเป็นรัฐบาลของท่านนายกฯชวนสมัยที่ 2 แล้วก็ท่านรัฐมนตรีเกษตรตอนนั้นก็คือคุณปองพลเข้ามาปี 41 นะครับก็มีมติ ครม.วันที่ 10 มิถุนายกเลิกมติของท่านรัฐบาลท่านพลเอกชวลิตแล้วก็ใช้หลักทั่วไปกับพื้นที่ต่างๆในเรื่องป่าว่ากรณีของคือเป็นมติที่ต้องการสกัดกั้นไม่ให้เกิดการบุกรุกป่าเพิ่มเติมนะครับแต่ว่าบอกว่า กรณีซึ่งมีราษฎรเข้าไปครอบครองอยู่ก่อนให้ครอบครองทำกินต่อไปได้ ซึ่งผมเข้าใจว่าตรงนี้ก็คือผู้ที่เข้ามาแจ้งว่าได้ครอบครองอยู่ก่อนนี้ก็คือนายเบ้านะครับซึ่งปัจจุบันได้ไปเป็นหลวงตาเบ้าที่ได้ให้สัมภาษณ์ เมื่อวาน เพราะฉะนั้นที่ตรงนี้ก็น่าจะเข้าอยู่ในลักษณะของมติครม.ตรงนี้ แต่มติก็คงบอกชัดนะครับว่าที่ประเภทนี้มันไม่ใช่เรื่องของการมีกรรมสิทธิ์นะครับ
ที่นี้ก็คงต้องไปดูว่าการดำเนินการในส่วนของการที่เปลี่ยนมือกันมามันเป็นอย่างไรนะครับแล้วก็หน่วยงานจะต้องปฎิบัติอย่างไรก็ว่ากันไปตามนั้นก็คงต้องปฎิบัติให้เสมอภาคกันแล้วก็ดูเหมือนว่าท่านนายกฯก็แสดงท่าทีที่ดีว่าจะต้องทำอะไรก็ต้องเป็นอย่างนั้น ส่วนท่านจะมีความผิดหรือไม่ก็ต้องไปดูตามทั้งข้อเท็จจริงทั้งข้อกฎหมายแล้วก็ดูเจตนาของท่านด้วย
ผู้ดำเนินรายการ ตกลงว่ามติ ครม. 30 มิถุนา 41 ที่ออกสมัยรัฐบาลคุณชวนเป็นการไปแก้ไขหรือว่าลบล้างมติครม.ของรัฐบาลพลเอกชวลิต 29 เมษา 40 เพราะอะไรครับ
คุณอภิสิทธิ์ คือเนื่องจากว่าตอนปี 40 มันมีเรื่องของการรับผลการเจรจา ซึ่งจะเป็นเรื่องของขั้นตอนการพิสูจน์สิทธิ์อะไรต่างๆ ทีนี้พอปี 41 ก็มาทำให้มันเหมือนกันหมดนะครับ เป็นเหมือนกับเป็นมติที่จะเป็นแนวปฎิบัติเกี่ยวกับพื้นที่ต่าง ๆ เพราะว่ามติของปี 41 จะจำแนกไว้เลยว่าพื้นที่ป่าประเภทไหนจะต้องทำอย่างไร
แล้วก็มามีประเด็นตรงนี้เท่านั้นเองว่าพื้นที่ที่มีราษฎรครอบครองทำกินอยู่ก่อนก็ให้ครอบครองต่อไปได้แต่ว่าไม่มีกรรมสิทธิ์ ทีนี้ส่วนการที่มีการโอนอะไรอย่างไรก็ต้องไปดูแล้วก็ผมก็เชื่อว่าท่านนายกฯไม่มีเจตนาที่จะไปบุกรุกแต่ว่าถ้าแนวปฎิบัติเกี่ยวกับการครอบครองที่ดินแล้วมันเป็นปัญหาอย่างไร ท่านก็ต้องยอมรับตามนั้นซึ่งผมก็ฟังดูซึ่งท่านก็ยอมรับ เพราะนั้นผมว่าท่าทีที่ท่านแสดงออกในเรื่องที่ว่าท่านยอมรับการตรวจสอบแล้วก็ให้ดำเนินการทุกอย่างตรงไปตรงมาและท่านเองก็ไม่ได้เป็นผู้ปิดบังอะไรถูกไม๊ครับเพราะว่าเรื่องนี้ท่านก็ให้มีการแสดงบัญชีทรัพย์สินและก็วันที่ท่านแถลงท่านก็เล่าอย่างตรงไปตรงมา ก็ต้องว่ากันไป ก็ต้องดูด้วยว่าอันนี้ก็เป็นเจตนาว่าท่านก็ได้แสดงเจตนาว่าทุกอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาซึ่งก็สอดคล้องกับตัวตนที่สังคมและก็เรารู้จักท่าน แต่อย่างไรก็ตาม มันผิดถูกอย่างไรก็ต้องว่าไปตามกฎหมายแล้วก็ดำเนินการให้เสมอภาคกัน
ผู้ดำเนินรายการ ปี 2549 ที่กำลังจะผ่านไปก็ถือว่าเป็นปีที่มีความผันผวนมาก ทางด้านการเมืองคุณอภิสิทธิ์อยากจะสะท้อนทัศนะที่มีต่อปีนี้ยังไงบ้างครับคุณอภิสิทธิ์ครับ
คุณอภิสิทธิ์ ผมคิดว่าปีที่ผ่านมามันเป็นปีซึ่งสังคมไทยพยายามที่จะจัดการและก็หาทางออกกับสภาพปัญหาที่ได้สะสมมาเป็นวิกฤติ โดยเฉพาะวิกฤติทางการเมืองแล้วกระบวนการของประชาธิปไตยและก็รัฐธรรมนูญที่ถูกบิดเบือนไป มันก็ทำให้ตลอดช่วงปี 49 เป็นปัญหาที่จะต้องสะสางกันตรงนี้ มันเหมือนกับยังต้องใช้เวลากันแล้วก็ยังทำให้เกิดความขัดแย้งหรือความสับสนกันอยู่ ทีนี้ผมก็คิดว่าเอาละกำลังจะผ่านพ้นไปนะครับพวกเราทุกคนมาร่วมกันตั้งปณิธานกันดีกว่า ว่าปี 2550 ที่จะมาถึง ซึ่งก็เป็นปีมงคลด้วย เพราะว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุครบ 80 พรรษา เราทุกคนร่วมกันถวายความจงรักภักดี โดยการยึดในแนวพระราชดำริในเรื่องของความพอเพียงในทุกๆด้านและก็รู้รักสามัคคีและก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองด้วยความซื่อสัตย์สุจริตด้วยความรับผิดชอบ
แล้วปี 2550 เป็นปีที่เราจะต้องช่วยกันนำพาให้บ้านเมืองของเรากลับคืนสู่ภาวะปกตินะครับแล้วก็ได้ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแบบสมบูรณ์คืนมาแล้วก็เลยอยากให้ได้ไม่ใช่เพียงว่ารูปแบบที่คืนมาแต่ว่าเนื้อหาสาระที่จะดีขึ้นแล้วก็ยังยืนด้วยก็คงเป็นหน้าที่ของทุกฝ่าย ผมก็หวังที่จะเห็นคนไทยทุกคนได้ตั้งมั่นในความตั้งใจอันนี้นะครับ แล้วก็ผมก็ต้องขอถือโอกาสนี้ก็อวยพรนะครับอาราธนาคุณพระศรีรัตนาตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ทุกท่านเคารพนับถือก็ดลบันดาลให้ท่านมีความสุขมีความเจริญความก้าวหน้ามีความสำเร็จแล้วก็มีความเข้มแข็งในการที่จะฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ
ผู้ดำเนินรายการ ส่วนคุณอภิสิทธิ์เอง กำลังใจเต็มมที่จะทำงานทางการเมืองต่อไ ปใช่ไม๊คะ
คุณอภิสิทธิ์ ครับ ก็มีความมุ่งมั่นอย่างไรก็มีความมุ่งมั่นต่อไปนะครับ แล้วก็ผมพูดมาตลอดว่างานการเมือง ถ้าใจไม่รักนะครับ ทำไม่ได้นะครับ เพราะนั้นที่ผมตัดสินใจทำงานการเมืองอยู่ก็ด้วยใจรักแล้วก็ทราบดีนะครับตั้งแต่ก่อนเข้ามาการเมืองว่าเข้ามาแล้วก็ต้องเผชิญกับปัญหาอุปสรรคต่างๆนะครับ เพราะนั้นก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาก็ต้องทำหน้าที่ของเราต่อไป
ผู้ดำเนินรายการ คิดว่าปีหน้าการทำงานการเมื องของคุณอภิสิทธิ์เองหรือพรรคการเมืองต่างๆ เองจะยากกว่าปีนี้ไม๊คะ
คุณอภิสิทธิ์ ผมคิดว่ามันคงไม่ยากกว่าปีนี้หรอกครับ แต่จะง่ายขึ้นหรือเปล่าไม่ทราบ ปีนี้มันมีเหตุการณ์พิเศษหลายเรื่องจริงๆ แล้วก็พบกับหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังไม่เคยพบมาก่อน แม้กระทั่งคนที่มีประสบการณ์มากกว่าผมก็ยังยอมรับว่าสภาพอย่างนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะนั้นก็ผ่านพ้นตรงนี้มาแล้วก็ต้องเดินหน้าต่อครับ
ผู้ดำเนินรายการ ขอบคุณมากคุณอภิสิทธิ์ครับ สวัสดีค่ะ
คุณอภิสิทธิ์ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
******************************************
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 1 ม.ค. 2550--จบ--