กรุงเทพ--12 เม.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงข่าวประจำสัปดาห์ ณ ห้องแถลงข่าว กระทรวงการต่างประเทศ โดยมีผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าว หนังสือพิมพ์ และสถานีโทรทัศน์ เข้าร่วมรับฟังและซักถามในประเด็นต่างๆ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. ผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษมาเก๊า
เมื่อวันที่ 8-10 เมษายน 2550 นายเอ็ดมัน โฮ โฮว วา ผู้บริหารสูงสุดของมาเก๊าได้มาเยือนไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรก โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่สำคัญของภาครัฐหลายคน เช่น ประธานรัฐสภา และนักธุรกิจชั้นนำ 30 คนของมาเก๊าร่วมเดินทางมาด้วย
ในระหว่างการเยือน นาย โฮ โฮว วา ได้พบหารือกับประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงให้นายโฮ โฮว วา ทราบถึงสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและการเมืองไทย ซึ่งนายโฮ โฮว วา ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า ด้วยพระบารมีปกเกล้าฯและความเป็นคนไทย ประเทศไทยจะสามารถพัฒนาต่อไปได้อย่างดีแน่นอน
นอกจากนี้ ได้มีการจัดการสัมมนาความร่วมมือการค้าไทย-มาเก๊าระหว่างภาครัฐ และภาคเอกชนของทั้งสองฝ่าย เพื่อแสวงหาความร่วมมือทางการค้าระหว่างกัน ซึ่งเป็นโอกาสที่นักธุรกิจของทั้งสองฝ่ายได้พบปะหารือกัน และทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในความตกลงด้านการส่งเสริมการประชุมและนิทรรศการและ การส่งเสริมการลงทุนและการค้า และความตกลงระหว่างหอการค้าไทยกับหอการค้ามาเก๊าด้วย
ปัจจุบัน เศรษฐกิจมาเก๊ากำลังตัวขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะภาคบริการซึ่งกำลังต้องการแรงงานด้านบริการเป็นจำนวนมาก ทำให้มาเก๊าสนใจแรงงานสาขาบริการจากไทยเนื่องจากลักษณะพิเศษที่มีจิตใจบริการ และมาเก๊าซึ่งเคยเป็นอาณานิคมของโปรตุเกสได้เสนอตัวเป็นช่องทางในการขยายโอกาสการค้า การลงทุน 2 ทางไปยังประเทศพันธมิตรที่พูดภาษาเดียวกันทั่วโลก 9 ประเทศ ได้แก่ อังโกลา บราซิล ติมอร์เลสเต กิริบิซูร์ กินี-บิเซา โมซัมบิก โปรตุเกส เซาโตเม และซิมบับเว เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้าและการบริการ นอกจากนี้ มาเก๊ายังเป็นส่วนหนึ่งของแขตการค้า Pan Pearl River Delta ทางตอนใต้ของจีนซึ่งครอบคลุม 9 มณฑลทางภาคตะวันออก กับมาเก๊าและฮ่องกง มีประชากรรวม 450 ล้านคน จึงเป็นสะพานเชื่อมให้ไทยได้เป็นอย่างดีในการติดต่อเข้าถึงการค้าและการลงทุนในแถบดังกล่าวอีกด้วย
นอกจากนั้น ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันเกี่ยวกับเครือข่ายเส้นทางคมนาคมระหว่างคุนหมิง-สิงคโปร์ และ East-West Corridor ระหว่างเวียดนาม-พม่าและอินเดีย ซึ่งเชื่อมกันทางภูมิศาสตร์กับกลุ่ม Pan Pearl River Delta ทำให้เกิดศักยภาพความร่วมมือกันทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น และไทยและมาเก๊ายังสามารถแสวงโอกาสร่วมกันจากการที่ไทยได้ลงนาม JTEPA กับฝ่ายญี่ปุ่นด้วย โดยเฉพาะในธุรกิจด้านบริการ
2. รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศลาวเยือนไทยอย่างเป็นทางการ
นายทองลุน สีสุลิด รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) พร้อมด้วยภริยาและคณะอันประกอบด้วยผู้แทนรัฐบาลและข้าราชการระดับสูงจำนวน 15 คน จะเยือนไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรก ตามคำเชิญของนายนิตย์ พิบูล-สงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 14 — 17 เมษายน 2550
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายทองลุนฯ เข้าเฝ้าฯ ณ พระตำหนักจิตลดารโหฐาน ในวันที่ 17 เมษายน 2550 เวลา 16.30 น.
นอกจากนั้น นายทองลุนฯ ยังมีกำหนดการที่สำคัญอื่น ๆ อาทิ เฝ้าฯ รับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งจะเสด็จฯ เป็นองค์ประธานงานบุญสงกรานต์ที่สถานเอกอัครราชทูต สปป.ลาวประจำประเทศไทย ร่วมพิธีรับมอบเงิน 2 ล้านบาทจากกระทรวงการต่างประเทศเพื่อโครงการก่อสร้างอาคารเรียนสำหรับโรงเรียนมัธยมสงฆ์ วัดพระธาตุจอมเขามนีรัตน์ เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว และมีกำหนดหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และเยี่ยมชมกิจการของบริษัทเอกชนไทยที่เข้าไปลงทุนใน สปป.ลาวด้วย
ในการนี้ นายนิตย์ พิบูลย์สงคราม จะได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของ สปป. ลาว โดยคาดว่า ประเด็นสำคัญที่จะหารือกัน ได้แก่ การสำรวจจัดทำเขตแดน ความร่วมมือในการป้องกันโรคไข้หวัดนก การให้ความช่วยเหลือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในลาว รวมทั้งความร่วมมือในอนุภูมิภาค ได้แก่ ACMECS และการทำ Contract Farming
3. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยือนอียิปต์และซูดาน
นายสวนิต คงศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีกำหนดเยือนอียิปต์และซูดาน ระหว่างวันที่ 17-20 เมษายน 2550 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
สหรัฐอาหรับอียิปต์
นายสวนิตฯ มีกำหนดการเข้าพบหารือกับ ดร. Muhammad Sayid Tantawy ผู้นำสูงสุดทางศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่ของอียิปต์ (Grand Sheikh of Al Azhar) โดยจะได้ย้ำการเชิญเยือนไทยตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรี พร้อมกับมอบเงินจำนวน 1 ล้านบาทให้แก่มหาวิทยาลัย Al Azhar เพื่อใช้สนับสนุนกิจกรรมของนักศึกษาไทยในมหาวิทยาลัยฯ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีนักศึกษาไทยศึกษาอยู่มากที่สุด
นอกจากนั้น นายสวนิตย์ฯ จะได้พบหารือกับ ดร. Ahmed Aboul Gheit รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอียิปต์ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกันเกี่ยวกับความร่วมมือในด้านต่างๆ อาทิ ด้านความมั่นคงและข่าวกรอง ด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน พลังงาน เทคนิคและวิชาการ ตลอดจนด้านสาธารณสุข และจะได้ใช้โอกาสการเยือนอียิปต์นี้อธิบายและชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขปัญหาภาคใต้ และบทบาทไทยในองค์การการประชุมอิสลาม และจะได้พบกับนาย Amre M. Moussa เลขาธิการสันนิบาตอาหรับ รัฐมนตรีเกษตร และรัฐมนตรีความร่วมมือระหว่างประเทศของอียิปต์ด้วย
นายสวนิต มีกำหนดจะไปเยี่ยมเยียนนักศึกษาไทยที่กำลังศึกษาอยู่ในอียิปต์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีนักศึกษาไทยมุสลิมเดินทางไปศึกษาต่อมากที่สุด ประมาณ 2,600 คน
โอกาสนี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร ร่วมกับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้จัดโครงการฟุตบอลเยาวชนทีมชาติไทย สานใจไทยสู่ไคโร โดยนำผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติ และทีมฟุตบอลเยาวชนทีมชาติไทย เดินทางไปฝึกสอน และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเล่นฟุตบอล รวมทั้งร่วมแข่งขันฟุตบอลกับทีมฟุตบอลของนักศึกษาไทยในอียิปต์ด้วย เพื่อชิงถ้วยของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร พร้อมกันนี้ รมช.กต. โดยความร่วมร่วมมือของกระทรวงสาธารณสุข ได้นำคณะแพทย์และพยาบาลเดินทางไปตรวจสุขภาพและให้บริการรักษาพยาบาลแก่นักเรียนไทยและคนไทยในอียิปต์ เป็นเวลา 4 วัน ด้วย
สาธารณรัฐซูดาน
การเดินทางเยือนซูดานของ รมช. กต. ในครั้งนี้ถือเป็นเป็นการตอบแทนการเยือนไทยของ ดร. Lam Akol Ajawin รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศซูดาน เมื่อเดือนสิงหาคม 2549
ในโอกาสนี้ รมช.กต. จะได้พบหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศ รัฐมนตรีเกษตร รัฐมนตรีพลังงาน รัฐมนตรีความร่วมมือระหว่างประเทศ และรัฐมนตรีการค้าต่างประเทศของซูดาน เพื่อหารือลู่ทางส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน
นอกจากนั้น รมช.กต. จะไปเยี่ยมเยียนนักศึกษาไทยจำนวน 300 คนที่กำลังศึกษาอยู่ในซูดาน และจะเข้าร่วมงานฉลอง 80 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่จัดขึ้นโดยนักศึกษาไทยในซูดาน ณ International African University ด้วย นอกจากนั้น ยังมีกำหนดการเยี่ยมทหารสังเกตการณ์ และพลเรือนของไทย ที่เข้าร่วมในกองกำลังสหประชาชาติในซูดาน (UN Mission in Sudan: UNMIS) รวมทั้งพบปะชุมชนไทย ซึ่งจะมารับบริการตรวจสุขภาพจากคณะแพทย์และพยาบาลที่ได้ร่วมเดินทางไปในการเยือนครั้งนี้ด้วย
4. บัวแก้วสนับสนุนสถานเอกอัครราชทูตทั่วโลกผลักดัน 41 โครงการ: สร้างโอกาสทางการศึกษาและทางเลือกอาชีพใหม่แก่นักศึกษาไทยมุสลิมในประเทศมุสลิมทั่วโลก
กระทรวงการต่างประเทศสนับสนุนให้สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ทั่วโลกในการดำเนินการโครงการตามยุทธศาสตร์ไทยต่อโลกมุสลิม จำนวน 41 โครงการ เพื่อเพิ่มความใกล้ชิดระหว่างนักศึกษาไทยมุสลิมกับหน่วยงานภาครัฐในต่างประเทศ ส่งเสริมให้นักศึกษาไทยมุสลิมมีโอกาสศึกษาเพิ่มเติมเพื่อเป็นประโยชน์และทางเลือกต่อการประกอบอาชีพของนักศึกษาไทยมุสลิมในอนาคต ตลอดจนเป็นการเสริมสร้างความสามัคคีในหมู่นักศึกษาไทยในต่างประเทศด้วย
โครงการดังกล่าวจำแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ โครงการส่งเสริมความสัมพันธ์กับนักศึกษาไทยมุสลิม และโครงการเสริมสร้างความเข้าใจและเพิ่มปฏิสัมพันธ์กับโลกมุสลิม
โครงการจะรวมถึงการสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมนักเรียนไทย สนับสนุนการศึกษาวิชาการและการประกอบอาชีพ การนำผู้นำองค์กรศาสนาอิสลามจากประเทศมุสลิมเยือนไทย การนำสื่อมวลชนประเทศมุสลิมเยือนไทย และการนำสตรีมุสลิมไทยจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปเยือนออสเตรเลีย เป็นต้น(รายละเอียดในข่าวสารนิเทศ)
นอกจากนี้ ในเดือนเมษายน ศกนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศมีกำหนดเยือนประเทศมุสลิม ได้แก่ ปากีสถาน อียิปต์ ซูดาน บาห์เรน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อสนับสนุนการดำเนินภารกิจตามยุทธศาสตร์ไทยต่อโลกมุสลิม พบปะชุมชนนักศึกษาไทยมุสลิม และเพื่อชี้แจงให้ประเทศมุสลิมและองค์กรมุสลิมมีความเข้าใจการดำเนินการของไทยในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
5. นายกรัฐมนตรีตอบจดหมายเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการนักศึกษาไทยมุสลิมเยือนประเทศเพื่อนบ้าน
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้ดำเนินโครงการนำนักศึกษาไทยมุสลิมเยือนประเทศเพื่อนบ้าน โดยได้มีเยาวชนอายุระหว่าง 15-18 ปี จำนวน 30 คน จาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เดินทางเยือนมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 22—26 มกราคม 2550 นั้น
กระทรวงการต่างประเทศได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีว่า นางสาวอุสนี มาหะมะ นักเรียนไทยมุสลิมชั้น ม. 5 โรงเรียนเดชะปัตตนยานุกูล จังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นเยาวชนคนหนึ่งที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้เขียนจดหมายถึงนายกรัฐมนตรีแสดงความเห็นว่า “โครงการฯ เป็นกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ สามารถช่วยเปิดโลกทัศน์ของผู้เข้าร่วมโครงการฯ ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น และจะนำความรู้ และประสบการณ์ที่ได้รับกลับไปพัฒนาโรงเรียนและชุมชนให้ดียิ่งขึ้นต่อไป”
นายกรัฐมนตรีได้ตอบจดหมายดังกล่าวเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2550 ความว่า “รัฐบาลจัดโครงการฯ ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของเด็กและเยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญส่วนหนึ่งที่ช่วยกันพัฒนาชาติบ้านเมืองให้ก้าวหน้ารุ่งเรืองต่อไป โดยการเปิดโลกทัศน์ การเพิ่มพูนความรู้ และการเสริมสร้างประสบการณ์ทางตรงให้เด็กและเยาวชนเหล่านี้ได้มีโอกาสเรียนรู้มากขึ้น จะเป็นผลดีต่อการพัฒนาและการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในอนาคต”
นายกรัฐมนตรียังได้อวยพรให้นางสาวอุสนีฯ และเพื่อนๆ พร้อมทั้งครอบครัว ประสบแต่ความสุขความเจริญ และขอให้ทุกคนขยันหมั่นเพียรตั้งใจศึกษา ประพฤติตนเป็นคนดี ยึดมั่นในหลักคุณธรรม จริยธรรม และเป็นกำลังสำคัญที่จะร่วมกันพัฒนาท้องถิ่น ชุมชนและประเทศชาติให้รุ่งเรืองสถาพรตลอดไป
การดำเนินโครงการนี้ของกระทรวงการต่างประเทศเพื่อมุ่งให้ข้อมูล ข้อเท็จจริง และเปิดโลกทัศน์แก่เยาวชนไทย-มุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถึงความเป็นพหุสังคมที่มีความหลากหลายแต่ประชาชนสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยสันติสุข อันจะช่วยเกื้อกูลต่อการพัฒนา และการเสริมสร้างสันติสุขสำหรับชุมชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้
โครงการดังกล่าวได้รับความร่วมมือและการอำนวยความสะดวกเป็นอย่างดีจากทางการมาเลเซีย แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่างไทยกับมาเลเซียและความไว้เนื้อเชื่อใจกันระหว่างสองประเทศด้วย
6. ข่าวแจ้งเตือนคนไทย เรื่อง การลักลอบนำยาเสพติดเข้าประเทศจีนมีโทษหนักถึงขั้นประหารชีวิต
กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกวางโจว และนคร เซี่ยงไฮ้ว่า นับตั้งแต่กลางปี 2549 เป็นต้นมา มีคนไทยถูกจับกุมในข้อหาลักลอบนำยาเสพติดเข้าประเทศจีน 20 คน เฉลี่ยเดือนละ 1-2 คน ทำให้ศุลกากรจีนที่ท่าอากาศยานนครกวางโจวและนครเซี่ยงไฮ้ เพิ่มความเข็มงวดมากขึ้นในการตรวจจับผู้โดยสารไทยที่เดินทางจากประเทศที่สาม โดยเฉพาะเอเชียใต้และตะวันออกกลาง โดยผ่านฮ่องกงหรือเปลี่ยนเครื่องที่ประเทศไทยก่อนเดินทางเข้ากวางโจว
เนื่องจากในปัจจุบัน มีแนวโน้มที่คนไทยจะถูกหลอกลวงโดยชาวต่างชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากภูมิภาคเอเชียใต้ ให้รับจ้างขนยาเสพติดมากขึ้นจึงขอประกาศให้คนไทยระมัดระวังการหลอกลวงในรูปแบบต่าง ๆ โดยรู้เท่าไม่ถึงการ หรือผู้ที่เตรียมกระทำการโดยตั้งใจที่จะเดินทางไปประเทศจีน อย่ากระทำผิด หลงเชื่อคำชักชวนให้รับจ้างขนยาเสพติด เพราะจะต้องได้รับบทลงโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต
ประเด็น ถาม — ตอบ
- กรณีรัฐบาลออสเตรเลียออกคำแนะนำการเดินทาง ( Travel Advisory) ให้แก่นักท่องเที่ยวออสเตรเลียที่จะเดินทางมายังประเทศไทย
อธิบดีกรมสารนิเทศแจ้งว่า การให้คำแนะนำและดูแลคนสัญชาติตนนั้นเป็นสิทธิและหน้าที่ของรัฐบาลออสเตรเลีย ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศมีความเข้าใจในความอ่อนไหวของรัฐบาลต่างประเทศต่อสถานการณ์ในประเทศไทย อย่างไรก็ดี กระทรวงการต่างประเทศเรียกร้องให้รัฐบาลต่างประเทศตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกับหน่วยราชการของไทย และตรึกตรองเป็นพิเศษก่อนออกคำแนะนำใด ๆ เนื่องจากบางประเด็นอาจมีผลกระทบอย่างกว้างขวาง ทั้งนี้ รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินมาตรการความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องและเข้มงวดมาโดยตลอด เพื่อรักษาความปลอดภัยให้แก่ชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์
หมายเหตุ : สามารถหารายละเอียดเพิ่มเติมได้ในข่าวสารนิเทศ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงข่าวประจำสัปดาห์ ณ ห้องแถลงข่าว กระทรวงการต่างประเทศ โดยมีผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าว หนังสือพิมพ์ และสถานีโทรทัศน์ เข้าร่วมรับฟังและซักถามในประเด็นต่างๆ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. ผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษมาเก๊า
เมื่อวันที่ 8-10 เมษายน 2550 นายเอ็ดมัน โฮ โฮว วา ผู้บริหารสูงสุดของมาเก๊าได้มาเยือนไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรก โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่สำคัญของภาครัฐหลายคน เช่น ประธานรัฐสภา และนักธุรกิจชั้นนำ 30 คนของมาเก๊าร่วมเดินทางมาด้วย
ในระหว่างการเยือน นาย โฮ โฮว วา ได้พบหารือกับประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงให้นายโฮ โฮว วา ทราบถึงสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและการเมืองไทย ซึ่งนายโฮ โฮว วา ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า ด้วยพระบารมีปกเกล้าฯและความเป็นคนไทย ประเทศไทยจะสามารถพัฒนาต่อไปได้อย่างดีแน่นอน
นอกจากนี้ ได้มีการจัดการสัมมนาความร่วมมือการค้าไทย-มาเก๊าระหว่างภาครัฐ และภาคเอกชนของทั้งสองฝ่าย เพื่อแสวงหาความร่วมมือทางการค้าระหว่างกัน ซึ่งเป็นโอกาสที่นักธุรกิจของทั้งสองฝ่ายได้พบปะหารือกัน และทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในความตกลงด้านการส่งเสริมการประชุมและนิทรรศการและ การส่งเสริมการลงทุนและการค้า และความตกลงระหว่างหอการค้าไทยกับหอการค้ามาเก๊าด้วย
ปัจจุบัน เศรษฐกิจมาเก๊ากำลังตัวขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะภาคบริการซึ่งกำลังต้องการแรงงานด้านบริการเป็นจำนวนมาก ทำให้มาเก๊าสนใจแรงงานสาขาบริการจากไทยเนื่องจากลักษณะพิเศษที่มีจิตใจบริการ และมาเก๊าซึ่งเคยเป็นอาณานิคมของโปรตุเกสได้เสนอตัวเป็นช่องทางในการขยายโอกาสการค้า การลงทุน 2 ทางไปยังประเทศพันธมิตรที่พูดภาษาเดียวกันทั่วโลก 9 ประเทศ ได้แก่ อังโกลา บราซิล ติมอร์เลสเต กิริบิซูร์ กินี-บิเซา โมซัมบิก โปรตุเกส เซาโตเม และซิมบับเว เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้าและการบริการ นอกจากนี้ มาเก๊ายังเป็นส่วนหนึ่งของแขตการค้า Pan Pearl River Delta ทางตอนใต้ของจีนซึ่งครอบคลุม 9 มณฑลทางภาคตะวันออก กับมาเก๊าและฮ่องกง มีประชากรรวม 450 ล้านคน จึงเป็นสะพานเชื่อมให้ไทยได้เป็นอย่างดีในการติดต่อเข้าถึงการค้าและการลงทุนในแถบดังกล่าวอีกด้วย
นอกจากนั้น ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันเกี่ยวกับเครือข่ายเส้นทางคมนาคมระหว่างคุนหมิง-สิงคโปร์ และ East-West Corridor ระหว่างเวียดนาม-พม่าและอินเดีย ซึ่งเชื่อมกันทางภูมิศาสตร์กับกลุ่ม Pan Pearl River Delta ทำให้เกิดศักยภาพความร่วมมือกันทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น และไทยและมาเก๊ายังสามารถแสวงโอกาสร่วมกันจากการที่ไทยได้ลงนาม JTEPA กับฝ่ายญี่ปุ่นด้วย โดยเฉพาะในธุรกิจด้านบริการ
2. รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศลาวเยือนไทยอย่างเป็นทางการ
นายทองลุน สีสุลิด รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) พร้อมด้วยภริยาและคณะอันประกอบด้วยผู้แทนรัฐบาลและข้าราชการระดับสูงจำนวน 15 คน จะเยือนไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรก ตามคำเชิญของนายนิตย์ พิบูล-สงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 14 — 17 เมษายน 2550
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายทองลุนฯ เข้าเฝ้าฯ ณ พระตำหนักจิตลดารโหฐาน ในวันที่ 17 เมษายน 2550 เวลา 16.30 น.
นอกจากนั้น นายทองลุนฯ ยังมีกำหนดการที่สำคัญอื่น ๆ อาทิ เฝ้าฯ รับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งจะเสด็จฯ เป็นองค์ประธานงานบุญสงกรานต์ที่สถานเอกอัครราชทูต สปป.ลาวประจำประเทศไทย ร่วมพิธีรับมอบเงิน 2 ล้านบาทจากกระทรวงการต่างประเทศเพื่อโครงการก่อสร้างอาคารเรียนสำหรับโรงเรียนมัธยมสงฆ์ วัดพระธาตุจอมเขามนีรัตน์ เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว และมีกำหนดหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และเยี่ยมชมกิจการของบริษัทเอกชนไทยที่เข้าไปลงทุนใน สปป.ลาวด้วย
ในการนี้ นายนิตย์ พิบูลย์สงคราม จะได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของ สปป. ลาว โดยคาดว่า ประเด็นสำคัญที่จะหารือกัน ได้แก่ การสำรวจจัดทำเขตแดน ความร่วมมือในการป้องกันโรคไข้หวัดนก การให้ความช่วยเหลือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในลาว รวมทั้งความร่วมมือในอนุภูมิภาค ได้แก่ ACMECS และการทำ Contract Farming
3. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยือนอียิปต์และซูดาน
นายสวนิต คงศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีกำหนดเยือนอียิปต์และซูดาน ระหว่างวันที่ 17-20 เมษายน 2550 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
สหรัฐอาหรับอียิปต์
นายสวนิตฯ มีกำหนดการเข้าพบหารือกับ ดร. Muhammad Sayid Tantawy ผู้นำสูงสุดทางศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่ของอียิปต์ (Grand Sheikh of Al Azhar) โดยจะได้ย้ำการเชิญเยือนไทยตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรี พร้อมกับมอบเงินจำนวน 1 ล้านบาทให้แก่มหาวิทยาลัย Al Azhar เพื่อใช้สนับสนุนกิจกรรมของนักศึกษาไทยในมหาวิทยาลัยฯ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีนักศึกษาไทยศึกษาอยู่มากที่สุด
นอกจากนั้น นายสวนิตย์ฯ จะได้พบหารือกับ ดร. Ahmed Aboul Gheit รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอียิปต์ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกันเกี่ยวกับความร่วมมือในด้านต่างๆ อาทิ ด้านความมั่นคงและข่าวกรอง ด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน พลังงาน เทคนิคและวิชาการ ตลอดจนด้านสาธารณสุข และจะได้ใช้โอกาสการเยือนอียิปต์นี้อธิบายและชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขปัญหาภาคใต้ และบทบาทไทยในองค์การการประชุมอิสลาม และจะได้พบกับนาย Amre M. Moussa เลขาธิการสันนิบาตอาหรับ รัฐมนตรีเกษตร และรัฐมนตรีความร่วมมือระหว่างประเทศของอียิปต์ด้วย
นายสวนิต มีกำหนดจะไปเยี่ยมเยียนนักศึกษาไทยที่กำลังศึกษาอยู่ในอียิปต์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีนักศึกษาไทยมุสลิมเดินทางไปศึกษาต่อมากที่สุด ประมาณ 2,600 คน
โอกาสนี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร ร่วมกับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้จัดโครงการฟุตบอลเยาวชนทีมชาติไทย สานใจไทยสู่ไคโร โดยนำผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติ และทีมฟุตบอลเยาวชนทีมชาติไทย เดินทางไปฝึกสอน และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเล่นฟุตบอล รวมทั้งร่วมแข่งขันฟุตบอลกับทีมฟุตบอลของนักศึกษาไทยในอียิปต์ด้วย เพื่อชิงถ้วยของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร พร้อมกันนี้ รมช.กต. โดยความร่วมร่วมมือของกระทรวงสาธารณสุข ได้นำคณะแพทย์และพยาบาลเดินทางไปตรวจสุขภาพและให้บริการรักษาพยาบาลแก่นักเรียนไทยและคนไทยในอียิปต์ เป็นเวลา 4 วัน ด้วย
สาธารณรัฐซูดาน
การเดินทางเยือนซูดานของ รมช. กต. ในครั้งนี้ถือเป็นเป็นการตอบแทนการเยือนไทยของ ดร. Lam Akol Ajawin รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศซูดาน เมื่อเดือนสิงหาคม 2549
ในโอกาสนี้ รมช.กต. จะได้พบหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศ รัฐมนตรีเกษตร รัฐมนตรีพลังงาน รัฐมนตรีความร่วมมือระหว่างประเทศ และรัฐมนตรีการค้าต่างประเทศของซูดาน เพื่อหารือลู่ทางส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน
นอกจากนั้น รมช.กต. จะไปเยี่ยมเยียนนักศึกษาไทยจำนวน 300 คนที่กำลังศึกษาอยู่ในซูดาน และจะเข้าร่วมงานฉลอง 80 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่จัดขึ้นโดยนักศึกษาไทยในซูดาน ณ International African University ด้วย นอกจากนั้น ยังมีกำหนดการเยี่ยมทหารสังเกตการณ์ และพลเรือนของไทย ที่เข้าร่วมในกองกำลังสหประชาชาติในซูดาน (UN Mission in Sudan: UNMIS) รวมทั้งพบปะชุมชนไทย ซึ่งจะมารับบริการตรวจสุขภาพจากคณะแพทย์และพยาบาลที่ได้ร่วมเดินทางไปในการเยือนครั้งนี้ด้วย
4. บัวแก้วสนับสนุนสถานเอกอัครราชทูตทั่วโลกผลักดัน 41 โครงการ: สร้างโอกาสทางการศึกษาและทางเลือกอาชีพใหม่แก่นักศึกษาไทยมุสลิมในประเทศมุสลิมทั่วโลก
กระทรวงการต่างประเทศสนับสนุนให้สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ทั่วโลกในการดำเนินการโครงการตามยุทธศาสตร์ไทยต่อโลกมุสลิม จำนวน 41 โครงการ เพื่อเพิ่มความใกล้ชิดระหว่างนักศึกษาไทยมุสลิมกับหน่วยงานภาครัฐในต่างประเทศ ส่งเสริมให้นักศึกษาไทยมุสลิมมีโอกาสศึกษาเพิ่มเติมเพื่อเป็นประโยชน์และทางเลือกต่อการประกอบอาชีพของนักศึกษาไทยมุสลิมในอนาคต ตลอดจนเป็นการเสริมสร้างความสามัคคีในหมู่นักศึกษาไทยในต่างประเทศด้วย
โครงการดังกล่าวจำแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ โครงการส่งเสริมความสัมพันธ์กับนักศึกษาไทยมุสลิม และโครงการเสริมสร้างความเข้าใจและเพิ่มปฏิสัมพันธ์กับโลกมุสลิม
โครงการจะรวมถึงการสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมนักเรียนไทย สนับสนุนการศึกษาวิชาการและการประกอบอาชีพ การนำผู้นำองค์กรศาสนาอิสลามจากประเทศมุสลิมเยือนไทย การนำสื่อมวลชนประเทศมุสลิมเยือนไทย และการนำสตรีมุสลิมไทยจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปเยือนออสเตรเลีย เป็นต้น(รายละเอียดในข่าวสารนิเทศ)
นอกจากนี้ ในเดือนเมษายน ศกนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศมีกำหนดเยือนประเทศมุสลิม ได้แก่ ปากีสถาน อียิปต์ ซูดาน บาห์เรน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อสนับสนุนการดำเนินภารกิจตามยุทธศาสตร์ไทยต่อโลกมุสลิม พบปะชุมชนนักศึกษาไทยมุสลิม และเพื่อชี้แจงให้ประเทศมุสลิมและองค์กรมุสลิมมีความเข้าใจการดำเนินการของไทยในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
5. นายกรัฐมนตรีตอบจดหมายเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการนักศึกษาไทยมุสลิมเยือนประเทศเพื่อนบ้าน
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้ดำเนินโครงการนำนักศึกษาไทยมุสลิมเยือนประเทศเพื่อนบ้าน โดยได้มีเยาวชนอายุระหว่าง 15-18 ปี จำนวน 30 คน จาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เดินทางเยือนมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 22—26 มกราคม 2550 นั้น
กระทรวงการต่างประเทศได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีว่า นางสาวอุสนี มาหะมะ นักเรียนไทยมุสลิมชั้น ม. 5 โรงเรียนเดชะปัตตนยานุกูล จังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นเยาวชนคนหนึ่งที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้เขียนจดหมายถึงนายกรัฐมนตรีแสดงความเห็นว่า “โครงการฯ เป็นกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ สามารถช่วยเปิดโลกทัศน์ของผู้เข้าร่วมโครงการฯ ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น และจะนำความรู้ และประสบการณ์ที่ได้รับกลับไปพัฒนาโรงเรียนและชุมชนให้ดียิ่งขึ้นต่อไป”
นายกรัฐมนตรีได้ตอบจดหมายดังกล่าวเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2550 ความว่า “รัฐบาลจัดโครงการฯ ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของเด็กและเยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญส่วนหนึ่งที่ช่วยกันพัฒนาชาติบ้านเมืองให้ก้าวหน้ารุ่งเรืองต่อไป โดยการเปิดโลกทัศน์ การเพิ่มพูนความรู้ และการเสริมสร้างประสบการณ์ทางตรงให้เด็กและเยาวชนเหล่านี้ได้มีโอกาสเรียนรู้มากขึ้น จะเป็นผลดีต่อการพัฒนาและการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในอนาคต”
นายกรัฐมนตรียังได้อวยพรให้นางสาวอุสนีฯ และเพื่อนๆ พร้อมทั้งครอบครัว ประสบแต่ความสุขความเจริญ และขอให้ทุกคนขยันหมั่นเพียรตั้งใจศึกษา ประพฤติตนเป็นคนดี ยึดมั่นในหลักคุณธรรม จริยธรรม และเป็นกำลังสำคัญที่จะร่วมกันพัฒนาท้องถิ่น ชุมชนและประเทศชาติให้รุ่งเรืองสถาพรตลอดไป
การดำเนินโครงการนี้ของกระทรวงการต่างประเทศเพื่อมุ่งให้ข้อมูล ข้อเท็จจริง และเปิดโลกทัศน์แก่เยาวชนไทย-มุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถึงความเป็นพหุสังคมที่มีความหลากหลายแต่ประชาชนสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยสันติสุข อันจะช่วยเกื้อกูลต่อการพัฒนา และการเสริมสร้างสันติสุขสำหรับชุมชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้
โครงการดังกล่าวได้รับความร่วมมือและการอำนวยความสะดวกเป็นอย่างดีจากทางการมาเลเซีย แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่างไทยกับมาเลเซียและความไว้เนื้อเชื่อใจกันระหว่างสองประเทศด้วย
6. ข่าวแจ้งเตือนคนไทย เรื่อง การลักลอบนำยาเสพติดเข้าประเทศจีนมีโทษหนักถึงขั้นประหารชีวิต
กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกวางโจว และนคร เซี่ยงไฮ้ว่า นับตั้งแต่กลางปี 2549 เป็นต้นมา มีคนไทยถูกจับกุมในข้อหาลักลอบนำยาเสพติดเข้าประเทศจีน 20 คน เฉลี่ยเดือนละ 1-2 คน ทำให้ศุลกากรจีนที่ท่าอากาศยานนครกวางโจวและนครเซี่ยงไฮ้ เพิ่มความเข็มงวดมากขึ้นในการตรวจจับผู้โดยสารไทยที่เดินทางจากประเทศที่สาม โดยเฉพาะเอเชียใต้และตะวันออกกลาง โดยผ่านฮ่องกงหรือเปลี่ยนเครื่องที่ประเทศไทยก่อนเดินทางเข้ากวางโจว
เนื่องจากในปัจจุบัน มีแนวโน้มที่คนไทยจะถูกหลอกลวงโดยชาวต่างชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากภูมิภาคเอเชียใต้ ให้รับจ้างขนยาเสพติดมากขึ้นจึงขอประกาศให้คนไทยระมัดระวังการหลอกลวงในรูปแบบต่าง ๆ โดยรู้เท่าไม่ถึงการ หรือผู้ที่เตรียมกระทำการโดยตั้งใจที่จะเดินทางไปประเทศจีน อย่ากระทำผิด หลงเชื่อคำชักชวนให้รับจ้างขนยาเสพติด เพราะจะต้องได้รับบทลงโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต
ประเด็น ถาม — ตอบ
- กรณีรัฐบาลออสเตรเลียออกคำแนะนำการเดินทาง ( Travel Advisory) ให้แก่นักท่องเที่ยวออสเตรเลียที่จะเดินทางมายังประเทศไทย
อธิบดีกรมสารนิเทศแจ้งว่า การให้คำแนะนำและดูแลคนสัญชาติตนนั้นเป็นสิทธิและหน้าที่ของรัฐบาลออสเตรเลีย ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศมีความเข้าใจในความอ่อนไหวของรัฐบาลต่างประเทศต่อสถานการณ์ในประเทศไทย อย่างไรก็ดี กระทรวงการต่างประเทศเรียกร้องให้รัฐบาลต่างประเทศตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกับหน่วยราชการของไทย และตรึกตรองเป็นพิเศษก่อนออกคำแนะนำใด ๆ เนื่องจากบางประเด็นอาจมีผลกระทบอย่างกว้างขวาง ทั้งนี้ รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินมาตรการความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องและเข้มงวดมาโดยตลอด เพื่อรักษาความปลอดภัยให้แก่ชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์
หมายเหตุ : สามารถหารายละเอียดเพิ่มเติมได้ในข่าวสารนิเทศ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-