ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. สินเชื่อของสถาบันการเงินรวมทั้งระบบในไตรมาส 1 ปี 50 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 2.69 รายงานข่าว
จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยข้อมูลการให้สินเชื่อตามประเภทธุรกิจของสถาบันการรวมทั้งระบบในช่วงไตรมาส 1 ปี 50
มีจำนวนทั้งสิ้น 5,940,476 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 155,693 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.69 แบ่งเป็นธุรกิจประเภท
การผลิตมีเงินให้สินเชื่อมากที่สุดถึง 1,570,197 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14,667 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.52 รองลงมาเป็นสินเชื่ออุปโภค
ส่วนบุคคล 1,252,134 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 208,361 ล้านบาท หรือร้อยละ 19.9 แบ่งเป็นการจัดหาที่อยู่อาศัยมากที่สุดถึง 662,029 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 84,387 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.60 รองลงมาเป็นการบริโภคส่วนบุคคลอื่น ๆ 306,476 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38,091 ล้านบาท
หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.2 ส่วนธุรกิจก่อสร้างมีการให้สินเชื่อจำนวน 184,473 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26,721 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.16
ขณะที่ธุรกิจตัวกลางทางการเงินมีการให้สินเชื่อจำนวน 662,154 ล้านบาท ลดลง 69,316 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 9.48 สำหรับดัชนีราคา
ที่อยู่อาศัยในช่วงไตรมาสแรกปี 50 พบว่า ดัชนีราคาบ้านเดี่ยวและดัชนีราคาทาวน์เฮ้าส์ลดลงร้อยละ 5.1 และ 0.6 จากไตรมาสก่อนตามลำดับ
เนื่องจากผู้ประกอบการลดต้นทุนการก่อสร้าง โดยหันไปใช้วัสดุตกแต่งที่มีราคาถูกลงและการแข่งขันรุนแรงขึ้นท่ามกลางอุปสงค์ที่ยังชะลอการ
ตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ขณะที่ดัชนีราคาที่ดินขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนมาอยู่ที่ร้อยละ 4.1 ทำให้ดัชนีราคาบ้านเดี่ยวพร้อมที่ดินและดัชนีราคา
ทาวน์เฮ้าส์พร้อมที่ดินเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลงเป็นร้อยละ 0.4 และ 2.2 ตามลำดับ (แนวหน้า, ไทยรัฐ, โพสต์ทูเดย์, กรุงเทพธุรกิจ)
2. ก.คลังส่งหนังสือเพื่อขอแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ธปท.ถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ผอ.วิจัยด้านเศรษฐกิจมหภาคและการ
กระจายรายได้ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ในฐานะที่ปรึกษา รมว.คลังกล่าวว่า ตนรับผิดชอบในการพิจารณาร่าง
พ.ร.บ.ธปท. ซึ่งได้ข้อสรุปเป็นที่ชัดเจนว่าจะต้องมีการแก้ไขบางประเด็น โดย ก.คลังได้ส่งหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อ
แก้ไขเนื้อหาแล้ว แต่จะสามารถนำเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้เมื่อใดนั้นขึ้นกับกระบวนการ โดยประเด็นที่มีการ
แก้ไขเพิ่มเติมมีเพียงประเด็นเดียว คือ ที่มาและการถอดถอนตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท.ให้เป็นอำนาจของ รมว.คลังเป็นผู้พิจารณา และนำเสนอ
ต่อ ครม. เพื่อให้กฎหมายดังกล่าวมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.ธปท.เดิม ที่อดีต รมว.คลัง (ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล)
เสนอไปนั้น กำหนดให้ตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท.จะต้องใช้วิธีสรรหาในรูปคณะกรรมการและมีวาระการทำงานครั้งละ 5 ปี โดยสามารถดำรง
ตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 สมัย และต้องรายงานการดำเนินนโยบายและการทำงานให้กับวุฒิสภาทุกปี สำหรับร่าง พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงินนั้น
ขณะนี้ ก.คลังยังอยู่ในกระบวนการพิจารณา ยังไม่มีข้อสรุปเสนอสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าจะแก้ไขเพิ่มเติมในประเด็นใดบ้าง
(ข่าวสด, มติชน)
3. ก.คลังเห็นชอบมาตรการปรับลดภาษีธุรกิจเฉพาะเหลือร้อยละ 0.01 เตรียมเสนอ ครม.อังคารนี้ แหล่งข่าวจาก ก.คลัง
เปิดเผยว่า รมว.คลังเห็นชอบมาตรการปรับลดภาษีธุรกิจเฉพาะเหลือร้อยละ 0.01 จากปัจจุบันร้อยละ 3.3 และเพิ่มหักลดหย่อนภาษีดอกเบี้ย
เงินกู้จาก 5 หมื่นบาท เป็น 7 หมื่นบาทต่อปี ซึ่งจะเสนอ ครม.พิจารณาในวันอังคารนี้ (15 พ.ค.) ส่วนการลดค่าธรรมเนียมการจดจำนอง
จากร้อยละ 1 เหลือร้อยละ 0.01 เป็นอำนาจของ ก.มหาดไทย ซึ่งยังไม่ได้พิจารณาอนุมัติอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ กรมสรรพากรประเมินว่า
หลังจากใช้มาตรการภาษีกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ จะทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้ประมาณปีละ 2.2 พันล้านบาท แบ่งเป็นเม็ดเงินจากการ
ปรับลดภาษีธุรกิจเฉพาะประมาณ 2 พันล้านบาท และเพิ่มวงเงินค่าลดหย่อนซื้ออสังหาริมทรัพย์จาก 5 หมื่นบาทเป็น 7 หมื่นบาท อีกประมาณ
200 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ามาตรการดังกล่าวจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้มาก เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีธุรกิจเกี่ยวเนื่องมาก
(สยามรัฐ, เดลินิวส์, กรุงเทพธุรกิจ)
4. ก.อุตสาหกรรมชี้ความสามารถในการแข่งขันอุตสาหกรรมไทยลดลงต่อเนื่อง ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.)
ก.อุตสาหกรรม เปิดเผยถึงขีดความสามารถการแข่งขันอุตสาหกรรมรายสาขา ช่วงไตรมาสแรกและแนวโน้มสิ้นปี 50 ว่า สถานการณ์
อุตสาหกรรมไทยน่าเป็นห่วง เพราะความสามารถการแข่งขันลดลงต่อเนื่อง เห็นได้จากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมมีแนวโน้มชะลอตัวโดย
ไตรมาสแรก ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอยู่ที่ 168.7 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้
ร้อยละ 8.7 เช่นเดียวกับอัตราการใช้อัตราการใช้กำลังผลิตก็มีทิศทางลดลงต่อเนื่อง ทำให้ สศอ.ต้องปรับตัวเลขการขยายตัวของภาค
อุตสาหกรรมจากร้อยละ 5.5-6.5 เหลือร้อยละ 5 ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาภาวะอุตสาหกรรมรายสาขาที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจพบว่า แม้
ไตรมาสแรกอุตสาหกรรมหลายกลุ่มยังขยายตัวได้ดี แต่เมื่อเทียบกับปีก่อนถือว่าขยายตัวในอัตราลดลง สำหรับสาเหตุหลักที่ขีดความสามารถ
แข่งขันลดลงเนื่องจากการแข็งค่าของเงินบาท ดังนั้น ผู้ประกอบการต้องปรับตัวเพื่อเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันด้านอื่น ๆ (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดขายปลีกของ สรอ.ลดลงร้อยละ 0.2 ในเดือน เม.ย.50 รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 11 พ.ค.50 ก.พาณิชย์
เปิดเผยว่า ยอดขายปลีก (หลังปรับฤดูกาล) ของ สรอ.ในเดือน เม.ย.50 ลดลงร้อยละ 0.2 เป็นจำนวน 372.03 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.
หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 ในเดือนก่อนหน้า นับเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ก.ย.49 ที่ยอดขายปลีกลดลงร้อยละ 0.6 ตรงข้ามกับ
การคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่ายอดขายปลีกจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 สำหรับยอดขายปลีกเมื่อไม่รวมยอดขายรถยนต์ซึ่งมีสัดส่วน
เป็นร้อยละ 20 ของยอดขายปลีกโดยรวม ทรงตัวที่ระดับเดิมไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ ยอดขายปลีกที่ลดลงในเดือน เม.ย.
ดังกล่าว มีสาเหตุหลักจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับการชะลอตัวของตลาดบ้าน ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายของผู้บริโภค
สรอ. โดยยอดขายวัสดุก่อสร้างลดลงร้อยละ 2.3 ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ.46 ที่ลดลงร้อยละ 5.1 ขณะที่ยอดขายรถยนต์ใหม่ลดลง
ร้อยละ 1 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการลดลงต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย.49 ที่ลดลงร้อยละ 2.4 (รอยเตอร์)
2. ราคาสินค้าค้าส่งของญี่ปุ่นในเดือน เม.ย.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 เมื่อเทียบต่อปีสูงกว่าที่คาดไว้ รายงานจากโตเกียว
เมื่อ 14 พ.ค.50 ธ.กลางญี่ปุ่นรายงานดัชนีชี้วัดราคาสินค้าของภาคธุรกิจหรือ CGPI ซึ่งใช้ติดตามแนวโน้มราคาสินค้าค้าส่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2
ในเดือน เม.ย.50 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 49 สูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 ต่อปี นับเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น
เดือนที่ 2 หลังจากราคาชะลอตัวลง 5 เดือนติดต่อกัน โดยในเดือน มี.ค.50 ราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 ต่อปี ทั้งนี้ หากเทียบต่อเดือนแล้ว
ราคาสินค้าค้าส่งในเดือน เม.ย.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 ต่อเดือน สะท้อนให้เห็นว่าราคาสินค้าในตลาดโลกได้กลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง โดย
ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากราคาที่สูงขึ้นของน้ำมันและแร่อโลหะในตลาดโลก แต่อย่างไรก็ดี คาดว่าราคาสินค้าค้าส่งที่สูงขึ้นดังกล่าวจะไม่สามารถ
เปลี่ยนความเห็นของนักวิเคราะห์ในตลาดการเงินซึ่งคาดว่า ธ.กลางญี่ปุ่นจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 0.50 ต่อปีในการประชุม
ในวันที่ 16 พ.ค.50 นี้ หลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดเมื่อเดือน ก.พ.50 ที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
3. ปริมาณเงินหมุนเวียนของจีนในเดือน เม.ย. ชะลอตัวลงจากเดือน มี.ค. รายงานจากปักกิ่ง เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 50
ทางการจีนเปิดเผยว่า ในเดือน เม.ย. ปริมาณเงินหมุนเวียนของจีนขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 17.1 ชะลอลงเล็กน้อยจากระดับ 17.3 ในเดือน มี.ค.
และมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ก่อนหน้านั้นว่าจะขยายตัวร้อยละ 17.0 ทั้งนี้นับตั้งแต่เดือน ม.ค. เป็นตันมา ธ.กลางจีนได้ชะลอการเติบโต
ของปริมาณเงินหมุนเวียนจากที่เคยขยายตัวสูงถึงร้อยละ 19.2 ในเดือน ม.ค.ปีที่แล้ว โดยการปรับเพิ่มสัดส่วนการดำรงทุนสำรองของ ธพ.
ถึง 7 ครั้ง และปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยรวม 3 ครั้งในเวลาเพียง 1 ปี และแม้ว่าปริมาณเงินหมุนเวียน และสินเชื่อในระบบ ธพ. จะฟื้นตัว
ไม่มากนัก แต่ก็ยังคงสูงกว่าเป้าหมายทั้งปีที่ ธ.กลางจีนตั้งไว้ที่ร้อยละ 16.0 นอกจากนั้น ธพ. ต่างๆ ได้อนุมัติสินเชื่อใหม่เป็นจำนวน 422 พัน ล.
หยวน (55 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ.) ส่งผลให้สินเชื่อในช่วง 4 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ราว 1.85 ล้าน ล้าน หยวน มากกว่า ครึ่งหนึ่งของยอดรวม
สินเชื่อในปีที่แล้ว และคาดว่ามีความเป็นไปได้ที่ ธ.กลางจีนจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในปลายเดือนนี้ หากดัชนีราคาผู้บริโภคใน
เดือน เม.ย. สูงกว่าร้อยละ 3.0 และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง (รอยเตอร์)
4. การบริโภคภายในประเทศของเกาหลีใต้กำลังฟื้นตัว ส่วนการส่งออกขยายตัวอย่างมั่นคง รายงานจากกรุงโซล ประเทศ
เกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 14 พ.ค.50 Kwon O-kyu รมว.คลังของเกาหลีใต้ กล่าวว่า ความต้องการบริโภคภายในประเทศของเกาหลีใต้กำลัง
ฟื้นตัว ขณะที่การส่งออกยังคงขยายตัวอย่างมั่นคงด้วยอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวประมาณร้อยละ 4.5
ลดลงเล็กน้อยจากปี 49 ที่ขยายตัวร้อยละ 5 นอกจากนี้ รัฐบาลจะเพิ่มความพยายามให้มีการฟื้นฟูอุตสาหกรรมการจัดการสินทรัพย์ รวมทั้งจะ
อนุญาตให้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อการเก็งกำไรในอนาคต แม้ว่าหลายฝ่ายจะมีความกังวลอยู่บ้าง แต่กองทุนฯ ดังกล่าวจะช่วยทำให้นักลงทุนมี
ทางเลือกใหม่ในการลงทุนเพิ่มขึ้นและสนับสนุนการพัฒนาเทคนิคด้านการเงิน ตลอดจนยกระดับตลาดการเงินของเกาหลีใต้ให้มีมาตรฐานสูงขึ้น
(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 14 พ.ค. 50 11 พ.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 34.553 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 34.3403/34.6888 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.12734 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 706.90/13.11 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,950/11,050 10,900/11,000 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 62.27 61.51 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 29.99*/25.34** 29.59/25.34** 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับเพิ่มเมื่อ 12 พ.ค. 50 , ** ปรับเพิ่มเมื่อ 26 เม.ย. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. สินเชื่อของสถาบันการเงินรวมทั้งระบบในไตรมาส 1 ปี 50 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 2.69 รายงานข่าว
จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยข้อมูลการให้สินเชื่อตามประเภทธุรกิจของสถาบันการรวมทั้งระบบในช่วงไตรมาส 1 ปี 50
มีจำนวนทั้งสิ้น 5,940,476 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 155,693 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.69 แบ่งเป็นธุรกิจประเภท
การผลิตมีเงินให้สินเชื่อมากที่สุดถึง 1,570,197 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14,667 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.52 รองลงมาเป็นสินเชื่ออุปโภค
ส่วนบุคคล 1,252,134 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 208,361 ล้านบาท หรือร้อยละ 19.9 แบ่งเป็นการจัดหาที่อยู่อาศัยมากที่สุดถึง 662,029 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 84,387 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.60 รองลงมาเป็นการบริโภคส่วนบุคคลอื่น ๆ 306,476 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38,091 ล้านบาท
หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.2 ส่วนธุรกิจก่อสร้างมีการให้สินเชื่อจำนวน 184,473 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26,721 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.16
ขณะที่ธุรกิจตัวกลางทางการเงินมีการให้สินเชื่อจำนวน 662,154 ล้านบาท ลดลง 69,316 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 9.48 สำหรับดัชนีราคา
ที่อยู่อาศัยในช่วงไตรมาสแรกปี 50 พบว่า ดัชนีราคาบ้านเดี่ยวและดัชนีราคาทาวน์เฮ้าส์ลดลงร้อยละ 5.1 และ 0.6 จากไตรมาสก่อนตามลำดับ
เนื่องจากผู้ประกอบการลดต้นทุนการก่อสร้าง โดยหันไปใช้วัสดุตกแต่งที่มีราคาถูกลงและการแข่งขันรุนแรงขึ้นท่ามกลางอุปสงค์ที่ยังชะลอการ
ตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ขณะที่ดัชนีราคาที่ดินขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนมาอยู่ที่ร้อยละ 4.1 ทำให้ดัชนีราคาบ้านเดี่ยวพร้อมที่ดินและดัชนีราคา
ทาวน์เฮ้าส์พร้อมที่ดินเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลงเป็นร้อยละ 0.4 และ 2.2 ตามลำดับ (แนวหน้า, ไทยรัฐ, โพสต์ทูเดย์, กรุงเทพธุรกิจ)
2. ก.คลังส่งหนังสือเพื่อขอแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ธปท.ถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ผอ.วิจัยด้านเศรษฐกิจมหภาคและการ
กระจายรายได้ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ในฐานะที่ปรึกษา รมว.คลังกล่าวว่า ตนรับผิดชอบในการพิจารณาร่าง
พ.ร.บ.ธปท. ซึ่งได้ข้อสรุปเป็นที่ชัดเจนว่าจะต้องมีการแก้ไขบางประเด็น โดย ก.คลังได้ส่งหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อ
แก้ไขเนื้อหาแล้ว แต่จะสามารถนำเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้เมื่อใดนั้นขึ้นกับกระบวนการ โดยประเด็นที่มีการ
แก้ไขเพิ่มเติมมีเพียงประเด็นเดียว คือ ที่มาและการถอดถอนตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท.ให้เป็นอำนาจของ รมว.คลังเป็นผู้พิจารณา และนำเสนอ
ต่อ ครม. เพื่อให้กฎหมายดังกล่าวมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.ธปท.เดิม ที่อดีต รมว.คลัง (ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล)
เสนอไปนั้น กำหนดให้ตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท.จะต้องใช้วิธีสรรหาในรูปคณะกรรมการและมีวาระการทำงานครั้งละ 5 ปี โดยสามารถดำรง
ตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 สมัย และต้องรายงานการดำเนินนโยบายและการทำงานให้กับวุฒิสภาทุกปี สำหรับร่าง พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงินนั้น
ขณะนี้ ก.คลังยังอยู่ในกระบวนการพิจารณา ยังไม่มีข้อสรุปเสนอสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าจะแก้ไขเพิ่มเติมในประเด็นใดบ้าง
(ข่าวสด, มติชน)
3. ก.คลังเห็นชอบมาตรการปรับลดภาษีธุรกิจเฉพาะเหลือร้อยละ 0.01 เตรียมเสนอ ครม.อังคารนี้ แหล่งข่าวจาก ก.คลัง
เปิดเผยว่า รมว.คลังเห็นชอบมาตรการปรับลดภาษีธุรกิจเฉพาะเหลือร้อยละ 0.01 จากปัจจุบันร้อยละ 3.3 และเพิ่มหักลดหย่อนภาษีดอกเบี้ย
เงินกู้จาก 5 หมื่นบาท เป็น 7 หมื่นบาทต่อปี ซึ่งจะเสนอ ครม.พิจารณาในวันอังคารนี้ (15 พ.ค.) ส่วนการลดค่าธรรมเนียมการจดจำนอง
จากร้อยละ 1 เหลือร้อยละ 0.01 เป็นอำนาจของ ก.มหาดไทย ซึ่งยังไม่ได้พิจารณาอนุมัติอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ กรมสรรพากรประเมินว่า
หลังจากใช้มาตรการภาษีกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ จะทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้ประมาณปีละ 2.2 พันล้านบาท แบ่งเป็นเม็ดเงินจากการ
ปรับลดภาษีธุรกิจเฉพาะประมาณ 2 พันล้านบาท และเพิ่มวงเงินค่าลดหย่อนซื้ออสังหาริมทรัพย์จาก 5 หมื่นบาทเป็น 7 หมื่นบาท อีกประมาณ
200 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ามาตรการดังกล่าวจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้มาก เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีธุรกิจเกี่ยวเนื่องมาก
(สยามรัฐ, เดลินิวส์, กรุงเทพธุรกิจ)
4. ก.อุตสาหกรรมชี้ความสามารถในการแข่งขันอุตสาหกรรมไทยลดลงต่อเนื่อง ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.)
ก.อุตสาหกรรม เปิดเผยถึงขีดความสามารถการแข่งขันอุตสาหกรรมรายสาขา ช่วงไตรมาสแรกและแนวโน้มสิ้นปี 50 ว่า สถานการณ์
อุตสาหกรรมไทยน่าเป็นห่วง เพราะความสามารถการแข่งขันลดลงต่อเนื่อง เห็นได้จากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมมีแนวโน้มชะลอตัวโดย
ไตรมาสแรก ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอยู่ที่ 168.7 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้
ร้อยละ 8.7 เช่นเดียวกับอัตราการใช้อัตราการใช้กำลังผลิตก็มีทิศทางลดลงต่อเนื่อง ทำให้ สศอ.ต้องปรับตัวเลขการขยายตัวของภาค
อุตสาหกรรมจากร้อยละ 5.5-6.5 เหลือร้อยละ 5 ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาภาวะอุตสาหกรรมรายสาขาที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจพบว่า แม้
ไตรมาสแรกอุตสาหกรรมหลายกลุ่มยังขยายตัวได้ดี แต่เมื่อเทียบกับปีก่อนถือว่าขยายตัวในอัตราลดลง สำหรับสาเหตุหลักที่ขีดความสามารถ
แข่งขันลดลงเนื่องจากการแข็งค่าของเงินบาท ดังนั้น ผู้ประกอบการต้องปรับตัวเพื่อเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันด้านอื่น ๆ (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดขายปลีกของ สรอ.ลดลงร้อยละ 0.2 ในเดือน เม.ย.50 รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 11 พ.ค.50 ก.พาณิชย์
เปิดเผยว่า ยอดขายปลีก (หลังปรับฤดูกาล) ของ สรอ.ในเดือน เม.ย.50 ลดลงร้อยละ 0.2 เป็นจำนวน 372.03 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.
หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 ในเดือนก่อนหน้า นับเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ก.ย.49 ที่ยอดขายปลีกลดลงร้อยละ 0.6 ตรงข้ามกับ
การคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่ายอดขายปลีกจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 สำหรับยอดขายปลีกเมื่อไม่รวมยอดขายรถยนต์ซึ่งมีสัดส่วน
เป็นร้อยละ 20 ของยอดขายปลีกโดยรวม ทรงตัวที่ระดับเดิมไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ ยอดขายปลีกที่ลดลงในเดือน เม.ย.
ดังกล่าว มีสาเหตุหลักจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับการชะลอตัวของตลาดบ้าน ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายของผู้บริโภค
สรอ. โดยยอดขายวัสดุก่อสร้างลดลงร้อยละ 2.3 ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ.46 ที่ลดลงร้อยละ 5.1 ขณะที่ยอดขายรถยนต์ใหม่ลดลง
ร้อยละ 1 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการลดลงต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย.49 ที่ลดลงร้อยละ 2.4 (รอยเตอร์)
2. ราคาสินค้าค้าส่งของญี่ปุ่นในเดือน เม.ย.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 เมื่อเทียบต่อปีสูงกว่าที่คาดไว้ รายงานจากโตเกียว
เมื่อ 14 พ.ค.50 ธ.กลางญี่ปุ่นรายงานดัชนีชี้วัดราคาสินค้าของภาคธุรกิจหรือ CGPI ซึ่งใช้ติดตามแนวโน้มราคาสินค้าค้าส่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2
ในเดือน เม.ย.50 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 49 สูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 ต่อปี นับเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น
เดือนที่ 2 หลังจากราคาชะลอตัวลง 5 เดือนติดต่อกัน โดยในเดือน มี.ค.50 ราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 ต่อปี ทั้งนี้ หากเทียบต่อเดือนแล้ว
ราคาสินค้าค้าส่งในเดือน เม.ย.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 ต่อเดือน สะท้อนให้เห็นว่าราคาสินค้าในตลาดโลกได้กลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง โดย
ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากราคาที่สูงขึ้นของน้ำมันและแร่อโลหะในตลาดโลก แต่อย่างไรก็ดี คาดว่าราคาสินค้าค้าส่งที่สูงขึ้นดังกล่าวจะไม่สามารถ
เปลี่ยนความเห็นของนักวิเคราะห์ในตลาดการเงินซึ่งคาดว่า ธ.กลางญี่ปุ่นจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 0.50 ต่อปีในการประชุม
ในวันที่ 16 พ.ค.50 นี้ หลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดเมื่อเดือน ก.พ.50 ที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
3. ปริมาณเงินหมุนเวียนของจีนในเดือน เม.ย. ชะลอตัวลงจากเดือน มี.ค. รายงานจากปักกิ่ง เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 50
ทางการจีนเปิดเผยว่า ในเดือน เม.ย. ปริมาณเงินหมุนเวียนของจีนขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 17.1 ชะลอลงเล็กน้อยจากระดับ 17.3 ในเดือน มี.ค.
และมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ก่อนหน้านั้นว่าจะขยายตัวร้อยละ 17.0 ทั้งนี้นับตั้งแต่เดือน ม.ค. เป็นตันมา ธ.กลางจีนได้ชะลอการเติบโต
ของปริมาณเงินหมุนเวียนจากที่เคยขยายตัวสูงถึงร้อยละ 19.2 ในเดือน ม.ค.ปีที่แล้ว โดยการปรับเพิ่มสัดส่วนการดำรงทุนสำรองของ ธพ.
ถึง 7 ครั้ง และปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยรวม 3 ครั้งในเวลาเพียง 1 ปี และแม้ว่าปริมาณเงินหมุนเวียน และสินเชื่อในระบบ ธพ. จะฟื้นตัว
ไม่มากนัก แต่ก็ยังคงสูงกว่าเป้าหมายทั้งปีที่ ธ.กลางจีนตั้งไว้ที่ร้อยละ 16.0 นอกจากนั้น ธพ. ต่างๆ ได้อนุมัติสินเชื่อใหม่เป็นจำนวน 422 พัน ล.
หยวน (55 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ.) ส่งผลให้สินเชื่อในช่วง 4 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ราว 1.85 ล้าน ล้าน หยวน มากกว่า ครึ่งหนึ่งของยอดรวม
สินเชื่อในปีที่แล้ว และคาดว่ามีความเป็นไปได้ที่ ธ.กลางจีนจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในปลายเดือนนี้ หากดัชนีราคาผู้บริโภคใน
เดือน เม.ย. สูงกว่าร้อยละ 3.0 และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง (รอยเตอร์)
4. การบริโภคภายในประเทศของเกาหลีใต้กำลังฟื้นตัว ส่วนการส่งออกขยายตัวอย่างมั่นคง รายงานจากกรุงโซล ประเทศ
เกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 14 พ.ค.50 Kwon O-kyu รมว.คลังของเกาหลีใต้ กล่าวว่า ความต้องการบริโภคภายในประเทศของเกาหลีใต้กำลัง
ฟื้นตัว ขณะที่การส่งออกยังคงขยายตัวอย่างมั่นคงด้วยอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวประมาณร้อยละ 4.5
ลดลงเล็กน้อยจากปี 49 ที่ขยายตัวร้อยละ 5 นอกจากนี้ รัฐบาลจะเพิ่มความพยายามให้มีการฟื้นฟูอุตสาหกรรมการจัดการสินทรัพย์ รวมทั้งจะ
อนุญาตให้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อการเก็งกำไรในอนาคต แม้ว่าหลายฝ่ายจะมีความกังวลอยู่บ้าง แต่กองทุนฯ ดังกล่าวจะช่วยทำให้นักลงทุนมี
ทางเลือกใหม่ในการลงทุนเพิ่มขึ้นและสนับสนุนการพัฒนาเทคนิคด้านการเงิน ตลอดจนยกระดับตลาดการเงินของเกาหลีใต้ให้มีมาตรฐานสูงขึ้น
(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 14 พ.ค. 50 11 พ.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 34.553 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 34.3403/34.6888 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.12734 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 706.90/13.11 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,950/11,050 10,900/11,000 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 62.27 61.51 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 29.99*/25.34** 29.59/25.34** 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับเพิ่มเมื่อ 12 พ.ค. 50 , ** ปรับเพิ่มเมื่อ 26 เม.ย. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--