แท็ก
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ขรรค์ ประจวบเหมาะ
กระทรวงการคลัง
ธนาคารออมสิน
รัฐมนตรี
วันนี้ (3 พฤศจิกายน 2548) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายไชยยศ สะสมทรัพย์) ได้เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือระหว่างธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารออมสิน ณ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง โดยมี นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธอส. และ นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี รองผู้อำนวยการธนาคารออมสินอาวุโส ร่วมลงนามในบันทึกความร่วมมือดังกล่าว บันทึกความร่วมมือฉบับนี้ มีสาระสำคัญเพื่อเป็นการตกลงในความร่วมมือทางการเงินระหว่างสถาบันการเงินเฉพาะกิจทั้งสอง โดยธนาคารออมสินจะสนับสนุนทางการเงินให้แก่ ธอส. เพื่อเป็นเงินทุนในการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชน
ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายไชยยศ สะสมทรัพย์) ได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ศึกษาแนวทางความร่วมมือระหว่าง ธอส. และธนาคารออมสิน ในการจัดหาเงินทุนเพื่อปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของ ธอส. ซึ่งได้ข้อสรุปว่า ในระยะสั้น การที่ธนาคารออมสินให้ความร่วมมือทางการเงินเพื่อการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในครั้งนี้จะส่งผลดีต่อธนาคาร กล่าวคือ ช่วยลดความเสี่ยง และประหยัดต้นทุนในการปล่อยสินเชื่อ ในขณะที่ ธอส. ก็จะมีต้นทุนทางการเงินต่ำกว่าการออกพันธบัตรหรือกู้เงินสถาบันการเงินอื่น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ร่วมกัน และยังส่งผลดีต่อประชาชนทำให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นโดยเฉพาะสามารถมีบ้านเป็นของตนเองตามอัตภาพได้อย่างทั่วถึง นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมความร่วมมือ (Synergy) ให้เกิดขึ้นระหว่างสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ซึ่งเป็นไปตามดำริของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่ได้มอบนโยบายการดำเนินการแก่สถาบันการเงินเฉพาะกิจก่อนหน้านี้
สำหรับในระยะยาว จะได้มีการสนับสนุนและผลักดันให้เกิดการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ (Securitization) อย่างจริงจัง ซึ่งมีข้อดี คือ ช่วยลดปัญหาความไม่สมดุลของระยะเวลาเงินฝากและเงินกู้ลงได้ เนื่องจากเป็นวิธีการระดมทุนจากตลาดทุนซึ่งมีระยะเวลาที่ยาวขึ้น รวมทั้งจะช่วยในการพัฒนาตลาดทุนและตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้เข้มแข็ง ช่วยให้ประชาชนมีทางเลือกในการลงทุนซึ่งมีผลตอบแทนที่จูงใจ อีกทั้ง สามารถได้รับสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมและคงที่ในระยะยาวได้อย่างทั่วถึงในอนาคต ทั้งนี้ กระบวนการ
แปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์อาจดำเนินการผ่านบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการดำเนินการดังกล่าวอยู่แล้ว ก็จะยิ่งเกิดประโยชน์ร่วมกัน
ภายหลังลงนามในบันทึกความร่วมมือแล้ว ธอส. และธนาคารออมสินจะได้ร่วมกันกำหนด หลักเกณฑ์ วิธีการ ข้อปฏิบัติ เพื่อให้ความร่วมมือเกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป เพื่อประโยชน์สูงสุดในการสนับสนุนช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยและปานกลางที่ต้องการมีบ้านให้มีโอกาสมากขึ้นที่จะสามารถมีบ้านเป็นของตนเอง ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมต่อไป
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 97/2548 3 พฤศจิกายน 48--
ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายไชยยศ สะสมทรัพย์) ได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ศึกษาแนวทางความร่วมมือระหว่าง ธอส. และธนาคารออมสิน ในการจัดหาเงินทุนเพื่อปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของ ธอส. ซึ่งได้ข้อสรุปว่า ในระยะสั้น การที่ธนาคารออมสินให้ความร่วมมือทางการเงินเพื่อการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในครั้งนี้จะส่งผลดีต่อธนาคาร กล่าวคือ ช่วยลดความเสี่ยง และประหยัดต้นทุนในการปล่อยสินเชื่อ ในขณะที่ ธอส. ก็จะมีต้นทุนทางการเงินต่ำกว่าการออกพันธบัตรหรือกู้เงินสถาบันการเงินอื่น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ร่วมกัน และยังส่งผลดีต่อประชาชนทำให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นโดยเฉพาะสามารถมีบ้านเป็นของตนเองตามอัตภาพได้อย่างทั่วถึง นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมความร่วมมือ (Synergy) ให้เกิดขึ้นระหว่างสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ซึ่งเป็นไปตามดำริของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่ได้มอบนโยบายการดำเนินการแก่สถาบันการเงินเฉพาะกิจก่อนหน้านี้
สำหรับในระยะยาว จะได้มีการสนับสนุนและผลักดันให้เกิดการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ (Securitization) อย่างจริงจัง ซึ่งมีข้อดี คือ ช่วยลดปัญหาความไม่สมดุลของระยะเวลาเงินฝากและเงินกู้ลงได้ เนื่องจากเป็นวิธีการระดมทุนจากตลาดทุนซึ่งมีระยะเวลาที่ยาวขึ้น รวมทั้งจะช่วยในการพัฒนาตลาดทุนและตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้เข้มแข็ง ช่วยให้ประชาชนมีทางเลือกในการลงทุนซึ่งมีผลตอบแทนที่จูงใจ อีกทั้ง สามารถได้รับสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมและคงที่ในระยะยาวได้อย่างทั่วถึงในอนาคต ทั้งนี้ กระบวนการ
แปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์อาจดำเนินการผ่านบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการดำเนินการดังกล่าวอยู่แล้ว ก็จะยิ่งเกิดประโยชน์ร่วมกัน
ภายหลังลงนามในบันทึกความร่วมมือแล้ว ธอส. และธนาคารออมสินจะได้ร่วมกันกำหนด หลักเกณฑ์ วิธีการ ข้อปฏิบัติ เพื่อให้ความร่วมมือเกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป เพื่อประโยชน์สูงสุดในการสนับสนุนช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยและปานกลางที่ต้องการมีบ้านให้มีโอกาสมากขึ้นที่จะสามารถมีบ้านเป็นของตนเอง ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมต่อไป
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 97/2548 3 พฤศจิกายน 48--