วันนี้(21 ส.ค.) เวลา 11.00 น.ที่โรงแรมป่าตองเมอร์ลิน จ.ภูเก็ต นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการสัมมนา ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคว่าการจัดสัมมนาครั้งนี้มีความแตกต่างจากการจัดสัมมนาทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะครั้งนี้มีเป้าหมายชัดเจนในการปรับฐานความคิดและการเตรียมความพร้อมในการจัด 'สมัชชาประชาชน' การจัดครั้งนี้เป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้เข้าร่วมสัมมนา
'เราทำเป็นเวทีจำลอง โดยให้ ส.ส.ของพรรคต้องมีส่วนร่วม และนำเอารูปแบบนี้ไปใช้ในเดือนตุลาคมที่จะถึงเพื่อให้ประชาชนไทยที่มาร่วมสมัชชาเพื่อแก้ปัญหาให้กับประเทศชาติ' นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า การสัมมนาได้แสดงให้เห็นชัดว่าพรรคมีความเชื่อมั่นในการสร้างการเมืองแบบมีส่วนร่วม สร้างประชาธิปไตย มีผ่านกระบวนการของการไต่ตรองและพรรคเชื่อว่าการทำงานทางการเมืองในลักษณะนี้ คือแนวทางที่เป็นอนาคตของประเทศไทยและเป็นแนวทางของการเมืองแบบประชาธิปไตยที่แท้จริง และหลังจากการสัมมนาผู้บริหารจะกลับไปดูว่าจะมีการนำไปปฏิบัติอย่างไร และคณะทำงานด้านสมัชชาของพรรคก็จะสามรถกำหนดรูปแบบของการจัดสมัชชาประชาชนที่จะมีการจัดในเดือนตุลาคมได้
'ในการจัดสัมมนาครั้งนึ้คือการปรับเปลี่ยนกระบวนการทางการเมืองของประเทศไทย ซึ่งตนเชื่อว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญเพราะเป็นจุดเชื่อมระหว่างการเมืองภาคตัวแทนและการเมืองภาคประชาชน ปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้นกับบ้านเมืองขณะนี้ อยู่ในใจของประชาชน ไม่ว่าเรื่องของความมั่นคง เศรษฐกิจ การทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งปัญหาต่างมาจากการขาดการเชื่อมโยงและการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงของประชาชน เราเชื่อว่านี้คือแนวทางที่จะนำเสนอต่อประชาชนและเรามั่นใจว่าเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของประเทศแต่ว่าประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน' หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 21 ส.ค. 2548--จบ--
'เราทำเป็นเวทีจำลอง โดยให้ ส.ส.ของพรรคต้องมีส่วนร่วม และนำเอารูปแบบนี้ไปใช้ในเดือนตุลาคมที่จะถึงเพื่อให้ประชาชนไทยที่มาร่วมสมัชชาเพื่อแก้ปัญหาให้กับประเทศชาติ' นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า การสัมมนาได้แสดงให้เห็นชัดว่าพรรคมีความเชื่อมั่นในการสร้างการเมืองแบบมีส่วนร่วม สร้างประชาธิปไตย มีผ่านกระบวนการของการไต่ตรองและพรรคเชื่อว่าการทำงานทางการเมืองในลักษณะนี้ คือแนวทางที่เป็นอนาคตของประเทศไทยและเป็นแนวทางของการเมืองแบบประชาธิปไตยที่แท้จริง และหลังจากการสัมมนาผู้บริหารจะกลับไปดูว่าจะมีการนำไปปฏิบัติอย่างไร และคณะทำงานด้านสมัชชาของพรรคก็จะสามรถกำหนดรูปแบบของการจัดสมัชชาประชาชนที่จะมีการจัดในเดือนตุลาคมได้
'ในการจัดสัมมนาครั้งนึ้คือการปรับเปลี่ยนกระบวนการทางการเมืองของประเทศไทย ซึ่งตนเชื่อว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญเพราะเป็นจุดเชื่อมระหว่างการเมืองภาคตัวแทนและการเมืองภาคประชาชน ปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้นกับบ้านเมืองขณะนี้ อยู่ในใจของประชาชน ไม่ว่าเรื่องของความมั่นคง เศรษฐกิจ การทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งปัญหาต่างมาจากการขาดการเชื่อมโยงและการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงของประชาชน เราเชื่อว่านี้คือแนวทางที่จะนำเสนอต่อประชาชนและเรามั่นใจว่าเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของประเทศแต่ว่าประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน' หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 21 ส.ค. 2548--จบ--