แท็ก
คณะกรรมการนโยบายการเงิน
กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์
ธนาคารแห่งประเทศไทย
กรมควบคุมมลพิษ
ภาวะเศรษฐกิจ
บล.บัวหลวง
ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ชี้แนวโน้มสินเชื่อภาคธุรกิจเริ่มชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยแพร่
รายงานแนวโน้มเงินเฟ้อเดือน ก.ค.50 โดยสรุปความเห็นของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เกี่ยวกับภาคสถาบันการเงินว่า
ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อเนื่องตั้งแต่ปี 49 และความไม่แน่นอนทางการเมือง ส่งผลให้สินเชื่อของระบบ ธพ.ชะลอตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะ
สินเชื่อภาคธุรกิจที่มีสัดส่วนประมาณ 78% ของสินเชื่อทั้งระบบ ได้เริ่มชะลอตัวตามแนวโน้มการลงทุนภาคเอกชน นอกจากนี้ยังเป็นผลจากการ
ที่ภาคธุรกิจขนาดใหญ่หันไปออกตราสารทุนและตราสารหนี้ แทนการพึ่งพาสินเชื่อจากระบบ ธพ. อย่างไรก็ดี การชะลอตัวของสินเชื่อดังกล่าว
ยังไม่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของ ธพ. เนื่องจากความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทส่วนใหญ่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี แต่หาก
เศรษฐกิจชะลอตัวต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจสร้างความเสี่ยงต่อระบบ ธพ.ทั้งด้านความสามารถในการทำกำไรและคุณภาพสินเชื่อ โดยเฉพาะ
หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ใหม่ที่เริ่มมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะจากสินเชื่อภาคอุตสาหกรรมและสินเชื่อภาคครัวเรือน ซึ่ง กนง.
เห็นว่าควรต้องติดตามคุณภาพสินเชื่ออย่างใกล้ชิด (มติชน, กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด)
2. ธปท.ระบุอัตราดอกเบี้ยเงินฝากมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง แหล่งข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า
ในไตรมาส 2/50 ธพ.ส่วนใหญ่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงตามทิศทางของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากปรับลดลงเร็ว
กว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เช่น อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3-12 เดือนสำหรับลูกค้าทั่วไปของ ธพ.รายใหญ่ 4 แห่งลดลง 1% จาก 3.25%
มาอยู่ในระดับเดียวกับอัตราเงินฝากประจำระยะสั้นที่ 2.25% สะท้อนให้เห็นว่าตลาดคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีแนวโน้มลดลงต่อไปอีก
ระยะหนึ่ง ทำให้ผู้ฝากเงินย้ายเงินฝากประจำจากระยะสั้นมาเป็นเงินฝากระยะยาวมากขึ้น ส่งผลให้สัดส่วนของเงินฝากประจำระยะเวลา
7-12 เดือนและ 12 เดือนขึ้นไป เพิ่มขึ้นจาก 15.6% และ 7.6% ณ ไตรมาส 1 มาอยู่ที่ 16.4% และ 8.9% ในเดือน พ.ค. ขณะที่
เงินฝากประจำระยะสั้นอายุ 3-6 เดือนมีสัดส่วนลดลงอย่างต่อเนื่อง (ไทยโพสต์, ข่าวสด)
3. ธปท.เปิดเผย ภาพรวมบริษัทจดทะเบียนในปี 50 มีศักยภาพการลงทุนที่ดี รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
เปิดเผยถึงภาวะและแนวโน้มการลงทุนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ภาพรวมบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ยังมีศักยภาพการลงทุนที่ดี
ทั้งในแง่ความสามารถในการทำกำไร และประสิทธิภาพการใช้สินทรัพย์ แม้อัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้นจะปรับลดลงบ้าง แต่ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ดี
เมื่อเทียบกับช่วงหลังวิกฤตเศรษฐกิจที่อัตราผลตอบแทนติดลบ ขณะที่อัตราหมุนเวียนของสินทรัพย์ก็ปรับสูงขึ้น สะท้อนถึงการใช้สินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพ
มากขึ้น นอกจากนี้ สภาพแวดล้อมทางการเงินในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการลงทุนเหมือนในช่วงหลังวิกฤตเศรษฐกิจปี 40 โดย
ปัจจุบันต้นทุนทางการเงินอยู่ต่ำกว่าเมื่อช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจค่อนข้างมาก และมีแนวโน้มที่จะลดลงอีกตามนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่าง
ต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 50 ขณะเดียวกัน ภาคธุรกิจก็มีฐานะทางการเงินที่เข้มแข็ง สะท้อนจากอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ลดลงและอัตราส่วนรายได้
ต่อดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง แสดงให้เห็นว่าบริษัทจดทะเบียนมีความพร้อมทางการเงินที่จะรองรับการขยายการลงทุนได้ต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ,
ข่าวสด)
4. ธปท.ประเมิน ธพ.ต้องดำรงเงินกองทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 1% หลังใช้บาเซิล 2 แหล่งข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
เปิดเผยว่า ธปท.ได้มีการคำนวณเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงของระบบสถาบันการเงินเบื้องต้น กรณีที่มีการนำเกณฑ์การกำกับดูแลเงินกองทุน
ตามเกณฑ์บาเซิล 2 ซึ่งมีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้นมาบังคับใช้เต็มรูปแบบ ซึ่งพบว่าจะทำให้โดยเฉลี่ยสถาบันการเงินแต่ละแห่งต้องดำรงเงินกองทุน
เพิ่มขึ้นประมาณ 1% จากระดับปัจจุบัน สำหรับเกณฑ์ที่ ธปท.กำหนดในปัจจุบันคือ เงินทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงด้านเครดิตและด้านตลาดของ ธพ.จะ
ต้องไม่ต่ำกว่า 8.5% สาขา ธพ.ต่างประเทศต้องไม่ต่ำกว่า 7.5% แต่ในการคำนวณบาเซิล 2 นั้นจะต้องรวมความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ทั้งในด้านเครดิต
ด้านปฏิบัติการ รวมไปถึงการทำธุรกรรมแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ซึ่งจะมีผลให้สินทรัพย์เสี่ยงตามเกณฑ์ใหม่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ จากการรวบรวม
สถานะเงินกองทุนของระบบ ธพ.ในรอบครึ่งแรกปี 50 พบว่า ธนาคารส่วนใหญ่มีระดับเงินกองทุนสูงกว่ามาตรฐานที่ ธปท.กำหนดไม่ต่ำกว่า 2%
แทบทั้งสิ้น มีเพียง ธ.ทหารไทย และ ธ.ไทยธนาคาร ที่มีระดับเงินกองทุนสูงกว่าระดับมาตรฐานเพียงเล็กน้อย ซึ่งทั้ง 2 แห่งกำลังอยู่ระหว่าง
กระบวนการเพิ่มทุน (มติชน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่ารายได้ส่วนบุคคลของ สรอ.จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ขณะที่การใช้จ่ายบริโภคส่วนบุคคลจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.2
รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อ 30 ก.ค.50 ผลสำรวจนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์คาดการณ์ว่า รายได้ส่วนบุคคลของ สรอ.ในเดือน มิ.ย.50
จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ในเดือน พ.ค.50 ขณะที่การใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลคาดว่าจะชะลอลงอยู่
ที่ร้อยละ 0.2 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ในเดือนก่อนหน้า สำหรับดัชนีการใช้จ่ายบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน ซึ่ง ธ.กลาง สรอ.มักจะใช้
เป็นเครื่องบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ในเดือน พ.ค.50 และหากเทียบต่อปีคาดว่าจะยัง
อยู่ในอัตราเหนือกว่าระดับ Comfort Zone ที่ ธ.กลาง สรอ.ตั้งไว้ อย่างไรก็ตาม การประมาณการตัวเลขรายได้ส่วนบุคคลในเดือน มิ.ย.50
ได้รับผลกระทบจากการทบทวนผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ที่รายงานก่อนหน้านี้ อนึ่ง ก.พาณิชย์ สรอ.จะรายงานตัวเลขรายได้ส่วนบุคคลและ
ดัชนีการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลในวันอังคารที่ 1 ส.ค.50 เวลา 8.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น (รอยเตอร์)
2. อัตราการว่างงานของญี่ปุ่นในเดือน มิ.ย. ลดลงทำสถิติต่ำสุดในรอบ 9 ปี รายงานจากโตเกียว เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 50
ทางการญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ในเดือน มิ.ย. อัตราการว่างงานลดลงอยู่ที่ร้อยละ 3.7 น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 3.8 และอยู่
ในระดับต่ำที่สุดในรอบ 9 ปีนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 41 ที่อัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 3.6 บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานขยายตัวอย่างมาก และจะ
ผลักดันให้ราคาสินค้าสูงขึ้นตามการคาดการณ์ของ ธ.กลาง ทำให้คาดว่า ธ.กลางจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนหน้า แม้ว่าการฟื้นตัว
ของการบริโภคในประเทศจะยังคงไม่แข็งแกร่งนักก็ตาม โดยตัวเลขชี้ว่าการใช้จ่ายภาคครัวเรือนในเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.1
จากระยะเดียวกันปีที่แล้วซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดการณ์ไว้ก่อนหน้านั้นว่าการใช้จ่ายของครัวเรือนจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 อย่างไรก็ตามนาย Naoki
Iizuka นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจาก Mizuho Securities เห็นว่าการลดลงอย่างต่อเนื่องของอัตราการว่างงานเป็นสัญญานที่ดีต่อระบบ
เศรษฐกิจ (รอยเตอร์)
3. ธ.กลางจีนปรับเพิ่มทุนสำรองของธพ. เป็นครั้งที่ 9 ในรอบ 13 เดือน รายงานจาก ปักกิ่ง เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 50 เมื่อ
วันจันทร์ที่ผ่านมา ธ.กลางจีนได้ประกาศปรับเพิ่มทุนสำรองที่ธพ. ต้องดำรงไว้เพื่อเป็นสภาพคล่องเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 0.5 โดยให้มีผลบังคับใช้
ในวันที่ 15 ส.ค. ทั้งนี้เป็นอีกก้าวหนึ่งของความพยายามที่จะชะลอการขยายตัวอย่างร้อนแรงของเศรษฐกิจจีนที่เติบโตถึงร้อยละ 11.9
ในไตรมาสที่ 2 และเป็นการขยายตัวอย่างรวดเร็วที่สุดในรอบเกือบ 12 ปี ทำให้ทางการจีนต้องออกมาเตือนถึงความเสี่ยงที่เกิดจากการ
ขยายตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจ โดยการส่งออกที่ขยายตัวอย่างมากจะเป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจจะทำให้ระบบเศรษฐกิจจีนมีปริมาณ
เงินหมุนเวียนและราคาสินทรัพย์เพิ่มขึ้นมากเกินไป อย่างไรก็ตามคาดว่าในระหว่างการพบปะกันของปธน. จีน ผวก.ธ.กลางจีน และ
รมว.คลังสรอ. นั้น สรอ.จะเรียกร้องให้จีนควบคุมการส่งออกและปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าให้เร็วขึ้น(รอยเตอร์)
4. เกาหลีใต้เกินดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือน มิ.ย.50 สูงสุดในรอบ 7 เดือนที่จำนวน 694 ล้านดอลลาร์ สรอ. รายงานจากโซล
เมื่อ 27 ก.ค.50 ธ.กลางเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ในเดือน มิ.ย.50 เกาหลีใต้เกินดุลบัญชีเดินสะพัดจำนวน 694 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากที่
เกินดุล 512 ล้านดอลลาร์ สรอ.ในเดือน พ.ค.50 เนื่องจากการเกินดุลการค้าจำนวน 2.57 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก
เดือน พ.ค.50 ที่เกินดุลการค้าจำนวน 2.55 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือน มิ.ย.50 นับเป็นการเกินดุล
สูงสุดในรอบ 7 เดือน นับตั้งแต่เดือน พ.ย.49 ที่เคยเกินดุลถึงจำนวน 2.46 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. อนึ่ง ตัวเลขการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด
ในเดือน มิ.ย.มากเพียงพอที่จะชดเชยการขาดดุลในรอบ 5 เดือนแรกของปี 50 ทำให้ในช่วงเดือน ม.ค.- มิ.ย.50 เกินดุลทั้งสิ้น
560 ล้านดอลลาร์ สรอ. (ตัวเลขหลังปรับปัจจัยทางฤดูกาล) อย่างไรก็ตาม ธ.กลางคาดการณ์ว่า เกาหลีใต้จะเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 50
ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 โดยคาดว่าจะเกินดุลลดลงเหลือ 2 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.จากที่เกินดุล 6.09 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.ในปี 49 ขณะเดียวกัน
ธ.กลางยังรายงานเพิ่มเติมว่า การกู้ยืมเงินจากต่างประเทศของเกาหลีใต้ในเดือน มิ.ย.50 เพิ่มขึ้นสุทธิ 3.49 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. หลังจาก
ที่เพิ่มขึ้นสุทธิ 3.73 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.ในเดือน พ.ค.50 ขณะที่ผู้กำหนดนโยบายการเงินของเกาหลีใต้มีความกังวลว่า การเพิ่มขึ้นของ
การกู้ยืมเงินจากต่างประเทศ โดยเฉพาะเงื่อนไขการครบกำหนดในระยะสั้น อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพระบบการเงินในประเทศอย่างช้า ๆ
(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 31 ก.ค. 50 27 ก.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 33.728 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 33.5051/33.8301 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.40000 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 863.58/34.87 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,600/10,700 10,600/10,700 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 70.06 71.45 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล(บาท) 29.19*/25.74** 29.19*/25.74** 26.49/23.34 ปตท
* ปรับเลดเมื่อ 27 ก.ค. 50 , ** ปรับเพิ่มเมื่อ 11 ก.ค. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.ชี้แนวโน้มสินเชื่อภาคธุรกิจเริ่มชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยแพร่
รายงานแนวโน้มเงินเฟ้อเดือน ก.ค.50 โดยสรุปความเห็นของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เกี่ยวกับภาคสถาบันการเงินว่า
ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อเนื่องตั้งแต่ปี 49 และความไม่แน่นอนทางการเมือง ส่งผลให้สินเชื่อของระบบ ธพ.ชะลอตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะ
สินเชื่อภาคธุรกิจที่มีสัดส่วนประมาณ 78% ของสินเชื่อทั้งระบบ ได้เริ่มชะลอตัวตามแนวโน้มการลงทุนภาคเอกชน นอกจากนี้ยังเป็นผลจากการ
ที่ภาคธุรกิจขนาดใหญ่หันไปออกตราสารทุนและตราสารหนี้ แทนการพึ่งพาสินเชื่อจากระบบ ธพ. อย่างไรก็ดี การชะลอตัวของสินเชื่อดังกล่าว
ยังไม่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของ ธพ. เนื่องจากความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทส่วนใหญ่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี แต่หาก
เศรษฐกิจชะลอตัวต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจสร้างความเสี่ยงต่อระบบ ธพ.ทั้งด้านความสามารถในการทำกำไรและคุณภาพสินเชื่อ โดยเฉพาะ
หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ใหม่ที่เริ่มมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะจากสินเชื่อภาคอุตสาหกรรมและสินเชื่อภาคครัวเรือน ซึ่ง กนง.
เห็นว่าควรต้องติดตามคุณภาพสินเชื่ออย่างใกล้ชิด (มติชน, กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด)
2. ธปท.ระบุอัตราดอกเบี้ยเงินฝากมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง แหล่งข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า
ในไตรมาส 2/50 ธพ.ส่วนใหญ่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงตามทิศทางของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากปรับลดลงเร็ว
กว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เช่น อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3-12 เดือนสำหรับลูกค้าทั่วไปของ ธพ.รายใหญ่ 4 แห่งลดลง 1% จาก 3.25%
มาอยู่ในระดับเดียวกับอัตราเงินฝากประจำระยะสั้นที่ 2.25% สะท้อนให้เห็นว่าตลาดคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีแนวโน้มลดลงต่อไปอีก
ระยะหนึ่ง ทำให้ผู้ฝากเงินย้ายเงินฝากประจำจากระยะสั้นมาเป็นเงินฝากระยะยาวมากขึ้น ส่งผลให้สัดส่วนของเงินฝากประจำระยะเวลา
7-12 เดือนและ 12 เดือนขึ้นไป เพิ่มขึ้นจาก 15.6% และ 7.6% ณ ไตรมาส 1 มาอยู่ที่ 16.4% และ 8.9% ในเดือน พ.ค. ขณะที่
เงินฝากประจำระยะสั้นอายุ 3-6 เดือนมีสัดส่วนลดลงอย่างต่อเนื่อง (ไทยโพสต์, ข่าวสด)
3. ธปท.เปิดเผย ภาพรวมบริษัทจดทะเบียนในปี 50 มีศักยภาพการลงทุนที่ดี รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
เปิดเผยถึงภาวะและแนวโน้มการลงทุนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ภาพรวมบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ยังมีศักยภาพการลงทุนที่ดี
ทั้งในแง่ความสามารถในการทำกำไร และประสิทธิภาพการใช้สินทรัพย์ แม้อัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้นจะปรับลดลงบ้าง แต่ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ดี
เมื่อเทียบกับช่วงหลังวิกฤตเศรษฐกิจที่อัตราผลตอบแทนติดลบ ขณะที่อัตราหมุนเวียนของสินทรัพย์ก็ปรับสูงขึ้น สะท้อนถึงการใช้สินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพ
มากขึ้น นอกจากนี้ สภาพแวดล้อมทางการเงินในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการลงทุนเหมือนในช่วงหลังวิกฤตเศรษฐกิจปี 40 โดย
ปัจจุบันต้นทุนทางการเงินอยู่ต่ำกว่าเมื่อช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจค่อนข้างมาก และมีแนวโน้มที่จะลดลงอีกตามนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่าง
ต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 50 ขณะเดียวกัน ภาคธุรกิจก็มีฐานะทางการเงินที่เข้มแข็ง สะท้อนจากอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ลดลงและอัตราส่วนรายได้
ต่อดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง แสดงให้เห็นว่าบริษัทจดทะเบียนมีความพร้อมทางการเงินที่จะรองรับการขยายการลงทุนได้ต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ,
ข่าวสด)
4. ธปท.ประเมิน ธพ.ต้องดำรงเงินกองทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 1% หลังใช้บาเซิล 2 แหล่งข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
เปิดเผยว่า ธปท.ได้มีการคำนวณเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงของระบบสถาบันการเงินเบื้องต้น กรณีที่มีการนำเกณฑ์การกำกับดูแลเงินกองทุน
ตามเกณฑ์บาเซิล 2 ซึ่งมีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้นมาบังคับใช้เต็มรูปแบบ ซึ่งพบว่าจะทำให้โดยเฉลี่ยสถาบันการเงินแต่ละแห่งต้องดำรงเงินกองทุน
เพิ่มขึ้นประมาณ 1% จากระดับปัจจุบัน สำหรับเกณฑ์ที่ ธปท.กำหนดในปัจจุบันคือ เงินทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงด้านเครดิตและด้านตลาดของ ธพ.จะ
ต้องไม่ต่ำกว่า 8.5% สาขา ธพ.ต่างประเทศต้องไม่ต่ำกว่า 7.5% แต่ในการคำนวณบาเซิล 2 นั้นจะต้องรวมความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ทั้งในด้านเครดิต
ด้านปฏิบัติการ รวมไปถึงการทำธุรกรรมแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ซึ่งจะมีผลให้สินทรัพย์เสี่ยงตามเกณฑ์ใหม่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ จากการรวบรวม
สถานะเงินกองทุนของระบบ ธพ.ในรอบครึ่งแรกปี 50 พบว่า ธนาคารส่วนใหญ่มีระดับเงินกองทุนสูงกว่ามาตรฐานที่ ธปท.กำหนดไม่ต่ำกว่า 2%
แทบทั้งสิ้น มีเพียง ธ.ทหารไทย และ ธ.ไทยธนาคาร ที่มีระดับเงินกองทุนสูงกว่าระดับมาตรฐานเพียงเล็กน้อย ซึ่งทั้ง 2 แห่งกำลังอยู่ระหว่าง
กระบวนการเพิ่มทุน (มติชน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่ารายได้ส่วนบุคคลของ สรอ.จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ขณะที่การใช้จ่ายบริโภคส่วนบุคคลจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.2
รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อ 30 ก.ค.50 ผลสำรวจนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์คาดการณ์ว่า รายได้ส่วนบุคคลของ สรอ.ในเดือน มิ.ย.50
จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ในเดือน พ.ค.50 ขณะที่การใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลคาดว่าจะชะลอลงอยู่
ที่ร้อยละ 0.2 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ในเดือนก่อนหน้า สำหรับดัชนีการใช้จ่ายบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน ซึ่ง ธ.กลาง สรอ.มักจะใช้
เป็นเครื่องบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ในเดือน พ.ค.50 และหากเทียบต่อปีคาดว่าจะยัง
อยู่ในอัตราเหนือกว่าระดับ Comfort Zone ที่ ธ.กลาง สรอ.ตั้งไว้ อย่างไรก็ตาม การประมาณการตัวเลขรายได้ส่วนบุคคลในเดือน มิ.ย.50
ได้รับผลกระทบจากการทบทวนผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ที่รายงานก่อนหน้านี้ อนึ่ง ก.พาณิชย์ สรอ.จะรายงานตัวเลขรายได้ส่วนบุคคลและ
ดัชนีการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลในวันอังคารที่ 1 ส.ค.50 เวลา 8.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น (รอยเตอร์)
2. อัตราการว่างงานของญี่ปุ่นในเดือน มิ.ย. ลดลงทำสถิติต่ำสุดในรอบ 9 ปี รายงานจากโตเกียว เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 50
ทางการญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ในเดือน มิ.ย. อัตราการว่างงานลดลงอยู่ที่ร้อยละ 3.7 น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 3.8 และอยู่
ในระดับต่ำที่สุดในรอบ 9 ปีนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 41 ที่อัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 3.6 บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานขยายตัวอย่างมาก และจะ
ผลักดันให้ราคาสินค้าสูงขึ้นตามการคาดการณ์ของ ธ.กลาง ทำให้คาดว่า ธ.กลางจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนหน้า แม้ว่าการฟื้นตัว
ของการบริโภคในประเทศจะยังคงไม่แข็งแกร่งนักก็ตาม โดยตัวเลขชี้ว่าการใช้จ่ายภาคครัวเรือนในเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.1
จากระยะเดียวกันปีที่แล้วซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดการณ์ไว้ก่อนหน้านั้นว่าการใช้จ่ายของครัวเรือนจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 อย่างไรก็ตามนาย Naoki
Iizuka นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจาก Mizuho Securities เห็นว่าการลดลงอย่างต่อเนื่องของอัตราการว่างงานเป็นสัญญานที่ดีต่อระบบ
เศรษฐกิจ (รอยเตอร์)
3. ธ.กลางจีนปรับเพิ่มทุนสำรองของธพ. เป็นครั้งที่ 9 ในรอบ 13 เดือน รายงานจาก ปักกิ่ง เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 50 เมื่อ
วันจันทร์ที่ผ่านมา ธ.กลางจีนได้ประกาศปรับเพิ่มทุนสำรองที่ธพ. ต้องดำรงไว้เพื่อเป็นสภาพคล่องเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 0.5 โดยให้มีผลบังคับใช้
ในวันที่ 15 ส.ค. ทั้งนี้เป็นอีกก้าวหนึ่งของความพยายามที่จะชะลอการขยายตัวอย่างร้อนแรงของเศรษฐกิจจีนที่เติบโตถึงร้อยละ 11.9
ในไตรมาสที่ 2 และเป็นการขยายตัวอย่างรวดเร็วที่สุดในรอบเกือบ 12 ปี ทำให้ทางการจีนต้องออกมาเตือนถึงความเสี่ยงที่เกิดจากการ
ขยายตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจ โดยการส่งออกที่ขยายตัวอย่างมากจะเป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจจะทำให้ระบบเศรษฐกิจจีนมีปริมาณ
เงินหมุนเวียนและราคาสินทรัพย์เพิ่มขึ้นมากเกินไป อย่างไรก็ตามคาดว่าในระหว่างการพบปะกันของปธน. จีน ผวก.ธ.กลางจีน และ
รมว.คลังสรอ. นั้น สรอ.จะเรียกร้องให้จีนควบคุมการส่งออกและปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าให้เร็วขึ้น(รอยเตอร์)
4. เกาหลีใต้เกินดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือน มิ.ย.50 สูงสุดในรอบ 7 เดือนที่จำนวน 694 ล้านดอลลาร์ สรอ. รายงานจากโซล
เมื่อ 27 ก.ค.50 ธ.กลางเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ในเดือน มิ.ย.50 เกาหลีใต้เกินดุลบัญชีเดินสะพัดจำนวน 694 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากที่
เกินดุล 512 ล้านดอลลาร์ สรอ.ในเดือน พ.ค.50 เนื่องจากการเกินดุลการค้าจำนวน 2.57 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก
เดือน พ.ค.50 ที่เกินดุลการค้าจำนวน 2.55 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือน มิ.ย.50 นับเป็นการเกินดุล
สูงสุดในรอบ 7 เดือน นับตั้งแต่เดือน พ.ย.49 ที่เคยเกินดุลถึงจำนวน 2.46 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. อนึ่ง ตัวเลขการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด
ในเดือน มิ.ย.มากเพียงพอที่จะชดเชยการขาดดุลในรอบ 5 เดือนแรกของปี 50 ทำให้ในช่วงเดือน ม.ค.- มิ.ย.50 เกินดุลทั้งสิ้น
560 ล้านดอลลาร์ สรอ. (ตัวเลขหลังปรับปัจจัยทางฤดูกาล) อย่างไรก็ตาม ธ.กลางคาดการณ์ว่า เกาหลีใต้จะเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 50
ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 โดยคาดว่าจะเกินดุลลดลงเหลือ 2 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.จากที่เกินดุล 6.09 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.ในปี 49 ขณะเดียวกัน
ธ.กลางยังรายงานเพิ่มเติมว่า การกู้ยืมเงินจากต่างประเทศของเกาหลีใต้ในเดือน มิ.ย.50 เพิ่มขึ้นสุทธิ 3.49 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. หลังจาก
ที่เพิ่มขึ้นสุทธิ 3.73 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.ในเดือน พ.ค.50 ขณะที่ผู้กำหนดนโยบายการเงินของเกาหลีใต้มีความกังวลว่า การเพิ่มขึ้นของ
การกู้ยืมเงินจากต่างประเทศ โดยเฉพาะเงื่อนไขการครบกำหนดในระยะสั้น อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพระบบการเงินในประเทศอย่างช้า ๆ
(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 31 ก.ค. 50 27 ก.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 33.728 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 33.5051/33.8301 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.40000 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 863.58/34.87 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,600/10,700 10,600/10,700 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 70.06 71.45 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล(บาท) 29.19*/25.74** 29.19*/25.74** 26.49/23.34 ปตท
* ปรับเลดเมื่อ 27 ก.ค. 50 , ** ปรับเพิ่มเมื่อ 11 ก.ค. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--