ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 50 จะขยายตัวร้อยละ 3.8-4.8 ผอ.ฝ่ายนโยบายการเงิน ธนาคาร
แห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงผลการประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยปี 50 ว่า จะขยายตัวในอัตราร้อยละ 3.8-4.8
ลดลงจากประมาณการเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ในอัตราร้อยละ 4-5 โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ปรับลดมาจากการลงทุนของภาครัฐและเอกชน
ที่คาดว่าจะขยายตัวได้เพียงร้อยละ 4-5 ลดลงจากเดิมที่เคยคาดว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 6-7 ทั้งนี้ การลงทุนรวมที่ลดลงเป็นผลจากการ
ชะลอตัวของการลงทุนภาคเอกชนเป็นหลัก เนื่องจากขณะนี้นักลงทุนยังไม่มีความเชื่อมั่นในการลงทุน เพราะมีความกังวลถึงความเกี่ยวกับ
สถานการณ์ทางการเมือง ทำให้การลงทุนที่เกิดขึ้นในปีนี้จะเป็นการลงทุนแบบต่อเนื่อง หรือขยายกำลังการผลิต แต่การลงทุนขนาดใหญ่จะ
ชะลอตัวไปก่อน และฟื้นตัวได้ในปีหน้า เนื่องจากนักลงทุนรอให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น ขณะที่การบริโภคภาครัฐและเอกชนในปีนี้ ธปท.
คาดว่าจะขยายตัวได้ในอัตราร้อยละ 3.5-4.5 เท่าเดิม เนื่องจากการใช้จ่ายด้านการบริโภคของภาครัฐที่คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นจากรายจ่าย
ของ ธปท.ที่เพิ่มขึ้นโดยคาดว่า การใช้จ่ายในประเทศในครึ่งแรกของปีนี้จะฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่เคยคาดไว้ แม้ว่าเงินเฟ้อจะปรับลดลงเนื่องจาก
ผู้บริโภคมีความกังวลต่อสถานการณ์ความไม่แน่นอน ทำให้ระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โพสต์ทูเดย์,
ไทยรัฐ, เดลินิวส์, บ้านเมือง, มติชน, แนวหน้า, ข่าวสด)
2. ธปท.หารือ ธพ.ให้รายงานข้อมูลการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนต่อ ธปท.แบบวันต่อวัน ผอ.ฝ่ายกำกับการแลกเปลี่ยนเงินและ
สินเชื่อ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ธปท.กำลังหารือกับ ธพ.เพื่อที่จะหาแนวทางให้ ธพ.รายงานข้อมูลการซื้อขาย
อัตราแลกเปลี่ยต่อ ธปท.รวดเร็วและถี่มากยิ่งขึ้น จากเดิมการรายงานข้อมูลจะล่าช้ากว่าธุรกรรมออกไป 3 วัน แต่แนวทางใหม่ ธปท.ต้องการ
ให้ ธพ.รายงาข้อมูลแบบวันต่อวัน หรืออาจจะเป็นแบบทันทีทันใด (Real Time) ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน อยู่ระหว่างขั้นตอนการหารือ
ร่วมกันเพื่อให้ได้ข้อสรุปในเร็ว ๆ นี้ (มติชน)
3. การส่งออกไทยเดือน มี.ค.50 ขยายตัว สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 18.4 รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภาวะการค้า
ระหว่างประเทศของไทยในเดือน มี.ค.50 ว่า การส่งออกมีมูลค่าทั้งสิ้น 13,103.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.4
นับเป็นการขยายตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 10,836.7 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 0.58 ส่งผลให้
เกินดุลการค้าทั้งสิ้น 2,267.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. สำหรับการส่งออกไตรมาสแรกของปีนี้ (ม.ค.-มี.ค.50) มีมูลค่าทั้งสิ้น
34,824.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 18.2 ขณะที่นำเข้ามีมูลค่า 30,553.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 2 ส่งผลให้
ไตรมาสแรกปีนี้ เกินดุลการค้า 4,270.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. อย่างไรก็ตาม ภาวะการนำเข้าต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะอาจส่งผล
ต่อกำลังการผลิตเพื่อการส่งออกในอนาคต แต่ในเบื้องต้นเห็นว่าสาเหตุที่นำเข้าน้อยในขณะนี้มาจากปัจจัยเงินบาทผันผวนทำให้ผู้ประกอบการ
รอดูสถานการณ์เงินบาทให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจขยายการลงทุน (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้, เดลินิวส์, มติชน, แนวหน้า,ข่าวสด)
4. ผลการดำเนินงานของ กบข.ในไตรมาสแรก ปี 50 มีผลตอบแทน 7.8 พันล้านบาท เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จ
บำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยถึงผลประกอบการ และผลประโยชน์สุทธิของ กบข.ในไตรมาส 1 ปี 50 ว่า ได้รับผลตอบแทนจำนวน
7,829.05 ล้านบาท ส่วนผลตอบแทนย้อนหลังสะสม 12 เดือน (เม.ย.48-มี.ค.49) ได้ผลตอบแทนร้อยละ 5.34 หรือคิดเป็นจำนวนเงิน
14,246.39 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 31 มี.ค.50 กบข.มีสินทรัพย์สุทธิจำนวนทั้งสิ้น 336,638.15 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ตาดว่าในปีนี้ กบข.
จะสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณร้อยละ 6-6.5 ซึ่งจะทำให้สินทรัพย์ของ กบข.เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 3 หมื่นล้านบาท
(กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
5. นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นสิ้นปี 50 จะแตะที่ 729 จุด จากปัจจัยการเมืองและเศรษฐกิจ เลขาธิการสมาคม
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์สำหรับการลงทุนในช่วงปลายเดือน เม.ย.- ธ.ค.50 ที่จัดทำเมื่อ 5 ก.พ.50
ว่า นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีหุ้นสิ้นปีจะแตะอยู่ที่ระดับ 729 จุด เมื่อเทียบกับการสำรวจครั้งก่อนที่คาดการณ์ว่าดัชนีคลาดหลักทรัพย์สิ้นปีจะอยู่
ที่ 729 จุด เนื่องจากประเมินว่า การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์จะได้รับปัจจัยบวกจากอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลง โดยนักวิเคราะห์
คาดการณ์ว่า ณ สิ้นปี 50 อัตราดอกเบี้ยอาร์พี 1 วันจะอยู่ที่ร้อยละ 3.5 ลดลงจากการสำรวจครั้งก่อนที่ประเมินไว้ที่ร้อยละ 4.1 นอกจากนี้
ปัจจัยบวกอีกหนึ่งปัจจัย คือ ความคลี่คลายทางสถานการณ์ทางการเมือง และสามารถจัดการเลือกตั้งได้ชัดเจน หรือเป็นไปตามกำหนดเดิม
รวมทั้งปัจจัยกระตุ้นทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ปัจจัยบวกที่สำคัญต่อการลงทุนอันดับแรก คือ อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง รองลงมาคือ สถานการณ์
การเมืองที่คลี่คลาย ส่วนปัจจัยลบที่สำคัญอันดับแรก คือ ปัจจัยทางการเมือง ซึ่งรวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น
ของผู้บริโภค ผู้ประกอบการ และผู้ลงทุน (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, ไทยรัฐ, เดลินิวส์, มติชน, แนวหน้า)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมของ Euro zone ในเดือน ก.พ.50 ลดลงร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนผิดจากที่ตลาดคาดไว้
รายงานจากบรัสเซลส์เมื่อ 24 เม.ย.50 สนง.สถิติกลางของยุโรปรายงานคำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมของ 13 ประเทศที่ใช้เงินยูโรเป็น
เงินสกุลหลักลดลงร้อยละ 0.7 ในเดือน ก.พ.50 เมื่อเทียบต่อเดือนแต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 เมื่อเทียบต่อปี ผิดจากที่ตลาดคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 1.1 เมื่อเทียบต่อเดือนและร้อยละ 7.8 เมื่อเทียบต่อปี โดยเป็นผลจากคำสั่งซื้อที่ลดลงมากของประเทศไอร์แลนด์ กรีซ สเปน
ฝรั่งเศสและอิตาลี แม้ว่าคำสั่งซื้อของเยอรมนีซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดใน Euro zone ฟินแลนด์และโปรตุเกสจะเพิ่มสูงขึ้นก็ตาม ทั้งนี้
คำสั่งซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์เพิ่มขึ้นมากที่สุดคือร้อยละ 1.8 ต่อเดือนและร้อยละ 16.4 ต่อปี โดยหากไม่รวมคำสั่งซื้อเรือ เครื่องบินและ
รถไฟซึ่งค่อนข้างผันผวนแล้ว คำสั่งซื้อในเดือน ก.พ.50 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ต่อเดือนและร้อยละ 7.4 ต่อปี แต่อย่างไรก็ดี ตัวเลขคำสั่งซื้อ
ดังกล่าวไม่ส่งผลต่อการคาดการณ์ของตลาดที่คาดว่า ธ.กลางยุโรปหรือ ECB จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นร้อยละ 4.0 ต่อปีในเดือน
มิ.ย.50 ที่จะถึงนี้จากอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 3.75 ต่อปีเพื่อลดแรงกดดันเงินเฟ้อจากการขยายตัวของการจ้างงานและสินเชื่อ
ในภาวะที่เศรษฐกิจกำลังขยายตัว (รอยเตอร์)
2. เดือน มี.ค.50 ญี่ปุ่นเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 73.9 เทียบต่อปี รายงานจากโตเกียวเมื่อ 25 เม.ย.50 ก.คลัง
เปิดเผยว่า ยอดเกินดุลการค้าของญี่ปุ่นในเดือน มี.ค.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 73.9 เทียบต่อปีเป็นจำนวน 1.6335 ล้านล้านเยน
(13.78 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) เหนือความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่ายอดเกินดุลการค้าจะมีจำนวน 1.3458 ล้านล้านเยน
โดยมีสาเหตุหลักจากมูลค่าการนำเข้าชะลอลง เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวลดลงและการนำเข้าเสื้อผ้าจากจีนลดลง ในขณะที่การส่งออก
ขยายตัวเพิ่มขึ้นสะท้อนว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นได้รับแรงผลักดันจากความต้องการภายนอกเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์
บางส่วนแสดงความเห็นว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจ สรอ.อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการสินค้าจากญี่ปุ่นได้ ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกของ
ญี่ปุ่นซึ่งมีสัดส่วนเป็นร้อยละ 15 ของระบบเศรษฐกิจญี่ปุ่น ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.2 เทียบต่อปี เป็นจำนวน 7.51 ล้านล้านเยน ใกล้เคียง
กับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวร้อยละ 10.1 โดยการส่งออกรถยนต์และเซมิคอนดักเตอร์ขยายตัวสูงสุด สำหรับการส่งออกไป
ยังประเทศคู่ค้าที่สำคัญ คือ สรอ.ขยายตัวร้อยละ 2.4 สูงสุดในรอบ 26 เดือน และการส่งออกไปยังจีนขยายตัวร้อยละ 15.1 เป็นจำนวน
1.12 ล้านล้านเยน ส่วนมูลค่าการนำเข้าของญี่ปุ่นในเดือน มี.ค.50 ลดลงเหลือจำนวน 5.88 ล้านล้านเยน สวนทางกับการคาดการณ์ของ
ตลาดซึ่งคาดว่ามูลค่าการนำเข้าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 โดยเป็นการลดลงของมูลค่าการนำเข้าน้ำมันถึงร้อยละ 5.4 สำหรับยอดเกินดุลการค้า
เมื่อเทียบต่อเดือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 79.1 เป็นจำนวน 1.123 ล้านล้านเยน (รอยเตอร์)
3. คำสั่งซื้อสินค้าโรงงานของอังกฤษในเดือน เม.ย. 50 ลดลงมากกว่าที่คาดไว้ รายงานจากลอนดอน เมื่อ 24 เม.ย.50
สภาอุตสาหกรรมของอังกฤษรายงานดัชนีชี้วัดคำสั่งซื้อสินค้าโรงงานจากผลสำรวจความเห็นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมชะลอตัวลงมาอยู่
ที่ระดับ +2 ในเดือน เม.ย.50 จากระดับสูงสุดในรอบ 12 ปีที่ +8 ในเดือน มี.ค.50 และต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะชะลอตัวมาอยู่
ที่ระดับ +5 แต่อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการยังคงเชื่อมั่นว่าจะสามารถขึ้นราคาสินค้าของตนได้โดยร้อยละ +16 มีแผนที่จะขึ้นราคาสินค้าใน
อีก 3 เดือนข้างหน้า ลดลงเล็กน้อยจากระดับสูงสุดในรอบ 12 ปีที่ร้อยละ +21 ในเดือน มี.ค.50 นักวิเคราะห์จึงคาดว่า ธ.กลางอังกฤษ
จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือน พ.ค.50 ที่จะถึงนี้ (รอยเตอร์)
4. การบริโภคภายในประเทศของเกาหลีใต้ที่เพิ่มขึ้นช่วยให้เศรษฐกิจไตรมาสแรกขยายตัว รายงานจากกรุงโซล
ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 25 เม.ย.50 ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วจากประมาณการล่วงหน้าของ ธ.กลางเกาหลีใต้
แสดงให้เห็นว่า ความต้องการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งช่วยให้เศรษฐกิจในไตรมาสแรกปีนี้ของเกาหลีใต้ขยายตัว
ร้อยละ 0.9 จากไตรมาสก่อนหน้า สูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี และเป็นไปในทิศทางเดียวกับผลสำรวจความคิดเห็นของสำนักข่าวรอยเตอร์
และที่เคยประมาณการไว้เมื่อไตรมาสสุดท้ายปี 49 โดยการบริโภคของภาคเอกชนที่มีสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 1.3 จากไตรมาสก่อน ซึ่งคาดว่าความต้องการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นจะเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจใน
ช่วงที่เหลือของปีนี้ และอาจจะทำให้ ธ.กลางเกาหลีใต้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้ง ในปีนี้ โดยอาจจะเป็นในไตรมาส 4
เมื่อการฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศมีความมั่นคงมากขึ้น ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมการผลิตลดลงร้อยละ 0.8 เป็นการลดลง
ครั้งแรกในรอบ 4 ปี ด้านการลงทุนของเอกชนในกิจกรรมการผลิตและการใช้จ่ายในการก่อสร้างยังมีสัญญาณการเติบโตที่ดี ทั้งนี้ จีดีพี
ในไตรมาสแรกขยายตัวร้อยละ 4.0 สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 25/4/2493 24/4/2550 29/12/2549 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 34.838 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 34.6124/34.9555 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.15953 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 685.48/10.48 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 11,200/11,300 11,250/11,350 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 63.56 64.3 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 28.79*/24.94* 28.79*/24.94* 26.49/23.34 ปตท
* ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 11 เม.ย. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.ปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 50 จะขยายตัวร้อยละ 3.8-4.8 ผอ.ฝ่ายนโยบายการเงิน ธนาคาร
แห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงผลการประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยปี 50 ว่า จะขยายตัวในอัตราร้อยละ 3.8-4.8
ลดลงจากประมาณการเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ในอัตราร้อยละ 4-5 โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ปรับลดมาจากการลงทุนของภาครัฐและเอกชน
ที่คาดว่าจะขยายตัวได้เพียงร้อยละ 4-5 ลดลงจากเดิมที่เคยคาดว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 6-7 ทั้งนี้ การลงทุนรวมที่ลดลงเป็นผลจากการ
ชะลอตัวของการลงทุนภาคเอกชนเป็นหลัก เนื่องจากขณะนี้นักลงทุนยังไม่มีความเชื่อมั่นในการลงทุน เพราะมีความกังวลถึงความเกี่ยวกับ
สถานการณ์ทางการเมือง ทำให้การลงทุนที่เกิดขึ้นในปีนี้จะเป็นการลงทุนแบบต่อเนื่อง หรือขยายกำลังการผลิต แต่การลงทุนขนาดใหญ่จะ
ชะลอตัวไปก่อน และฟื้นตัวได้ในปีหน้า เนื่องจากนักลงทุนรอให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น ขณะที่การบริโภคภาครัฐและเอกชนในปีนี้ ธปท.
คาดว่าจะขยายตัวได้ในอัตราร้อยละ 3.5-4.5 เท่าเดิม เนื่องจากการใช้จ่ายด้านการบริโภคของภาครัฐที่คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นจากรายจ่าย
ของ ธปท.ที่เพิ่มขึ้นโดยคาดว่า การใช้จ่ายในประเทศในครึ่งแรกของปีนี้จะฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่เคยคาดไว้ แม้ว่าเงินเฟ้อจะปรับลดลงเนื่องจาก
ผู้บริโภคมีความกังวลต่อสถานการณ์ความไม่แน่นอน ทำให้ระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โพสต์ทูเดย์,
ไทยรัฐ, เดลินิวส์, บ้านเมือง, มติชน, แนวหน้า, ข่าวสด)
2. ธปท.หารือ ธพ.ให้รายงานข้อมูลการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนต่อ ธปท.แบบวันต่อวัน ผอ.ฝ่ายกำกับการแลกเปลี่ยนเงินและ
สินเชื่อ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ธปท.กำลังหารือกับ ธพ.เพื่อที่จะหาแนวทางให้ ธพ.รายงานข้อมูลการซื้อขาย
อัตราแลกเปลี่ยต่อ ธปท.รวดเร็วและถี่มากยิ่งขึ้น จากเดิมการรายงานข้อมูลจะล่าช้ากว่าธุรกรรมออกไป 3 วัน แต่แนวทางใหม่ ธปท.ต้องการ
ให้ ธพ.รายงาข้อมูลแบบวันต่อวัน หรืออาจจะเป็นแบบทันทีทันใด (Real Time) ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน อยู่ระหว่างขั้นตอนการหารือ
ร่วมกันเพื่อให้ได้ข้อสรุปในเร็ว ๆ นี้ (มติชน)
3. การส่งออกไทยเดือน มี.ค.50 ขยายตัว สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 18.4 รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภาวะการค้า
ระหว่างประเทศของไทยในเดือน มี.ค.50 ว่า การส่งออกมีมูลค่าทั้งสิ้น 13,103.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.4
นับเป็นการขยายตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 10,836.7 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 0.58 ส่งผลให้
เกินดุลการค้าทั้งสิ้น 2,267.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. สำหรับการส่งออกไตรมาสแรกของปีนี้ (ม.ค.-มี.ค.50) มีมูลค่าทั้งสิ้น
34,824.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 18.2 ขณะที่นำเข้ามีมูลค่า 30,553.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 2 ส่งผลให้
ไตรมาสแรกปีนี้ เกินดุลการค้า 4,270.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. อย่างไรก็ตาม ภาวะการนำเข้าต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะอาจส่งผล
ต่อกำลังการผลิตเพื่อการส่งออกในอนาคต แต่ในเบื้องต้นเห็นว่าสาเหตุที่นำเข้าน้อยในขณะนี้มาจากปัจจัยเงินบาทผันผวนทำให้ผู้ประกอบการ
รอดูสถานการณ์เงินบาทให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจขยายการลงทุน (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้, เดลินิวส์, มติชน, แนวหน้า,ข่าวสด)
4. ผลการดำเนินงานของ กบข.ในไตรมาสแรก ปี 50 มีผลตอบแทน 7.8 พันล้านบาท เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จ
บำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยถึงผลประกอบการ และผลประโยชน์สุทธิของ กบข.ในไตรมาส 1 ปี 50 ว่า ได้รับผลตอบแทนจำนวน
7,829.05 ล้านบาท ส่วนผลตอบแทนย้อนหลังสะสม 12 เดือน (เม.ย.48-มี.ค.49) ได้ผลตอบแทนร้อยละ 5.34 หรือคิดเป็นจำนวนเงิน
14,246.39 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 31 มี.ค.50 กบข.มีสินทรัพย์สุทธิจำนวนทั้งสิ้น 336,638.15 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ตาดว่าในปีนี้ กบข.
จะสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณร้อยละ 6-6.5 ซึ่งจะทำให้สินทรัพย์ของ กบข.เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 3 หมื่นล้านบาท
(กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
5. นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นสิ้นปี 50 จะแตะที่ 729 จุด จากปัจจัยการเมืองและเศรษฐกิจ เลขาธิการสมาคม
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์สำหรับการลงทุนในช่วงปลายเดือน เม.ย.- ธ.ค.50 ที่จัดทำเมื่อ 5 ก.พ.50
ว่า นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีหุ้นสิ้นปีจะแตะอยู่ที่ระดับ 729 จุด เมื่อเทียบกับการสำรวจครั้งก่อนที่คาดการณ์ว่าดัชนีคลาดหลักทรัพย์สิ้นปีจะอยู่
ที่ 729 จุด เนื่องจากประเมินว่า การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์จะได้รับปัจจัยบวกจากอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลง โดยนักวิเคราะห์
คาดการณ์ว่า ณ สิ้นปี 50 อัตราดอกเบี้ยอาร์พี 1 วันจะอยู่ที่ร้อยละ 3.5 ลดลงจากการสำรวจครั้งก่อนที่ประเมินไว้ที่ร้อยละ 4.1 นอกจากนี้
ปัจจัยบวกอีกหนึ่งปัจจัย คือ ความคลี่คลายทางสถานการณ์ทางการเมือง และสามารถจัดการเลือกตั้งได้ชัดเจน หรือเป็นไปตามกำหนดเดิม
รวมทั้งปัจจัยกระตุ้นทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ปัจจัยบวกที่สำคัญต่อการลงทุนอันดับแรก คือ อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง รองลงมาคือ สถานการณ์
การเมืองที่คลี่คลาย ส่วนปัจจัยลบที่สำคัญอันดับแรก คือ ปัจจัยทางการเมือง ซึ่งรวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น
ของผู้บริโภค ผู้ประกอบการ และผู้ลงทุน (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, ไทยรัฐ, เดลินิวส์, มติชน, แนวหน้า)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมของ Euro zone ในเดือน ก.พ.50 ลดลงร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนผิดจากที่ตลาดคาดไว้
รายงานจากบรัสเซลส์เมื่อ 24 เม.ย.50 สนง.สถิติกลางของยุโรปรายงานคำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมของ 13 ประเทศที่ใช้เงินยูโรเป็น
เงินสกุลหลักลดลงร้อยละ 0.7 ในเดือน ก.พ.50 เมื่อเทียบต่อเดือนแต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 เมื่อเทียบต่อปี ผิดจากที่ตลาดคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 1.1 เมื่อเทียบต่อเดือนและร้อยละ 7.8 เมื่อเทียบต่อปี โดยเป็นผลจากคำสั่งซื้อที่ลดลงมากของประเทศไอร์แลนด์ กรีซ สเปน
ฝรั่งเศสและอิตาลี แม้ว่าคำสั่งซื้อของเยอรมนีซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดใน Euro zone ฟินแลนด์และโปรตุเกสจะเพิ่มสูงขึ้นก็ตาม ทั้งนี้
คำสั่งซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์เพิ่มขึ้นมากที่สุดคือร้อยละ 1.8 ต่อเดือนและร้อยละ 16.4 ต่อปี โดยหากไม่รวมคำสั่งซื้อเรือ เครื่องบินและ
รถไฟซึ่งค่อนข้างผันผวนแล้ว คำสั่งซื้อในเดือน ก.พ.50 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ต่อเดือนและร้อยละ 7.4 ต่อปี แต่อย่างไรก็ดี ตัวเลขคำสั่งซื้อ
ดังกล่าวไม่ส่งผลต่อการคาดการณ์ของตลาดที่คาดว่า ธ.กลางยุโรปหรือ ECB จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นร้อยละ 4.0 ต่อปีในเดือน
มิ.ย.50 ที่จะถึงนี้จากอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 3.75 ต่อปีเพื่อลดแรงกดดันเงินเฟ้อจากการขยายตัวของการจ้างงานและสินเชื่อ
ในภาวะที่เศรษฐกิจกำลังขยายตัว (รอยเตอร์)
2. เดือน มี.ค.50 ญี่ปุ่นเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 73.9 เทียบต่อปี รายงานจากโตเกียวเมื่อ 25 เม.ย.50 ก.คลัง
เปิดเผยว่า ยอดเกินดุลการค้าของญี่ปุ่นในเดือน มี.ค.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 73.9 เทียบต่อปีเป็นจำนวน 1.6335 ล้านล้านเยน
(13.78 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) เหนือความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่ายอดเกินดุลการค้าจะมีจำนวน 1.3458 ล้านล้านเยน
โดยมีสาเหตุหลักจากมูลค่าการนำเข้าชะลอลง เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวลดลงและการนำเข้าเสื้อผ้าจากจีนลดลง ในขณะที่การส่งออก
ขยายตัวเพิ่มขึ้นสะท้อนว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นได้รับแรงผลักดันจากความต้องการภายนอกเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์
บางส่วนแสดงความเห็นว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจ สรอ.อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการสินค้าจากญี่ปุ่นได้ ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกของ
ญี่ปุ่นซึ่งมีสัดส่วนเป็นร้อยละ 15 ของระบบเศรษฐกิจญี่ปุ่น ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.2 เทียบต่อปี เป็นจำนวน 7.51 ล้านล้านเยน ใกล้เคียง
กับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวร้อยละ 10.1 โดยการส่งออกรถยนต์และเซมิคอนดักเตอร์ขยายตัวสูงสุด สำหรับการส่งออกไป
ยังประเทศคู่ค้าที่สำคัญ คือ สรอ.ขยายตัวร้อยละ 2.4 สูงสุดในรอบ 26 เดือน และการส่งออกไปยังจีนขยายตัวร้อยละ 15.1 เป็นจำนวน
1.12 ล้านล้านเยน ส่วนมูลค่าการนำเข้าของญี่ปุ่นในเดือน มี.ค.50 ลดลงเหลือจำนวน 5.88 ล้านล้านเยน สวนทางกับการคาดการณ์ของ
ตลาดซึ่งคาดว่ามูลค่าการนำเข้าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 โดยเป็นการลดลงของมูลค่าการนำเข้าน้ำมันถึงร้อยละ 5.4 สำหรับยอดเกินดุลการค้า
เมื่อเทียบต่อเดือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 79.1 เป็นจำนวน 1.123 ล้านล้านเยน (รอยเตอร์)
3. คำสั่งซื้อสินค้าโรงงานของอังกฤษในเดือน เม.ย. 50 ลดลงมากกว่าที่คาดไว้ รายงานจากลอนดอน เมื่อ 24 เม.ย.50
สภาอุตสาหกรรมของอังกฤษรายงานดัชนีชี้วัดคำสั่งซื้อสินค้าโรงงานจากผลสำรวจความเห็นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมชะลอตัวลงมาอยู่
ที่ระดับ +2 ในเดือน เม.ย.50 จากระดับสูงสุดในรอบ 12 ปีที่ +8 ในเดือน มี.ค.50 และต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะชะลอตัวมาอยู่
ที่ระดับ +5 แต่อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการยังคงเชื่อมั่นว่าจะสามารถขึ้นราคาสินค้าของตนได้โดยร้อยละ +16 มีแผนที่จะขึ้นราคาสินค้าใน
อีก 3 เดือนข้างหน้า ลดลงเล็กน้อยจากระดับสูงสุดในรอบ 12 ปีที่ร้อยละ +21 ในเดือน มี.ค.50 นักวิเคราะห์จึงคาดว่า ธ.กลางอังกฤษ
จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือน พ.ค.50 ที่จะถึงนี้ (รอยเตอร์)
4. การบริโภคภายในประเทศของเกาหลีใต้ที่เพิ่มขึ้นช่วยให้เศรษฐกิจไตรมาสแรกขยายตัว รายงานจากกรุงโซล
ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 25 เม.ย.50 ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วจากประมาณการล่วงหน้าของ ธ.กลางเกาหลีใต้
แสดงให้เห็นว่า ความต้องการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งช่วยให้เศรษฐกิจในไตรมาสแรกปีนี้ของเกาหลีใต้ขยายตัว
ร้อยละ 0.9 จากไตรมาสก่อนหน้า สูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี และเป็นไปในทิศทางเดียวกับผลสำรวจความคิดเห็นของสำนักข่าวรอยเตอร์
และที่เคยประมาณการไว้เมื่อไตรมาสสุดท้ายปี 49 โดยการบริโภคของภาคเอกชนที่มีสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 1.3 จากไตรมาสก่อน ซึ่งคาดว่าความต้องการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นจะเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจใน
ช่วงที่เหลือของปีนี้ และอาจจะทำให้ ธ.กลางเกาหลีใต้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้ง ในปีนี้ โดยอาจจะเป็นในไตรมาส 4
เมื่อการฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศมีความมั่นคงมากขึ้น ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมการผลิตลดลงร้อยละ 0.8 เป็นการลดลง
ครั้งแรกในรอบ 4 ปี ด้านการลงทุนของเอกชนในกิจกรรมการผลิตและการใช้จ่ายในการก่อสร้างยังมีสัญญาณการเติบโตที่ดี ทั้งนี้ จีดีพี
ในไตรมาสแรกขยายตัวร้อยละ 4.0 สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 25/4/2493 24/4/2550 29/12/2549 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 34.838 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 34.6124/34.9555 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.15953 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 685.48/10.48 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 11,200/11,300 11,250/11,350 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 63.56 64.3 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 28.79*/24.94* 28.79*/24.94* 26.49/23.34 ปตท
* ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 11 เม.ย. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--