นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แถลงวันนี้(5 พ.ค.50) ที่พรรคประชาธิปัตย์แสดงความพอใจต่อท่าทีและการดำเนินการของรัฐบาลกรณีปัญหาพีดับลิวแอล.และซีแอล.โดยกล่าวว่า รู้สึกพอใจต่อการดำเนินการรับมือกรณีสำนักงานผู้แทนการค้าของสหรัฐ (USTR)ปรับฐานะประเทศไทยเป็นประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ(PWL)และกรณีประเทศไทยใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยา(CL) ทั้งนี้รัฐบาลควรรายงานปัญหาที่เกิดขึ้นไปยังองค์การการค้าโลก(WTO)เพื่อยืนยันว่าประเทศไทยได้ดำเนินการมาตรการซีแอล.ภายใต้ข้อตกลงการค้าโลกอย่างโปร่งใสและมีความจำเป็นเพื่อให้คนไทยที่ยากจนสามารถเข้าถึงยาถูกสำหรับโรคเอดส์ มะเร็งและโรคร้ายอื่นๆ ซึ่งเป็นกรอบที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เชื่อว่าจะเป็นหลักยึดสำคัญของประเทศไทยในการรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้น
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวว่า รัฐบาลควรใช้เวทีการเจรจาเอฟทีเอ.ระหว่างไทยกับสหรัฐเป็นช่องทางในการเจรจาเพื่อไม่ให้ปัญหานี้บานปลายมีผลกระทบถึงสิทธิพิเศษทางการค้า(GSP)ของไทยเนื่องจากประเทศไทยส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐภายใต้จีเอสพี.มูลค่า ณ ปี 2549 เป็นเงิน 4,252 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 1.5 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 19 ของมูลค่าส่งออกของไทยไปสหรัฐ ซึ่งสินค้าที่ได้รับสิทธิจีเอสพี.ได้แก่ กลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องใช้ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น
นายอลงกรณ์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การป้องกันและปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิและสิทธิบัตรยังต้องเร่งรัดดำเนินการในการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของทั้งคนไทยและผู้อื่น
“ สำหรับเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยได้แสดงจุดยืนที่จะช่วยให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากสถานะพีดับเบิลยูแอล.ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยและน่าจะส่งสัญญานไปถึงรัฐบาลสหรัฐถึงความไม่พอใจของคนไทยที่ไม่เห็นด้วยกับการโยงเรื่องซีแอล.เข้ากับเรื่องพีดับเบิลยูแอล.เพราะคนไทยไม่ชอบให้ใครมาข่มขู่หรือรังแก และพร้อมจะร่วมใจกันต่อสู้ถึงที่สุด”
ส่วนกรณีที่มีข่าวพาดพิงทำนองว่า บริษัทล็อบบี้ยิสต์อเมริกาที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่าจ้างเกี่ยวข้องโดยตรงกับการที่ทำให้ประเทศไทยถูกปรับฐานะพีดับเบิลยูแอล.นั้น รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้ความเห็นว่า เป็นความเคลือบแคลงที่เกิดขึ้นจากข้อเท็จจริงที่ที่ปรึกษาของบริษัทประชาสัมพันธ์อีเดลแมนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่าจ้างเป็นการส่วนตัวและเป็นผู้บริหารองค์กรยูเอสฟอร์อินโนเวชั่นเสนอให้ยูเอสทีอาร์เล่นงานประเทศไทย ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณควรเคลียร์ตัวเองและแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการยกเลิกการว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์บริษัทประชาสัมพันธ์ของสหรัฐทั้งหมดรวมทั้งยุติการเคลื่อนไหวในต่างประเทศเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่อประเทศไทยทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 5 พ.ค. 2550--จบ--
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวว่า รัฐบาลควรใช้เวทีการเจรจาเอฟทีเอ.ระหว่างไทยกับสหรัฐเป็นช่องทางในการเจรจาเพื่อไม่ให้ปัญหานี้บานปลายมีผลกระทบถึงสิทธิพิเศษทางการค้า(GSP)ของไทยเนื่องจากประเทศไทยส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐภายใต้จีเอสพี.มูลค่า ณ ปี 2549 เป็นเงิน 4,252 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 1.5 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 19 ของมูลค่าส่งออกของไทยไปสหรัฐ ซึ่งสินค้าที่ได้รับสิทธิจีเอสพี.ได้แก่ กลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องใช้ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น
นายอลงกรณ์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การป้องกันและปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิและสิทธิบัตรยังต้องเร่งรัดดำเนินการในการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของทั้งคนไทยและผู้อื่น
“ สำหรับเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยได้แสดงจุดยืนที่จะช่วยให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากสถานะพีดับเบิลยูแอล.ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยและน่าจะส่งสัญญานไปถึงรัฐบาลสหรัฐถึงความไม่พอใจของคนไทยที่ไม่เห็นด้วยกับการโยงเรื่องซีแอล.เข้ากับเรื่องพีดับเบิลยูแอล.เพราะคนไทยไม่ชอบให้ใครมาข่มขู่หรือรังแก และพร้อมจะร่วมใจกันต่อสู้ถึงที่สุด”
ส่วนกรณีที่มีข่าวพาดพิงทำนองว่า บริษัทล็อบบี้ยิสต์อเมริกาที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่าจ้างเกี่ยวข้องโดยตรงกับการที่ทำให้ประเทศไทยถูกปรับฐานะพีดับเบิลยูแอล.นั้น รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้ความเห็นว่า เป็นความเคลือบแคลงที่เกิดขึ้นจากข้อเท็จจริงที่ที่ปรึกษาของบริษัทประชาสัมพันธ์อีเดลแมนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่าจ้างเป็นการส่วนตัวและเป็นผู้บริหารองค์กรยูเอสฟอร์อินโนเวชั่นเสนอให้ยูเอสทีอาร์เล่นงานประเทศไทย ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณควรเคลียร์ตัวเองและแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการยกเลิกการว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์บริษัทประชาสัมพันธ์ของสหรัฐทั้งหมดรวมทั้งยุติการเคลื่อนไหวในต่างประเทศเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่อประเทศไทยทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 5 พ.ค. 2550--จบ--