แท็ก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์
ธนาคารแห่งประเทศไทย
พรรคประชาธิปัตย์
กรมควบคุมมลพิษ
บล.บีที
วันนี้ (18 กค.50) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค พร้อมด้วยคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ แถลงข่าวที่พรรคฯ หลังจากการประชุมหารือว่า พรรคฯ ได้ติดตามเรื่องนี้มายาวนาน โดยเฉพาะในช่วงที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตัดสินใจใช้มาตรการ 30 เปอร์เซนต์นั้น พรรคฯ ได้เสนอจุดยืนมาโดยตลอดในบางเรื่อง อาทิเรื่องการลดอัตราดอกเบี้ย หรือการที่จะให้ภาครัฐมีบทบาทมากขึ้นในการลงทุนเพื่อนำไปสู่ความต้องการเงินตราต่างประเทศ และเนื่องจากมีประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ประกอบกับวานนี้ ครม. ได้พิจารณาเรื่องนี้แล้ว พรรคประชาธิปัตย์ ต้องการชี้ให้เห็นถึงจุดที่สำคัญ 4 จุด
ประการแรกการบริหารนโยบายการเงินการคลังจะต้องสามารถถูกนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาค่าเงินบาทแข็งอย่างต่อเนื่อง โดยข้อเสนอของพรรคฯ ในเรื่องการลดอัตราดอกเบี้ยนั้นแม้ว่าจะได้รับการตอบสนองจากธปท. โดยคณะกรรมการนโยบายการเงินอยู่บ้าง แต่จนถึงวันนี้ก็ยังเชื่อว่าการลดอัตราดอกเบี้ยต่อไปยังสามารถทำได้และควรทำ โดยเฉพาะการประชุมในวันนี้ควรจะมีการส่งสัญญาณอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะให้เป็นจุดหนึ่งที่ช่วยบรรเทาปัญหาเรื่องของค่าเงินบาทแข็งได้
เฉพาะในประเด็นนี้ นายอภิสิทธิ์ได้ให้ข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า การลดอัตราดอกเบี้ยที่เป็นดอกเบี้ยนโยบายที่ผ่านมานั้นส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากลดลงมาระดับหนึ่ง แต่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลดลงมาไม่มากส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยในระบบธนาคารในขณะนี้ค่อนข้างสูง และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นนอกเหนือจากการลดดอกเบี้ยนโยบายแล้ว ธปท.ควรจะได้มีบทบาทสำคัญในการชักจูงให้ทางสถาบันการเงินต่าง ๆ ได้พิจารณาในเรื่องนี้ด้วย
สำหรับนโยบายการคลังนั้น นายอภิสิทธิ์ย้ำว่า ภาครัฐมีความจำเป็นที่จะต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมาก ที่เป็นความต้องการของประเทศ และจะต้องมีการใช้เงินตราต่างประเทศด้วย ควรที่จะเร่งรัดทำความชัดเจนในเรื่องนี้เพื่อส่งสัญญาณไปยังตลาดให้ชัดว่าประเทศไทยกำลังจะมีความต้องการเรื่องเงินตราต่างประเทศจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยทำให้แรงกดดันต่ออัตราแลกเปลี่ยน หรือค่าเงินบาทที่จะแข็งขึ้นนั้นลดลง
ประการที่สอง ในปัจจุบันนี้โดยเฉพาะหลังจากการที่ธปท.ออกมาตรการ 30 เปอร์เซนต์นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่ายังมีข้อจำกัดในเรื่องของการไหลเข้า — ออกของเงินทุนจำนวนมาก ซึ่งในตัวของมันเองมีผลที่ทำให้ซ้ำเติมปัญหา เช่นความไม่คล่องตัว การไม่เปิดโอกาสให้ผู้ส่งออกสามารถถือเงินตราต่างประเทศ ซึ่งผู้ส่งออกเองก็จำเป็นจะต้องใช้แต่กลับจะต้องกลับมาเปลี่ยนเป็นเงินบาท ซึ่งทำให้มีผลต่อความต้องการเงินบาทสูงขึ้น จากการสังเกตอัตราแลกเปลี่ยนในตลาดในประเทศ กับต่างประเทศ มีความแตกต่างกันชัดเจนมากขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ดี และก็จะเป็นตัวที่ส่งผลให้เกิดแรงจูงใจในการให้คนเข้ามาแสวงหากำไรส่วนต่างโดยวิธีใดวิธีหนึ่งมากขึ้น
ดังนั้นทิศทางที่มีการนำเสนอเกี่ยวกับการผ่อนคลายเรื่องการไหลออกของเงินทุนโดยเฉพาะ และการไหลเข้า — ออก โดยรวม รวมไปถึงมาตรการ 30 เปอร์เซนต์ที่มีข้อเสนอให้ยกเลิกนั้น พรรคประชาธิปัตย์มีความเห็นว่าสมควรจะทำ ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องระเบียบต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ใช่เป็นเรื่องนโยบายหลัก ธปท. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถตัดสินใจและดำเนินการได้ทันที แต่หลังจากมีการเสนอเรื่องนี้จากภาคเอกชนส่วนหนึ่งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีกลับจะต้องใช้เวลาอีก 1 สัปดาห์ที่จะเอาเรื่องดังกล่าวกลับเข้ามาหมด แต่เรื่องนี้รัฐบาลสามารถตัดสินใจและทำได้ทันที ซึ่งจะเป็นการส่งสัญญาณได้ชัดว่าทางการให้ความสำคัญกับปัญหานี้ และเอาจริงกับเรื่องนี้
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รู้สึกแปลกใจ เมื่อวันที่ธปท.ตัดสินใจเรื่อง 30 เปอร์เซนต์สามารถตัดสินใจได้ทันที แต่เรื่องต่าง ๆ ที่มีการนำเสนอนี้กลับจะต้องใช้เวลามากมาย ซึ่งไม่เป็นผลดีกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ประการที่สาม แม้ว่านโยบายต่าง ๆ ที่จะเข้ามาช่วยเพื่อทำให้เงินบาทมีเสถียรภาพมากขึ้น หรืออาจจะมีผลให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงบ้าง ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าค่าเงินที่มองเห็นอยู่ในอนาคตอันใกล้คงจะทำให้ผู้ประกอบการจำนวนมากมีปัญหา ทางพรรคประชาธิปัตย์จึงต้องการเสนอว่า วันนี้การจัดการปัญหานี้คงจะบริหารอยู่ในสภาวะปกติไม่ได้ เช่นจะปล่อยให้ผู้ประกอบการมีปัญหาที่จะกระทบไปถึงแรงงาน แล้วรอให้กระทรวงแรงงานเข้าไปจัดการ นายอภิสิทธิ์เห็นว่า รัฐบาลควรจะต้องจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจขึ้นมาเพื่อติดตามปัญหาและรับเรื่องร้องทุกข์จากผู้ประกอบการที่ประสบปัญหาจากค่าเงินบาท เพื่อให้คำปรึกษาและเพื่อสามารถหาแนวทางการแก้ปัญหาได้ทันท่วงที เป็นระบบ
นายอภิสิทธิ์ย้ำว่า พรรคฯ ได้เตือนรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่องว่าการที่เศรษฐกิจขยายตัวเพราะการส่งออกขยายตัวนั้น เป็นการส่งออกที่ผู้ส่งออกขาดทุนมากขึ้นเรื่อย ๆ และได้เตือนมาตลอดว่าปัญหานี้จะต้องเกิด และวันนี้ก็ได้เห็นว่าปัญหาได้ปะทุมาในแง่ของการหยุด หรือปิดกิจการ เพราะได้ถึงจุดที่ไม่สามารถจะยืนหยัดต่อไปได้แล้ว ฉะนั้นกระบวนการตรงนี้ควรจะมีการจัดตั้งเป็นศูนย์ขึ้นมาเพื่อดูแลให้ทันท่วงที และสามารถไปเชื่อมโยงกับประเด็นก่อนหน้านี้ ที่สถาบันการเงินที่มีส่วนต่างเพราะอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างสูงในขณะนี้ ศูนย์นี้ก็จะสามารถเข้าไปเจรจาชี้แนะทางออกที่จะให้มีการปรับตัวหรือให้เวลาเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ประกอบการในการปรับตัว
นอกจากนี้จุดสุดท้ายนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะต้องทบทวนประเด็นของการบริหารจัดการในภาครัฐอยู่อย่างน้อย 2 เรื่อง
1. ขณะนี้ทุกคนเพ่งเล็งไปที่ผู้ว่าการธปท. แต่สิ่งนี้คงไม่ใช่แนวทางที่จะเป็นคำตอบ แต่บทบาทของ ธปท. บางเรื่องคงไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งหากธปท.เข้าแทรกแซง เพื่อลดความผันผวนแต่ไม่แทรกแซงเพื่อจะไปกำหนดชี้นำในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนที่ไปฝืนกับตลาดก็เป็นเรื่องที่เหมาะสม แต่จุดที่มองว่าเป็นปัญหาก็คือ ในสถานการณ์เช่นนี้หากปล่อยให้ ธปท. และรัฐบาล ทำงานในลักษณะต่างคนต่างทำโดยไม่ประสานกันนั้นไม่ได้ อย่างปัญหาส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากนโยบายการเงินการคลังที่ไม่สอดรับกับสถานการณ์ ตรงนี้จะต้องทบทวนว่าการทำงานของธปท. กับกระทรวงการคลังจะเชื่อมโยงกันอย่างไร
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวอีกด้วยว่า ไม่ควรสนับสนุนให้การเมืองเข้าไปแทรกแซงในภารกิจของธปท. เช่นกำกับสถาบันการเงิน นอกจากนี้ยังไม่สนับสนุนให้นักการเมืองเข้าไปแทรกแซงธปท. เพื่อบีบบังคับให้นโยบายเป็นไปในลักษณะประชานิยม แต่ไม่ได้หมายความว่าคนที่รับผิดชอบงาน ทั้งในฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายกระทรวงจะไม่สามารถเข้าไปพูดคุยเพื่อกำหนดแนวทางร่วมกันว่า นโยบายการเงินการคลังนั้นควรจะเดินไปอย่างไร
2. ความเดือดร้อนและปัญหาที่กล่าวมา ส่วนใหญ่พุ่งไปที่เรื่องค่าเงินบาท และค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงแล้ว โครงสร้างการค้าของไทย ค้าขายกับประเทศที่หลากหลาย และแต่ละประเทศก็ใช้สกุลเงินหลากหลาย แต่ทั้งการค้าขายของไทยก็ยังซื้อขายเป็นเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ และส่งผลให้ทุนสำรองของประเทศไทย เป็นเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ เป็นหลัก ดังนั้นจึงเห็นว่าภาครัฐ และภาคเอกชนน่าจะต้องมาจริงจังว่าจะส่งเสริมให้ทั้งการค้าและส่งผลมาถึงการบริหารทุนสำรองเป็นไปในลักษณะหลากหลายมากขึ้นได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสกุลเงินยูโร หรือสกุลเงินในอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นเงินเยน หรือเงินหยวน ก็ตาม
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 18 ก.ค. 2550--จบ--
ประการแรกการบริหารนโยบายการเงินการคลังจะต้องสามารถถูกนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาค่าเงินบาทแข็งอย่างต่อเนื่อง โดยข้อเสนอของพรรคฯ ในเรื่องการลดอัตราดอกเบี้ยนั้นแม้ว่าจะได้รับการตอบสนองจากธปท. โดยคณะกรรมการนโยบายการเงินอยู่บ้าง แต่จนถึงวันนี้ก็ยังเชื่อว่าการลดอัตราดอกเบี้ยต่อไปยังสามารถทำได้และควรทำ โดยเฉพาะการประชุมในวันนี้ควรจะมีการส่งสัญญาณอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะให้เป็นจุดหนึ่งที่ช่วยบรรเทาปัญหาเรื่องของค่าเงินบาทแข็งได้
เฉพาะในประเด็นนี้ นายอภิสิทธิ์ได้ให้ข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า การลดอัตราดอกเบี้ยที่เป็นดอกเบี้ยนโยบายที่ผ่านมานั้นส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากลดลงมาระดับหนึ่ง แต่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลดลงมาไม่มากส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยในระบบธนาคารในขณะนี้ค่อนข้างสูง และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นนอกเหนือจากการลดดอกเบี้ยนโยบายแล้ว ธปท.ควรจะได้มีบทบาทสำคัญในการชักจูงให้ทางสถาบันการเงินต่าง ๆ ได้พิจารณาในเรื่องนี้ด้วย
สำหรับนโยบายการคลังนั้น นายอภิสิทธิ์ย้ำว่า ภาครัฐมีความจำเป็นที่จะต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมาก ที่เป็นความต้องการของประเทศ และจะต้องมีการใช้เงินตราต่างประเทศด้วย ควรที่จะเร่งรัดทำความชัดเจนในเรื่องนี้เพื่อส่งสัญญาณไปยังตลาดให้ชัดว่าประเทศไทยกำลังจะมีความต้องการเรื่องเงินตราต่างประเทศจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยทำให้แรงกดดันต่ออัตราแลกเปลี่ยน หรือค่าเงินบาทที่จะแข็งขึ้นนั้นลดลง
ประการที่สอง ในปัจจุบันนี้โดยเฉพาะหลังจากการที่ธปท.ออกมาตรการ 30 เปอร์เซนต์นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่ายังมีข้อจำกัดในเรื่องของการไหลเข้า — ออกของเงินทุนจำนวนมาก ซึ่งในตัวของมันเองมีผลที่ทำให้ซ้ำเติมปัญหา เช่นความไม่คล่องตัว การไม่เปิดโอกาสให้ผู้ส่งออกสามารถถือเงินตราต่างประเทศ ซึ่งผู้ส่งออกเองก็จำเป็นจะต้องใช้แต่กลับจะต้องกลับมาเปลี่ยนเป็นเงินบาท ซึ่งทำให้มีผลต่อความต้องการเงินบาทสูงขึ้น จากการสังเกตอัตราแลกเปลี่ยนในตลาดในประเทศ กับต่างประเทศ มีความแตกต่างกันชัดเจนมากขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ดี และก็จะเป็นตัวที่ส่งผลให้เกิดแรงจูงใจในการให้คนเข้ามาแสวงหากำไรส่วนต่างโดยวิธีใดวิธีหนึ่งมากขึ้น
ดังนั้นทิศทางที่มีการนำเสนอเกี่ยวกับการผ่อนคลายเรื่องการไหลออกของเงินทุนโดยเฉพาะ และการไหลเข้า — ออก โดยรวม รวมไปถึงมาตรการ 30 เปอร์เซนต์ที่มีข้อเสนอให้ยกเลิกนั้น พรรคประชาธิปัตย์มีความเห็นว่าสมควรจะทำ ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องระเบียบต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ใช่เป็นเรื่องนโยบายหลัก ธปท. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถตัดสินใจและดำเนินการได้ทันที แต่หลังจากมีการเสนอเรื่องนี้จากภาคเอกชนส่วนหนึ่งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีกลับจะต้องใช้เวลาอีก 1 สัปดาห์ที่จะเอาเรื่องดังกล่าวกลับเข้ามาหมด แต่เรื่องนี้รัฐบาลสามารถตัดสินใจและทำได้ทันที ซึ่งจะเป็นการส่งสัญญาณได้ชัดว่าทางการให้ความสำคัญกับปัญหานี้ และเอาจริงกับเรื่องนี้
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รู้สึกแปลกใจ เมื่อวันที่ธปท.ตัดสินใจเรื่อง 30 เปอร์เซนต์สามารถตัดสินใจได้ทันที แต่เรื่องต่าง ๆ ที่มีการนำเสนอนี้กลับจะต้องใช้เวลามากมาย ซึ่งไม่เป็นผลดีกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ประการที่สาม แม้ว่านโยบายต่าง ๆ ที่จะเข้ามาช่วยเพื่อทำให้เงินบาทมีเสถียรภาพมากขึ้น หรืออาจจะมีผลให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงบ้าง ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าค่าเงินที่มองเห็นอยู่ในอนาคตอันใกล้คงจะทำให้ผู้ประกอบการจำนวนมากมีปัญหา ทางพรรคประชาธิปัตย์จึงต้องการเสนอว่า วันนี้การจัดการปัญหานี้คงจะบริหารอยู่ในสภาวะปกติไม่ได้ เช่นจะปล่อยให้ผู้ประกอบการมีปัญหาที่จะกระทบไปถึงแรงงาน แล้วรอให้กระทรวงแรงงานเข้าไปจัดการ นายอภิสิทธิ์เห็นว่า รัฐบาลควรจะต้องจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจขึ้นมาเพื่อติดตามปัญหาและรับเรื่องร้องทุกข์จากผู้ประกอบการที่ประสบปัญหาจากค่าเงินบาท เพื่อให้คำปรึกษาและเพื่อสามารถหาแนวทางการแก้ปัญหาได้ทันท่วงที เป็นระบบ
นายอภิสิทธิ์ย้ำว่า พรรคฯ ได้เตือนรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่องว่าการที่เศรษฐกิจขยายตัวเพราะการส่งออกขยายตัวนั้น เป็นการส่งออกที่ผู้ส่งออกขาดทุนมากขึ้นเรื่อย ๆ และได้เตือนมาตลอดว่าปัญหานี้จะต้องเกิด และวันนี้ก็ได้เห็นว่าปัญหาได้ปะทุมาในแง่ของการหยุด หรือปิดกิจการ เพราะได้ถึงจุดที่ไม่สามารถจะยืนหยัดต่อไปได้แล้ว ฉะนั้นกระบวนการตรงนี้ควรจะมีการจัดตั้งเป็นศูนย์ขึ้นมาเพื่อดูแลให้ทันท่วงที และสามารถไปเชื่อมโยงกับประเด็นก่อนหน้านี้ ที่สถาบันการเงินที่มีส่วนต่างเพราะอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างสูงในขณะนี้ ศูนย์นี้ก็จะสามารถเข้าไปเจรจาชี้แนะทางออกที่จะให้มีการปรับตัวหรือให้เวลาเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ประกอบการในการปรับตัว
นอกจากนี้จุดสุดท้ายนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะต้องทบทวนประเด็นของการบริหารจัดการในภาครัฐอยู่อย่างน้อย 2 เรื่อง
1. ขณะนี้ทุกคนเพ่งเล็งไปที่ผู้ว่าการธปท. แต่สิ่งนี้คงไม่ใช่แนวทางที่จะเป็นคำตอบ แต่บทบาทของ ธปท. บางเรื่องคงไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งหากธปท.เข้าแทรกแซง เพื่อลดความผันผวนแต่ไม่แทรกแซงเพื่อจะไปกำหนดชี้นำในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนที่ไปฝืนกับตลาดก็เป็นเรื่องที่เหมาะสม แต่จุดที่มองว่าเป็นปัญหาก็คือ ในสถานการณ์เช่นนี้หากปล่อยให้ ธปท. และรัฐบาล ทำงานในลักษณะต่างคนต่างทำโดยไม่ประสานกันนั้นไม่ได้ อย่างปัญหาส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากนโยบายการเงินการคลังที่ไม่สอดรับกับสถานการณ์ ตรงนี้จะต้องทบทวนว่าการทำงานของธปท. กับกระทรวงการคลังจะเชื่อมโยงกันอย่างไร
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวอีกด้วยว่า ไม่ควรสนับสนุนให้การเมืองเข้าไปแทรกแซงในภารกิจของธปท. เช่นกำกับสถาบันการเงิน นอกจากนี้ยังไม่สนับสนุนให้นักการเมืองเข้าไปแทรกแซงธปท. เพื่อบีบบังคับให้นโยบายเป็นไปในลักษณะประชานิยม แต่ไม่ได้หมายความว่าคนที่รับผิดชอบงาน ทั้งในฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายกระทรวงจะไม่สามารถเข้าไปพูดคุยเพื่อกำหนดแนวทางร่วมกันว่า นโยบายการเงินการคลังนั้นควรจะเดินไปอย่างไร
2. ความเดือดร้อนและปัญหาที่กล่าวมา ส่วนใหญ่พุ่งไปที่เรื่องค่าเงินบาท และค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงแล้ว โครงสร้างการค้าของไทย ค้าขายกับประเทศที่หลากหลาย และแต่ละประเทศก็ใช้สกุลเงินหลากหลาย แต่ทั้งการค้าขายของไทยก็ยังซื้อขายเป็นเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ และส่งผลให้ทุนสำรองของประเทศไทย เป็นเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ เป็นหลัก ดังนั้นจึงเห็นว่าภาครัฐ และภาคเอกชนน่าจะต้องมาจริงจังว่าจะส่งเสริมให้ทั้งการค้าและส่งผลมาถึงการบริหารทุนสำรองเป็นไปในลักษณะหลากหลายมากขึ้นได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสกุลเงินยูโร หรือสกุลเงินในอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นเงินเยน หรือเงินหยวน ก็ตาม
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 18 ก.ค. 2550--จบ--