คำต่อคำ - คลิ๊กฟังเสียง
ผู้ดำเนินรายการสวัสดีครับคุณอภิสิทธิ์ครับ สวัสดีค่ะ เมื่อวานเจอข่าวลือปฏิวัติซ้อนบ้างหรือเปล่าฮะ คุณอภิสิทธิ์ฮะ
คุณอภิสิทธิ์ สวัสดีครับ ช่วงเย็นก็คงเหมือนกับคนอื่นนะครับ พรรคพวกก็โทรศัพท์สอบถาม ต้องเรียนอย่างนี้ครับว่าทั้งหมดคงสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ช่วงปีใหม่นะครับ ซึ่งก็เป็นเหตุการณ์ที่น่าเสียใจแล้วก็ผมเชื่อว่าทุกคนก็ต้องการที่จะประนามผู้ที่ก่อเหตุ แล้วก็แสดงความเสียใจกับผู้ที่สูญเสียนะครับ ทั้งหมดนี้ก็นำมาสู่ปัญหาความขัดแย้งที่ดูจะร้อนระอุทั้งหลายในช่วง 4 — 5 วันที่ผ่านมา แล้วก็น่าจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการพูดถึงข่าวว่าจะมีการปฏิวัติซ้ำบ้าง ซ้อนบ้างนะครับ แล้วก็ที่สำคัญก็คือว่า ข่าวลือนี้ที่มันกระพือได้เร็วก็เพราะว่าคนคิดว่ามันเป็นไปได้
อันนี้ผมคิดว่ามันเป็นจุดที่สะท้อนกลับไปยังทางรัฐบาลและคมช.ว่าจะต้องตระหนักว่า การที่มีข่าวอย่างนี้ ซึ่งก็แน่นอนอาจจะมีคนไม่หวังดีปล่อยข่าวนะครับ แต่ว่าการที่คนให้น้ำหนักกับข่าวในลักษณะนี้ ก็บ่งบอกว่าการดูแลสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่เกิดความเชื่อมั่นเท่าที่ควร แล้วก็ผมก็เห็นใจว่าเรื่องอย่างนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ว่าไม่มีอะไรดีไปกว่าการเร่งคลี่คลายคดีทำความชัดเจน มีพยานหลักฐานแล้วก็จับกุมผู้กระทำความผิดให้เร็วที่สุด อาจจะสาวถึงหรือไม่ถึงผู้บงการก็แล้วแต่ แต่ว่าการจับกุมผู้ลงมือกระทำจะเป็นส่วนสำคัญในการที่จะแสดงออกให้เห็นถึงการควบคุมสถานการณ์และการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งก็จะเพิ่มความมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัย เพราะฉะนั้นภารกิจเร่งด่วนตรงนี้ผมคิดว่า เป็นสิ่งที่จะช่วงคลี่คลายบรรยากาศของความสับสนต่าง ๆ ได้นะครับ
ผู้ดำเนินรายการ คุณอภิสิทธิ์ฟังข่าวเมื่อวาน มีคนโทรมาบอก บอกว่าจะปฏิวัตินี่เชื่อเลยหรือเปล่าคะ
คุณอภิสิทธิ์ ไม่ได้เชื่อครับ แต่ก็สอบถามว่าเหตุผลว่าทำไมถึงคิดว่าเป็นอย่างนั้น ก็มีการพูดถึงเรื่องของการเคลื่อนย้ายกองกำลังอะไรต่าง ๆ ซึ่งผมก็บอกว่า สมมติว่ามีการเคลื่อนกองกำลังนี่ก็อาจจะไม่แปลกว่าจะต้องมีการเอากำลังพลมาเสริมในการดูแลความสงบเรียบร้อยในจุดสำคัญ ๆ ต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ ฉะนั้นก็ไม่ได้เชื่อก็ตรวจสอบกันอยู่ว่า ที่มาของมันเป็นอย่างไร แต่ว่าผมคิดว่าการตอบโต้ทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา ก็บ่งบอกอะไรหลายอย่าง สัปดาห์นี้ก็ดูว่าพล.อ.ชวลิต ก็มีบทบาทมากทีเดียวนะครับ โดยมีการออกมาพูด ความจริงก็พาดพิงมาถึงผมด้วย ซึ่งผมก็งงอยู่เหมือนกัน เพราะว่าเห็นบอก ผมก็ไม่ได้ยินด้วยตนเองนะครับ แต่มีนักข่าวไปสัมภาษณ์ท่านอื่น ๆ พูดทำนองว่า ท่านพล.อ.ชวลิตพาดพิงมาว่า ผมชอบพูดจาออกมาเชียร์ คมช. หรืออะไร ผมก็ไม่ทราบว่าท่านได้ฟังข่าวจากที่ไหนอย่างไร
ที่ผ่านมาจุดยืนผมก็ชัดเจนตั้งแต่วันแรกที่มีการรัฐประหารว่า ผมเป็นคนที่ไม่สนับสนุนเรื่องของการรัฐประหาร แล้วผมก็ต้องการให้บ้านเมืองกลับเข้าสู่ภาวะของความเป็นประชาธิปไตย โดยการคืนอำนาจโดยเร็วที่สุด เพียงแต่ว่าผมไม่เห็นด้วยกับการที่จะไปก่อความวุ่นวายเพิ่ม ถ้าใครคิดไปก่อความวุ่นวายเพิ่มแล้วก็นำไปสู่สมมติอย่างเมื่อคืนที่พูดกันว่าจะมีปฏิวัติซ้ำหรือซ้อนมันไม่ได้มีผลดีกับประเทศแล้วก็มันไม่ได้เป็นหลักประกันว่าประเทศจะกลับเข้าสู่ความเป็นประชาธิปไตยเร็วขึ้น เพราะฉะนั้นแนวทางที่ผมทำงานมาก็คือยืนยันจุดยืนแล้วก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ทุกฝ่ายตรงไปตรงมา คุยกันทุกสัปดาห์ ทางนี้ก็คงนึกออก มาตรการบางมาตรการผมก็วิจารณ์ อะไรดีก็ว่าดี อะไรไม่ดีก็บอกว่าไม่ดีนะครับ คนที่มาตั้งคำถามกับผมคงต้องไปดูเหมือนกันว่าบทบาทของตัวเองเป็นอย่างไร พยายามที่จะเข้าไปวิ่งเข้าหาศูนย์อำนาจแล้วก็ผิดหวัง แล้วก็ออกมาแสดงอาการหรือเปล่า เพราะว่าไปต่อรอง แล้วก็ไม่ได้สิ่งที่ต้องการแต่ว่าอย่างพวกผมนี้ ไม่มีความแตกต่างหรอกครับ คุณทักษิณ หรือ คมช. พวกผมก็ไม่มีความคิดว่าจะต้องเข้าไปอยู่ศูนย์อำนาจหรืออะไร
แล้วที่ผมตกใจก็คือว่า พล.อ.ชวลิตให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ ถ้อยคำต่าง ๆ ที่ใช้นั้นมันสอดคล้องกับสิ่งที่คนมาบอกกับผมว่า กลุ่มอำนาจเก่าเขาวางแผนอย่างไร กลุ่มอำนาจเก่าเขาวางแผนเอาไว้นั้น เขาบอกเขาต้องทำเป็นขั้นเป็นตอน ก็คือว่า ข้อที่ 1 ต้องแสดงให้เห็นว่า คมช.กับรัฐบาล ไม่สามารถบริหารหรือไม่สามารถปกครองได้ แล้วก็จะพัฒนาไปสู่ขั้นที่ 2 ที่จะมีมวลชนที่จะมาแสดงตัวว่า ไม่อยากให้คมช. หรือรัฐบาล บริหารหรือปกครอง แล้วก็ไปไกลเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงขั้นมีการเผชิญหน้า มีการปะทะยั่วยุกัน อะไรต่าง ๆ จนนำไปสู่การใช้กำลัง แล้วก็นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง อันนี้คือมีคนมารายงานให้ฟังก่อนหน้าที่ท่านพล.อ.ชวลิต จะพูด ก็เลยตกใจว่าทำไมพล.อ.ชวลิตถึงใช้ถ้อยคำตรงกับที่เขามารายงานผมว่ากลุ่มอำนาจเก่ากำลังวางแผนอะไร
ผู้ดำเนินรายการอ๋อ มีแผนการเป็นขั้นตอน
คุณอภิสิทธิ์เพราะฉะนั้นตรงนี้ ผมคิดว่าวันนี้ทุกฝ่ายฟังข้อมูลต่าง ๆ ก็คงจะต้องหนักแน่นกันเป็นพิเศษนะครับ และไม่มีอะไรดีไปกว่าอย่างที่ผมบอกคือ การบังคับใช้กฎหมาย และก็การเร่งเดินไปสู่กระบวนการของการคืนอำนาจสู่ประชาชน แล้วก็มีประชาธิปไตย แล้วถ้าท่านพล.อ.ชวลิตท่านมีความประสงค์อยากจะได้อำนาจทางการเมือง ผมว่าดีที่สุดก็คือท่านก็รอการเลือกตั้ง จะช่วยกันเร่งรัดให้รัฐธรรมนูญออกมาดี อันนี้เป็นบทบาทต่าง ๆ ที่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ แต่ว่า อย่าไปทำให้มันเกิดความสับสนวุ่นวาย ขัดแย้ง โดยไม่จำเป็นในช่วงนี้ แล้วก็นำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงที่ไม่ปกติอีกเลย
ส่วนกรณีของท่านนายกฯ ทักษิณ ก็เช่นเดียวกัน ผมก็คิดว่า อย่าสร้างเงื่อนไขนะครับ จดหมายที่ส่งมานั้น ผมมีความรู้สึกว่าเป็นลักษณะของการฉวยโอกาสจากสถานการณ์เพื่อที่จะมาระดม มาส่งสัญญาณกันในแง่ของการเคลื่อนไหวทางการเมือง ผมคิดว่าปัญหาที่เกี่ยวกับท่านนั้น แล้วก็นำมาเป็นปัญหาของประเทศมันมากพอแล้ว วันนี้ทุกคนต้องให้ความเป็นธรรมกับท่าน แต่ท่านก็ต้องมาต่อสู้ในเรื่องของคดีความต่าง ๆ แก้ข้อกล่าวหาต่าง ๆ ภายใต้กฎหมาย แล้วก็กระบวนการยุติธรรมนะครับ อย่าไปคิดทำอย่างอื่นเลย ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นปัญหาของประเทศแล้วก็จะเป็นชนวนของความวุ่นวายขัดแย้งต่อไปอีก ผมเป็นคนหนึ่งซึ่งยืนยันมาตลอดว่า คุณทักษิณมีสิทธิ์กลับประเทศไทย เพราะคุณทักษิณเป็นคนไทย แต่ว่า ถ้าอยากจะกลับก็บอกมาว่าจะกลับมาแล้วก็ให้ความร่วมมือกับกระบวนการยุติธรรมอย่างไร ไม่ใช่ให้พรรคพวกของตัวเองมาบอกว่า ไม่ต้องการเป็นเงื่อนไขอะไรต่าง ๆ แต่เสร็จแล้วก็มีความพยายามที่จะปลุกระดม หรือมีความพยายามที่จะทำให้คนเกิดความเข้าใจว่ากำลังถูกกลั่นแกล้ง เพราะฉะนั้นแม้กระทั่งตัวท่านหรือครอบครัวท่าน ควรจะให้ความร่วมมือกับกระบวนการตรวจสอบที่มีอยู่นะครับ ไม่ใช่หลบเลี่ยง
ผมเองเมื่อช่วงปลายปีพอถูกสอบถามให้วิเคราะห์ปี 50 จะเป็นอย่างไร ผมก็บอกแล้วว่าเป็นปีที่ท้าทาย ทางรัฐบาลและคมช.มาก 1. เรื่องรัฐธรรมนูญ 2. เรื่องการที่จะต้องมีความเดือดร้อนของประชาชนที่สืบเนื่องมาจากนโยบายต่าง ๆ ซึ่งก็อาจทำให้การบริหารจัดการยากขึ้น แต่ว่า 3. ผมก็บอกว่า ผมดูอาการแล้ว กลุ่มที่จะต้องถูกตรวจสอบที่สูญเสียผลประโยชน์นั้นไม่อยู่เฉยแน่นอน เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็เป็นจุดที่จำเป็นจะต้องช่วยกันดูแล เราไม่ควรที่จะไปกลั่นแกล้งใคร แต่ก็ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายได้ แล้วก็ต้องมีการตรวจสอบกันไป
ผู้ดำเนินรายการถ้าอย่างนั้น คุณอภิสิทธิ์คิดอย่างไรกับคนที่วางระเบิด ในวันเคาน์ดาวน์ คิดว่าเป็นกลุ่มไหนอะไร มีความสงสัยส่วนตัวไม๊คะ
คุณอภิสิทธิ์ ผมคิดว่าถ้าแต่ละคนเอาความเชื่อมาพูดก็คงไม่จบนะครับ แต่ว่าเห็นได้ชัดว่าเป็นกระบวนการที่มีศักยภาพพอสมควร ไม่ใช่โจรกระจอก ใช้คำนี้ก็แล้วกัน แล้วก็เป็นกลุ่มซึ่งต้องการสร้างความเสียหายและก็ความวุ่นวาย และก็ไม่คำนึงถึงผลเสียหายที่จะเกิดขึ้น เพราะว่าความจงใจที่จะให้เกิดความสูญเสีย ซึ่งจะมีคนอยู่เยอะ ๆ ก็บ่งบอกถึงเจตนาที่เลวร้ายมาก เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็ต้องไปดูว่า ถ้าทำกันเป็นกระบวนการอย่างนี้ คนที่ทำต้องมีเป้าหมายใหญ่มาก แล้วก็มันก็ต้องเกี่ยวข้องกับว่า ใครล่ะ สูญเสียผลประโยชน์ในช่วงนี้
ผู้ดำเนินรายการ ดูเหมือนจะมีการสร้างเงื่อนไขเพื่อให้คนรู้สึกว่า คมช. กับรัฐบาล นั้นอ่อนแอ แล้วก็คงต้องการให้ คมช. ใช้มาตรการที่มันเด็ดขาด อย่างนี้หรือเปล่า
คุณอภิสิทธิ์อย่างที่เมื่อกี้ลำดับให้เห็นว่า เขามีการพูดถึงขั้นตอนต่าง ๆ นะครับ เพราะฉะนั้น ถ้าถามว่ามันตรงกับตรงนั้นไม๊ มันก็ตรงนะครับ แต่ว่าอย่างที่บอกก็คือว่า ทั้งหมดนั้นมันต้องอยู่ที่พยานหลักฐาน ข้อเท็จจริง นะครับ เพราะฉะนั้นก็ต้องเร่งในการที่จะทำเรื่องนี้ให้ได้ แล้วก็ตำรวจต้องแสดงความมีประสิทธิภาพ และความเข้มแข็งมากกว่านี้
ผู้ดำเนินรายการคุณอภิสิทธิ์เองคิดว่าตอนนี้ฝ่ายบริหาร คือรัฐบาลหรือคมช. แก้ปัญหาสถานการณ์ได้ดีมากน้อยแค่ไหนคะ
คุณอภิสิทธิ์คงต้องพิสูจน์ในระยะเวลาอันใกล้ ๆ นี้นะครับ คือจะไปคาดคั้นว่าจะต้องจับตัวได้ภายใน 24 ชม. 48 ชม. อะไรอย่างนี้ ก็คงไม่ได้ นะครับ แต่ว่าการที่ท่านนายกฯ เองก็ให้ข้อเท็จจริงกับทางสภานิติบัญญัติเมื่อวานว่า เหมือนกับว่าในแง่ของการข่าวก็มีเบาะแสอยู่ก่อนแล้ว แล้วก็ถ้าหากว่ามีหลักฐาน ซึ่งการพูดถึงภาพวงจรปิด หรือแม้พล.อ.ชวลิตที่บอกว่ามีเนี่ยนะครับ ก็น่าจะต้องให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการที่จะดำเนินการเรื่องนี้ต่อไป ส่วนที่คุณทักษิณเองผมก็แปลกใจว่า รู้ว่าโยงไปถึงทางใต้โน่น แล้วก็บอกว่ามีคนไปรายงานซึ่งผมก็ไม่แน่ใจ ไปรายงานท่านในฐานะอะไร
ผู้ดำเนินรายการคุณอภิสิทธิ์ส่วนตัวไม่เชื่อว่า มันลามมาจากภาคใต้เหรอครับ
คุณอภิสิทธิ์ ผมคิดว่า ผมวางน้ำหนักตรงนั้นค่อนข้างน้อยนะครับ แต่ว่าอันนี้ก็ต้องอยู่ที่หลักฐานพยานที่จะต้องพิสูจน์กันต่อไป
ผู้ดำเนินรายการถามเรื่องยุบพรรคบ้างนะคะ เพราะว่าทางไทยรักไทยเองก็บอกว่าเขาอยากให้คุณทักษิณกลับมาเป็นพยาน
คุณอภิสิทธิ์คุณทักษิณ ต้องเป็นพยานนะครับ อันนี้ ไม่มีใครปฏิเสธ ศาลก็อนุญาตนะครับ เพราะว่าคุณทักษิณเป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แต่ว่าวิธีการสืบพยานในคดีนี้ในขณะนี้ก็คือว่า คนที่จะไปเบิกความนั้น ก็จะต้องทำคำเบิกความเป็นลายลักษณ์อักษร และส่งให้ล่วงหน้า 7 วัน เมื่อส่งให้ล่วงหน้า 7 วันไปแล้ว ทางตุลาการก็จะส่งให้ทางคู่ความด้วย เพื่อที่จะมีประเด็นในการซักค้านหรือไม่ ทั้งหมดก็เพื่อที่จะประหยัดเวลาเพราะว่าพยานเยอะ ทั้ง 2 คดีนี้ผมเข้าใจว่าต้องสืบพยานประมาณ 6 — 7 สิบปากนะครับ เพราะฉะนั้นความจำเป็นที่จะต้องมาหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความจำเป็นว่าจะมีการซักค้านหรือไม่ แล้วก็วิธีการซักค้านนั้น ทางตุลาการก็บอกว่าทำได้ทั้งผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ด้วย เพราะฉะนั้นมันคงไม่ใช่เหตุผลพิเศษว่าจะต้องมา แต่อ้างสิทธิ์ว่าจะมาก็มา แล้วก็ถ้ายังยืนยันว่าพรรคไทยรักไทยไม่ต้องการสร้างความวุ่นวายก็ควรประกาศให้ชัดว่า เข้ามานั้นเข้ามาเพื่ออะไรบ้าง และผู้สนับสนุนไม่ควรทำอะไรบ้าง แต่ว่าถ้าจะมาอ้างว่าเพื่อความเป็นธรรม มีความจำเป็นจะต้องเข้ามาด้วยตนเองนั้น ขณะนี้รูปการณ์ของคดีมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น แล้วก็กระบวนการที่เขากำหนดไว้ก็ยังไม่ได้เป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นอันนี้ก็เป็นสิ่งซึ่งเป็นข้อเท็จจริง
ส่วนคดีของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวานนี้ ก็ขอเรียนนิดเดียวครับ เห็นข่าวไปลงว่ามันมีปัญหาเรื่องเอกสารไม่พร้อมหรือว่าอ้างซ้ำเนี่ยนะครับ ก็ต้องบอกว่า บังเอิญของพรรคประชาธิปัตย์ มีข้อกล่าวหา 4 ข้อ บางทีเอกสารที่เราอ้างบางตัวนั้นเกี่ยวพันมากกว่า 1 ประเด็น เพราะฉะนั้นก็มีการอ้างซ้ำไปบ้าง ส่วนที่บอกว่าไม่พร้อมคือยังไม่ได้นำมานั้น เมื่อวานได้แถลงต่อศาลไปแล้วนะครับ ว่าบางส่วนนั้นพบแล้วอยู่ในเอกสารที่ยื่นไปแต่ว่า ไปรวมอยู่ในบัญชีลำดับอื่น แต่ว่าที่ยังไม่ได้จริง ๆ นั้น ก็คือบรรดาเอกสารที่ออกหมายแล้ว ส่วนใหญ่ก็คือที่ กกต. แต่ กกต. นั้นยังไม่ได้ส่งเอกสารมา หรือว่า กกต. มีปัญหาไม่เข้าใจว่าเอกสารคือตัวไหน หรือว่าบอกว่าไม่มีแล้ว เช่นเทปบันทึกเสียง เราขอให้ศาลออกหมายเพื่อให้กกต. ส่งเทปบันทึกการสอบสวนมา กกต. บางทีก็ตอบมาว่า เทปอันนั้นเอาไปใช้อันอย่างอื่นแล้ว ก็ไม่สามารถส่งมาได้ หรือว่า การอัดเทป การให้ถ้อยคำบางอัน กกต. ถอดเป็นเอกสารมา แต่ถอดมาไม่ครบ เราก็บอกอยากได้เทปตัวจริง แต่มันไม่ได้อยู่ที่เรา เราก็ต้องขอให้ออกหมายเรียกไปจาก กกต. ซึ่งจาก กกต. ปรากฎว่ายังไม่ส่งมามีจำนวนพอสมควร
ผู้ดำเนินรายการเรื่องคดียุบพรรคนี้ เห็นบอกว่า พฤษภา รู้เรื่องเหรอคะ คุณอภิสิทธิ์
คุณอภิสิทธิ์ คือทางตุลาการได้กำหนดการไต่สวนพยานชัดเจนแล้วนะครับ อย่างเช่นคดีของพรรคประชาธิปัตย์ พิจาณาทุกวันพฤหัสฯ นะครับ ของทางอัยการจะสืบ จะไต่สวนพยานทางฝั่งอัยการ 7 นัด ของประชาธิปัตย์ 5 นัด รวมเป็น 12 นัด ตีง่าย ๆ ว่า 3 เดือน โดยเริ่มต้นจากวันที่ 18 มกรานี้ เพราะฉะนั้นไต่สวนพยานถ้าไม่มีเพิ่มเติมแล้ว ก็จะไปเสร็จเอาประมาณกลางเดือนเมษายน ของเราที่นัดครั้งสุดท้ายคือ 5 เมษายน นะครับ ส่วนของไทยรักไทยเท่าที่ติดตามข่าวจะยาวกว่านั้นประมาณ 2 สัปดาห์ ก็จะไปจบลงประมาณ ปลาย เมษายน ส่วนหลังจากนั้นแล้วก็คงเป็นขั้นตอนที่ทางตุลาการจะไปพิจารณาต่อไปเรื่องการพิพากษาตัดสิน
ผู้ดำเนินรายการครับเอาละครับ ขอบคุณมากคุณอภิสิทธิ์ครับ สวัสดีค่ะ
คุณอภิสิทธิ์ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
******************************************
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 5 ม.ค. 2550--จบ--
ผู้ดำเนินรายการสวัสดีครับคุณอภิสิทธิ์ครับ สวัสดีค่ะ เมื่อวานเจอข่าวลือปฏิวัติซ้อนบ้างหรือเปล่าฮะ คุณอภิสิทธิ์ฮะ
คุณอภิสิทธิ์ สวัสดีครับ ช่วงเย็นก็คงเหมือนกับคนอื่นนะครับ พรรคพวกก็โทรศัพท์สอบถาม ต้องเรียนอย่างนี้ครับว่าทั้งหมดคงสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ช่วงปีใหม่นะครับ ซึ่งก็เป็นเหตุการณ์ที่น่าเสียใจแล้วก็ผมเชื่อว่าทุกคนก็ต้องการที่จะประนามผู้ที่ก่อเหตุ แล้วก็แสดงความเสียใจกับผู้ที่สูญเสียนะครับ ทั้งหมดนี้ก็นำมาสู่ปัญหาความขัดแย้งที่ดูจะร้อนระอุทั้งหลายในช่วง 4 — 5 วันที่ผ่านมา แล้วก็น่าจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการพูดถึงข่าวว่าจะมีการปฏิวัติซ้ำบ้าง ซ้อนบ้างนะครับ แล้วก็ที่สำคัญก็คือว่า ข่าวลือนี้ที่มันกระพือได้เร็วก็เพราะว่าคนคิดว่ามันเป็นไปได้
อันนี้ผมคิดว่ามันเป็นจุดที่สะท้อนกลับไปยังทางรัฐบาลและคมช.ว่าจะต้องตระหนักว่า การที่มีข่าวอย่างนี้ ซึ่งก็แน่นอนอาจจะมีคนไม่หวังดีปล่อยข่าวนะครับ แต่ว่าการที่คนให้น้ำหนักกับข่าวในลักษณะนี้ ก็บ่งบอกว่าการดูแลสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่เกิดความเชื่อมั่นเท่าที่ควร แล้วก็ผมก็เห็นใจว่าเรื่องอย่างนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ว่าไม่มีอะไรดีไปกว่าการเร่งคลี่คลายคดีทำความชัดเจน มีพยานหลักฐานแล้วก็จับกุมผู้กระทำความผิดให้เร็วที่สุด อาจจะสาวถึงหรือไม่ถึงผู้บงการก็แล้วแต่ แต่ว่าการจับกุมผู้ลงมือกระทำจะเป็นส่วนสำคัญในการที่จะแสดงออกให้เห็นถึงการควบคุมสถานการณ์และการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งก็จะเพิ่มความมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัย เพราะฉะนั้นภารกิจเร่งด่วนตรงนี้ผมคิดว่า เป็นสิ่งที่จะช่วงคลี่คลายบรรยากาศของความสับสนต่าง ๆ ได้นะครับ
ผู้ดำเนินรายการ คุณอภิสิทธิ์ฟังข่าวเมื่อวาน มีคนโทรมาบอก บอกว่าจะปฏิวัตินี่เชื่อเลยหรือเปล่าคะ
คุณอภิสิทธิ์ ไม่ได้เชื่อครับ แต่ก็สอบถามว่าเหตุผลว่าทำไมถึงคิดว่าเป็นอย่างนั้น ก็มีการพูดถึงเรื่องของการเคลื่อนย้ายกองกำลังอะไรต่าง ๆ ซึ่งผมก็บอกว่า สมมติว่ามีการเคลื่อนกองกำลังนี่ก็อาจจะไม่แปลกว่าจะต้องมีการเอากำลังพลมาเสริมในการดูแลความสงบเรียบร้อยในจุดสำคัญ ๆ ต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ ฉะนั้นก็ไม่ได้เชื่อก็ตรวจสอบกันอยู่ว่า ที่มาของมันเป็นอย่างไร แต่ว่าผมคิดว่าการตอบโต้ทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา ก็บ่งบอกอะไรหลายอย่าง สัปดาห์นี้ก็ดูว่าพล.อ.ชวลิต ก็มีบทบาทมากทีเดียวนะครับ โดยมีการออกมาพูด ความจริงก็พาดพิงมาถึงผมด้วย ซึ่งผมก็งงอยู่เหมือนกัน เพราะว่าเห็นบอก ผมก็ไม่ได้ยินด้วยตนเองนะครับ แต่มีนักข่าวไปสัมภาษณ์ท่านอื่น ๆ พูดทำนองว่า ท่านพล.อ.ชวลิตพาดพิงมาว่า ผมชอบพูดจาออกมาเชียร์ คมช. หรืออะไร ผมก็ไม่ทราบว่าท่านได้ฟังข่าวจากที่ไหนอย่างไร
ที่ผ่านมาจุดยืนผมก็ชัดเจนตั้งแต่วันแรกที่มีการรัฐประหารว่า ผมเป็นคนที่ไม่สนับสนุนเรื่องของการรัฐประหาร แล้วผมก็ต้องการให้บ้านเมืองกลับเข้าสู่ภาวะของความเป็นประชาธิปไตย โดยการคืนอำนาจโดยเร็วที่สุด เพียงแต่ว่าผมไม่เห็นด้วยกับการที่จะไปก่อความวุ่นวายเพิ่ม ถ้าใครคิดไปก่อความวุ่นวายเพิ่มแล้วก็นำไปสู่สมมติอย่างเมื่อคืนที่พูดกันว่าจะมีปฏิวัติซ้ำหรือซ้อนมันไม่ได้มีผลดีกับประเทศแล้วก็มันไม่ได้เป็นหลักประกันว่าประเทศจะกลับเข้าสู่ความเป็นประชาธิปไตยเร็วขึ้น เพราะฉะนั้นแนวทางที่ผมทำงานมาก็คือยืนยันจุดยืนแล้วก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ทุกฝ่ายตรงไปตรงมา คุยกันทุกสัปดาห์ ทางนี้ก็คงนึกออก มาตรการบางมาตรการผมก็วิจารณ์ อะไรดีก็ว่าดี อะไรไม่ดีก็บอกว่าไม่ดีนะครับ คนที่มาตั้งคำถามกับผมคงต้องไปดูเหมือนกันว่าบทบาทของตัวเองเป็นอย่างไร พยายามที่จะเข้าไปวิ่งเข้าหาศูนย์อำนาจแล้วก็ผิดหวัง แล้วก็ออกมาแสดงอาการหรือเปล่า เพราะว่าไปต่อรอง แล้วก็ไม่ได้สิ่งที่ต้องการแต่ว่าอย่างพวกผมนี้ ไม่มีความแตกต่างหรอกครับ คุณทักษิณ หรือ คมช. พวกผมก็ไม่มีความคิดว่าจะต้องเข้าไปอยู่ศูนย์อำนาจหรืออะไร
แล้วที่ผมตกใจก็คือว่า พล.อ.ชวลิตให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ ถ้อยคำต่าง ๆ ที่ใช้นั้นมันสอดคล้องกับสิ่งที่คนมาบอกกับผมว่า กลุ่มอำนาจเก่าเขาวางแผนอย่างไร กลุ่มอำนาจเก่าเขาวางแผนเอาไว้นั้น เขาบอกเขาต้องทำเป็นขั้นเป็นตอน ก็คือว่า ข้อที่ 1 ต้องแสดงให้เห็นว่า คมช.กับรัฐบาล ไม่สามารถบริหารหรือไม่สามารถปกครองได้ แล้วก็จะพัฒนาไปสู่ขั้นที่ 2 ที่จะมีมวลชนที่จะมาแสดงตัวว่า ไม่อยากให้คมช. หรือรัฐบาล บริหารหรือปกครอง แล้วก็ไปไกลเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงขั้นมีการเผชิญหน้า มีการปะทะยั่วยุกัน อะไรต่าง ๆ จนนำไปสู่การใช้กำลัง แล้วก็นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง อันนี้คือมีคนมารายงานให้ฟังก่อนหน้าที่ท่านพล.อ.ชวลิต จะพูด ก็เลยตกใจว่าทำไมพล.อ.ชวลิตถึงใช้ถ้อยคำตรงกับที่เขามารายงานผมว่ากลุ่มอำนาจเก่ากำลังวางแผนอะไร
ผู้ดำเนินรายการอ๋อ มีแผนการเป็นขั้นตอน
คุณอภิสิทธิ์เพราะฉะนั้นตรงนี้ ผมคิดว่าวันนี้ทุกฝ่ายฟังข้อมูลต่าง ๆ ก็คงจะต้องหนักแน่นกันเป็นพิเศษนะครับ และไม่มีอะไรดีไปกว่าอย่างที่ผมบอกคือ การบังคับใช้กฎหมาย และก็การเร่งเดินไปสู่กระบวนการของการคืนอำนาจสู่ประชาชน แล้วก็มีประชาธิปไตย แล้วถ้าท่านพล.อ.ชวลิตท่านมีความประสงค์อยากจะได้อำนาจทางการเมือง ผมว่าดีที่สุดก็คือท่านก็รอการเลือกตั้ง จะช่วยกันเร่งรัดให้รัฐธรรมนูญออกมาดี อันนี้เป็นบทบาทต่าง ๆ ที่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ แต่ว่า อย่าไปทำให้มันเกิดความสับสนวุ่นวาย ขัดแย้ง โดยไม่จำเป็นในช่วงนี้ แล้วก็นำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงที่ไม่ปกติอีกเลย
ส่วนกรณีของท่านนายกฯ ทักษิณ ก็เช่นเดียวกัน ผมก็คิดว่า อย่าสร้างเงื่อนไขนะครับ จดหมายที่ส่งมานั้น ผมมีความรู้สึกว่าเป็นลักษณะของการฉวยโอกาสจากสถานการณ์เพื่อที่จะมาระดม มาส่งสัญญาณกันในแง่ของการเคลื่อนไหวทางการเมือง ผมคิดว่าปัญหาที่เกี่ยวกับท่านนั้น แล้วก็นำมาเป็นปัญหาของประเทศมันมากพอแล้ว วันนี้ทุกคนต้องให้ความเป็นธรรมกับท่าน แต่ท่านก็ต้องมาต่อสู้ในเรื่องของคดีความต่าง ๆ แก้ข้อกล่าวหาต่าง ๆ ภายใต้กฎหมาย แล้วก็กระบวนการยุติธรรมนะครับ อย่าไปคิดทำอย่างอื่นเลย ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นปัญหาของประเทศแล้วก็จะเป็นชนวนของความวุ่นวายขัดแย้งต่อไปอีก ผมเป็นคนหนึ่งซึ่งยืนยันมาตลอดว่า คุณทักษิณมีสิทธิ์กลับประเทศไทย เพราะคุณทักษิณเป็นคนไทย แต่ว่า ถ้าอยากจะกลับก็บอกมาว่าจะกลับมาแล้วก็ให้ความร่วมมือกับกระบวนการยุติธรรมอย่างไร ไม่ใช่ให้พรรคพวกของตัวเองมาบอกว่า ไม่ต้องการเป็นเงื่อนไขอะไรต่าง ๆ แต่เสร็จแล้วก็มีความพยายามที่จะปลุกระดม หรือมีความพยายามที่จะทำให้คนเกิดความเข้าใจว่ากำลังถูกกลั่นแกล้ง เพราะฉะนั้นแม้กระทั่งตัวท่านหรือครอบครัวท่าน ควรจะให้ความร่วมมือกับกระบวนการตรวจสอบที่มีอยู่นะครับ ไม่ใช่หลบเลี่ยง
ผมเองเมื่อช่วงปลายปีพอถูกสอบถามให้วิเคราะห์ปี 50 จะเป็นอย่างไร ผมก็บอกแล้วว่าเป็นปีที่ท้าทาย ทางรัฐบาลและคมช.มาก 1. เรื่องรัฐธรรมนูญ 2. เรื่องการที่จะต้องมีความเดือดร้อนของประชาชนที่สืบเนื่องมาจากนโยบายต่าง ๆ ซึ่งก็อาจทำให้การบริหารจัดการยากขึ้น แต่ว่า 3. ผมก็บอกว่า ผมดูอาการแล้ว กลุ่มที่จะต้องถูกตรวจสอบที่สูญเสียผลประโยชน์นั้นไม่อยู่เฉยแน่นอน เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็เป็นจุดที่จำเป็นจะต้องช่วยกันดูแล เราไม่ควรที่จะไปกลั่นแกล้งใคร แต่ก็ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายได้ แล้วก็ต้องมีการตรวจสอบกันไป
ผู้ดำเนินรายการถ้าอย่างนั้น คุณอภิสิทธิ์คิดอย่างไรกับคนที่วางระเบิด ในวันเคาน์ดาวน์ คิดว่าเป็นกลุ่มไหนอะไร มีความสงสัยส่วนตัวไม๊คะ
คุณอภิสิทธิ์ ผมคิดว่าถ้าแต่ละคนเอาความเชื่อมาพูดก็คงไม่จบนะครับ แต่ว่าเห็นได้ชัดว่าเป็นกระบวนการที่มีศักยภาพพอสมควร ไม่ใช่โจรกระจอก ใช้คำนี้ก็แล้วกัน แล้วก็เป็นกลุ่มซึ่งต้องการสร้างความเสียหายและก็ความวุ่นวาย และก็ไม่คำนึงถึงผลเสียหายที่จะเกิดขึ้น เพราะว่าความจงใจที่จะให้เกิดความสูญเสีย ซึ่งจะมีคนอยู่เยอะ ๆ ก็บ่งบอกถึงเจตนาที่เลวร้ายมาก เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็ต้องไปดูว่า ถ้าทำกันเป็นกระบวนการอย่างนี้ คนที่ทำต้องมีเป้าหมายใหญ่มาก แล้วก็มันก็ต้องเกี่ยวข้องกับว่า ใครล่ะ สูญเสียผลประโยชน์ในช่วงนี้
ผู้ดำเนินรายการ ดูเหมือนจะมีการสร้างเงื่อนไขเพื่อให้คนรู้สึกว่า คมช. กับรัฐบาล นั้นอ่อนแอ แล้วก็คงต้องการให้ คมช. ใช้มาตรการที่มันเด็ดขาด อย่างนี้หรือเปล่า
คุณอภิสิทธิ์อย่างที่เมื่อกี้ลำดับให้เห็นว่า เขามีการพูดถึงขั้นตอนต่าง ๆ นะครับ เพราะฉะนั้น ถ้าถามว่ามันตรงกับตรงนั้นไม๊ มันก็ตรงนะครับ แต่ว่าอย่างที่บอกก็คือว่า ทั้งหมดนั้นมันต้องอยู่ที่พยานหลักฐาน ข้อเท็จจริง นะครับ เพราะฉะนั้นก็ต้องเร่งในการที่จะทำเรื่องนี้ให้ได้ แล้วก็ตำรวจต้องแสดงความมีประสิทธิภาพ และความเข้มแข็งมากกว่านี้
ผู้ดำเนินรายการคุณอภิสิทธิ์เองคิดว่าตอนนี้ฝ่ายบริหาร คือรัฐบาลหรือคมช. แก้ปัญหาสถานการณ์ได้ดีมากน้อยแค่ไหนคะ
คุณอภิสิทธิ์คงต้องพิสูจน์ในระยะเวลาอันใกล้ ๆ นี้นะครับ คือจะไปคาดคั้นว่าจะต้องจับตัวได้ภายใน 24 ชม. 48 ชม. อะไรอย่างนี้ ก็คงไม่ได้ นะครับ แต่ว่าการที่ท่านนายกฯ เองก็ให้ข้อเท็จจริงกับทางสภานิติบัญญัติเมื่อวานว่า เหมือนกับว่าในแง่ของการข่าวก็มีเบาะแสอยู่ก่อนแล้ว แล้วก็ถ้าหากว่ามีหลักฐาน ซึ่งการพูดถึงภาพวงจรปิด หรือแม้พล.อ.ชวลิตที่บอกว่ามีเนี่ยนะครับ ก็น่าจะต้องให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการที่จะดำเนินการเรื่องนี้ต่อไป ส่วนที่คุณทักษิณเองผมก็แปลกใจว่า รู้ว่าโยงไปถึงทางใต้โน่น แล้วก็บอกว่ามีคนไปรายงานซึ่งผมก็ไม่แน่ใจ ไปรายงานท่านในฐานะอะไร
ผู้ดำเนินรายการคุณอภิสิทธิ์ส่วนตัวไม่เชื่อว่า มันลามมาจากภาคใต้เหรอครับ
คุณอภิสิทธิ์ ผมคิดว่า ผมวางน้ำหนักตรงนั้นค่อนข้างน้อยนะครับ แต่ว่าอันนี้ก็ต้องอยู่ที่หลักฐานพยานที่จะต้องพิสูจน์กันต่อไป
ผู้ดำเนินรายการถามเรื่องยุบพรรคบ้างนะคะ เพราะว่าทางไทยรักไทยเองก็บอกว่าเขาอยากให้คุณทักษิณกลับมาเป็นพยาน
คุณอภิสิทธิ์คุณทักษิณ ต้องเป็นพยานนะครับ อันนี้ ไม่มีใครปฏิเสธ ศาลก็อนุญาตนะครับ เพราะว่าคุณทักษิณเป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แต่ว่าวิธีการสืบพยานในคดีนี้ในขณะนี้ก็คือว่า คนที่จะไปเบิกความนั้น ก็จะต้องทำคำเบิกความเป็นลายลักษณ์อักษร และส่งให้ล่วงหน้า 7 วัน เมื่อส่งให้ล่วงหน้า 7 วันไปแล้ว ทางตุลาการก็จะส่งให้ทางคู่ความด้วย เพื่อที่จะมีประเด็นในการซักค้านหรือไม่ ทั้งหมดก็เพื่อที่จะประหยัดเวลาเพราะว่าพยานเยอะ ทั้ง 2 คดีนี้ผมเข้าใจว่าต้องสืบพยานประมาณ 6 — 7 สิบปากนะครับ เพราะฉะนั้นความจำเป็นที่จะต้องมาหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความจำเป็นว่าจะมีการซักค้านหรือไม่ แล้วก็วิธีการซักค้านนั้น ทางตุลาการก็บอกว่าทำได้ทั้งผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ด้วย เพราะฉะนั้นมันคงไม่ใช่เหตุผลพิเศษว่าจะต้องมา แต่อ้างสิทธิ์ว่าจะมาก็มา แล้วก็ถ้ายังยืนยันว่าพรรคไทยรักไทยไม่ต้องการสร้างความวุ่นวายก็ควรประกาศให้ชัดว่า เข้ามานั้นเข้ามาเพื่ออะไรบ้าง และผู้สนับสนุนไม่ควรทำอะไรบ้าง แต่ว่าถ้าจะมาอ้างว่าเพื่อความเป็นธรรม มีความจำเป็นจะต้องเข้ามาด้วยตนเองนั้น ขณะนี้รูปการณ์ของคดีมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น แล้วก็กระบวนการที่เขากำหนดไว้ก็ยังไม่ได้เป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นอันนี้ก็เป็นสิ่งซึ่งเป็นข้อเท็จจริง
ส่วนคดีของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวานนี้ ก็ขอเรียนนิดเดียวครับ เห็นข่าวไปลงว่ามันมีปัญหาเรื่องเอกสารไม่พร้อมหรือว่าอ้างซ้ำเนี่ยนะครับ ก็ต้องบอกว่า บังเอิญของพรรคประชาธิปัตย์ มีข้อกล่าวหา 4 ข้อ บางทีเอกสารที่เราอ้างบางตัวนั้นเกี่ยวพันมากกว่า 1 ประเด็น เพราะฉะนั้นก็มีการอ้างซ้ำไปบ้าง ส่วนที่บอกว่าไม่พร้อมคือยังไม่ได้นำมานั้น เมื่อวานได้แถลงต่อศาลไปแล้วนะครับ ว่าบางส่วนนั้นพบแล้วอยู่ในเอกสารที่ยื่นไปแต่ว่า ไปรวมอยู่ในบัญชีลำดับอื่น แต่ว่าที่ยังไม่ได้จริง ๆ นั้น ก็คือบรรดาเอกสารที่ออกหมายแล้ว ส่วนใหญ่ก็คือที่ กกต. แต่ กกต. นั้นยังไม่ได้ส่งเอกสารมา หรือว่า กกต. มีปัญหาไม่เข้าใจว่าเอกสารคือตัวไหน หรือว่าบอกว่าไม่มีแล้ว เช่นเทปบันทึกเสียง เราขอให้ศาลออกหมายเพื่อให้กกต. ส่งเทปบันทึกการสอบสวนมา กกต. บางทีก็ตอบมาว่า เทปอันนั้นเอาไปใช้อันอย่างอื่นแล้ว ก็ไม่สามารถส่งมาได้ หรือว่า การอัดเทป การให้ถ้อยคำบางอัน กกต. ถอดเป็นเอกสารมา แต่ถอดมาไม่ครบ เราก็บอกอยากได้เทปตัวจริง แต่มันไม่ได้อยู่ที่เรา เราก็ต้องขอให้ออกหมายเรียกไปจาก กกต. ซึ่งจาก กกต. ปรากฎว่ายังไม่ส่งมามีจำนวนพอสมควร
ผู้ดำเนินรายการเรื่องคดียุบพรรคนี้ เห็นบอกว่า พฤษภา รู้เรื่องเหรอคะ คุณอภิสิทธิ์
คุณอภิสิทธิ์ คือทางตุลาการได้กำหนดการไต่สวนพยานชัดเจนแล้วนะครับ อย่างเช่นคดีของพรรคประชาธิปัตย์ พิจาณาทุกวันพฤหัสฯ นะครับ ของทางอัยการจะสืบ จะไต่สวนพยานทางฝั่งอัยการ 7 นัด ของประชาธิปัตย์ 5 นัด รวมเป็น 12 นัด ตีง่าย ๆ ว่า 3 เดือน โดยเริ่มต้นจากวันที่ 18 มกรานี้ เพราะฉะนั้นไต่สวนพยานถ้าไม่มีเพิ่มเติมแล้ว ก็จะไปเสร็จเอาประมาณกลางเดือนเมษายน ของเราที่นัดครั้งสุดท้ายคือ 5 เมษายน นะครับ ส่วนของไทยรักไทยเท่าที่ติดตามข่าวจะยาวกว่านั้นประมาณ 2 สัปดาห์ ก็จะไปจบลงประมาณ ปลาย เมษายน ส่วนหลังจากนั้นแล้วก็คงเป็นขั้นตอนที่ทางตุลาการจะไปพิจารณาต่อไปเรื่องการพิพากษาตัดสิน
ผู้ดำเนินรายการครับเอาละครับ ขอบคุณมากคุณอภิสิทธิ์ครับ สวัสดีค่ะ
คุณอภิสิทธิ์ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
******************************************
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 5 ม.ค. 2550--จบ--