นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แถลงวันนี้(28 เม.ย.)ว่า พรรคประชาธิปัตย์วิตกปัญหาการว่างงานที่จะมีผลกระทบโดยตรงต่อนักศึกษาที่จบใหม่ 700,000 คนจากปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำซึ่งคาดหมายว่าจีดีพี.ในปีนี้จะขยายตัวต่ำกว่า 4 % และรัฐบาลจะต้องใช้เครื่องมือทางการบริหาร”กระตุกเศรษฐกิจ”ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการส่งออกควบคู่กับการส่งเสริมการลงทุนใหม่ด้านพลังงาน ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวและขยายตัวอย่างมั่นคงในปีนี้ต่อเนื่องถึงปีต่อไป
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า รัฐบาลควรจัดสรรงบประมาณอย่างน้อย 5 พันล้านในโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในตลาดต่างประเทศหลักคือ เอเชีย ตะวันออกกลาง ยุโรปและอเมริกาด้วยการโฆษณาและโรดโชว์การท่องเที่ยวของไทยและโปรโมตสินค้าไทยในประเทศคู่ค้าสำคัญตั้งแต่เดือนมิถุนายนเพื่อกระตุกยอดนักท่องเที่ยวและเพิ่มออร์เดอร์สินค้าไทยซึ่งจะทำให้ภาคการผลิตสินค้าเกษตร-อุตสาหกรรมและภาคบริการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วการจ้างงานจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้รัฐบาลควรเร่งส่งเสริมการลงทุนใหม่ๆที่พร้อมลงทุนและมีตลาดรองรับพร้อมอยู่แล้วคือการลงทุนด้านพลังงานทดแทนได้แก่ โครงการเอทานอล โครงการไบโอดีเซล โครงการโซล่าเซลล์ โครงการพลังงานลมและโครงการเซลล์เชื้อเพลิง ซึ่งภาคเอกชนพร้อมลงทุนไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านกระจายตัวทั่วทุกภาคของประเทศหากรัฐบาลไฟเขียวและมีนโยบายชัดเจน การโปรโมท”ไทยแลนด์แบรนด์”และ”ท่องเที่ยวไทย”สามารถทำได้ทันทีและเห็นผลฉับพลันเช่นเดียวกับการลงทุนด้านพลังงานซึ่งมีตลาดรองรับไม่น้อยกว่า 2 แสนล้าน “ถือเป็นแนวทางติดเทอร์โบเศรษฐกิจที่ช่วยฟื้นเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาการว่างงานแบบเชิงรุก”
นายอลงกรณ์กล่าวว่า การฟื้นความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายที่จะต้องร่วมมือกันลดปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและช่วยกันขับเคลื่อนประเทศไทยให้พ้นจากวิกฤติการณ์ที่รุมเร้าอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากพรรคฯ.ยังเชื่อมั่นในจุดแข็งทางเศรษฐกิจจากทุนสำรองฯ.ที่สูงถึง 7 หมื่นล้านเหรียญ หนี้สาธารณะมีเพียง 37.6 %ของจีดีพี. การส่งออกขขายตัวในเดือนมีนาคมถึง 18.4 % ดุลการค้าเกินดุลและดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลถึง 1 หมื่นล้านเหรียญขณะที่เงินเฟ้ออยู่ที่ 2 % เรายังมีพื้นฐานดีเพียงแต่ต้องฟื้นความเชื่อมั่นผู้บริโภคและนักลงทุนพร้อมกับกระตุกเศรษฐกิจด้วยมาตรการใหม่ๆ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 28 เม.ย. 2550--จบ--
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า รัฐบาลควรจัดสรรงบประมาณอย่างน้อย 5 พันล้านในโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในตลาดต่างประเทศหลักคือ เอเชีย ตะวันออกกลาง ยุโรปและอเมริกาด้วยการโฆษณาและโรดโชว์การท่องเที่ยวของไทยและโปรโมตสินค้าไทยในประเทศคู่ค้าสำคัญตั้งแต่เดือนมิถุนายนเพื่อกระตุกยอดนักท่องเที่ยวและเพิ่มออร์เดอร์สินค้าไทยซึ่งจะทำให้ภาคการผลิตสินค้าเกษตร-อุตสาหกรรมและภาคบริการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วการจ้างงานจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้รัฐบาลควรเร่งส่งเสริมการลงทุนใหม่ๆที่พร้อมลงทุนและมีตลาดรองรับพร้อมอยู่แล้วคือการลงทุนด้านพลังงานทดแทนได้แก่ โครงการเอทานอล โครงการไบโอดีเซล โครงการโซล่าเซลล์ โครงการพลังงานลมและโครงการเซลล์เชื้อเพลิง ซึ่งภาคเอกชนพร้อมลงทุนไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านกระจายตัวทั่วทุกภาคของประเทศหากรัฐบาลไฟเขียวและมีนโยบายชัดเจน การโปรโมท”ไทยแลนด์แบรนด์”และ”ท่องเที่ยวไทย”สามารถทำได้ทันทีและเห็นผลฉับพลันเช่นเดียวกับการลงทุนด้านพลังงานซึ่งมีตลาดรองรับไม่น้อยกว่า 2 แสนล้าน “ถือเป็นแนวทางติดเทอร์โบเศรษฐกิจที่ช่วยฟื้นเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาการว่างงานแบบเชิงรุก”
นายอลงกรณ์กล่าวว่า การฟื้นความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายที่จะต้องร่วมมือกันลดปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและช่วยกันขับเคลื่อนประเทศไทยให้พ้นจากวิกฤติการณ์ที่รุมเร้าอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากพรรคฯ.ยังเชื่อมั่นในจุดแข็งทางเศรษฐกิจจากทุนสำรองฯ.ที่สูงถึง 7 หมื่นล้านเหรียญ หนี้สาธารณะมีเพียง 37.6 %ของจีดีพี. การส่งออกขขายตัวในเดือนมีนาคมถึง 18.4 % ดุลการค้าเกินดุลและดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลถึง 1 หมื่นล้านเหรียญขณะที่เงินเฟ้ออยู่ที่ 2 % เรายังมีพื้นฐานดีเพียงแต่ต้องฟื้นความเชื่อมั่นผู้บริโภคและนักลงทุนพร้อมกับกระตุกเศรษฐกิจด้วยมาตรการใหม่ๆ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 28 เม.ย. 2550--จบ--