แบงก์ชาติปรับเพิ่มประมาณการจีดีพีจาก 3.8-4.8 % เป็น 4-5 %จากการส่งออกที่ขยายตัวดี คาดทั้งปีโต 12-15% แม้ 5 เดือนแรกโต 18 %แต่ครึ่งหลังอาจชะลอตัวจากความเสี่ยงค่าเงินและเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ชี้ที่ต้องลดดอกเบี้ยสวนทางจีดีพี เพื่อป้องกันความเสี่ยง หากส่งออกลดต้องกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในการประเมินเศรษฐกิจระยะ 8 ไตรมาสข้างหน้า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้พิจารณาและเปลี่ยนแปลงสมมติฐานเครื่องชี้เศรษฐกิจ 5 ประเด็น ทำให้ได้ข้อสรุปการประมาณการเศรษฐกิจและเงินเฟ้อใหม่
ส่วนสมมติฐานเศรษฐกิจที่ กนง.ปรับใหม่ ได้แก่
1. ราคาน้ำมันดูไบ จากเดิมคาดเฉลี่ยทั้งปี 58.8 ดอลลาร์/บาร์เรล เป็น 63.8 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับสูงขึ้น
2. ราคาสินค้าเกษตรและโภคภัณฑ์ในตลาดโลกปรับเพิ่ม
3. ปรับประมาณการอัตราดอกเบี้ยต่างประเทศ โดยเฉพาะดอกเบี้ยสหรัฐจากเดิมคาดจะลดดอกเบี้ยในไตรมาส 2-3 เป็นคงดอกเบี้ย 5.25% ไปถึงสิ้นปี 2551 และค่าเงินในภูมิภาคเอเชียแข็งค่าขึ้นจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดและการไหลเข้าของเงินทุนในตลาดหุ้น และการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์
4. เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าโดยรวมขยายตัวขึ้น แม้เศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอลง แต่ก็ได้เศรษฐกิจยุโรปและเอเชียที่ขยายตัวดีทดแทน และเป็นผลดีต่อการส่งออกของไทย
5. การใช้จ่ายของภาครัฐมีมากขึ้น จากการปรับโครงสร้างสัดส่วนงบประมาณใหม่ โดยเพิ่มส่วนการอุปโภคบริโภคเป็น 1.019.8 พันล้านบาท หรือขยายตัว 12.3% (เดิม 979.8 พันล้านบาท หรือ 7.9%)
6. การลงทุนภาครัฐปีนี้คาดจะลดลง 12.3% จากเดิมประมาณการขยายตัว 13.4%
ทั้งนี้สมมติฐานที่เปลี่ยนแปลงไปส่งผลให้ประมาณการส่งออกที่เดิมคาดว่าจะขยายตัว 9-12% ปีนี้น่าจะขยายตัวได้ 12-15% ส่วนการนำเข้าคาดขยายตัว 9-12% จากเดิม 7.5-10.5% ทำให้ดุลการค้าเกินดุล 5.5-7.5 พันล้านดอลลาร์ จากประมาณการเดิมเกินดุลการค้า 3-5 พันล้านดอลลาร์
ทางด้านการส่งออกที่ขยายตัวใน 5 เดือนแรก 18% น่าจะชะลอตัวลงในครึ่งปีหลัง ทำให้คาดว่าจะขยายตัวในรูปดอลลาร์ที่ 12-15% หรือ 7-8% ในเทอมของเงินบาท
โดยที่ ธปท.ยังคาดว่าในระยะต่อไปไทยจะยัง มีเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนอีก โดยเฉพาะในตลาดหลักทรัพย์ ที่ขณะนี้ราคาหุ้นไทยต่ำกว่า ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้
ที่มา: http://www.depthai.go.th