ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท. ยังอนุญาตให้ บง.-บค. ที่ไม่ได้ยกระดับเป็นธนาคารทำธุรกิจได้ต่อไป นายสามารถ บูรณวัฒนาโชค ผู้ช่วยผู้ว่าการสาย
กำกับสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวถึง บง. และ บค. ที่ไม่ได้ยกระดับขึ้นเป็น ธ.พาณิชย์ตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินว่า ธปท. จะยังอนุญาต
ให้ทำธุรกิจเดิมต่อไปอีกจนกว่า พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงินฉบับใหม่จะใช้เป็นกฎหมายบังคับ เนื่องจากตามกฎหมายในขณะนี้หาก บง. และ บค.
คืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจที่สามารถดำเนินการได้มาที่ ธปท.แล้ว สถาบันการเงินดังกล่าวจะมีปัญหาไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ เพราะปัจจุบัน
กฎหมายกำหนดให้ทั้ง บง. และ บค. ต้องทำธุรกรรมทั้งด้านรับฝากและให้กู้ ไม่สามารถทำเฉพาะให้กู้ได้อย่างเดียวได้เหมือนกับกฎหมายใหม่
ดังนั้น ต้องรอกฎหมายใหม่ออกมาก่อนเพื่อให้ บง. และ บค. มีทางออก เพราะตอนนี้ทำอะไรไม่ได้ ถ้าคืนใบอนุญาตก็ต้องเลิกทำธุรกิจอย่างเดียว
อย่างไรก็ตาม หาก พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงินยังไม่สามารถผ่านออกมาเป็นกฎหมายใช้บังคับได้ก็จะต้องขึ้นอยู่กับ ก.คลัง และผู้ว่าการ ธปท.
ว่าจะดำเนินการกับสถาบันการเงินทั้งสองประเภทอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ บง. ที่ไม่ได้ยกระดับเป็น ธ.พาณิชย์มีอยู่ 3-4 แห่ง ขณะที่ บค. มีอยู่
2 แห่ง ส่วนบริษัทอื่นที่ไม่ได้ยกระดับขึ้นเป็นธนาคารบางแห่งได้คืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจให้กับ ธปท. แล้ว (กรุงเทพธุรกิจ, มติชน)
2. คาดที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินมีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย นางชาลอต โทณวณิก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ
อาวุโส ธ.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธปท. วันที่ 17 ม.ค.50 อาจเป็นไปได้ว่า ธปท. จะมีการ
พิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยลงได้เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าจะปรับลงมาเท่าใด อย่างไรก็ตาม แม้ดอกเบี้ยจะลดลงแต่คง
ไม่ช่วยภาคอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้เท่าใดนัก เนื่องจากยังมีปัจจัยอื่นมาเกี่ยวข้อง เช่น ความไม่นิ่งทางการเมืองและมาตรการต่าง ๆ ส่งผลให้
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับลดลงมาก ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ที่จะช่วยภาคอสังหาริมทรัพย์ได้คือ ภาครัฐต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
และประชาชนให้กลับเข้ามาเชื่อมั่นเร็วขึ้น สำหรับโครงการเมกะโปรเจ็กต์ของภาครัฐยังเป็นเพียงแค่นโยบายเท่านั้น และจะมีความชัดเจนก็
ต่อเมื่อได้มีการประมูลกันเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าหลังไตรมาส 2 ของปีนี้ความชัดเจนเรื่องการก่อสร้างรถไฟฟ้า 5 สายจะชัดเจนขึ้น ซึ่งจะทำ
ให้สามารถประเมินสถานการณ์ได้มากกว่านี้ (โพสต์ทูเดย์)
3. คาดว่าปีนี้ ธ.พาณิชย์จะเร่งออกหุ้นกู้และตั๋วสัญญาใช้เงินทดแทนการระดมเงินฝาก นายชาติชาย ศรีรัศมี ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่
ธ.กรุงเทพ เปิดเผยว่า ในปีนี้จะได้เห็น ธ.พาณิชย์ทุกแห่งเร่งออกหุ้นกู้และตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อระดมเงินทดแทนการระดมเงินฝากมากขึ้น เนื่องจาก
ธนาคารไม่ต้องการมีภาระในการจ่ายเงินส่งสมทบให้กับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ในอัตราร้อยละ 0.4 ต่อปี ของยอดเงินฝาก ด้าน
นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วย กก.ผจก.ฝ่ายการตลาด-กองทุนรวม บลจ.ไอเอ็นจี กล่าวว่า ช่วงต้นปี 50 กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นอายุประมาณ
3 เดิอน จะเป็นที่สนใจของนักลงทุนอย่างมากหลังจากที่การลงทุนในตลาดหุ้นผันผวนอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยของเงินฝากถือว่า
ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ จึงทำให้นักลงทุนยังคงให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดตราสารหนี้และพันธบัตรค่อนข้างมาก (มติชน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ราคานำเข้าของ สรอ. ในเดือน ธ.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 แข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ
12 ม.ค.50 รัฐบาล สรอ. เปิดเผยว่า ราคานำเข้าของ สรอ. ในเดือน ธ.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 แข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ และเป็น
การเพิ่มขึ้นสูงสุดตั้งแต่เดือน พ.ค.43 ซึ่งเคยเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 1.8 ขณะที่ผลสำรวจของนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง
ร้อยละ 0.6 ทั้งนี้ สาเหตุที่ราคานำเข้าเพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือน ธ.ค. เนื่องจากราคาพลังงานเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 4.8 หลังจากที่ลดลงอย่างมาก
เมื่อ 3 เดือนก่อน อย่างไรก็ตาม ราคานำเข้าทั้งปี 49 เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 2.5 ลดลงจากที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 8.0 ในปี 48 สำหรับราคาส่งออก
ในเดือน ธ.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 สูงกว่าถึง 2 เท่าจากที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.3 ทั้งนี้ ราคานำเข้าแก๊สธรรมชาติใน
เดือน ธ.ค.49 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 10.1 หลังจากที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 43.2 ในเดือน พ.ย.49 แม้ว่าราคานำเข้าแก๊สธรรมชาติปี 49
จะลดลงร้อยละ 29 ก็ตาม อนึ่ง นักวิเคราะห์เฝ้าติดตามตัวเลขราคานำเข้าอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นต้นเหตุสำคัญของความกดดันด้านเงินเฟ้อ
ในภาคการผลิตสินค้าและบริการของ สรอ. (รอยเตอร์)
2. ยอดขายปลีกของ สรอ.เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 ในเดือน ธ.ค.49 รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 12 ม.ค.50 ก.พาณิชย์ เปิดเผยว่า
ยอดขายปลีก(หลังปรับฤดูกาล)ของ สรอ.ในเดือน ธ.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค.49 และสูงกว่าความคาดหมายของ
นักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 โดยมีสาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อาทิเช่น วีดีโอเกมและทีวีจอ
พลาสม่า ซึ่งเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 3 สำหรับยอดขายปลีกทั้งปี 49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากปีก่อนหน้า ต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 46 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ทั้งนี้
ยอดขายปลีกที่เพิ่มขึ้นสะท้อนความพร้อมในการใช้จ่ายของผู้บริโภคท่ามกลางความซบเซาของตลาดบ้าน และอาจเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ ธ.กลาง
สรอ.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับร้อยละ 5.25 อนึ่ง บรรดานักวิเคราะห์ต่างแสดงความเห็นว่าภาวะอากาศที่อบอุ่น ราคาพลังงานที่ลดลงและ
อัตราการว่างงานที่ชะลอลงอาจเป็นปัจจัยสนับสนุนการใช้จ่ายของผู้บริโภค(รอยเตอร์)
3. ผลสำรวจคาดว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเยอรมนีในเดือน ม.ค.50 จะดีขึ้นจากเดือน ธ.ค.49 รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ
12 ม.ค.50 ผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์คาดว่าดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของนักลงทุนจากผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์
และนักลงทุนสถาบันประมาณ 300 คนโดย ZEW ซึ่งมีกำหนดจะเผยแพร่อย่างเป็นทางการในวันที่ 16 ม.ค.50 ที่จะถึงนี้จะสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ —
10 จากระดับ — 19 ในเดือน ธ.ค.49 โดยนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าการขึ้นอัตราภาษีที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคหรือ VAT อีกร้อยละ 3.0
เป็นร้อยละ 19.0 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.50 จะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจซึ่งได้รับผลดีจากการเพิ่มขึ้นของประสิทธิภาพในการผลิตและความต้องการ
ในประเทศทำให้เศรษฐกิจในปี 49 ขยายตัวในอัตราสูงสุดนับตั้งแต่ปี 43 สอดคล้องกับความเห็นของ รมต.คลังที่คาดว่าการขึ้น VAT จะส่งผลกระทบ
ต่อเศรษฐกิจในไตรมาสแรกปี 50 เพียงเล็กน้อยแต่แนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจของทั้งปี 50 ยังอยู่ในระดับดีมาก (รอยเตอร์)
4. คำสั่งซื้อสินค้าเครื่องจักรของญี่ปุ่น ในเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ รายงานจากโตเกียว เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 50
ทางการญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ในเดือน พ.ย. คำสั่งซื้อสินค้าเครื่องจักรภาคเอกชนซึ่งเป็นมาตรวัดการใช้จ่ายลงทุนของธุรกิจที่สำคัญเพิ่มขึ้นจากเดือน
ก่อนหน้าร้อยละ 3.8 มากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านั้นว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 3.4 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 ในเดือน
ต.ค. ซึ่งเป็นสัญญานชี้ว่าภาคธุรกิจเอกชนมีการใช้จ่ายลงทุนอย่างแข็งแกร่งส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวแม้ว่าการบริโภคภาคเอกชนจะยังคงขยายตัว
ไม่มากก็ตาม ทำให้ตลาดคาดว่า ธ.กลางญี่ปุ่นอาจปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตามความเห็น
ของนักวิเคราะห์ก็ยังแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือฝ่ายหนึ่งเห็นว่า ธ.กลางญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับตัวเลขการใช้จ่ายลงทุนของภาคธุรกิจน้อยกว่าตัวเลขการ
ใช้จ่ายบริโภคส่วนบุคคลและระดับราคาซึ่งเพิ่งฟื้นตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากที่เคยอ่อนตัวลงเมื่อเร็วๆนี้ ดังนั้นจึงคาดว่า ธ.กลางจะไม่ปรับเพิ่มอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ โดยนาย Takumi Tsunoda นักเศรษฐศาสตร์จาก Shinkin Central Bank Research คาดว่า
ธ.กลางจะไม่ใช้ตัวเลขคำสั่งซื้อสินค้าเครื่องจักรดังกล่าวเป็นข้อมูลในการตัดสินใจปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมสัปดาห์นี้ ขณะที่
นักวิเคราะห์อีกฝ่ายคาดว่า ธ.กลางญี่ปุ่นจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในการประชุมในสัปดาห์นี้หรือรอดูตัวเลขเศรษฐกิจเพียงระยะหนึ่งก่อนตัดสินใจขึ้น
อัตราดอกเบี้ย (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 15 ม.ค. 50 12 ม.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 36.074 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 35.8432/36.1809 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.12 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 645.71/18.91 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,600/10,700 10,400/10,500 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 49.73 48.63 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 25.59*/22.54* 25.99/22.94 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 13 ม.ค. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท. ยังอนุญาตให้ บง.-บค. ที่ไม่ได้ยกระดับเป็นธนาคารทำธุรกิจได้ต่อไป นายสามารถ บูรณวัฒนาโชค ผู้ช่วยผู้ว่าการสาย
กำกับสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวถึง บง. และ บค. ที่ไม่ได้ยกระดับขึ้นเป็น ธ.พาณิชย์ตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินว่า ธปท. จะยังอนุญาต
ให้ทำธุรกิจเดิมต่อไปอีกจนกว่า พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงินฉบับใหม่จะใช้เป็นกฎหมายบังคับ เนื่องจากตามกฎหมายในขณะนี้หาก บง. และ บค.
คืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจที่สามารถดำเนินการได้มาที่ ธปท.แล้ว สถาบันการเงินดังกล่าวจะมีปัญหาไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ เพราะปัจจุบัน
กฎหมายกำหนดให้ทั้ง บง. และ บค. ต้องทำธุรกรรมทั้งด้านรับฝากและให้กู้ ไม่สามารถทำเฉพาะให้กู้ได้อย่างเดียวได้เหมือนกับกฎหมายใหม่
ดังนั้น ต้องรอกฎหมายใหม่ออกมาก่อนเพื่อให้ บง. และ บค. มีทางออก เพราะตอนนี้ทำอะไรไม่ได้ ถ้าคืนใบอนุญาตก็ต้องเลิกทำธุรกิจอย่างเดียว
อย่างไรก็ตาม หาก พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงินยังไม่สามารถผ่านออกมาเป็นกฎหมายใช้บังคับได้ก็จะต้องขึ้นอยู่กับ ก.คลัง และผู้ว่าการ ธปท.
ว่าจะดำเนินการกับสถาบันการเงินทั้งสองประเภทอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ บง. ที่ไม่ได้ยกระดับเป็น ธ.พาณิชย์มีอยู่ 3-4 แห่ง ขณะที่ บค. มีอยู่
2 แห่ง ส่วนบริษัทอื่นที่ไม่ได้ยกระดับขึ้นเป็นธนาคารบางแห่งได้คืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจให้กับ ธปท. แล้ว (กรุงเทพธุรกิจ, มติชน)
2. คาดที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินมีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย นางชาลอต โทณวณิก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ
อาวุโส ธ.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธปท. วันที่ 17 ม.ค.50 อาจเป็นไปได้ว่า ธปท. จะมีการ
พิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยลงได้เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าจะปรับลงมาเท่าใด อย่างไรก็ตาม แม้ดอกเบี้ยจะลดลงแต่คง
ไม่ช่วยภาคอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้เท่าใดนัก เนื่องจากยังมีปัจจัยอื่นมาเกี่ยวข้อง เช่น ความไม่นิ่งทางการเมืองและมาตรการต่าง ๆ ส่งผลให้
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับลดลงมาก ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ที่จะช่วยภาคอสังหาริมทรัพย์ได้คือ ภาครัฐต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
และประชาชนให้กลับเข้ามาเชื่อมั่นเร็วขึ้น สำหรับโครงการเมกะโปรเจ็กต์ของภาครัฐยังเป็นเพียงแค่นโยบายเท่านั้น และจะมีความชัดเจนก็
ต่อเมื่อได้มีการประมูลกันเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าหลังไตรมาส 2 ของปีนี้ความชัดเจนเรื่องการก่อสร้างรถไฟฟ้า 5 สายจะชัดเจนขึ้น ซึ่งจะทำ
ให้สามารถประเมินสถานการณ์ได้มากกว่านี้ (โพสต์ทูเดย์)
3. คาดว่าปีนี้ ธ.พาณิชย์จะเร่งออกหุ้นกู้และตั๋วสัญญาใช้เงินทดแทนการระดมเงินฝาก นายชาติชาย ศรีรัศมี ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่
ธ.กรุงเทพ เปิดเผยว่า ในปีนี้จะได้เห็น ธ.พาณิชย์ทุกแห่งเร่งออกหุ้นกู้และตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อระดมเงินทดแทนการระดมเงินฝากมากขึ้น เนื่องจาก
ธนาคารไม่ต้องการมีภาระในการจ่ายเงินส่งสมทบให้กับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ในอัตราร้อยละ 0.4 ต่อปี ของยอดเงินฝาก ด้าน
นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วย กก.ผจก.ฝ่ายการตลาด-กองทุนรวม บลจ.ไอเอ็นจี กล่าวว่า ช่วงต้นปี 50 กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นอายุประมาณ
3 เดิอน จะเป็นที่สนใจของนักลงทุนอย่างมากหลังจากที่การลงทุนในตลาดหุ้นผันผวนอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยของเงินฝากถือว่า
ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ จึงทำให้นักลงทุนยังคงให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดตราสารหนี้และพันธบัตรค่อนข้างมาก (มติชน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ราคานำเข้าของ สรอ. ในเดือน ธ.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 แข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ
12 ม.ค.50 รัฐบาล สรอ. เปิดเผยว่า ราคานำเข้าของ สรอ. ในเดือน ธ.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 แข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ และเป็น
การเพิ่มขึ้นสูงสุดตั้งแต่เดือน พ.ค.43 ซึ่งเคยเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 1.8 ขณะที่ผลสำรวจของนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง
ร้อยละ 0.6 ทั้งนี้ สาเหตุที่ราคานำเข้าเพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือน ธ.ค. เนื่องจากราคาพลังงานเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 4.8 หลังจากที่ลดลงอย่างมาก
เมื่อ 3 เดือนก่อน อย่างไรก็ตาม ราคานำเข้าทั้งปี 49 เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 2.5 ลดลงจากที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 8.0 ในปี 48 สำหรับราคาส่งออก
ในเดือน ธ.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 สูงกว่าถึง 2 เท่าจากที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.3 ทั้งนี้ ราคานำเข้าแก๊สธรรมชาติใน
เดือน ธ.ค.49 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 10.1 หลังจากที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 43.2 ในเดือน พ.ย.49 แม้ว่าราคานำเข้าแก๊สธรรมชาติปี 49
จะลดลงร้อยละ 29 ก็ตาม อนึ่ง นักวิเคราะห์เฝ้าติดตามตัวเลขราคานำเข้าอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นต้นเหตุสำคัญของความกดดันด้านเงินเฟ้อ
ในภาคการผลิตสินค้าและบริการของ สรอ. (รอยเตอร์)
2. ยอดขายปลีกของ สรอ.เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 ในเดือน ธ.ค.49 รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 12 ม.ค.50 ก.พาณิชย์ เปิดเผยว่า
ยอดขายปลีก(หลังปรับฤดูกาล)ของ สรอ.ในเดือน ธ.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค.49 และสูงกว่าความคาดหมายของ
นักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 โดยมีสาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อาทิเช่น วีดีโอเกมและทีวีจอ
พลาสม่า ซึ่งเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 3 สำหรับยอดขายปลีกทั้งปี 49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากปีก่อนหน้า ต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 46 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ทั้งนี้
ยอดขายปลีกที่เพิ่มขึ้นสะท้อนความพร้อมในการใช้จ่ายของผู้บริโภคท่ามกลางความซบเซาของตลาดบ้าน และอาจเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ ธ.กลาง
สรอ.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับร้อยละ 5.25 อนึ่ง บรรดานักวิเคราะห์ต่างแสดงความเห็นว่าภาวะอากาศที่อบอุ่น ราคาพลังงานที่ลดลงและ
อัตราการว่างงานที่ชะลอลงอาจเป็นปัจจัยสนับสนุนการใช้จ่ายของผู้บริโภค(รอยเตอร์)
3. ผลสำรวจคาดว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเยอรมนีในเดือน ม.ค.50 จะดีขึ้นจากเดือน ธ.ค.49 รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ
12 ม.ค.50 ผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์คาดว่าดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของนักลงทุนจากผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์
และนักลงทุนสถาบันประมาณ 300 คนโดย ZEW ซึ่งมีกำหนดจะเผยแพร่อย่างเป็นทางการในวันที่ 16 ม.ค.50 ที่จะถึงนี้จะสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ —
10 จากระดับ — 19 ในเดือน ธ.ค.49 โดยนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าการขึ้นอัตราภาษีที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคหรือ VAT อีกร้อยละ 3.0
เป็นร้อยละ 19.0 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.50 จะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจซึ่งได้รับผลดีจากการเพิ่มขึ้นของประสิทธิภาพในการผลิตและความต้องการ
ในประเทศทำให้เศรษฐกิจในปี 49 ขยายตัวในอัตราสูงสุดนับตั้งแต่ปี 43 สอดคล้องกับความเห็นของ รมต.คลังที่คาดว่าการขึ้น VAT จะส่งผลกระทบ
ต่อเศรษฐกิจในไตรมาสแรกปี 50 เพียงเล็กน้อยแต่แนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจของทั้งปี 50 ยังอยู่ในระดับดีมาก (รอยเตอร์)
4. คำสั่งซื้อสินค้าเครื่องจักรของญี่ปุ่น ในเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ รายงานจากโตเกียว เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 50
ทางการญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ในเดือน พ.ย. คำสั่งซื้อสินค้าเครื่องจักรภาคเอกชนซึ่งเป็นมาตรวัดการใช้จ่ายลงทุนของธุรกิจที่สำคัญเพิ่มขึ้นจากเดือน
ก่อนหน้าร้อยละ 3.8 มากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านั้นว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 3.4 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 ในเดือน
ต.ค. ซึ่งเป็นสัญญานชี้ว่าภาคธุรกิจเอกชนมีการใช้จ่ายลงทุนอย่างแข็งแกร่งส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวแม้ว่าการบริโภคภาคเอกชนจะยังคงขยายตัว
ไม่มากก็ตาม ทำให้ตลาดคาดว่า ธ.กลางญี่ปุ่นอาจปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตามความเห็น
ของนักวิเคราะห์ก็ยังแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือฝ่ายหนึ่งเห็นว่า ธ.กลางญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับตัวเลขการใช้จ่ายลงทุนของภาคธุรกิจน้อยกว่าตัวเลขการ
ใช้จ่ายบริโภคส่วนบุคคลและระดับราคาซึ่งเพิ่งฟื้นตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากที่เคยอ่อนตัวลงเมื่อเร็วๆนี้ ดังนั้นจึงคาดว่า ธ.กลางจะไม่ปรับเพิ่มอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ โดยนาย Takumi Tsunoda นักเศรษฐศาสตร์จาก Shinkin Central Bank Research คาดว่า
ธ.กลางจะไม่ใช้ตัวเลขคำสั่งซื้อสินค้าเครื่องจักรดังกล่าวเป็นข้อมูลในการตัดสินใจปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมสัปดาห์นี้ ขณะที่
นักวิเคราะห์อีกฝ่ายคาดว่า ธ.กลางญี่ปุ่นจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในการประชุมในสัปดาห์นี้หรือรอดูตัวเลขเศรษฐกิจเพียงระยะหนึ่งก่อนตัดสินใจขึ้น
อัตราดอกเบี้ย (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 15 ม.ค. 50 12 ม.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 36.074 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 35.8432/36.1809 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.12 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 645.71/18.91 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,600/10,700 10,400/10,500 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 49.73 48.63 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 25.59*/22.54* 25.99/22.94 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 13 ม.ค. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--