ชาวสวนกาแฟภาคใต้ยิ้มรับข่าวดี หลังสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเผย กาแฟโรบัสต้าของไทยได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นและขายได้ราคาดี คาดว่าตลาดภายในจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มสูงขึ้น แนะเกษตรกรรักษาคุณภาพตามความต้องการของตลาด เพื่อรักษาระดับราคาให้สูงขึ้นอีก
นายมนตรี เมืองพรหม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเขต 8 (สศข.8) จังหวัดสุราษฏร์ธานี สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาเมล็ดสารกาแฟ เกรด A ที่จุดรับซื้อของสหกรณ์ผู้ปลูกกาแฟจังหวัดชุมพร ราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 45 บาท ขณะที่ต้นทุนของเกษตรกรที่สวนกิโลกรัมละ 32 บาท เท่านั้น
สำหรับสถานการณ์การผลิตกาแฟปีนี้ ภาคใต้มีผลผลิตประมาณ 52,479 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 19 %เนื่องจากในปีที่ผ่านมา ราคากาแฟโดยเฉพาะพันธุ์โรบัสต้าในภาคใต้ของประเทศไทยขายได้ราคาดี เฉลี่ยกิโลกรัมละ 45 บาท ทำให้เกษตรกรมีแรงจูงใจในการดูแลรักษา ใส่ปุ๋ยเพิ่มขึ้น ประกอบกับสภาพดินฟ้าอากาศเหมาะสมทำให้ได้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น
แม้ว่าหลายปีที่ผ่านมา เนื้อที่จะลดลงเพราะเกษตรกรหันไปปลูกพืชอื่นที่เห็นว่าดีกว่า เช่น ปาล์มน้ำมัน ยางพารา เป็นต้น โดยปลูกแซมในสวนกาแฟ เมื่อโตขึ้นจะโค่นต้นกาแฟออกทำให้เนื้อที่ลดลง รวมทั้งต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นทุกปีจากราคาปุ๋ยเคมีและยาปราบศัตรูพืชก็ตาม ซึ่งผลผลิตกาแฟจะออกสู่ตลาดเดือนพฤศจิกายน 2549 ประมาณ 20 % เดือนธันวาคม 2549 ประมาณ 50 % และเดือนมกราคม 2549 ประมาณ30 %
นายมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร โดยศูนย์สารสนเทศการเกษตร คาดคะเนว่า ปริมาณการใช้ภายในประเทศจะมีประมาณ 48,000 ตัน เนื่องจากตลาดภายในขยายตัวอย่างต่อเนื่องทั้งกาแฟสำเร็จรูป กาแฟคั่ว กาแฟสด และกาแฟพร้อมดื่ม ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้น
อย่างไรก็ดียังไม่ควรชะล่าใจ เพราะมีประเทศคู่แข่งที่สำคัญคือ เวียดนาม ที่เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ครองตลาดเป็นอันดับสองรองจากบราซิล ถึงแม้ว่ากาแฟเวียดนามจะมีคุณภาพด้อยกว่าของไทย รวมทั้งได้รับความเสียหายจากพายุทุเรียนก็ตาม จึงขอแนะนำให้เกษตรกรชาวสวนกาแฟรักษาคุณภาพโดยการคัดแยกเมล็ดเสียออก ตากให้แห้งสนิท คัดแยกสิ่งเจือปนออก เพื่อให้ได้คุณภาพตามที่ตลาดต้องการ ซึ่งจะเป็นการรักษาระดับราคาให้สูงขึ้นไปอีก ในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมากในเดือนธันวาคม 2549 และมกราคม 2550 นี้ นายมนตรี กล่าว
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-
นายมนตรี เมืองพรหม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเขต 8 (สศข.8) จังหวัดสุราษฏร์ธานี สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาเมล็ดสารกาแฟ เกรด A ที่จุดรับซื้อของสหกรณ์ผู้ปลูกกาแฟจังหวัดชุมพร ราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 45 บาท ขณะที่ต้นทุนของเกษตรกรที่สวนกิโลกรัมละ 32 บาท เท่านั้น
สำหรับสถานการณ์การผลิตกาแฟปีนี้ ภาคใต้มีผลผลิตประมาณ 52,479 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 19 %เนื่องจากในปีที่ผ่านมา ราคากาแฟโดยเฉพาะพันธุ์โรบัสต้าในภาคใต้ของประเทศไทยขายได้ราคาดี เฉลี่ยกิโลกรัมละ 45 บาท ทำให้เกษตรกรมีแรงจูงใจในการดูแลรักษา ใส่ปุ๋ยเพิ่มขึ้น ประกอบกับสภาพดินฟ้าอากาศเหมาะสมทำให้ได้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น
แม้ว่าหลายปีที่ผ่านมา เนื้อที่จะลดลงเพราะเกษตรกรหันไปปลูกพืชอื่นที่เห็นว่าดีกว่า เช่น ปาล์มน้ำมัน ยางพารา เป็นต้น โดยปลูกแซมในสวนกาแฟ เมื่อโตขึ้นจะโค่นต้นกาแฟออกทำให้เนื้อที่ลดลง รวมทั้งต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นทุกปีจากราคาปุ๋ยเคมีและยาปราบศัตรูพืชก็ตาม ซึ่งผลผลิตกาแฟจะออกสู่ตลาดเดือนพฤศจิกายน 2549 ประมาณ 20 % เดือนธันวาคม 2549 ประมาณ 50 % และเดือนมกราคม 2549 ประมาณ30 %
นายมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร โดยศูนย์สารสนเทศการเกษตร คาดคะเนว่า ปริมาณการใช้ภายในประเทศจะมีประมาณ 48,000 ตัน เนื่องจากตลาดภายในขยายตัวอย่างต่อเนื่องทั้งกาแฟสำเร็จรูป กาแฟคั่ว กาแฟสด และกาแฟพร้อมดื่ม ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้น
อย่างไรก็ดียังไม่ควรชะล่าใจ เพราะมีประเทศคู่แข่งที่สำคัญคือ เวียดนาม ที่เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ครองตลาดเป็นอันดับสองรองจากบราซิล ถึงแม้ว่ากาแฟเวียดนามจะมีคุณภาพด้อยกว่าของไทย รวมทั้งได้รับความเสียหายจากพายุทุเรียนก็ตาม จึงขอแนะนำให้เกษตรกรชาวสวนกาแฟรักษาคุณภาพโดยการคัดแยกเมล็ดเสียออก ตากให้แห้งสนิท คัดแยกสิ่งเจือปนออก เพื่อให้ได้คุณภาพตามที่ตลาดต้องการ ซึ่งจะเป็นการรักษาระดับราคาให้สูงขึ้นไปอีก ในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมากในเดือนธันวาคม 2549 และมกราคม 2550 นี้ นายมนตรี กล่าว
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-