นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ . กล่าวว่า การพิจารณาคดียุบพรรคไทยรักไทยกับอีก 2 พรรคเมื่อวาน มีพยานปากหนึ่งคือนางฐัติมา ภาวลี ให้การไปในทำนองว่าพรรคประชาธิปัตย์ โดยท่านสุเทพข่มขู่ และผมเป็นผู้เขียนสคริปต์ให้บันทึกเทปวีดิโอไว้เพื่อยื่นเป็นพยานหลักฐานกับกกต. และหลังจากนั้นเมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ถูกบังคับให้เดินทางไปอยู่ที่จ.สุราษฎร์ธานี กระทั่งทางฝ่ายครอบครัวที่บ้านก็ไปแจ้งความเพื่อที่จะเอาข่าวคุณฐัติมากลับมาและหลังจากนั้นเมื่อมาถึงกรุงเทพฯก็ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ผมจะเรียงลำดับและบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ให้รายละเอียด เพื่อที่จะทำความเข้าใจกับสาธารณะดังนี้นะครับ
ช่วงวันที่ 16 กลางคืนจนถึง 17 นางฐัติมาได้ติดต่อมายังนายสุวโรช พะลัง เพื่อที่จะให้รายละเอียดของกระบวนการพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ในวันที่ 2 เมษา 2549 หลังจากนั้นนายสุวโรชได้บันทึกคำให้การไว้ในส่วนหนึ่ง
วันที่ 19 นายสุวโรจน์ได้นัดนางฐัตติมามาพบผม (นายถาวร) ผมจึงได้บันทึกในช่วงเช้าจนถึงเกือบเที่ยง เสร็จแล้วได้เดินทางไปบันทึกเทปเพิ่มเติมที่สำนักงานทนายความคนึงฤชัย
วันที่ 20 มีนาคม นางฐัตติมาได้มาพบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เพื่อที่จะบันทึกคำให้การที่สำนักงานทนายความคนึงฤชัย
วันที่ 21 มีนาคม นางฐัติมาร้องขอให้นำตัวของเขาออกจากกรุงเทพฯเพราะกลัวว่าจะได้รับอันตราย โดยให้ไปอยู่ที่จ.สุราษฎร์
วันที่ 22 มีนาคม นางฐัติมาได้มาบันทึกคำให้การว่าเขาไม่ได้ถูกขู่เข็ญ ที่โรงพักพุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี
วันที่ 23 มีนาคม ทางคณะอนุกรรมการกกต.ได้เดินทางไปสอบสวนนางฐัติมา กับพยานปากอื่นอีกหลายปากที่กองบัญชาการตำรวจภาค 8
วันที่ 24 มีนาคม ผู้กำกับ พ.ต.อ.ศุภชัย ฟื้นพาณิชย์ เป็นผู้กำกับกอง 5 ได้เดินทางไปรับตัวนางฐัตติมา และลงบันทึกประจำวันไว้ที่สภอ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ในการบันทึกประจำวัน 3 ครั้งต่อหน้าตำรวจ ปรากฎว่านางฐัตติมาไม่เคยบอกกับตำรวจว่าตนเองถูกบังคับขู่เข็ญหรือบังคับไม่ให้การ เพราะฉะนั้นการให้การเมื่อวานนี้ ( 13 กุมภาพันธ์ 2550) เป็นการกลับคำ
ซึ่งเป็นการตั้งข้อสังเกตุได้ว่าน่าจะมีการว่าจ้างให้เบี่ยงเบนคำให้การจากที่เคยให้การไว้ จะเห็นได้ว่า อัยการสั่งไม่ฟ้องคดีที่เขาร้องให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ในข้อหาว่าพรรคประชาธิปัตย์หน่วงเหนี่ยวกักขังนางฐัติมา
ตรงนี้เห็นได้แล้วว่าพยานปากนี้ไม่มีความน่าเชื่อถือเป็นการเบิกความใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ทั้งที่เป็นพยานยุบพรรคไทยรักไทย
ข้อสังเกตุอีกข้อหนึ่งคือ ท่านนาม ยิ้มแย้มสรุปไว้ในการสอบสวนสืบสวนของคณะอนุกรรมการของท่านว่าไม่น่าเชื่อถือพยานปากนี้ จึงไม่ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดกับคำให้การที่ให้ดำเนินการกับพรรคประชาธิปัตย์
ข้อสังเกตุข้อที่ 3 นางฐัติมา ภาวลี เดินทางไปที่ สภอ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี 3 ครั้ง ครั้งแรกวันที่ 22 มีนาคม เวลาประมาณ 16.00 น. เพื่อไปลงบันทึกประจำวันว่า เข้ามาอยู่ในจ.สุราษฎร์ธานี เนื่องจากต้องการที่จะหาที่ปลอดภัยและไม่ได้มีใครบังคับขู่เข็ญ ต่อมาเมื่อเวลา 20.00 น. เศษ คุณสุเทพเดินทางไปถึงสุราษฎร์ธานี เพื่อให้ความแน่ใจว่าเขาได้มาสมัครใจอยู่ มาขอหลบภัยอยู่ที่นี่ ก็นำไปลงบันทึกประจำวันพร้อมกับคนอื่นอีกครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นในวันที่ 24 มีนาคม ซึ่งทางด้านคุณฐัติมา ภาวลี ถูกข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ มีปลัดกระทรวงมหาดไทย อัยการประจำศาลคดีเด็กและเยาวชนของจ.หนึ่ง และระดับผู้ว่าราชการจังหวัดได้บีบบังคับให้ครอบครัวพูดทางโทรศัพท์มาถึงคุณฐัตติมาเพื่อให้เดินทางกลับ หลังจากนั้น พ.ต.อ.ศุภชัย ฟื้นพาณิชย์ ก็ได้เดินทางไปรับนางฐัตติมาจากจ.สุราษฎร์ธานี แต่ก่อนเดินทางกลับ พ.ต.อ.ศุภชัยได้นำนางฐัตติมาไปบันทึกประจำวันไว้อีกครั้งหนึ่งว่ามาอยู่ที่นี้ได้รับความปลอดภัยและไม่มีใครบังคับขู่เข็ญ และเดินทางกลับด้วยความสมัครใจ
ดังนั้น พยานปากดังกล่าวที่เบิกความกลับไปกลับมา ตั้งแต่ครั้งแรกบอกว่าเบิกความตามความเป็นจริง ต่อมาเมื่อพรรคไทยรักไทย ถูกดำเนินการให้ยุบพรรค ในฐานะที่เขาเคยร่วมขบวนการพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็ก มาให้การกลับไปกลับมาในภายหลัง จึงเป็นการเบิกความที่ไม่น่าเชื่อถือเป็นการให้การปักปรำใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ จึงมีความจำเป็นที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องออกมาชี้แจงให้สาธารณะชนรับทราบ
นายถาวร กล่าวว่าพยานปากนางฐัติมา ภาวลี เป็นพยานที่อัยการอ้างมาเพื่อที่จะยุบพรรคไทยรักไทย แต่ผมตั้งข้อสังเกตุว่าคำให้การและพยานหลักฐานที่บันทึกไว้แต่เดิมทั้งหมดอัยการเชื่อว่านางฐัติมา ภาวลี ให้การตามความเป็นจริง มีเนื้อหาสาระนำไปสู่การยุบพรรคไทยรักไทย แต่ปรากฎว่าเมื่อพยานปากนี้มากลับคำ ทำไมอัยการนิ่งเงียบไม่ซัก ไม่ถามว่าตกลงคำให้การแต่เดิมที่ให้การไว้กับอนุกรรมการกกต.ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2549 และมาทำบันทึกไว้กับพรรคประชาธิปัตย์ วันนี้ผมสงสัยว่าอัยการได้ทำหน้าที่ในการพิสูจน์ความจริงต่อศาลในการยื่นคำร้องขอยุบพรรคไทยรักไทยตั้งแต่ต้น แต่มาถึงวันนี้ทำไมนั่งเงียบ ตรงนี้พรรคประชาธิปัตย์จึงมีความจำเป็นต้องนำความจริงมาเสนอต่อสาธารณะ
นี่คือกระบวนการที่ระบอบทักษิณ ได้ดำเนินการเบี่ยงเบนพยานและยังมีซากเดนของระบอบทักษิณที่ไปว่าความวานนี้ ไม่ได้ซักว่าอันไหนจริงอันไหนเท็จ แม้กระทั่งอัยการ ซึ่งเป็นทนายของแผ่นดิน ควรจะรักความถูกต้อง น่าจะถามพยานให้ปรากฎชัดว่า ให้การครั้งไหนเท็จ ครั้งไหนจริง ตนจึงอยากจะถามในฐานะอัยการเก่าว่า ท่านอัยการได้ทำหน้าที่อย่างภาคภูมิหรือยังในการทำหน้าที่ที่จะยุบพรรคการเมืองที่ท่านร้องขอไว้
นายสุวโรช พะลัง กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ผมกับคุณฐัติมานั้น ต้องขอชี้แจงว่าก่อนหน้าวันที่ 16 มีนาคม 2549 ผมไม่เคยรู้จักกับคุณฐัติมามาก่อน ที่มารู้จักก็เพราะว่าได้มีการติดต่อให้ผมมารับข้อมูลจากคุณฐัติมาที่พรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 26 มีนาคม ในเวลาประมาณ 21.00-22.00 น.
ซึ่งผมก็ได้มาที่พรรค ก็ได้เจอกับคุณฐัติมา และคุณฐัติมาได้มาแสดงตัว โดยคุณฐัติมาได้ขับรถมาที่พรรคคนเดียว ผมก็พาไปที่ห้องท่านรองเลขาธิการพรรคท่านถาวร เสนเนียม ในขณะนั้นดึกแล้วไม่มีเจ้าหน้าที่พรรคอยู่ก็เปิดห้องเป็นพิเศษ และก็ไปต้อนรับคุณฐัติมา ระหว่างที่บอกเล่ากันกัน ผมก็ไม่รู้ข้อเท็จจริงทั้งหมด คือเราไม่รู้มาเลยว่าตุ๊กตาเป็นใครบ้างอย่างไร ฟังคุณฐัติมานั้นเล่า แล้วก็มันดึกแล้ว ก็ระหว่างที่เล่าเอกสารต่าง ๆ ที่คุณฐัติมาพกพามาก็อยู่ที่รถเห็นของเขา ว่าเขายินยอมจะให้ข้อเท็จจริง เขาก็มาเอาเอกสารมาที่ห้องท่านรองเลขาธิการพรรคคือท่านถาวร เสนเนียม และก็หยิบเอกสารมาดูทีละชิ้น ทีละชิ้น เพราะฉะนั้นเอกสารบางส่วนนั้นก็ยังติดอยู่ที่ผม ระหว่างที่บอกเล่าผมก็เขียนชื่อคุณฐัติมาไม่ถูกว่าเขียนอย่างไร ก็ส่งเอกสารซึ่งเป็นบันทึกของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแบบฟอร์มของพรรคส่งไปให้คุณฐัติมา ซึ่งอยู่ในห้องของท่านรองเลขาธิการถาวร นั่งคุยอยู่ที่พรรคตอนนั้น ว่าชื่อของคุณเขียนอย่างไร เขาก็เขียน เพราะฉะนั้นที่ขีดเส้นตรงที่คำว่าฐัติมา ภาวลี เบอร์โทรศัพท์ 04-137-6688 ซึ่งเป็นลายมือของคุณฐัติมา ในคืนวันที่ 16 มีนาคม
หลังจากคุณฐัติมาเขียนเสร็จ ผมก็ได้ถามถึงข้อเท็จจริง เพราะในช่วงแรกเขาได้เขียนมาเฉพาะประเด็นว่าสาเหตุที่มาพบพรรคประชาธิปัตย์เพราะเหตุใด ปัญหาของพรรคแผ่นดินไทยอยุ่ที่ไหน โดยคุณฐัติมาเล่าให้ผมฟังว่าพรรคแผ่นดินไทยมีปํญหาเกี่ยวกับเงินสนับสนุนพรรค เนื่องจากกกต.เรียกเงินคืนจากพรรคแผ่นดิน เป็นจำนวนเงิน 5 แสนบาท ซึ่งพรรคแผ่นดินไทยไม่มีเงินจ่าย จึงต้องยอมทำการที่หมิ่นเหม่ต่อการกระทำที่ผิดกฎหมาย คือการรับจ้างลงสมัครแข่งกับพรรคไทยรักไทย
ผมได้บันทึกรายละเอียดทั้งหมดตามที่คุณฐัติมาเล่ามา โดยคุณฐัติมาเล่าว่าที่มาที่ไปในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2549 นายกทักษิณเชิญหัวหน้าพรรคเล็ก ๆ 15 พรรค มาที่ตึกวุฒิ ปิดห้องคุยเป็นการลับ เมื่อ 3 พรรคร่วมไม่สมัคร ก็เหลือแต่ 15 พรรคเล็ก ๆ ซึ่งนายกทักษิณบอกว่าจะจ่ายให้พรรคละ 10 ล้าน ผมได้บันทึกตามที่คุณฐัติมาพูดทุกอย่าง พร้อมรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงบัญชีสมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ โดยมีนายพันธมิตร ดวงทิพย์ ฐัติมา ภาวลี สุขุม พันธ์เพ็ง เรืองชัย เรืองวิเศษ เป็นต้น ซึ่งบุคคลเหล่านี้ผมไม่เคยรู้จักเลย และไปเกี่ยวข้องกับพล.อ.ธรรมรักษ์ เสธ.ไอซ์ พล.ท.ผดุงศักดิ์ รายละเอียดเหล่านี้ออกมาจากปากคำคุณฐัติมาทั้งสิ้น ผมบันทึกรายละเอียดได้ทั้งหมด 6 หน้า พอบันทึกเสร็จ
คืนนั้นไม่มีเจ้าหน้าที่ของพรรค พอบันทึกคำจากปากคำคุณฐัติมาเสร็จ ผมก็ได้มาเขียนเรียบเรียงขึ้น ซึ่งคุณฐัติมาก็ได้นั่งอยู่กับผม หลังจากที่ผมบันทึกเสร็จ ผมก็ได้อ่านให้คุณฐัติมาฟังว่าถูกต้องหรือไม ซึ่งคุณฐัติมาก็ยืนยันกับผมว่าถูกต้อง
ระหว่างที่คุณฐัติมาได้เล่าให้ผมฟัง คุณฐัติมายังทักท้วงว่าผมสับสน จึงได้ขอกระดาษจากผม เพื่อที่จะอธิบาย ผมได้ส่งกระดาษผมโต๊ะของนายถาวรให้กับคุณฐัติมา ซึ่งคุณฐัติมาบอกกับผมว่าเขียนเสร็จแล้วต้องส่งเอกสารคืนทั้งหมดนะ ผมก็รับปาก แต่ปรากฎว่ามีเอกสารตกค้างอยู่ชิ้นหนึ่ง ที่คุณฐัติมา ภาวลี หยิบออกจากกระเป๋าแล้วตั้งไว้บนโต๊ะ และลืมไว้ ซึ่งเอกสารดังกล่าวนั้น เป็นเอกสารของพรรคแผ่นดินไทย โดยในเอกสารดังกล่าวได้ลงชื่อบุญอิทธิพล ชินราช และมีรายละเอียดรายชื่อผู้สมัครส.ส.ที่มีปัญหาของพรรคแผ่นดินไทยทั้งหมด
เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารของพรรคแผ่นดินไทย บุคคลทั่วไปภายนอก ย่อมไม่มีสิทธิ์นำออกมาได้ เพราะฉะนั้นเอกสารดังกล่าวจึงบ่งบอกได้เห็นว่าคุณฐัติมา ที่ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อหรือให้การในศาลรัฐธรรมเป็นการพูดเท็จ ไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง
คุณฐัติมาบอกว่าผมไปขู่ (นายสุวโรช ได้โชว์เอกสารดังกล่าว) ผมถามว่ารายมือเขียนนี้เป็นลายมือเขียนของใคร ทั้งหมดนี้คือรายมือเขียนของคุณฐัติมา ทั้งรายชื่อบุคคลและจำนวนเงินต่างๆ รวมทั้งเขตต่าง ๆ ที่จะลงสมัครแข่งกับไทยรักไทย แทนประชาธิปัตย์ ประกอบทั้งคำบอกเล่าต่าง ๆ ของคุณฐัติมา ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่คนภายนอกจะรู้หากคุณฐัติมาไม่พูดออกมา ข้อมูลเหล่านี้ทั้งหมดเป็นข้อมูลที่คุณฐัติมาบอกเล่าทั้งหมด ทั้งหลักฐานการสมัคร ทั้งเอกสารการสมัคร และบุคคลที่เกี่ยวข้อง นางฐัติมาได้บอกว่าคุณสุดารัตน์ ได้มอบหมายให้คุณศิธา ทิวารี เป็นข้อความที่คุณฐัติมาได้เขียนขึ้นในคืนวันที่ 16 มีนาคม ทั้งหมด ในคืนนั้นไม่มีเจ้าหน้าที่ของพรรค รุ่งขึ้นเป็นวันที่ 17 รุ่งขึ้นผมก็มาที่ทำการพรรค ผมก็ให้เจ้าหน้าที่พิมพ์ข้อความที่ปรากฎในเอกสารที่เขียนขึ้นจากคำบอกเล่าจากคุณฐัติมา เป็นเนื้อหาที่เหมือนกันทั้งหมด
ขั้นตอนต่อไปซึ่งในฐานะลูกพรรค ที่ได้รับมอบหมายให้จับตาดูความไม่ชอบมาพากลทั้งหมด ซึ่งขั้นตอนของผมก็คือ ส่งเอกสารเรียนเลขาธิการพรรคให้ได้รับทราบว่าผมไปได้ข้อมูลเหล่านี้มาได้อย่างไร
ในเอกสารที่ผมส่งให้กับเลขาพรรคเป็นรายละเอียดที่คุณฐัติมาให้ผมในคืนนั้น ซึ่งก็มี นามบัตรของพล.ท.ผดุงศักดิ์ กลั่นเสนาะ พร้อมกับลายมือของคุณฐัติมาที่เขียนไว้ว่า ข้าพเจ้ารับนามบัตรนี้จากพล.ท.ผดุงศักดิ์ กลั่นเสนาะ วันที่นำเงินมามอบให้ จำนวน 1 ล้าน 4 แสน 5 หมื่นบาท สถานที่ศูนย์อำนวยการพรรค อินทมรักษ์ 33 สำเนาถูกต้อง พร้อมกับลงชื่อฐัติมา ภาวลี
ถ้าหากผมไปคุกคามหรือข่มขู่เอกสารดังกล่าวนี้จะได้มาจากไหน ทั้งหมดคือเอกสารที่คุณฐัติมาให้ผมมา ซึ่งเอกสารเหล่านี้ผมได้แนบกับบันทึกคำบอกเล่า และส่งให้กับเลขาธิการพรรคทราบ หลังจากนั้นนายสุเทพได้ประสานไปที่นายถาวร เพื่อให้นายถาวรประสานมาที่ผม เรียกตัวคุณเจี๊ยบมา
ในวันที่ 20 มีนาคม ผมได้นำบันทึกคำให้การฉบับนี้ให้คุณฐัติมาได้นั่งอ่านดูต่อหน้านายถาวร นายเจือ ซึ่งในบันทึกคำให้การมีบางคำบางตอนที่เจ้าหน้าที่พรรคพิมพ์ผิด เช่น ชื่อของโรงแรม ในเอกสารระบุว่าโรงแรมดิเอมเมอร์รอล คุณฐัติมาก็ทักท้วงว่าตรงนี้ผิดตรงนี้คือโรงแรมมิโด้ คุณฐัติมาได้ขีดออกและเขียนชื่อมิโด้พร้อมเซ็นชื่อกำกับ เช่นคำว่าทำเงิน ฐัติมาก็บอกตรงนี้ผิด พร้อมขีดออกและเขียนใหม่ว่านำเงิน พร้อมเซ็นชื่อกำกับ เป็นต้น หลังจากนั้นคุณฐัติมาก็ได้อ่านเอกสารดังกล่าวอย่างละเอียดทั้งหมด พร้อมเซ็นชื่อกำกับว่าข้อมูลถูกต้อง
ผมกราบเรียนตรงนี้ต่อสื่อมวลชนและสาธารณะชนว่า สิ่งที่คุณฐัติมาเบิกความต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดประเด็นที่ได้พบกับผมในวันที่ 16 ต่อ 17 ออกโดยสิ้นเชิง แล้วก็ยังกล่าวหาว่าผมเป็นคนเขียนสคริปต์มา ซึ่งแท้ที่จริงแล้วไม่ใช่ เพราะเอกสารดังกล่าวนั้นคือฉบับที่คุณเจี๊ยบบอกเล่าและรับรองความถูกต้อง
ทั้งหมดทั้งมวลที่ผมกล่าวมาผมอยากจะชี้แจงให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์จะทำแต่ความเป็นจริง ไม่ใส่ร้ายป้ายสีและขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์จะยืนอยู่บนความเที่ยงธรรมกับสิ่งที่คุณฐัติมาพูดไปเมื่อวานนี้ผมก็เสียใจ เพราะสิ่งที่คุณฐัติมาพูดในศาลเมื่อไม่มีความจริงโดยสิ้นเชิง ไม่มีสคริปต์ของพรรคประชาธิปัตย์ไปเขียนให้ท่านท่อง 3-4 รอบ อย่างที่คุณฐัติมากล่าวอ้าง
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีตส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คุณฐัติมา ให้การกับอนุกรรมการกกต.ที่ตำรวจภูธรภาค 8 ซึ่งวันนั้นคุณฐัติมาเองได้อ้างถึงเสธ.ไอซ์ พล.ท.ผดุงศักดิ์ ซึ่งคุณฐัติมาพูดชัดเจนว่าวันที่เท่าใดที่เสธ.ไอซ์เอาเงินมาให้และจำนวนเท่าไหร่ นั่นเป็นการให้การต่อหน้าสื่อมวลชน
วันที่ 23 มีนาคม 2549 เสธ.ไอซ์ ให้สัมภาษณ์ช่อง 7 ว่าต่อไปจะเห็นน้ำตาพยานซึ่งวานนี้ (13 ก.พ. ที่ศาลรัฐธรรมนูญ) สื่อมวลชนได้เห็นชัดเจนแล้วว่ามีน้ำตา พูดถึงว่ามีการจ้างวานจะให้เงิน 1 ล้าน พูดถึงเงิน 3 แสนบาท ที่นายถาวรได้พูดถึงเงิน 3 แสนบาท ดูได้ชัดเจนจากคำให้การของนายศักรินทร์ สามีคุณฐัติมา
วันที่คุณฐัติมาได้เงิน 3 แสนมา สามีคุณฐัติมาทราบว่าได้เงิน 3 แสนนี้มาจากไหน นางฐัติมาตอบว่าอย่ารู้เลย แต่ภายหลังได้มายืนยันว่านายสุเทพได้ให้เงินเมื่อวันที่ 30 คืออีก 10 วันต่อมา โดยที่สามีคุณฐัติมาให้การเลยว่ามีคนคอยกำกับให้คุณฐัติมาพูด
เสธ.ไอซ์ยังพูดต่ออีกว่าอาจจะมีกรณีเหมือนชิฟปิ้งหมู ทั้งหมดทั้งมวลนี้ยังมีการระบุว่าเสธ.ไอซ์ มีการระบุเรื่องการให้เงิน 3-4 ล้านบาทอย่างชัดแจ้งเป็นระบบ และให้การกับกกต.ชัดเจน การที่ให้การชัดเจนเช่นนั้น อนุกรรมการของนายนาม ยิ้มแย้ม มาถึงอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องในประเด็นนี้ และพยานก็มาพลิกร้องไห้ในศาลวานนี้
จึงจะอยากจะขอให้สื่อมวลชนและสาธารณะชนทั้งหลายติดตามพฤติกรรมของคุณฐัติมา ภาวลี ให้ชัดเจนว่าเป็นพยานลักษณะเช่นไร เพราะสอดคล้องกับคำพูดของเสธ.ไอซ์ที่บอกว่าจะมีน้ำตาพยานตรงนี้เป็นกระบวนการที่วางแผนไว้หรือไม่
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 14 ก.พ. 2550--จบ--
ช่วงวันที่ 16 กลางคืนจนถึง 17 นางฐัติมาได้ติดต่อมายังนายสุวโรช พะลัง เพื่อที่จะให้รายละเอียดของกระบวนการพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ในวันที่ 2 เมษา 2549 หลังจากนั้นนายสุวโรชได้บันทึกคำให้การไว้ในส่วนหนึ่ง
วันที่ 19 นายสุวโรจน์ได้นัดนางฐัตติมามาพบผม (นายถาวร) ผมจึงได้บันทึกในช่วงเช้าจนถึงเกือบเที่ยง เสร็จแล้วได้เดินทางไปบันทึกเทปเพิ่มเติมที่สำนักงานทนายความคนึงฤชัย
วันที่ 20 มีนาคม นางฐัตติมาได้มาพบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เพื่อที่จะบันทึกคำให้การที่สำนักงานทนายความคนึงฤชัย
วันที่ 21 มีนาคม นางฐัติมาร้องขอให้นำตัวของเขาออกจากกรุงเทพฯเพราะกลัวว่าจะได้รับอันตราย โดยให้ไปอยู่ที่จ.สุราษฎร์
วันที่ 22 มีนาคม นางฐัติมาได้มาบันทึกคำให้การว่าเขาไม่ได้ถูกขู่เข็ญ ที่โรงพักพุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี
วันที่ 23 มีนาคม ทางคณะอนุกรรมการกกต.ได้เดินทางไปสอบสวนนางฐัติมา กับพยานปากอื่นอีกหลายปากที่กองบัญชาการตำรวจภาค 8
วันที่ 24 มีนาคม ผู้กำกับ พ.ต.อ.ศุภชัย ฟื้นพาณิชย์ เป็นผู้กำกับกอง 5 ได้เดินทางไปรับตัวนางฐัตติมา และลงบันทึกประจำวันไว้ที่สภอ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ในการบันทึกประจำวัน 3 ครั้งต่อหน้าตำรวจ ปรากฎว่านางฐัตติมาไม่เคยบอกกับตำรวจว่าตนเองถูกบังคับขู่เข็ญหรือบังคับไม่ให้การ เพราะฉะนั้นการให้การเมื่อวานนี้ ( 13 กุมภาพันธ์ 2550) เป็นการกลับคำ
ซึ่งเป็นการตั้งข้อสังเกตุได้ว่าน่าจะมีการว่าจ้างให้เบี่ยงเบนคำให้การจากที่เคยให้การไว้ จะเห็นได้ว่า อัยการสั่งไม่ฟ้องคดีที่เขาร้องให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ในข้อหาว่าพรรคประชาธิปัตย์หน่วงเหนี่ยวกักขังนางฐัติมา
ตรงนี้เห็นได้แล้วว่าพยานปากนี้ไม่มีความน่าเชื่อถือเป็นการเบิกความใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ทั้งที่เป็นพยานยุบพรรคไทยรักไทย
ข้อสังเกตุอีกข้อหนึ่งคือ ท่านนาม ยิ้มแย้มสรุปไว้ในการสอบสวนสืบสวนของคณะอนุกรรมการของท่านว่าไม่น่าเชื่อถือพยานปากนี้ จึงไม่ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดกับคำให้การที่ให้ดำเนินการกับพรรคประชาธิปัตย์
ข้อสังเกตุข้อที่ 3 นางฐัติมา ภาวลี เดินทางไปที่ สภอ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี 3 ครั้ง ครั้งแรกวันที่ 22 มีนาคม เวลาประมาณ 16.00 น. เพื่อไปลงบันทึกประจำวันว่า เข้ามาอยู่ในจ.สุราษฎร์ธานี เนื่องจากต้องการที่จะหาที่ปลอดภัยและไม่ได้มีใครบังคับขู่เข็ญ ต่อมาเมื่อเวลา 20.00 น. เศษ คุณสุเทพเดินทางไปถึงสุราษฎร์ธานี เพื่อให้ความแน่ใจว่าเขาได้มาสมัครใจอยู่ มาขอหลบภัยอยู่ที่นี่ ก็นำไปลงบันทึกประจำวันพร้อมกับคนอื่นอีกครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นในวันที่ 24 มีนาคม ซึ่งทางด้านคุณฐัติมา ภาวลี ถูกข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ มีปลัดกระทรวงมหาดไทย อัยการประจำศาลคดีเด็กและเยาวชนของจ.หนึ่ง และระดับผู้ว่าราชการจังหวัดได้บีบบังคับให้ครอบครัวพูดทางโทรศัพท์มาถึงคุณฐัตติมาเพื่อให้เดินทางกลับ หลังจากนั้น พ.ต.อ.ศุภชัย ฟื้นพาณิชย์ ก็ได้เดินทางไปรับนางฐัตติมาจากจ.สุราษฎร์ธานี แต่ก่อนเดินทางกลับ พ.ต.อ.ศุภชัยได้นำนางฐัตติมาไปบันทึกประจำวันไว้อีกครั้งหนึ่งว่ามาอยู่ที่นี้ได้รับความปลอดภัยและไม่มีใครบังคับขู่เข็ญ และเดินทางกลับด้วยความสมัครใจ
ดังนั้น พยานปากดังกล่าวที่เบิกความกลับไปกลับมา ตั้งแต่ครั้งแรกบอกว่าเบิกความตามความเป็นจริง ต่อมาเมื่อพรรคไทยรักไทย ถูกดำเนินการให้ยุบพรรค ในฐานะที่เขาเคยร่วมขบวนการพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็ก มาให้การกลับไปกลับมาในภายหลัง จึงเป็นการเบิกความที่ไม่น่าเชื่อถือเป็นการให้การปักปรำใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ จึงมีความจำเป็นที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องออกมาชี้แจงให้สาธารณะชนรับทราบ
นายถาวร กล่าวว่าพยานปากนางฐัติมา ภาวลี เป็นพยานที่อัยการอ้างมาเพื่อที่จะยุบพรรคไทยรักไทย แต่ผมตั้งข้อสังเกตุว่าคำให้การและพยานหลักฐานที่บันทึกไว้แต่เดิมทั้งหมดอัยการเชื่อว่านางฐัติมา ภาวลี ให้การตามความเป็นจริง มีเนื้อหาสาระนำไปสู่การยุบพรรคไทยรักไทย แต่ปรากฎว่าเมื่อพยานปากนี้มากลับคำ ทำไมอัยการนิ่งเงียบไม่ซัก ไม่ถามว่าตกลงคำให้การแต่เดิมที่ให้การไว้กับอนุกรรมการกกต.ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2549 และมาทำบันทึกไว้กับพรรคประชาธิปัตย์ วันนี้ผมสงสัยว่าอัยการได้ทำหน้าที่ในการพิสูจน์ความจริงต่อศาลในการยื่นคำร้องขอยุบพรรคไทยรักไทยตั้งแต่ต้น แต่มาถึงวันนี้ทำไมนั่งเงียบ ตรงนี้พรรคประชาธิปัตย์จึงมีความจำเป็นต้องนำความจริงมาเสนอต่อสาธารณะ
นี่คือกระบวนการที่ระบอบทักษิณ ได้ดำเนินการเบี่ยงเบนพยานและยังมีซากเดนของระบอบทักษิณที่ไปว่าความวานนี้ ไม่ได้ซักว่าอันไหนจริงอันไหนเท็จ แม้กระทั่งอัยการ ซึ่งเป็นทนายของแผ่นดิน ควรจะรักความถูกต้อง น่าจะถามพยานให้ปรากฎชัดว่า ให้การครั้งไหนเท็จ ครั้งไหนจริง ตนจึงอยากจะถามในฐานะอัยการเก่าว่า ท่านอัยการได้ทำหน้าที่อย่างภาคภูมิหรือยังในการทำหน้าที่ที่จะยุบพรรคการเมืองที่ท่านร้องขอไว้
นายสุวโรช พะลัง กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ผมกับคุณฐัติมานั้น ต้องขอชี้แจงว่าก่อนหน้าวันที่ 16 มีนาคม 2549 ผมไม่เคยรู้จักกับคุณฐัติมามาก่อน ที่มารู้จักก็เพราะว่าได้มีการติดต่อให้ผมมารับข้อมูลจากคุณฐัติมาที่พรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 26 มีนาคม ในเวลาประมาณ 21.00-22.00 น.
ซึ่งผมก็ได้มาที่พรรค ก็ได้เจอกับคุณฐัติมา และคุณฐัติมาได้มาแสดงตัว โดยคุณฐัติมาได้ขับรถมาที่พรรคคนเดียว ผมก็พาไปที่ห้องท่านรองเลขาธิการพรรคท่านถาวร เสนเนียม ในขณะนั้นดึกแล้วไม่มีเจ้าหน้าที่พรรคอยู่ก็เปิดห้องเป็นพิเศษ และก็ไปต้อนรับคุณฐัติมา ระหว่างที่บอกเล่ากันกัน ผมก็ไม่รู้ข้อเท็จจริงทั้งหมด คือเราไม่รู้มาเลยว่าตุ๊กตาเป็นใครบ้างอย่างไร ฟังคุณฐัติมานั้นเล่า แล้วก็มันดึกแล้ว ก็ระหว่างที่เล่าเอกสารต่าง ๆ ที่คุณฐัติมาพกพามาก็อยู่ที่รถเห็นของเขา ว่าเขายินยอมจะให้ข้อเท็จจริง เขาก็มาเอาเอกสารมาที่ห้องท่านรองเลขาธิการพรรคคือท่านถาวร เสนเนียม และก็หยิบเอกสารมาดูทีละชิ้น ทีละชิ้น เพราะฉะนั้นเอกสารบางส่วนนั้นก็ยังติดอยู่ที่ผม ระหว่างที่บอกเล่าผมก็เขียนชื่อคุณฐัติมาไม่ถูกว่าเขียนอย่างไร ก็ส่งเอกสารซึ่งเป็นบันทึกของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแบบฟอร์มของพรรคส่งไปให้คุณฐัติมา ซึ่งอยู่ในห้องของท่านรองเลขาธิการถาวร นั่งคุยอยู่ที่พรรคตอนนั้น ว่าชื่อของคุณเขียนอย่างไร เขาก็เขียน เพราะฉะนั้นที่ขีดเส้นตรงที่คำว่าฐัติมา ภาวลี เบอร์โทรศัพท์ 04-137-6688 ซึ่งเป็นลายมือของคุณฐัติมา ในคืนวันที่ 16 มีนาคม
หลังจากคุณฐัติมาเขียนเสร็จ ผมก็ได้ถามถึงข้อเท็จจริง เพราะในช่วงแรกเขาได้เขียนมาเฉพาะประเด็นว่าสาเหตุที่มาพบพรรคประชาธิปัตย์เพราะเหตุใด ปัญหาของพรรคแผ่นดินไทยอยุ่ที่ไหน โดยคุณฐัติมาเล่าให้ผมฟังว่าพรรคแผ่นดินไทยมีปํญหาเกี่ยวกับเงินสนับสนุนพรรค เนื่องจากกกต.เรียกเงินคืนจากพรรคแผ่นดิน เป็นจำนวนเงิน 5 แสนบาท ซึ่งพรรคแผ่นดินไทยไม่มีเงินจ่าย จึงต้องยอมทำการที่หมิ่นเหม่ต่อการกระทำที่ผิดกฎหมาย คือการรับจ้างลงสมัครแข่งกับพรรคไทยรักไทย
ผมได้บันทึกรายละเอียดทั้งหมดตามที่คุณฐัติมาเล่ามา โดยคุณฐัติมาเล่าว่าที่มาที่ไปในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2549 นายกทักษิณเชิญหัวหน้าพรรคเล็ก ๆ 15 พรรค มาที่ตึกวุฒิ ปิดห้องคุยเป็นการลับ เมื่อ 3 พรรคร่วมไม่สมัคร ก็เหลือแต่ 15 พรรคเล็ก ๆ ซึ่งนายกทักษิณบอกว่าจะจ่ายให้พรรคละ 10 ล้าน ผมได้บันทึกตามที่คุณฐัติมาพูดทุกอย่าง พร้อมรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงบัญชีสมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ โดยมีนายพันธมิตร ดวงทิพย์ ฐัติมา ภาวลี สุขุม พันธ์เพ็ง เรืองชัย เรืองวิเศษ เป็นต้น ซึ่งบุคคลเหล่านี้ผมไม่เคยรู้จักเลย และไปเกี่ยวข้องกับพล.อ.ธรรมรักษ์ เสธ.ไอซ์ พล.ท.ผดุงศักดิ์ รายละเอียดเหล่านี้ออกมาจากปากคำคุณฐัติมาทั้งสิ้น ผมบันทึกรายละเอียดได้ทั้งหมด 6 หน้า พอบันทึกเสร็จ
คืนนั้นไม่มีเจ้าหน้าที่ของพรรค พอบันทึกคำจากปากคำคุณฐัติมาเสร็จ ผมก็ได้มาเขียนเรียบเรียงขึ้น ซึ่งคุณฐัติมาก็ได้นั่งอยู่กับผม หลังจากที่ผมบันทึกเสร็จ ผมก็ได้อ่านให้คุณฐัติมาฟังว่าถูกต้องหรือไม ซึ่งคุณฐัติมาก็ยืนยันกับผมว่าถูกต้อง
ระหว่างที่คุณฐัติมาได้เล่าให้ผมฟัง คุณฐัติมายังทักท้วงว่าผมสับสน จึงได้ขอกระดาษจากผม เพื่อที่จะอธิบาย ผมได้ส่งกระดาษผมโต๊ะของนายถาวรให้กับคุณฐัติมา ซึ่งคุณฐัติมาบอกกับผมว่าเขียนเสร็จแล้วต้องส่งเอกสารคืนทั้งหมดนะ ผมก็รับปาก แต่ปรากฎว่ามีเอกสารตกค้างอยู่ชิ้นหนึ่ง ที่คุณฐัติมา ภาวลี หยิบออกจากกระเป๋าแล้วตั้งไว้บนโต๊ะ และลืมไว้ ซึ่งเอกสารดังกล่าวนั้น เป็นเอกสารของพรรคแผ่นดินไทย โดยในเอกสารดังกล่าวได้ลงชื่อบุญอิทธิพล ชินราช และมีรายละเอียดรายชื่อผู้สมัครส.ส.ที่มีปัญหาของพรรคแผ่นดินไทยทั้งหมด
เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารของพรรคแผ่นดินไทย บุคคลทั่วไปภายนอก ย่อมไม่มีสิทธิ์นำออกมาได้ เพราะฉะนั้นเอกสารดังกล่าวจึงบ่งบอกได้เห็นว่าคุณฐัติมา ที่ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อหรือให้การในศาลรัฐธรรมเป็นการพูดเท็จ ไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง
คุณฐัติมาบอกว่าผมไปขู่ (นายสุวโรช ได้โชว์เอกสารดังกล่าว) ผมถามว่ารายมือเขียนนี้เป็นลายมือเขียนของใคร ทั้งหมดนี้คือรายมือเขียนของคุณฐัติมา ทั้งรายชื่อบุคคลและจำนวนเงินต่างๆ รวมทั้งเขตต่าง ๆ ที่จะลงสมัครแข่งกับไทยรักไทย แทนประชาธิปัตย์ ประกอบทั้งคำบอกเล่าต่าง ๆ ของคุณฐัติมา ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่คนภายนอกจะรู้หากคุณฐัติมาไม่พูดออกมา ข้อมูลเหล่านี้ทั้งหมดเป็นข้อมูลที่คุณฐัติมาบอกเล่าทั้งหมด ทั้งหลักฐานการสมัคร ทั้งเอกสารการสมัคร และบุคคลที่เกี่ยวข้อง นางฐัติมาได้บอกว่าคุณสุดารัตน์ ได้มอบหมายให้คุณศิธา ทิวารี เป็นข้อความที่คุณฐัติมาได้เขียนขึ้นในคืนวันที่ 16 มีนาคม ทั้งหมด ในคืนนั้นไม่มีเจ้าหน้าที่ของพรรค รุ่งขึ้นเป็นวันที่ 17 รุ่งขึ้นผมก็มาที่ทำการพรรค ผมก็ให้เจ้าหน้าที่พิมพ์ข้อความที่ปรากฎในเอกสารที่เขียนขึ้นจากคำบอกเล่าจากคุณฐัติมา เป็นเนื้อหาที่เหมือนกันทั้งหมด
ขั้นตอนต่อไปซึ่งในฐานะลูกพรรค ที่ได้รับมอบหมายให้จับตาดูความไม่ชอบมาพากลทั้งหมด ซึ่งขั้นตอนของผมก็คือ ส่งเอกสารเรียนเลขาธิการพรรคให้ได้รับทราบว่าผมไปได้ข้อมูลเหล่านี้มาได้อย่างไร
ในเอกสารที่ผมส่งให้กับเลขาพรรคเป็นรายละเอียดที่คุณฐัติมาให้ผมในคืนนั้น ซึ่งก็มี นามบัตรของพล.ท.ผดุงศักดิ์ กลั่นเสนาะ พร้อมกับลายมือของคุณฐัติมาที่เขียนไว้ว่า ข้าพเจ้ารับนามบัตรนี้จากพล.ท.ผดุงศักดิ์ กลั่นเสนาะ วันที่นำเงินมามอบให้ จำนวน 1 ล้าน 4 แสน 5 หมื่นบาท สถานที่ศูนย์อำนวยการพรรค อินทมรักษ์ 33 สำเนาถูกต้อง พร้อมกับลงชื่อฐัติมา ภาวลี
ถ้าหากผมไปคุกคามหรือข่มขู่เอกสารดังกล่าวนี้จะได้มาจากไหน ทั้งหมดคือเอกสารที่คุณฐัติมาให้ผมมา ซึ่งเอกสารเหล่านี้ผมได้แนบกับบันทึกคำบอกเล่า และส่งให้กับเลขาธิการพรรคทราบ หลังจากนั้นนายสุเทพได้ประสานไปที่นายถาวร เพื่อให้นายถาวรประสานมาที่ผม เรียกตัวคุณเจี๊ยบมา
ในวันที่ 20 มีนาคม ผมได้นำบันทึกคำให้การฉบับนี้ให้คุณฐัติมาได้นั่งอ่านดูต่อหน้านายถาวร นายเจือ ซึ่งในบันทึกคำให้การมีบางคำบางตอนที่เจ้าหน้าที่พรรคพิมพ์ผิด เช่น ชื่อของโรงแรม ในเอกสารระบุว่าโรงแรมดิเอมเมอร์รอล คุณฐัติมาก็ทักท้วงว่าตรงนี้ผิดตรงนี้คือโรงแรมมิโด้ คุณฐัติมาได้ขีดออกและเขียนชื่อมิโด้พร้อมเซ็นชื่อกำกับ เช่นคำว่าทำเงิน ฐัติมาก็บอกตรงนี้ผิด พร้อมขีดออกและเขียนใหม่ว่านำเงิน พร้อมเซ็นชื่อกำกับ เป็นต้น หลังจากนั้นคุณฐัติมาก็ได้อ่านเอกสารดังกล่าวอย่างละเอียดทั้งหมด พร้อมเซ็นชื่อกำกับว่าข้อมูลถูกต้อง
ผมกราบเรียนตรงนี้ต่อสื่อมวลชนและสาธารณะชนว่า สิ่งที่คุณฐัติมาเบิกความต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดประเด็นที่ได้พบกับผมในวันที่ 16 ต่อ 17 ออกโดยสิ้นเชิง แล้วก็ยังกล่าวหาว่าผมเป็นคนเขียนสคริปต์มา ซึ่งแท้ที่จริงแล้วไม่ใช่ เพราะเอกสารดังกล่าวนั้นคือฉบับที่คุณเจี๊ยบบอกเล่าและรับรองความถูกต้อง
ทั้งหมดทั้งมวลที่ผมกล่าวมาผมอยากจะชี้แจงให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์จะทำแต่ความเป็นจริง ไม่ใส่ร้ายป้ายสีและขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์จะยืนอยู่บนความเที่ยงธรรมกับสิ่งที่คุณฐัติมาพูดไปเมื่อวานนี้ผมก็เสียใจ เพราะสิ่งที่คุณฐัติมาพูดในศาลเมื่อไม่มีความจริงโดยสิ้นเชิง ไม่มีสคริปต์ของพรรคประชาธิปัตย์ไปเขียนให้ท่านท่อง 3-4 รอบ อย่างที่คุณฐัติมากล่าวอ้าง
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีตส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คุณฐัติมา ให้การกับอนุกรรมการกกต.ที่ตำรวจภูธรภาค 8 ซึ่งวันนั้นคุณฐัติมาเองได้อ้างถึงเสธ.ไอซ์ พล.ท.ผดุงศักดิ์ ซึ่งคุณฐัติมาพูดชัดเจนว่าวันที่เท่าใดที่เสธ.ไอซ์เอาเงินมาให้และจำนวนเท่าไหร่ นั่นเป็นการให้การต่อหน้าสื่อมวลชน
วันที่ 23 มีนาคม 2549 เสธ.ไอซ์ ให้สัมภาษณ์ช่อง 7 ว่าต่อไปจะเห็นน้ำตาพยานซึ่งวานนี้ (13 ก.พ. ที่ศาลรัฐธรรมนูญ) สื่อมวลชนได้เห็นชัดเจนแล้วว่ามีน้ำตา พูดถึงว่ามีการจ้างวานจะให้เงิน 1 ล้าน พูดถึงเงิน 3 แสนบาท ที่นายถาวรได้พูดถึงเงิน 3 แสนบาท ดูได้ชัดเจนจากคำให้การของนายศักรินทร์ สามีคุณฐัติมา
วันที่คุณฐัติมาได้เงิน 3 แสนมา สามีคุณฐัติมาทราบว่าได้เงิน 3 แสนนี้มาจากไหน นางฐัติมาตอบว่าอย่ารู้เลย แต่ภายหลังได้มายืนยันว่านายสุเทพได้ให้เงินเมื่อวันที่ 30 คืออีก 10 วันต่อมา โดยที่สามีคุณฐัติมาให้การเลยว่ามีคนคอยกำกับให้คุณฐัติมาพูด
เสธ.ไอซ์ยังพูดต่ออีกว่าอาจจะมีกรณีเหมือนชิฟปิ้งหมู ทั้งหมดทั้งมวลนี้ยังมีการระบุว่าเสธ.ไอซ์ มีการระบุเรื่องการให้เงิน 3-4 ล้านบาทอย่างชัดแจ้งเป็นระบบ และให้การกับกกต.ชัดเจน การที่ให้การชัดเจนเช่นนั้น อนุกรรมการของนายนาม ยิ้มแย้ม มาถึงอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องในประเด็นนี้ และพยานก็มาพลิกร้องไห้ในศาลวานนี้
จึงจะอยากจะขอให้สื่อมวลชนและสาธารณะชนทั้งหลายติดตามพฤติกรรมของคุณฐัติมา ภาวลี ให้ชัดเจนว่าเป็นพยานลักษณะเช่นไร เพราะสอดคล้องกับคำพูดของเสธ.ไอซ์ที่บอกว่าจะมีน้ำตาพยานตรงนี้เป็นกระบวนการที่วางแผนไว้หรือไม่
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 14 ก.พ. 2550--จบ--