ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน ส.ค.48 ลดลงต่ำสุดในรอบ 39 เดือน ผู้อำนวยการศูนย์
พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน
ส.ค.48 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความเชื่อมั่นในสถานการณ์ปัจจุบัน
เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับสถานการณ์ในอนาคตเดือน ส.ค.ปรับตัวดีขึ้น
ทุกรายการ ถือเป็นจุดที่น่าสนใจซึ่งสะท้อนว่าผู้บริโภคเห็นว่าภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์ต่างๆ จะไม่เลวร้ายไป
กว่านี้ ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมลดลงจาก 79.6 ในเดือน ก.ค. มาอยู่ที่ระดับ 78.39
เป็นระดับต่ำสุดในรอบ 39 เดือน ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวมลดลงจาก 78.6 มาอยู่ที่ 78.3
ต่ำสุดในรอบ 27 เดือน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตปรับสูงขึ้นจาก 96 มาอยู่ที่ระดับ 96.5 (โลกวันนี้, ข่าวสด)
2. ก.คลังอนุมัติแผนควบรวมกิจการระหว่าง ธ.เอเชียและ ธ.ยูโอบีรัตนสิน กรรมการผู้จัดการ
ใหญ่ ธ.เอเชีย เปิดเผยว่า ก.คลังได้อนุมัติแผนควบรวมกิจการระหว่าง ธ.เอเชีย กับ ธ.ยูโอบีรัตนสิน จำกัด (มหาชน)
แล้ว โดยเปลี่ยนชื่อเป็น ธ.ยูไนเต็ด โอเวอร์ซีส์ (ไทย) จำกัด (มหาชน) ใช้ชื่อย่อว่า ยูโอบีที ทั้งนี้
การควบรวมกิจการธนาคารจะใช้วิธีการออกหุ้นเพิ่มทุน 3,120 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท เสนอขายผู้
ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 0.6126 หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 5.35 บาท กำหนดจองซื้อและชำระเงินค่าหุ้นวัน
ที่ 7-11 พ.ย.48 (โลกวันนี้, ไทยโพสต์)
3. ธ.กรุงเทพปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินให้สินเชื่อในระดับ 0.25-0.5% กรรมการผู้
จัดการใหญ่ ธ.กรุงเทพ เปิดเผยว่า หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในตลาด
ซื้อคืน พธบ. (อาร์/พี) 14 วัน 0.50% จาก 2.75% เป็น 3.25% ส่งผลให้ธนาคารต้องปรับอัตราดอกเบี้ยทั้งเงิน
ฝากทุกประเภท (ยกเว้นออมทรัพย์) และเงินให้สินเชื่อตามในระดับ 0.25-0.5% โดยมีผลตั้งแต่วันนี้ (9 ก.ย.)
เป็นต้นไป ทั้งนี้ การปรับขึ้นดอกเบี้ยของ ธ.กรุงเทพครั้งนี้เป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน
และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ครั้งแรกของ ธพ.ขนาดใหญ่ และเป็นครั้งแรกภายหลังวิกฤติเศรษฐกิจ ส่งผลให้อัตรา
ดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อของ ธ.กรุงเทพ อยู่ในระดับสูงที่สุดในระบบ ทั้งนี้ รายงานข่าว
แจ้งว่า ธ.ไทยพาณิชย์ได้มีการประชุมคณะกรรมการธนาคารเพื่อพิจารณาผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
อาร์/พีเช่นกัน ส่วน ธ.กสิกรไทยยังไม่มีการประชุมกัน อย่างไรก็ตาม เป็นที่คาดว่า ธพ.รายใหญ่จะพิจารณาปรับ
ดอกเบี้ยตามในไม่ช้านี้ (กรุงเทพธุรกิจ)
4. รัฐบาลจัดเก็บรายได้ในเดือน ส.ค.48 สูงกว่าประมาณการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ปลัด
ก.คลัง เปิดเผยผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในเดือน ส.ค.48 ว่า สูงกว่าประมาณการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 โดย
จัดเก็บได้ 175,979 ล.บาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสาร งปม. 5.1% และสูงว่าเดือนเดียวกันปีก่อน
21.7% ส่งผลให้การจัดเก็บรายได้สะสมตั้งแต่ต้นปี งปม. (ต.ค.47-ส.ค.48) จัดเก็บได้สุทธิ 1,183,040 ล.
บาท สูงกว่าประมาณการ 6.0% ทั้งนี้ ภาษีเงินได้นิติบุคคลสามารถจัดเก็บได้สูงกว่าเดือนเดียวกันปีก่อนถึง 25.7%
สะท้อนให้เห็นถึงธรุกรรมและการประกอบการของบริษัทต่างๆ ในปัจจุบันว่ายังมีทิศทางที่ดี นอกจากนี้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม
สามารถจัดเก็บได้สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 22.2% สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมที่มีต่อ
เศรษฐกิจไทยว่ายังขยายตัวอยู่ในระดับสูง และชี้ถึงเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในด้านความมั่นคงของภาคการคลังด้าน
รายได้ (ข่าวสด, ไทยโพสต์)
5. คาดว่าไตรมาส 3/48 ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตลดลงจากไตรมาสก่อน
หน้า ผู้ช่วยผู้จัดการสายงานวิจัยและข้อมูลสารสนเทศ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงแนวโน้มผล
ประกอบการไตรมาส 3/48 ว่า หากเศรษฐกิจมีสัญญาณการชะลอตัว และราคาน้ำมันยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง มี
โอกาสที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3/48 จะเติบโตลดลงจากไตรมาสที่ 2/48 ที่ขยายตัว
31% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/47 เนื่องจากผู้ประกอบการเริ่มผลักภาระต้นทุนไปให้ผู้บริโภค ซึ่งจะส่งผลให้ราคา
สินค้าแพงขึ้น และจะกระทบต่อยอดขายโดยรวมให้ลดลงไปด้วย (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของ สรอ. ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 3 ก.ย.48 ลดลง
จำนวน 1,000 คน รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 8 ก.ย.48 ก.แรงงาน สรอ. เปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับ
สวัสดิการว่างงานครั้งแรกของ สรอ. ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 3 ก.ย.48 ลดลงจำนวน 1,000 คน อยู่ที่จำนวน
319,000 คน จากจำนวน 320,000 ในสัปดาห์ก่อนหน้า ในจำนวนนี้รวมถึงผู้สมัครที่ได้รับความเสียหายจากพายุ
เฮอร์ริเคน แคทรินาที่มลรัฐอาลาบามา หลุยเซียนา และมิสซิสซิปปี จำนวน 10,000 คน ทั้งนี้ จากผลสำรวจของ
นักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์ในสัปดาห์ก่อนคาดการณ์ว่าจะมีผู้ขอรับสวัสดิการฯ ลดลงจำนวน 5,000 คน อยู่ที่จำนวน
315,000 คน ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นว่าสามารถบ่งชี้
ถึงสถานการณ์การจ้างงานได้อย่างดี เนื่องจากปรับด้วยปัจจัยที่มีความผันผวนในรอบสัปดาห์แล้ว เพิ่มขึ้นอยู่ที่จำนวน
318,500 คน จาก 316,500 คน ในสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 สำหรับจำนวน
แรงงานที่กลับมาขอรับสวัสดิการว่างงานหลังจากที่เคยขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกแล้ว ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่
27 ส.ค.48 ลดลงจำนวน 5,000 คน อยู่ที่จำนวน 2.58 ล้านคน (รอยเตอร์)
2. อุตสาหกรรมน้ำมันของสรอ. เริ่มฟื้นตัวจากผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนแคทรีนา รายงานจาก
นิวยอร์ก เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 48 นักวิเคราะห์ของ Citigroup ใน Houston มีความเห็นว่าอุตสาหกรรมพลัง
งานของสรอ.เริ่มฟื้นตัวหลังจากที่พายุเฮอริเคนแคทรีนาได้พัดผ่านชายฝั่งแม็กซิโกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และได้ทำให้ฐาน
ผลิตน้ำมันนอกชายฝั่งต้องหยุดการผลิตเกือบทั้งหมดส่งผลกระทบต่อตลาดพลังงานเนื่องจากเกรงว่าจะอุปทานน้ำมันจะ
ตึงตัวเป็นเวลาหลายเดือนทำให้ราคาน้ำมันและแก๊สธรรมชาติเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้รัฐบาลสรอ.กล่าวว่า ผลผลิตน้ำมันนอก
ชายฝั่งทะเลที่อ่าว Mexico ซึ่งมีสัดส่วนถึง 1 ใน 4 ของผลผลิตน้ำมันในประเทศปัจจุบันสามารถดำเนินการผลิตได้
แล้วประมาณร้อยละ 40 ของกำลังการผลิตจริง แต่ตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าที่ประกาศเมื่อวันพุธ ส่วนหนึ่งเนื่องมา
จากบริษัทบางแห่งไม่ได้มีการแจ้งการปิดทำการทันที แต่ได้มาแจ้งในภายหลัง อย่างไรก็ตามฐานขุดเจาะน้ำมันที่
อ่าว Mexico ของสรอ. เกือบร้อยละ 60 ได้รับความเสียหาย ลอยไปหรือจมหายไป (รอยเตอร์)
3. ราคาน้ำมันเริ่มส่งผลกระทบต่อดุลการค้าของเยอรมนี รายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศ
เยอรมนี เมื่อวันที่ 8 ก.ย.48 สนง.สถิติกลางของเยอรมนี เปิดเผยว่า เยอรมนีได้เปรียบดุลการค้าในเดือน ก.
ค.48 จำนวน 13 พันล้านยูโร ลดลงจาก 14.6 พันล้านยูโร ในเดือน มิ.ย.48 และต่ำกว่าผลสำรวจความคิดเห็น
นักเศรษฐศาสตร์ของสำนักข่าวรอยเตอร์ที่คาดว่าจะได้เปรียบดุลการค้า 14 พันล้านยูโร สาเหตุจากราคาน้ำมันที่
ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้สินค้าที่นำเข้ามีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น โดยการส่งออกในเดือน ก.ค.48
มีมูลค่า 64.7 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ต่ำกว่าผลสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ของสำนักข่าวรอย
เตอร์ถึงครึ่งหนึ่ง ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 51.7 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 3.7 นับเป็นการเพิ่มขึ้นเกินร้อยละ
3.0 เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 4 เดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ นักเศรษฐศษสตร์ยังคงมีความเห็นว่า การส่งออกจะเป็นปัจจัย
หลักในการผลักดันให้เศรษฐกิจของเยอรมนีขยายตัว และไม่คิดว่าราคาน้ำมันจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกมากนัก
ในขณะที่สมาคมผู้ส่งออกของเยอรมนีไม่กังวลต่อราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น โดยยังคงคาดการณ์ว่าการส่งออกของ
เยอรมนีในปีนี้จะขยายตัวที่ระดับร้อยละ 6 โดยเครื่องมือประหยัดพลังงานของเยอรมนียังคงเป็นที่ต้องการของ
ประเทศในกลุ่มอาเซียน และประเทศผู้ผลิตน้ำมันยังมีความต้องการสินค้าทุน (เครื่องจักร วัตถุดิบ) เพิ่มขึ้น อย่าง
ไรก็ตาม สมาคมฯ ได้ปรับลดพยากรณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของเยอรมนีลงเหลือร้อยละ 0.7 จากร้อยละ 1.0
เนื่องจากการบริโภคภายในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก (รอยเตอร์)
4. กิจการล้มละลายของเยอรมนีในเดือนมิ.ย. 48 ไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน รายงาน
จาก เบอร์ลิน เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 48 สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนีเปิดเผยว่า ในเดือนมิ.ย. 48 ธุรกิจล้ม
ละลายของเยอรมนีมีจำนวนทั้งสิ้น 3,446 แห่งไม่เปลี่ยนแปลงจากระยะเดียวกันปีที่แล้ว และเฉพาะในช่วง 6
เดือนแรกของปีนี้มีธุรกิจล้มละลาย 19,153 แห่งลดลงร้อยละ 3.9 จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่หากนับรวมธุรกิจส่วน
บุคคลและการจ้างงานส่วนตัวกิจการล้มละลายในเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.5 จากระยะเดียวกันปีก่อนอยู่ที่
ระดับ 12,035 ราย หากนับเฉพาะธุรกิจส่วนตัวจำนวนกิจการล้มละลายเพิ่มขึ้นร้อยละ 40.6 อยู่ที่ระดับ 5,736
แห่ง ทั้งนี้นับตั้งแต่ที่กม.ล้มละลายของเยอรมนีมีผลบังคับใช้ในปี 43 จำนวนผู้ยื่นขอความคุ้มครองจากเจ้าหนี้เพิ่มสูง
ขึ้นอย่างมาก (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 9 ก.ย. 48 8 ก.ย. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.993 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.8167/41.1063 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.27361 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 715.08/ 23.69 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,600/8,700 8,600/8,700 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 55.92 55.93 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 26.94*/23.39 26.94*/23.39 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม 40 สตางค์ เมื่อ 4 ก.ย. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน ส.ค.48 ลดลงต่ำสุดในรอบ 39 เดือน ผู้อำนวยการศูนย์
พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน
ส.ค.48 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความเชื่อมั่นในสถานการณ์ปัจจุบัน
เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับสถานการณ์ในอนาคตเดือน ส.ค.ปรับตัวดีขึ้น
ทุกรายการ ถือเป็นจุดที่น่าสนใจซึ่งสะท้อนว่าผู้บริโภคเห็นว่าภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์ต่างๆ จะไม่เลวร้ายไป
กว่านี้ ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมลดลงจาก 79.6 ในเดือน ก.ค. มาอยู่ที่ระดับ 78.39
เป็นระดับต่ำสุดในรอบ 39 เดือน ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวมลดลงจาก 78.6 มาอยู่ที่ 78.3
ต่ำสุดในรอบ 27 เดือน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตปรับสูงขึ้นจาก 96 มาอยู่ที่ระดับ 96.5 (โลกวันนี้, ข่าวสด)
2. ก.คลังอนุมัติแผนควบรวมกิจการระหว่าง ธ.เอเชียและ ธ.ยูโอบีรัตนสิน กรรมการผู้จัดการ
ใหญ่ ธ.เอเชีย เปิดเผยว่า ก.คลังได้อนุมัติแผนควบรวมกิจการระหว่าง ธ.เอเชีย กับ ธ.ยูโอบีรัตนสิน จำกัด (มหาชน)
แล้ว โดยเปลี่ยนชื่อเป็น ธ.ยูไนเต็ด โอเวอร์ซีส์ (ไทย) จำกัด (มหาชน) ใช้ชื่อย่อว่า ยูโอบีที ทั้งนี้
การควบรวมกิจการธนาคารจะใช้วิธีการออกหุ้นเพิ่มทุน 3,120 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท เสนอขายผู้
ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 0.6126 หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 5.35 บาท กำหนดจองซื้อและชำระเงินค่าหุ้นวัน
ที่ 7-11 พ.ย.48 (โลกวันนี้, ไทยโพสต์)
3. ธ.กรุงเทพปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินให้สินเชื่อในระดับ 0.25-0.5% กรรมการผู้
จัดการใหญ่ ธ.กรุงเทพ เปิดเผยว่า หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในตลาด
ซื้อคืน พธบ. (อาร์/พี) 14 วัน 0.50% จาก 2.75% เป็น 3.25% ส่งผลให้ธนาคารต้องปรับอัตราดอกเบี้ยทั้งเงิน
ฝากทุกประเภท (ยกเว้นออมทรัพย์) และเงินให้สินเชื่อตามในระดับ 0.25-0.5% โดยมีผลตั้งแต่วันนี้ (9 ก.ย.)
เป็นต้นไป ทั้งนี้ การปรับขึ้นดอกเบี้ยของ ธ.กรุงเทพครั้งนี้เป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน
และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ครั้งแรกของ ธพ.ขนาดใหญ่ และเป็นครั้งแรกภายหลังวิกฤติเศรษฐกิจ ส่งผลให้อัตรา
ดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อของ ธ.กรุงเทพ อยู่ในระดับสูงที่สุดในระบบ ทั้งนี้ รายงานข่าว
แจ้งว่า ธ.ไทยพาณิชย์ได้มีการประชุมคณะกรรมการธนาคารเพื่อพิจารณาผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
อาร์/พีเช่นกัน ส่วน ธ.กสิกรไทยยังไม่มีการประชุมกัน อย่างไรก็ตาม เป็นที่คาดว่า ธพ.รายใหญ่จะพิจารณาปรับ
ดอกเบี้ยตามในไม่ช้านี้ (กรุงเทพธุรกิจ)
4. รัฐบาลจัดเก็บรายได้ในเดือน ส.ค.48 สูงกว่าประมาณการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ปลัด
ก.คลัง เปิดเผยผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในเดือน ส.ค.48 ว่า สูงกว่าประมาณการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 โดย
จัดเก็บได้ 175,979 ล.บาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสาร งปม. 5.1% และสูงว่าเดือนเดียวกันปีก่อน
21.7% ส่งผลให้การจัดเก็บรายได้สะสมตั้งแต่ต้นปี งปม. (ต.ค.47-ส.ค.48) จัดเก็บได้สุทธิ 1,183,040 ล.
บาท สูงกว่าประมาณการ 6.0% ทั้งนี้ ภาษีเงินได้นิติบุคคลสามารถจัดเก็บได้สูงกว่าเดือนเดียวกันปีก่อนถึง 25.7%
สะท้อนให้เห็นถึงธรุกรรมและการประกอบการของบริษัทต่างๆ ในปัจจุบันว่ายังมีทิศทางที่ดี นอกจากนี้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม
สามารถจัดเก็บได้สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 22.2% สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมที่มีต่อ
เศรษฐกิจไทยว่ายังขยายตัวอยู่ในระดับสูง และชี้ถึงเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในด้านความมั่นคงของภาคการคลังด้าน
รายได้ (ข่าวสด, ไทยโพสต์)
5. คาดว่าไตรมาส 3/48 ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตลดลงจากไตรมาสก่อน
หน้า ผู้ช่วยผู้จัดการสายงานวิจัยและข้อมูลสารสนเทศ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงแนวโน้มผล
ประกอบการไตรมาส 3/48 ว่า หากเศรษฐกิจมีสัญญาณการชะลอตัว และราคาน้ำมันยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง มี
โอกาสที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3/48 จะเติบโตลดลงจากไตรมาสที่ 2/48 ที่ขยายตัว
31% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/47 เนื่องจากผู้ประกอบการเริ่มผลักภาระต้นทุนไปให้ผู้บริโภค ซึ่งจะส่งผลให้ราคา
สินค้าแพงขึ้น และจะกระทบต่อยอดขายโดยรวมให้ลดลงไปด้วย (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของ สรอ. ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 3 ก.ย.48 ลดลง
จำนวน 1,000 คน รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 8 ก.ย.48 ก.แรงงาน สรอ. เปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับ
สวัสดิการว่างงานครั้งแรกของ สรอ. ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 3 ก.ย.48 ลดลงจำนวน 1,000 คน อยู่ที่จำนวน
319,000 คน จากจำนวน 320,000 ในสัปดาห์ก่อนหน้า ในจำนวนนี้รวมถึงผู้สมัครที่ได้รับความเสียหายจากพายุ
เฮอร์ริเคน แคทรินาที่มลรัฐอาลาบามา หลุยเซียนา และมิสซิสซิปปี จำนวน 10,000 คน ทั้งนี้ จากผลสำรวจของ
นักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์ในสัปดาห์ก่อนคาดการณ์ว่าจะมีผู้ขอรับสวัสดิการฯ ลดลงจำนวน 5,000 คน อยู่ที่จำนวน
315,000 คน ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นว่าสามารถบ่งชี้
ถึงสถานการณ์การจ้างงานได้อย่างดี เนื่องจากปรับด้วยปัจจัยที่มีความผันผวนในรอบสัปดาห์แล้ว เพิ่มขึ้นอยู่ที่จำนวน
318,500 คน จาก 316,500 คน ในสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 สำหรับจำนวน
แรงงานที่กลับมาขอรับสวัสดิการว่างงานหลังจากที่เคยขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกแล้ว ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่
27 ส.ค.48 ลดลงจำนวน 5,000 คน อยู่ที่จำนวน 2.58 ล้านคน (รอยเตอร์)
2. อุตสาหกรรมน้ำมันของสรอ. เริ่มฟื้นตัวจากผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนแคทรีนา รายงานจาก
นิวยอร์ก เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 48 นักวิเคราะห์ของ Citigroup ใน Houston มีความเห็นว่าอุตสาหกรรมพลัง
งานของสรอ.เริ่มฟื้นตัวหลังจากที่พายุเฮอริเคนแคทรีนาได้พัดผ่านชายฝั่งแม็กซิโกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และได้ทำให้ฐาน
ผลิตน้ำมันนอกชายฝั่งต้องหยุดการผลิตเกือบทั้งหมดส่งผลกระทบต่อตลาดพลังงานเนื่องจากเกรงว่าจะอุปทานน้ำมันจะ
ตึงตัวเป็นเวลาหลายเดือนทำให้ราคาน้ำมันและแก๊สธรรมชาติเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้รัฐบาลสรอ.กล่าวว่า ผลผลิตน้ำมันนอก
ชายฝั่งทะเลที่อ่าว Mexico ซึ่งมีสัดส่วนถึง 1 ใน 4 ของผลผลิตน้ำมันในประเทศปัจจุบันสามารถดำเนินการผลิตได้
แล้วประมาณร้อยละ 40 ของกำลังการผลิตจริง แต่ตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าที่ประกาศเมื่อวันพุธ ส่วนหนึ่งเนื่องมา
จากบริษัทบางแห่งไม่ได้มีการแจ้งการปิดทำการทันที แต่ได้มาแจ้งในภายหลัง อย่างไรก็ตามฐานขุดเจาะน้ำมันที่
อ่าว Mexico ของสรอ. เกือบร้อยละ 60 ได้รับความเสียหาย ลอยไปหรือจมหายไป (รอยเตอร์)
3. ราคาน้ำมันเริ่มส่งผลกระทบต่อดุลการค้าของเยอรมนี รายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศ
เยอรมนี เมื่อวันที่ 8 ก.ย.48 สนง.สถิติกลางของเยอรมนี เปิดเผยว่า เยอรมนีได้เปรียบดุลการค้าในเดือน ก.
ค.48 จำนวน 13 พันล้านยูโร ลดลงจาก 14.6 พันล้านยูโร ในเดือน มิ.ย.48 และต่ำกว่าผลสำรวจความคิดเห็น
นักเศรษฐศาสตร์ของสำนักข่าวรอยเตอร์ที่คาดว่าจะได้เปรียบดุลการค้า 14 พันล้านยูโร สาเหตุจากราคาน้ำมันที่
ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้สินค้าที่นำเข้ามีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น โดยการส่งออกในเดือน ก.ค.48
มีมูลค่า 64.7 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ต่ำกว่าผลสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ของสำนักข่าวรอย
เตอร์ถึงครึ่งหนึ่ง ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 51.7 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 3.7 นับเป็นการเพิ่มขึ้นเกินร้อยละ
3.0 เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 4 เดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ นักเศรษฐศษสตร์ยังคงมีความเห็นว่า การส่งออกจะเป็นปัจจัย
หลักในการผลักดันให้เศรษฐกิจของเยอรมนีขยายตัว และไม่คิดว่าราคาน้ำมันจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกมากนัก
ในขณะที่สมาคมผู้ส่งออกของเยอรมนีไม่กังวลต่อราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น โดยยังคงคาดการณ์ว่าการส่งออกของ
เยอรมนีในปีนี้จะขยายตัวที่ระดับร้อยละ 6 โดยเครื่องมือประหยัดพลังงานของเยอรมนียังคงเป็นที่ต้องการของ
ประเทศในกลุ่มอาเซียน และประเทศผู้ผลิตน้ำมันยังมีความต้องการสินค้าทุน (เครื่องจักร วัตถุดิบ) เพิ่มขึ้น อย่าง
ไรก็ตาม สมาคมฯ ได้ปรับลดพยากรณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของเยอรมนีลงเหลือร้อยละ 0.7 จากร้อยละ 1.0
เนื่องจากการบริโภคภายในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก (รอยเตอร์)
4. กิจการล้มละลายของเยอรมนีในเดือนมิ.ย. 48 ไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน รายงาน
จาก เบอร์ลิน เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 48 สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนีเปิดเผยว่า ในเดือนมิ.ย. 48 ธุรกิจล้ม
ละลายของเยอรมนีมีจำนวนทั้งสิ้น 3,446 แห่งไม่เปลี่ยนแปลงจากระยะเดียวกันปีที่แล้ว และเฉพาะในช่วง 6
เดือนแรกของปีนี้มีธุรกิจล้มละลาย 19,153 แห่งลดลงร้อยละ 3.9 จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่หากนับรวมธุรกิจส่วน
บุคคลและการจ้างงานส่วนตัวกิจการล้มละลายในเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.5 จากระยะเดียวกันปีก่อนอยู่ที่
ระดับ 12,035 ราย หากนับเฉพาะธุรกิจส่วนตัวจำนวนกิจการล้มละลายเพิ่มขึ้นร้อยละ 40.6 อยู่ที่ระดับ 5,736
แห่ง ทั้งนี้นับตั้งแต่ที่กม.ล้มละลายของเยอรมนีมีผลบังคับใช้ในปี 43 จำนวนผู้ยื่นขอความคุ้มครองจากเจ้าหนี้เพิ่มสูง
ขึ้นอย่างมาก (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 9 ก.ย. 48 8 ก.ย. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.993 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.8167/41.1063 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.27361 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 715.08/ 23.69 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,600/8,700 8,600/8,700 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 55.92 55.93 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 26.94*/23.39 26.94*/23.39 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม 40 สตางค์ เมื่อ 4 ก.ย. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--