นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยฐานะการคลังเบื้องต้นตามระบบ สศค. (ระบบ Government Finance Statistics: GFS) ในไตรมาสที่ 2 (มกราคม 2550 — มีนาคม 2550) และในช่วง 6 เดือนแรก (ตุลาคม 2549 - มีนาคม 2550) ของปีงบประมาณ 2550 สรุปได้ว่า ดุลการคลังของรัฐบาลตามระบบ สศค. ในไตรมาสที่ 2 ขาดดุลทั้งสิ้น 95,531 ล้านบาท ขาดดุลเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่แล้ว 74,431 ล้านบาท (ร้อยละ 352.8) และขาดดุลเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 112,829 ล้านบาท (ร้อยละ 652.3) ส่งผลให้ในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2550 ดุลการคลังรัฐบาลตามระบบ สศค. ขาดดุลทั้งสิ้น 116,631 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วขาดดุล 117,279 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าหลังจากที่พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 เริ่มมีผลบังคับใช้ในไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ 2550 นโยบายการคลังได้กลับมามีบทบาทในการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการคลังของรัฐบาลในการดำเนินนโยบายแบบขาดดุลจำนวน 146,200 ล้านบาท โดยรายละเอียดของฐานะการคลังตามระบบ สศค. มีดังนี้
1. ฐานะการคลังตามระบบ สศค. ไตรมาสที่ 2 (มกราคม — มีนาคม 2550)
- รัฐบาลมีรายได้ทั้งหมด 310,809 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 0.7 ในขณะที่รัฐบาลมีรายจ่ายทั้งสิ้น 454,522 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 34.7
- ผลจากการที่รายจ่ายรัฐบาลสูงกว่ารายได้ส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณในไตรมาสที่ 2 ขาดดุล 143,713 ล้านบาท ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วขาดดุล 28,714 ล้านบาท เป็นผลมาจากในปีงบประมาณปัจจุบันรัฐบาลดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุลจำนวน 146,200 ล้านบาท
- รายจ่ายเงินกู้ต่างประเทศประกอบด้วย Project Loans และ Structural Adjustment Loans มีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 687 ล้านบาท ในขณะเดียวกันปีที่แล้วมีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 1,269 ล้านบาท ซึ่งเบิกจ่ายลดลง 582 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 45.9
- ดุลบัญชีนอกงบประมาณ (ประกอบด้วยกองทุนนอกงบประมาณและเงินฝากนอกงบประมาณ) ในช่วงไตรมาสที่ 2 เกินดุล 48,868 ล้านบาท เกินดุลลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่เกินดุล 47,281 ล้านบาท
- เมื่อรวมการขาดดุลเงินงบประมาณและการเกินดุลดุลบัญชีนอกงบประมาณ โดยหักรายจ่ายเงินกู้ต่างประเทศอีกจำนวน 687 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลการคลังรัฐบาลขาดดุลทั้งสิ้น 95,531 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 1.1 ของ GDP ) ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วเกินดุล 17,298 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.2 ของ GDP)
- ดุลการการคลังเบื้องต้น (Primary Balance) ในไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ 2550 ขาดดุลทั้งสิ้น 64,673 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.8 ของ GDP)ในขณะเดียวกันปีที่แล้วเกินดุล 43,116 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.6 ของ GDP)
2. ฐานะการคลังตามระบบ สศค. 6 เดือนแรก (ตุลาคม 2549 — มีนาคม 2550)
- รัฐบาลมีรายได้ทั้งสิ้น 613,749 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 7.2 ของ GDP) เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 6.6 โดยรายได้ที่จัดเก็บเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ได้แก่ ภาษีเบียร์ ภาษียาสูบ ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ภาษีสุรา ภาษีน้ำมัน ภาษีธุรกิจเฉพาะ และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา นอกจากนั้นการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2550 ก็สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมามาก
- ในช่วง 6 เดือนแรกมีเม็ดเงินที่รัฐบาลอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจทั้งสิ้น 737,379 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 8.7 ของ GDP) เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 5.3
- ดุลเงินงบประมาณในช่วง 6 เดือนแรกขาดดุล 123,630 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 1.5 ของ GDP) ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วขาดดุล 123,978 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 1.6 ของ GDP)
- รายจ่ายจากเงินกู้ต่างประเทศมีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 922 ล้านบาท ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วมีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 3,193 ล้านบาท ซึ่งเบิกจ่ายลดลง 2,271 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 71.1
- ดุลบัญชีนอกงบประมาณในช่วง 6 เดือนแรกเกินดุล 7,921 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.1 ของ GDP) ลดลงจากปีที่แล้วที่เกินดุล 9,893 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.1 ของ GDP) การเกินดุลของกองทุนนอกงบประมาณลดลงจากปีที่แล้ว เนื่องจากรายได้ของกองทุนขยายตัวตามปกติ ในขณะที่รายจ่ายดำเนินงานของกองทุนสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยกองทุนที่มีรายจ่ายเพิ่มขึ้น ได้แก่ กองทุนประกันสังคมโดยส่วนใหญ่เป็นรายจ่ายค่าบริหารสำนักงานและค่าประโยชน์ทดแทนที่ผู้ประกันตนมาขอใช้สิทธิ์เพิ่มมากขึ้น
- การเกินดุลเงินงบประมาณและดุลบัญชีนอกงบประมาณ เมื่อหักรายจ่ายเงินกู้ต่างประเทศอีกจำนวน 922 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลการคลังรัฐบาลขาดดุลทั้งสิ้น 116,631 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 1.4 ของ GDP) ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วขาดดุล 117,279 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 1.5 ของ GDP)
- ดุลการคลังเบื้องต้น (Primary Balance) ในระยะ 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2550 ขาดดุลทั้งสิ้น 66,817 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.8 ของ GDP)ในขณะเดียวกันปีที่แล้วขาดดุล 72,455 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.9 ของ GDP)
GDP ปีปฏิทิน 2549 7,813.1 พันล้านบาท GDP ปีปฏิทิน 2550 8,471.4 พันล้านบาท
ดุลการคลังเบื้องต้น คือ ดุลการคลังที่สะท้อนถึงผลการดำเนินงานของรัฐบาลและทิศทางของนโยบายการคลังของรัฐบาลอย่างแท้จริง โดยไม่รวมรายได้จากดอกเบี้ยรับ และรายจ่ายของดอกเบี้ยจ่าย และเงินชำระต้นเงินกู้
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 38/2550 9 พฤษภาคม 50--
1. ฐานะการคลังตามระบบ สศค. ไตรมาสที่ 2 (มกราคม — มีนาคม 2550)
- รัฐบาลมีรายได้ทั้งหมด 310,809 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 0.7 ในขณะที่รัฐบาลมีรายจ่ายทั้งสิ้น 454,522 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 34.7
- ผลจากการที่รายจ่ายรัฐบาลสูงกว่ารายได้ส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณในไตรมาสที่ 2 ขาดดุล 143,713 ล้านบาท ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วขาดดุล 28,714 ล้านบาท เป็นผลมาจากในปีงบประมาณปัจจุบันรัฐบาลดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุลจำนวน 146,200 ล้านบาท
- รายจ่ายเงินกู้ต่างประเทศประกอบด้วย Project Loans และ Structural Adjustment Loans มีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 687 ล้านบาท ในขณะเดียวกันปีที่แล้วมีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 1,269 ล้านบาท ซึ่งเบิกจ่ายลดลง 582 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 45.9
- ดุลบัญชีนอกงบประมาณ (ประกอบด้วยกองทุนนอกงบประมาณและเงินฝากนอกงบประมาณ) ในช่วงไตรมาสที่ 2 เกินดุล 48,868 ล้านบาท เกินดุลลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่เกินดุล 47,281 ล้านบาท
- เมื่อรวมการขาดดุลเงินงบประมาณและการเกินดุลดุลบัญชีนอกงบประมาณ โดยหักรายจ่ายเงินกู้ต่างประเทศอีกจำนวน 687 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลการคลังรัฐบาลขาดดุลทั้งสิ้น 95,531 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 1.1 ของ GDP ) ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วเกินดุล 17,298 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.2 ของ GDP)
- ดุลการการคลังเบื้องต้น (Primary Balance) ในไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ 2550 ขาดดุลทั้งสิ้น 64,673 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.8 ของ GDP)ในขณะเดียวกันปีที่แล้วเกินดุล 43,116 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.6 ของ GDP)
2. ฐานะการคลังตามระบบ สศค. 6 เดือนแรก (ตุลาคม 2549 — มีนาคม 2550)
- รัฐบาลมีรายได้ทั้งสิ้น 613,749 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 7.2 ของ GDP) เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 6.6 โดยรายได้ที่จัดเก็บเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ได้แก่ ภาษีเบียร์ ภาษียาสูบ ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ภาษีสุรา ภาษีน้ำมัน ภาษีธุรกิจเฉพาะ และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา นอกจากนั้นการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2550 ก็สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมามาก
- ในช่วง 6 เดือนแรกมีเม็ดเงินที่รัฐบาลอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจทั้งสิ้น 737,379 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 8.7 ของ GDP) เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 5.3
- ดุลเงินงบประมาณในช่วง 6 เดือนแรกขาดดุล 123,630 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 1.5 ของ GDP) ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วขาดดุล 123,978 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 1.6 ของ GDP)
- รายจ่ายจากเงินกู้ต่างประเทศมีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 922 ล้านบาท ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วมีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 3,193 ล้านบาท ซึ่งเบิกจ่ายลดลง 2,271 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 71.1
- ดุลบัญชีนอกงบประมาณในช่วง 6 เดือนแรกเกินดุล 7,921 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.1 ของ GDP) ลดลงจากปีที่แล้วที่เกินดุล 9,893 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.1 ของ GDP) การเกินดุลของกองทุนนอกงบประมาณลดลงจากปีที่แล้ว เนื่องจากรายได้ของกองทุนขยายตัวตามปกติ ในขณะที่รายจ่ายดำเนินงานของกองทุนสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยกองทุนที่มีรายจ่ายเพิ่มขึ้น ได้แก่ กองทุนประกันสังคมโดยส่วนใหญ่เป็นรายจ่ายค่าบริหารสำนักงานและค่าประโยชน์ทดแทนที่ผู้ประกันตนมาขอใช้สิทธิ์เพิ่มมากขึ้น
- การเกินดุลเงินงบประมาณและดุลบัญชีนอกงบประมาณ เมื่อหักรายจ่ายเงินกู้ต่างประเทศอีกจำนวน 922 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลการคลังรัฐบาลขาดดุลทั้งสิ้น 116,631 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 1.4 ของ GDP) ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วขาดดุล 117,279 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 1.5 ของ GDP)
- ดุลการคลังเบื้องต้น (Primary Balance) ในระยะ 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2550 ขาดดุลทั้งสิ้น 66,817 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.8 ของ GDP)ในขณะเดียวกันปีที่แล้วขาดดุล 72,455 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.9 ของ GDP)
GDP ปีปฏิทิน 2549 7,813.1 พันล้านบาท GDP ปีปฏิทิน 2550 8,471.4 พันล้านบาท
ดุลการคลังเบื้องต้น คือ ดุลการคลังที่สะท้อนถึงผลการดำเนินงานของรัฐบาลและทิศทางของนโยบายการคลังของรัฐบาลอย่างแท้จริง โดยไม่รวมรายได้จากดอกเบี้ยรับ และรายจ่ายของดอกเบี้ยจ่าย และเงินชำระต้นเงินกู้
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 38/2550 9 พฤษภาคม 50--