คำต่อคำรายการตรงไปตรงมากับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ทางสถานีวิทยุ 101 ช่วงเวลา 08.00 — 08.30 น.
วันศุกร์ที่ 2 มีนาคม 2550
ผู้ดำเนินรายการ สวัสดีครับ / ค่ะ คุณอภิสิทธิ์
คุณอภิสิทธิ์ สวัสดีครับ
ผู้ดำเนินรายการ ในเรื่องของการปรับครม.นะคะคุณอภิสิทธิ์ ว่าจะปรับเล็กหรือจะปรับใหญ่ บางคนบอกว่าควรจะใช้สถานการณ์นี้ปรับรัฐมนตรีที่ไม่เข้าตาออกไปซะเลยคุณอภิสิทธิ์มีมุมมองอย่างไรบ้างคะ
คุณอภิสิทธิ์ ผมเป็นคนที่พูดตั้งแต่วันที่ท่านลาออกนะครับ ว่าอยากให้ท่านนายกฯ ใช้โอกาสนี้ในการ
ปรับใหญ่ ทีนี้ขออธิบายนิดนึงว่า คำว่าปรับใหญ่นี่ จะมาพิจารณากันอย่างไร สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือว่า ที่จริงก่อน
ท่านจะลาออก ต้องยอมรับว่ารัฐบาลก็เผชิญกับปัญหาในเรื่องของความเชื่อมมั่นและความนิยมอยู่แล้วนะครับ อัน
คงปฎิเสธไม่ได้ หลายสำนักที่ทำการสำรวจความคิดเห็นสื่อมวลชนที่สะท้อน นักวิชาการที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ก็
ตรงกันนะครับ เพราะฉะนั้นปัญหาวันนี้ ผมไม่อยากให้มองในลักษณะเป็นเรื่องของตัวบุคคลว่ากำลังขาดรัฐมนตรี
คลังหรือว่าหัวหน้าทีมเศรษฐกิจหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่อยากให้มองว่ารัฐบาลของท่านนายกฯสุรยุทธ์ มีเวลา
ทำงานอยู่อีกมากนะครับ ในขณะที่ความคาดหวังและก็ภาระกิจทั้งหลายที่ประชาชนอยากจะเห็นเกิดขึ้น ยังมีอีกมาก
ตัวท่านนายกฯ เองได้รับการยอมรับว่าเป็นคนที่มีความตั้งใจ เป็นคนที่มีความทุ่มเทนะครับ แล้วก็เป็นคนดี ดัง
นั้น ท่านอยู่ในสถานะที่จะใช้โอกาสนี้ในการพลิกฟื้นสถานการณ์ ซึ่งถ้าไม่ทำผมคิดว่ามันจะเกิด
เครื่องหมายคำถามเยอะมากและก็ผมมองไม่เห็นว่าปัญหาการลดลงของความเชื่อมั่นและความนิยมจะแก้ไขได้
อย่างไรนะครับ
ถามว่าทำไมปัญหานี้มันเกิดขึ้น นอกเหนือจากเรื่องที่อาจจะเป็นเรี่องภายในหรือเหตุการณ์
ที่ท่านม.ร.ว.ปรีดิยาธร ได้พูดถึงตอนที่ลาออก ซึ่งผมเชื่อท่านนะครับว่านั้นเป็นเหตุผลที่ท่านลาออกจริงๆ ก็ต้อง
บอกว่ามันมีอยู่หลายเรื่องนะครับ หนึ่งความเสียเปรียบในการที่ไม่ได้เป็นรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ไม่มี
ส.ส. ทำให้คนจำนวนมากมีความรู้สึกห่างเหินกับรัฐบาลนะครับ ปัญหาหลายอย่างโดยเฉพาะถ้ามองว่าการ
แก้ปัญหาความเดือดร้อนของเขายังไม่กระฉับกระเฉง ยังไม่ค่อยเข้าใจว่ากำลังทำอะไรนะครับ หรือจะไปในทิศทางไหน อันนี้คือประเด็นแรก
ประเด็นที่สองเนี่ยความเชื่อมั่นที่ได้รับผลกระทบมากก็มาจากปัญหาเรื่องของปัญหาทางด้านความมั่นคงและก็ความปลอดภัยนะครับ ทั้งเหตุการณ์ 3 จังหวัด ทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ นะครับ
ข้อสามก็คือว่าเศรษศฐกิจชะลอตัวอยู่แล้วนะครับ บวกกับมาตรการและก็นโยบายของรัฐบาลที่ออกมาแล้วมีปัญหานะครับ แล้วก็แน่นอนที่สุดพอหัวหน้าทีมเศรษฐกิจลาออกอีกก็เกิดความไม่แน่นอน ความหวั่นไหวมากขึ้นนะครับ และก็โดยสรุปก็จะต้องบอกว่าทำอย่างไรก็ได้ที่จะทำให้รัฐบาล เรียกความมั่นใจของประชาชนกลับมาโดยการแสดงออกว่ากำลังจะนำพาบ้านเมืองไปในทิศทางไหนด้วยความกระตือรือล้นนะครับ ต้องไม่ลืมว่าที่สุดแล้วภาระกิจหลักของรัฐบาลนี้ก็คือการปฎิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนะครับ
ที่นี้ถามว่าถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไร ผมก็เสนอว่ามีสองส่วน ส่วนหนึ่งคือเรื่องของการบริหารงานเรื่องคน ส่วนที่สองนะครับเรื่องของการทำงานและอาจจะมีแถมในเรื่องของการเมืองนิดหน่อย เรื่องคนผมมองอย่างนี้ครับว่า เอาละเดี๋ยวจะต้องมีการมาปรับปรุงในเรื่องของทีมเศรษฐกิจนะครับ ผมคิดว่าทีมเศรษฐกิจที่จะแก้ไขก็ควรจะได้มีการนำบุคลากรเข้ามาแล้วก็ทำให้มีความหลากหลายมากขึ้นนะครับ ต้องไม่ลืมว่าบุคลากรส่วนใหญ่ของรัฐบาลจะอยู่ในลักษณะของคนที่เติบโตมาจากแวดวงราชการเป็นหลักนะครับ ซึ่งอาจจะลองพิจารณาดูว่ามีบุคลากรที่มันมีประสบการณ์ทางด้านอื่นที่จะมาช่วยเสริมนะครับ ให้เกิดความครบถ้วนและมากน้อยแค่ไหน บุคคลที่มีชื่อเสียง มีความสามารถมีเยอะนะครับในประเทศไทย เพราะฉะนั้น ผมคิดว่าคงไม่มีปัญหาว่าหาใครไม่ได้ แต่สำคัญกว่านั้นก็คือว่า วันนี้ความเชื่อมั่นจะกลับมาคงไม่ได้อยู่ที่ชื่อเสียงของคนที่เข้ามาเท่านั้น แต่ว่าภายในระยะเวลาอันสั้น คนที่เข้ามาใหม่ต้องสามารถตอบได้เลยว่านโยบายทางด้านเศรษฐกิจอะไรบ้างที่จะเดินต่ออะไรบ้างที่จะทบทวน ซึ่งก็คงจะมีประเด็นที่จะต้องมาถกเถียงกันพอสมควร แต่ว่านอกจากวงตรงนี้แล้ว
ผมอยากเสนอให้มีการตั้งหรือมอบหมายคนที่เป็นรองนายกหรือรัฐมนตรีเฉพาะด้านเฉพาะกิจไปเลยนะครับ ด้านแรก ควรจะมีรัฐมนตรี คำว่ารัฐมนตรีผมจะใช้รวมว่าเป็นรองนายกก็ได้หรือใครก็ได้ ดูแลปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้
ผู้ดำเนินรายการ ดูแล 3 จังหวัดภาคใต้
คุณอภิสิทธิ์ มอมหมายกันให้ชัดไปเลยว่า ว่าจะมีบุคคลนี้แหละที่จะทำงานนะครับ โดยไปทำงานรับผิดชอบแล้วก็ขับเคลื่อน ศอ.บต. ในการที่จะเป็นแกนทำงานทางด้านนี้ให้เกิดความชัดเจนนะครับ สอง ผมเสนอว่าควรจะมีรัฐมนตรีที่ดูแลงานทางด้านมวลชน ซึ่งผมคิดว่าปัญหาที่จะต้องเผชิญก็เช่นปัญหาภัยแล้งนะครับ ก็ควรจะมีการมอบหมายรัฐมนตรีหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งในรัฐบาลเป็นการเฉพาะไปเลยว่าจะต้องแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้กับชาวบ้านอย่างทันเหตุการณ์ ผมเสนอด้วยว่าท่านรัฐมนตรีท่านนี้ ควรจะทำหน้าที่ในการทำงานใกล้ชิดกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมากขึ้นนะครับ เมื่อกี้ผมบอกว่ารัฐบาลนี้ไม่มี ส.ส. แต่ว่ารัฐบาลนี้สามารถที่จะดึงท้องถิ่นให้มาช่วยดูแลงาน จะเรียกว่ามวลชนสัมพันธ์ก็ได้ นี่คนที่สองแล้วนะครับ
คนที่สามต้องมีรัฐมนตรีที่มาทำงานในการวางรากฐานในเรื่องของประชาธิปไตย ผมไม่คิดว่าเราจะสามารถปฎิรูปการเมืองหรือแก้ปัญหาของระบอบประชาธิปไตยได้ โดยการร่างรัฐธรรมนูญอย่างเดียวนะครับ
สามรัฐมนตรีท่านนี้ควรจะมีภาระกิจเฉพาะก็คือ หนึ่ง ปฎิรูปสื่อ สอง ปฎิรูปตำรวจ สาม ทำให้ระบบราชการเนี่ย กลับมาอยู่ในระบบของคุณธรรมนะครับ
ท่านที่สี่นะครับ มีรัฐมนตรีเฉพาะที่ทำหน้าที่ในการประสานงานกับองค์กรตรวจสอบ คือ คตส. ปปช.นะครับ ท่านนี้ก็จะเป็นผู้ที่ดูแลว่าการทำงานทางด้านการตจรวจสอบไม่ล่าช้าอีกต่อไป มีอำนาจในการที่จะขับเคลื่อนเพื่อให้ราชการให้ความร่วมมือนะครับกับองค์กรเหล่านี้ เพราะฉะนั้นนอกเหนือจากเรื่องการปรับทีมเศรษฐกิจที่ว่าแล้ว ผมก็เห็นว่าควรจะต้องมีการดำเนินการในลักษณะนี้ นั้นคือเรื่องของคน
เรื่องที่เกี่ยวข้องกับแนวทางการทำงาน ผมอยากเห็นอย่างนี้ครับ ผมอยากเห็นท่านนายกฯ ถือโอกาส หลังจากที่มีการปรับ ซึ่งเมื่อสักครู่ที่ผมเสนอท่านจะใช้คนเดิมหรือท่านจะเอาคนใหม่ แล้วแต่ท่าน ผมไม่ไปก้าวล่วงในเรื่องว่า การพิจารณาที่ตัวบุคคล แต่ว่าหลังจากที่มีการตั้งแล้ว ผมอยากเสนอให้ท่านประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นการภายใน คือ หมายความว่าไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่ หรือข้าราชการเกี่ยวข้องเกี่ยวข้องไม่ต้องมีวาระ ประชุมเพื่อซักซ้อมว่า เหลือเวลาอีกหกเจ็ดเดือน มีอะไรบ้างที่ต้องทำให้เสร็จ อะไรบ้างที่ไม่ต้องทำแล้ว แล้วก็ถ้าสามารถเสร็จสิ้นการประชุมทำให้เกิดความเข้าใจร่วมกันว่างานของทุกท่านมันจะต้องมาขับเคลื่อนเพื่อภาระกิจหลักของรัฐบาลตรงนี้ คือ อย่าไปมองว่างานเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นงานที่ตัวเองไม่ต้องเข้าไปช่วยเข้าไปเกี่ยวข้อง แล้วก็ไปคิดว่าแต่ละคนก็มีงานเฉพาะตามสายงานของกระทรวง คือ ทำให้เกิดความรู้สึกร่วมว่ามีทิศทางรัฐบาลที่ชัดเจนว่าอยากจะทำอะไร ไม่อยากทำอะไรภายในช่วงระยะเวลาที่เหลือนะครับ แล้วก็อาจจะตอบออกมาได้ด้วยซ้ำว่าเป็นแผนทางด้านของกฎหมายนิติบัญญัติ กฎหมายไหนจะเสนอ กฎหมายไหนจะไม่เสนอใช่ไม๊ครับ เพราะมันมีเรื่องตั้งเยอะที่ค้างอยู่ว่า จะเอาไม่เอา เรื่องหวยบนดินบ้าง เรื่องเอฟทีเอ เรื่องอะไรต่างๆ คือทำให้เกิดความชัดเจนไปเลยนะครับ
แล้วก็การจะสะสางบางปัญหามันก็ควรจะมีทิศทางร่วมกันนะครับ เช่นกรณีชินแซท ไอทีวีนะครับ หรือนอมินีกุหลาบแก้ว ความจริงมันเรื่องเดียวกันหมด แต่ลักษณะที่เราเห็นการทำงานอยู่ในขณะนี้ มันเป็นต่างคนต่างทำต่างกระทรวง ต่างก็ดูไปเฉพาะเรื่อง ตามสถานการณ์ใช่ไม๊ครับ สุดท้ายนะครับ
ผมก็คิดว่ามันมีเรื่องที่ทางรัฐบาลกับคมช. น่าจะได้ปรึกษากันและกำหนดจุดยืนนะครับ ซึ่งผมก็เสนออย่างชัดเจนสองเรื่อง ว่าจะช่วยคลายบรรยากาศทางการเมือง หนึ่งคือเรื่องคำสั่งคปค.เรื่องพรรคการเมือง ซึ่งผมก็เสนอมาตลอดว่าน่าจะผ่อนคลายนะครับ โดยจะยกเลิกแบบมีเงื่อนไขก็อันนี้พูดกันหลายรอบแล้ว กับสองก็คือว่า รัฐบาลคมช.แสดงจุดยืนชัดเจนไปเลยว่ารัฐธรรมนูญที่สองส่วน คือ คมช.กับรัฐบาลต้องการที่หยิบยกขึ้นมาในกรณีที่จะต้องทำเช่นนั้นตามรัฐธรรมนูญเชื่อคราวนะครับ จะเป็นฉบับไหน อย่างไร ก็จะปัดปัญหา คลายบรรยากาศ เรื่องสืบทอดอำนาจหรือความเสี่ยงที่จะไปเผชิญกับประชาธิปไตยอะไรต่างๆ นะครับ เพราะฉะนั้นผมมองว่านี่เป็นโอกาสของนายกฯที่จะทำนะครับ แต่ว่าผมมองว่าถ้าคิดว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของการหาคนมาแทนท่านรองนายกฯ ท่านอดีตรองนายกฯรัฐมนตรีคลัง ผมว่านอกจากจะเสียโอกาสแล้ว ผมมองไม่ค่อยเห็นว่าจะมีโอกาสไหนอีกที่จะช่วยพลิกสถานการณ์ขณะนี้นะครับ ซึ่งจะทำให้เกิดความมั่นใจขึ้นมา
ผู้ดำเนินรายการ ครับ ครับ ต้องไม่ใช่แค่คิดว่า เป็นรัฐบาลที่เข้ามาแค่ประคับประคองสถานการณ์เท่านั้นนะครับ คือต้องมีเป้าหมายชัดเจนอย่างที่คุณอภิสิทธิ์บอกต้องมีภารกิจเป็นตัวตั้งนะครับ
คุณอภิสิทธิ์ คือจริงๆแล้วผมก็เชื่อว่าท่านเหล่านั้นนก็ไม่ได้คิดว่ามาประคับประคองนะครับ เพียงแต่ว่าด้วยเงื่อนไขทางด้านการเมืองการบริหารหรืออะไรก็แล้วแต่ พอมันเดินมาซักสามสี่เดือนมันอาจจะเกิดความล้าบ้าง ปัญหาความคาดหวังสังคมมันสูง ความขัดแย้งยังตกค้างอยู่มาก มันเลยเหมือนกับอยู่ในสภาพซึ่งทุกคนล้าไปหมดนะครับ ผมก็เชื่อว่า สองท่านสัมผัสอยู่กับคนในทุกแวดวง มันรู้สึกอย่างนั้นอยู่ เพราะฉะนั้นมันต้องมีอะไรที่จะกระตุ้นให้มันเกิดความรู้สึกเชื่อมั่นขึ้นมาว่า เอาละ มันยังเวลาพอที่จะทำของซึ่งคนอยากให้ทำอยู่ แล้วก็จะเดินต่อไปนะครับ โดยอาศัยสิ่งที่เป็น พูดง่ายๆก็คือว่า ตัวท่านนายกฯ ที่เป็นที่ยอมรับ ในเรื่องความตั้งใจทุ่มเทเพื่อส่วนรวม
ผู้ดำเนินรายการ คุณอภิสิทธิ์เองโดยส่วนตัวยังเชื่อมั่น พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ กับ พล.อ.สนธิ อยู่ไม๊ครับ ณ สถานการณ์ ณ วันนี้นะครับ
คุณอภิสิทธิ์ คือส่วนใหญ่เวลาคนมาถามเรื่องสองท่านนี้ เชื่อไม่เชื่อ จะถามเรื่องสืบทอดอำนาจ ซึ่งผมก็พูดมาตั้งแต่ต้นว่า ผมเชื่อสองท่านนี้ว่าไม่มีความคิดเช่นนั้นนะครับ แล้วก็ผมก็ยังเชื่อว่าสองท่านมีความตั้งใจแน่วแน่ว่าจะต้องมาแก้ไขปัญหานะครับ แต่ว่าการทำงาน ก็เป็นธรรมดานะครับ อาจจะมีพลาดบ้าง อาจจะมี ทุกคนก็มีจุดอ่อนทั้งนั้น ต้องยอมรับความเป็นจริงนะครับ แต่ว่าผมยังเชื่อว่าโดยภาพรวมของความตั้งใจดีของทั้งสองท่านนี้นะครับก็ยังเพียงพอที่จะเคลื่อนสถานการณ์ต่อไปได้ แต่ว่ามันก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งผมก็ได้นำเสนอไป แล้วก็เดี๋ยวช่วงประมาณใกล้ๆ เที่ยง ผมก็จะแถลงข่าวเรื่องนี้นะครับ เพื่อให้เห็นภาพรวมทั้งหมด
ผู้ดำเนินรายการ ประมาณช่วงเที่ยง หลังจากการเสวนาที่นิด้า
คุณอภิสิทธิ์ กำลังจะไปร่วมเสวนาในเรื่องของรัฐธรรมนูญก่อน
ผู้ดำเนินรายการ พอดีที่คุณอภิสิทธิ์กำลังจะไปสัมมนา จะพูดเรื่องรัฐธรรมนูญใช่ไม๊ครับ อันนี้มีข่าวว่ามีกลุ่มองค์กรหนึ่งตั้งธงนะครับ มีคำขวัญ ไม่รับ ไม่เอา ไม่ปลื้มรัฐธรรมนูญฉบับรัฐประหาร ความเคลื่อนไหวอย่างนี้น่าเป็นห่วงไม๊ครับ ในสายตาคุณอภิสิทธิ์
คุณอภิสิทธิ์ คือ มันเป็นความเคลื่อนไหวที่คาดหมายว่าจะต้องเกิดขึ้นอยู่แล้วนะครับ ที่นี้ถามว่าน่าเป็นห่วงแค่ไหน ผมว่าคำตอบสุดท้ายอยู่ที่ว่ารัฐธรรมนูญที่ สสร.จัดทำก็ดีนะครับ จุดยืนของรัฐบาลคมช.ต่อรัฐธรรมนูญก็ดี มันเป็นอย่างไร ซึ่งตัววัดสำคัญที่สุด คือเรื่องของความเป็นประชาธิปไตย ผมก็บอกง่ายๆว่า ถ้าสมมุติว่า สสร.ก็ดี แล้วรัฐบาลกับคมช.ทำอย่างที่ผมว่าเรื่องการประกาศจุดยืนเรื่องรัฐธรรมนูญ เห็นได้ชัดว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย มีเรื่องสิทธิเสรีภาพ การมีส่วนร่วมของประชาชน นายกฯมาจากการเลือกตั้ง ผมว่ามันก็ไม่น่ามีอะไรน่าห่วงถูกไม๊ครับ เพราะว่าคนที่เขาต้องการจะแสดงจุดยืนว่ายังไงก็ไม่รับรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาไม่ยอมรับการรัฐประหาร เขาก็สามารถแสดงจุดยืนได้ แต่ว่าประชนส่วนใหญ่ ถ้าเห็นว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นไม่ได้ไปกระทบกระเทือนในแง่ของสาระของประชาธิปไตยแล้วทำให้ถอยหลัง มันก็จะทำให้การต่อต้านนี้ มันเบาลงไป ถูกไม๊ครับ แต่ว่าถ้าสมมุติว่ารัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตย อันนี้แหละอย่าว่าแต่กลุ่มนี้เลย นึกออกไม๊ครับ อย่าว่าแต่กลุ่มนี้เลย มันก็จะเกิด โอ้โห ปัญหาที่คาดได้เลยว่าจะตามมามากมาย
ผู้ดำเนินรายการ คุย เรื่องปรับครม.อีกนิดนึงแล้วกันนะคะคุณอภิสิทธิ์ เพราะว่าตอนนรีร้ก็ต้องมองไปที่ตัวบุคคลนะคะ ว่าจะเป็นใคร ก็ครม.ชุดนี้ก็โดยครหาว่าเป็นขิงแก่จะลุ้นให้เป็นขิงเผ็ดกันขึ้นมา คุณอภิสิทธิ์คิดว่าน่าจะต้องเป็นผู้สูงวัย อายุไล่เลี่ยกัน น่าจะเป็นคนในวงการอื่นๆ ซึ่งบางคนอาจจะมีที่มาที่ไป เคยเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองแล้วมันอาจจะมีปัญหาหรือว่าจะไปหานักวิชาการยังไงดีคะ คุณอภิสิทธิ์
คุณอภิสิทธิ์ เรื่องคนแล้วใช่ไม๊ครับ คือ ผมก็ไม่อยากก้าวล่วงนะครับ แต่เมื่อกี้ที่พูดไปก็คือว่า ผมอยากเห็นความหลากหลายมากขึ้น อยากเห็นความหลากหลายมากขึ้น
ผู้ดำเนินรายการ แปลว่าความหลากหลายมากขึ้น หมายถึงจะต้องมีหลายช่วงอายุหรือคนมายังไงคะคุณอภิสิทธิ์
คุณอภิสิทธิ์ คือ อายุก็เป็นส่วนหนึ่ง แล้วก็ประสบการณ์ก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง นะครับ เพราะว่าประสบการณ์เนี่ยก็จะมีความค่อนข้างจะคล้ายๆ กันอยู่ในครม.ทั้งหมดในขณะนี้นะครับ เพราะฉะนั้น ถ้าเราได้ที่
ผู้ดำเนินรายการ ความหลากหลายกว่านี้
คุณอภิสิทธิ์ ครับ ก็จะทำให้มีความรอบด้านมากขึ้น
ผู้ดำเนินรายการ แล้วเรื่องการต่อเนื่องของนโยบายละคะ เพราะว่าถ้าปรับรัฐมนตรี
คุณอภิสิทธิ์ ก็ไม่รู้ว่าเราจะมีเวลาคุยกัน รายละเอียดแค่ไหน แต่เอาสาระสำคัญก่อนว่า ก่อนหน้านี้มันเกิดความวิตกกังวลกันขึ้นมาว่าชาวโลกสับสนเศรษฐกิจพอเพียงหรือเปล่า แล้วก็ปรากฎว่าก็ไปกังวลกันว่าจะต้องมีคนไปชี้แจง ที่จริงแล้วความสับสนมันไม่ได้เกิดขึ้นจากปัญหาการไม่ชี้แจง ที่จริงแล้วปัญหาความสับสนเกิดขึ้นจากมาตราการของรัฐบาล เพราะฉะนั้นที่ผมเคยติงเอาไว้เนี่ย เช่น เรื่องมาตราการ 30% ผมก็เสนอมาตั้งนานแล้วว่ายกเลิกนะครับ กฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ผมก็พูดชัดว่า ถ้าเราไม่แก้กฎหมายอื่นให้มันครบวงจร จนทำให้ชาวต่างชาติที่จะมาทำธุรกิจ ซึ่งเราก็อยากให้เขามาทำธุรกิจในหลายๆ เรื่อง กำหมายปัจจุบันก็ไม่ได้ห้ามเขาอยู่ แต่ว่าให้เขาเปิดเผยตรงไปตรงมาไม่ต้องใช้นอมินี มันต้องไปแก้กฎหมายอีกหลายฉบับ มันไม่ใช่แก้กฎหมายฉบับนี้ ฉะนั้นอย่าไปทำอะไรที่ทำให้เกิดความไม่แน่นอน ความไม่มั่นใจขึ้นมาอีกนะครับ หรือแม้กระทั่งวิธีการที่เราได้ใช้สิทธิ์ในเรื่องของการบังคับใช้สิทธิบัตรอะไรต่างๆ งั้นตรงนี้คือสิ่งที่ผมคิดว่า อยากให้ทบทวน
ผู้ดำเนินรายการ ค่ะ เอาล่ะค่ะ วันนี้ต้องขอบคุณนะคะ สวัสดีค่ะ
ผู้ดำเนินรายการ ขอบคุณมากครับคุณอภิสิทธิ์ครับ
ผู้ดำเนินรายการ ค่ะ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะค่ะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์นะคะ
******************************************
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 2 มี.ค. 2550--จบ--
ทางสถานีวิทยุ 101 ช่วงเวลา 08.00 — 08.30 น.
วันศุกร์ที่ 2 มีนาคม 2550
ผู้ดำเนินรายการ สวัสดีครับ / ค่ะ คุณอภิสิทธิ์
คุณอภิสิทธิ์ สวัสดีครับ
ผู้ดำเนินรายการ ในเรื่องของการปรับครม.นะคะคุณอภิสิทธิ์ ว่าจะปรับเล็กหรือจะปรับใหญ่ บางคนบอกว่าควรจะใช้สถานการณ์นี้ปรับรัฐมนตรีที่ไม่เข้าตาออกไปซะเลยคุณอภิสิทธิ์มีมุมมองอย่างไรบ้างคะ
คุณอภิสิทธิ์ ผมเป็นคนที่พูดตั้งแต่วันที่ท่านลาออกนะครับ ว่าอยากให้ท่านนายกฯ ใช้โอกาสนี้ในการ
ปรับใหญ่ ทีนี้ขออธิบายนิดนึงว่า คำว่าปรับใหญ่นี่ จะมาพิจารณากันอย่างไร สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือว่า ที่จริงก่อน
ท่านจะลาออก ต้องยอมรับว่ารัฐบาลก็เผชิญกับปัญหาในเรื่องของความเชื่อมมั่นและความนิยมอยู่แล้วนะครับ อัน
คงปฎิเสธไม่ได้ หลายสำนักที่ทำการสำรวจความคิดเห็นสื่อมวลชนที่สะท้อน นักวิชาการที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ก็
ตรงกันนะครับ เพราะฉะนั้นปัญหาวันนี้ ผมไม่อยากให้มองในลักษณะเป็นเรื่องของตัวบุคคลว่ากำลังขาดรัฐมนตรี
คลังหรือว่าหัวหน้าทีมเศรษฐกิจหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่อยากให้มองว่ารัฐบาลของท่านนายกฯสุรยุทธ์ มีเวลา
ทำงานอยู่อีกมากนะครับ ในขณะที่ความคาดหวังและก็ภาระกิจทั้งหลายที่ประชาชนอยากจะเห็นเกิดขึ้น ยังมีอีกมาก
ตัวท่านนายกฯ เองได้รับการยอมรับว่าเป็นคนที่มีความตั้งใจ เป็นคนที่มีความทุ่มเทนะครับ แล้วก็เป็นคนดี ดัง
นั้น ท่านอยู่ในสถานะที่จะใช้โอกาสนี้ในการพลิกฟื้นสถานการณ์ ซึ่งถ้าไม่ทำผมคิดว่ามันจะเกิด
เครื่องหมายคำถามเยอะมากและก็ผมมองไม่เห็นว่าปัญหาการลดลงของความเชื่อมั่นและความนิยมจะแก้ไขได้
อย่างไรนะครับ
ถามว่าทำไมปัญหานี้มันเกิดขึ้น นอกเหนือจากเรื่องที่อาจจะเป็นเรี่องภายในหรือเหตุการณ์
ที่ท่านม.ร.ว.ปรีดิยาธร ได้พูดถึงตอนที่ลาออก ซึ่งผมเชื่อท่านนะครับว่านั้นเป็นเหตุผลที่ท่านลาออกจริงๆ ก็ต้อง
บอกว่ามันมีอยู่หลายเรื่องนะครับ หนึ่งความเสียเปรียบในการที่ไม่ได้เป็นรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ไม่มี
ส.ส. ทำให้คนจำนวนมากมีความรู้สึกห่างเหินกับรัฐบาลนะครับ ปัญหาหลายอย่างโดยเฉพาะถ้ามองว่าการ
แก้ปัญหาความเดือดร้อนของเขายังไม่กระฉับกระเฉง ยังไม่ค่อยเข้าใจว่ากำลังทำอะไรนะครับ หรือจะไปในทิศทางไหน อันนี้คือประเด็นแรก
ประเด็นที่สองเนี่ยความเชื่อมั่นที่ได้รับผลกระทบมากก็มาจากปัญหาเรื่องของปัญหาทางด้านความมั่นคงและก็ความปลอดภัยนะครับ ทั้งเหตุการณ์ 3 จังหวัด ทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ นะครับ
ข้อสามก็คือว่าเศรษศฐกิจชะลอตัวอยู่แล้วนะครับ บวกกับมาตรการและก็นโยบายของรัฐบาลที่ออกมาแล้วมีปัญหานะครับ แล้วก็แน่นอนที่สุดพอหัวหน้าทีมเศรษฐกิจลาออกอีกก็เกิดความไม่แน่นอน ความหวั่นไหวมากขึ้นนะครับ และก็โดยสรุปก็จะต้องบอกว่าทำอย่างไรก็ได้ที่จะทำให้รัฐบาล เรียกความมั่นใจของประชาชนกลับมาโดยการแสดงออกว่ากำลังจะนำพาบ้านเมืองไปในทิศทางไหนด้วยความกระตือรือล้นนะครับ ต้องไม่ลืมว่าที่สุดแล้วภาระกิจหลักของรัฐบาลนี้ก็คือการปฎิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนะครับ
ที่นี้ถามว่าถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไร ผมก็เสนอว่ามีสองส่วน ส่วนหนึ่งคือเรื่องของการบริหารงานเรื่องคน ส่วนที่สองนะครับเรื่องของการทำงานและอาจจะมีแถมในเรื่องของการเมืองนิดหน่อย เรื่องคนผมมองอย่างนี้ครับว่า เอาละเดี๋ยวจะต้องมีการมาปรับปรุงในเรื่องของทีมเศรษฐกิจนะครับ ผมคิดว่าทีมเศรษฐกิจที่จะแก้ไขก็ควรจะได้มีการนำบุคลากรเข้ามาแล้วก็ทำให้มีความหลากหลายมากขึ้นนะครับ ต้องไม่ลืมว่าบุคลากรส่วนใหญ่ของรัฐบาลจะอยู่ในลักษณะของคนที่เติบโตมาจากแวดวงราชการเป็นหลักนะครับ ซึ่งอาจจะลองพิจารณาดูว่ามีบุคลากรที่มันมีประสบการณ์ทางด้านอื่นที่จะมาช่วยเสริมนะครับ ให้เกิดความครบถ้วนและมากน้อยแค่ไหน บุคคลที่มีชื่อเสียง มีความสามารถมีเยอะนะครับในประเทศไทย เพราะฉะนั้น ผมคิดว่าคงไม่มีปัญหาว่าหาใครไม่ได้ แต่สำคัญกว่านั้นก็คือว่า วันนี้ความเชื่อมั่นจะกลับมาคงไม่ได้อยู่ที่ชื่อเสียงของคนที่เข้ามาเท่านั้น แต่ว่าภายในระยะเวลาอันสั้น คนที่เข้ามาใหม่ต้องสามารถตอบได้เลยว่านโยบายทางด้านเศรษฐกิจอะไรบ้างที่จะเดินต่ออะไรบ้างที่จะทบทวน ซึ่งก็คงจะมีประเด็นที่จะต้องมาถกเถียงกันพอสมควร แต่ว่านอกจากวงตรงนี้แล้ว
ผมอยากเสนอให้มีการตั้งหรือมอบหมายคนที่เป็นรองนายกหรือรัฐมนตรีเฉพาะด้านเฉพาะกิจไปเลยนะครับ ด้านแรก ควรจะมีรัฐมนตรี คำว่ารัฐมนตรีผมจะใช้รวมว่าเป็นรองนายกก็ได้หรือใครก็ได้ ดูแลปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้
ผู้ดำเนินรายการ ดูแล 3 จังหวัดภาคใต้
คุณอภิสิทธิ์ มอมหมายกันให้ชัดไปเลยว่า ว่าจะมีบุคคลนี้แหละที่จะทำงานนะครับ โดยไปทำงานรับผิดชอบแล้วก็ขับเคลื่อน ศอ.บต. ในการที่จะเป็นแกนทำงานทางด้านนี้ให้เกิดความชัดเจนนะครับ สอง ผมเสนอว่าควรจะมีรัฐมนตรีที่ดูแลงานทางด้านมวลชน ซึ่งผมคิดว่าปัญหาที่จะต้องเผชิญก็เช่นปัญหาภัยแล้งนะครับ ก็ควรจะมีการมอบหมายรัฐมนตรีหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งในรัฐบาลเป็นการเฉพาะไปเลยว่าจะต้องแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้กับชาวบ้านอย่างทันเหตุการณ์ ผมเสนอด้วยว่าท่านรัฐมนตรีท่านนี้ ควรจะทำหน้าที่ในการทำงานใกล้ชิดกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมากขึ้นนะครับ เมื่อกี้ผมบอกว่ารัฐบาลนี้ไม่มี ส.ส. แต่ว่ารัฐบาลนี้สามารถที่จะดึงท้องถิ่นให้มาช่วยดูแลงาน จะเรียกว่ามวลชนสัมพันธ์ก็ได้ นี่คนที่สองแล้วนะครับ
คนที่สามต้องมีรัฐมนตรีที่มาทำงานในการวางรากฐานในเรื่องของประชาธิปไตย ผมไม่คิดว่าเราจะสามารถปฎิรูปการเมืองหรือแก้ปัญหาของระบอบประชาธิปไตยได้ โดยการร่างรัฐธรรมนูญอย่างเดียวนะครับ
สามรัฐมนตรีท่านนี้ควรจะมีภาระกิจเฉพาะก็คือ หนึ่ง ปฎิรูปสื่อ สอง ปฎิรูปตำรวจ สาม ทำให้ระบบราชการเนี่ย กลับมาอยู่ในระบบของคุณธรรมนะครับ
ท่านที่สี่นะครับ มีรัฐมนตรีเฉพาะที่ทำหน้าที่ในการประสานงานกับองค์กรตรวจสอบ คือ คตส. ปปช.นะครับ ท่านนี้ก็จะเป็นผู้ที่ดูแลว่าการทำงานทางด้านการตจรวจสอบไม่ล่าช้าอีกต่อไป มีอำนาจในการที่จะขับเคลื่อนเพื่อให้ราชการให้ความร่วมมือนะครับกับองค์กรเหล่านี้ เพราะฉะนั้นนอกเหนือจากเรื่องการปรับทีมเศรษฐกิจที่ว่าแล้ว ผมก็เห็นว่าควรจะต้องมีการดำเนินการในลักษณะนี้ นั้นคือเรื่องของคน
เรื่องที่เกี่ยวข้องกับแนวทางการทำงาน ผมอยากเห็นอย่างนี้ครับ ผมอยากเห็นท่านนายกฯ ถือโอกาส หลังจากที่มีการปรับ ซึ่งเมื่อสักครู่ที่ผมเสนอท่านจะใช้คนเดิมหรือท่านจะเอาคนใหม่ แล้วแต่ท่าน ผมไม่ไปก้าวล่วงในเรื่องว่า การพิจารณาที่ตัวบุคคล แต่ว่าหลังจากที่มีการตั้งแล้ว ผมอยากเสนอให้ท่านประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นการภายใน คือ หมายความว่าไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่ หรือข้าราชการเกี่ยวข้องเกี่ยวข้องไม่ต้องมีวาระ ประชุมเพื่อซักซ้อมว่า เหลือเวลาอีกหกเจ็ดเดือน มีอะไรบ้างที่ต้องทำให้เสร็จ อะไรบ้างที่ไม่ต้องทำแล้ว แล้วก็ถ้าสามารถเสร็จสิ้นการประชุมทำให้เกิดความเข้าใจร่วมกันว่างานของทุกท่านมันจะต้องมาขับเคลื่อนเพื่อภาระกิจหลักของรัฐบาลตรงนี้ คือ อย่าไปมองว่างานเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นงานที่ตัวเองไม่ต้องเข้าไปช่วยเข้าไปเกี่ยวข้อง แล้วก็ไปคิดว่าแต่ละคนก็มีงานเฉพาะตามสายงานของกระทรวง คือ ทำให้เกิดความรู้สึกร่วมว่ามีทิศทางรัฐบาลที่ชัดเจนว่าอยากจะทำอะไร ไม่อยากทำอะไรภายในช่วงระยะเวลาที่เหลือนะครับ แล้วก็อาจจะตอบออกมาได้ด้วยซ้ำว่าเป็นแผนทางด้านของกฎหมายนิติบัญญัติ กฎหมายไหนจะเสนอ กฎหมายไหนจะไม่เสนอใช่ไม๊ครับ เพราะมันมีเรื่องตั้งเยอะที่ค้างอยู่ว่า จะเอาไม่เอา เรื่องหวยบนดินบ้าง เรื่องเอฟทีเอ เรื่องอะไรต่างๆ คือทำให้เกิดความชัดเจนไปเลยนะครับ
แล้วก็การจะสะสางบางปัญหามันก็ควรจะมีทิศทางร่วมกันนะครับ เช่นกรณีชินแซท ไอทีวีนะครับ หรือนอมินีกุหลาบแก้ว ความจริงมันเรื่องเดียวกันหมด แต่ลักษณะที่เราเห็นการทำงานอยู่ในขณะนี้ มันเป็นต่างคนต่างทำต่างกระทรวง ต่างก็ดูไปเฉพาะเรื่อง ตามสถานการณ์ใช่ไม๊ครับ สุดท้ายนะครับ
ผมก็คิดว่ามันมีเรื่องที่ทางรัฐบาลกับคมช. น่าจะได้ปรึกษากันและกำหนดจุดยืนนะครับ ซึ่งผมก็เสนออย่างชัดเจนสองเรื่อง ว่าจะช่วยคลายบรรยากาศทางการเมือง หนึ่งคือเรื่องคำสั่งคปค.เรื่องพรรคการเมือง ซึ่งผมก็เสนอมาตลอดว่าน่าจะผ่อนคลายนะครับ โดยจะยกเลิกแบบมีเงื่อนไขก็อันนี้พูดกันหลายรอบแล้ว กับสองก็คือว่า รัฐบาลคมช.แสดงจุดยืนชัดเจนไปเลยว่ารัฐธรรมนูญที่สองส่วน คือ คมช.กับรัฐบาลต้องการที่หยิบยกขึ้นมาในกรณีที่จะต้องทำเช่นนั้นตามรัฐธรรมนูญเชื่อคราวนะครับ จะเป็นฉบับไหน อย่างไร ก็จะปัดปัญหา คลายบรรยากาศ เรื่องสืบทอดอำนาจหรือความเสี่ยงที่จะไปเผชิญกับประชาธิปไตยอะไรต่างๆ นะครับ เพราะฉะนั้นผมมองว่านี่เป็นโอกาสของนายกฯที่จะทำนะครับ แต่ว่าผมมองว่าถ้าคิดว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของการหาคนมาแทนท่านรองนายกฯ ท่านอดีตรองนายกฯรัฐมนตรีคลัง ผมว่านอกจากจะเสียโอกาสแล้ว ผมมองไม่ค่อยเห็นว่าจะมีโอกาสไหนอีกที่จะช่วยพลิกสถานการณ์ขณะนี้นะครับ ซึ่งจะทำให้เกิดความมั่นใจขึ้นมา
ผู้ดำเนินรายการ ครับ ครับ ต้องไม่ใช่แค่คิดว่า เป็นรัฐบาลที่เข้ามาแค่ประคับประคองสถานการณ์เท่านั้นนะครับ คือต้องมีเป้าหมายชัดเจนอย่างที่คุณอภิสิทธิ์บอกต้องมีภารกิจเป็นตัวตั้งนะครับ
คุณอภิสิทธิ์ คือจริงๆแล้วผมก็เชื่อว่าท่านเหล่านั้นนก็ไม่ได้คิดว่ามาประคับประคองนะครับ เพียงแต่ว่าด้วยเงื่อนไขทางด้านการเมืองการบริหารหรืออะไรก็แล้วแต่ พอมันเดินมาซักสามสี่เดือนมันอาจจะเกิดความล้าบ้าง ปัญหาความคาดหวังสังคมมันสูง ความขัดแย้งยังตกค้างอยู่มาก มันเลยเหมือนกับอยู่ในสภาพซึ่งทุกคนล้าไปหมดนะครับ ผมก็เชื่อว่า สองท่านสัมผัสอยู่กับคนในทุกแวดวง มันรู้สึกอย่างนั้นอยู่ เพราะฉะนั้นมันต้องมีอะไรที่จะกระตุ้นให้มันเกิดความรู้สึกเชื่อมั่นขึ้นมาว่า เอาละ มันยังเวลาพอที่จะทำของซึ่งคนอยากให้ทำอยู่ แล้วก็จะเดินต่อไปนะครับ โดยอาศัยสิ่งที่เป็น พูดง่ายๆก็คือว่า ตัวท่านนายกฯ ที่เป็นที่ยอมรับ ในเรื่องความตั้งใจทุ่มเทเพื่อส่วนรวม
ผู้ดำเนินรายการ คุณอภิสิทธิ์เองโดยส่วนตัวยังเชื่อมั่น พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ กับ พล.อ.สนธิ อยู่ไม๊ครับ ณ สถานการณ์ ณ วันนี้นะครับ
คุณอภิสิทธิ์ คือส่วนใหญ่เวลาคนมาถามเรื่องสองท่านนี้ เชื่อไม่เชื่อ จะถามเรื่องสืบทอดอำนาจ ซึ่งผมก็พูดมาตั้งแต่ต้นว่า ผมเชื่อสองท่านนี้ว่าไม่มีความคิดเช่นนั้นนะครับ แล้วก็ผมก็ยังเชื่อว่าสองท่านมีความตั้งใจแน่วแน่ว่าจะต้องมาแก้ไขปัญหานะครับ แต่ว่าการทำงาน ก็เป็นธรรมดานะครับ อาจจะมีพลาดบ้าง อาจจะมี ทุกคนก็มีจุดอ่อนทั้งนั้น ต้องยอมรับความเป็นจริงนะครับ แต่ว่าผมยังเชื่อว่าโดยภาพรวมของความตั้งใจดีของทั้งสองท่านนี้นะครับก็ยังเพียงพอที่จะเคลื่อนสถานการณ์ต่อไปได้ แต่ว่ามันก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งผมก็ได้นำเสนอไป แล้วก็เดี๋ยวช่วงประมาณใกล้ๆ เที่ยง ผมก็จะแถลงข่าวเรื่องนี้นะครับ เพื่อให้เห็นภาพรวมทั้งหมด
ผู้ดำเนินรายการ ประมาณช่วงเที่ยง หลังจากการเสวนาที่นิด้า
คุณอภิสิทธิ์ กำลังจะไปร่วมเสวนาในเรื่องของรัฐธรรมนูญก่อน
ผู้ดำเนินรายการ พอดีที่คุณอภิสิทธิ์กำลังจะไปสัมมนา จะพูดเรื่องรัฐธรรมนูญใช่ไม๊ครับ อันนี้มีข่าวว่ามีกลุ่มองค์กรหนึ่งตั้งธงนะครับ มีคำขวัญ ไม่รับ ไม่เอา ไม่ปลื้มรัฐธรรมนูญฉบับรัฐประหาร ความเคลื่อนไหวอย่างนี้น่าเป็นห่วงไม๊ครับ ในสายตาคุณอภิสิทธิ์
คุณอภิสิทธิ์ คือ มันเป็นความเคลื่อนไหวที่คาดหมายว่าจะต้องเกิดขึ้นอยู่แล้วนะครับ ที่นี้ถามว่าน่าเป็นห่วงแค่ไหน ผมว่าคำตอบสุดท้ายอยู่ที่ว่ารัฐธรรมนูญที่ สสร.จัดทำก็ดีนะครับ จุดยืนของรัฐบาลคมช.ต่อรัฐธรรมนูญก็ดี มันเป็นอย่างไร ซึ่งตัววัดสำคัญที่สุด คือเรื่องของความเป็นประชาธิปไตย ผมก็บอกง่ายๆว่า ถ้าสมมุติว่า สสร.ก็ดี แล้วรัฐบาลกับคมช.ทำอย่างที่ผมว่าเรื่องการประกาศจุดยืนเรื่องรัฐธรรมนูญ เห็นได้ชัดว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย มีเรื่องสิทธิเสรีภาพ การมีส่วนร่วมของประชาชน นายกฯมาจากการเลือกตั้ง ผมว่ามันก็ไม่น่ามีอะไรน่าห่วงถูกไม๊ครับ เพราะว่าคนที่เขาต้องการจะแสดงจุดยืนว่ายังไงก็ไม่รับรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาไม่ยอมรับการรัฐประหาร เขาก็สามารถแสดงจุดยืนได้ แต่ว่าประชนส่วนใหญ่ ถ้าเห็นว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นไม่ได้ไปกระทบกระเทือนในแง่ของสาระของประชาธิปไตยแล้วทำให้ถอยหลัง มันก็จะทำให้การต่อต้านนี้ มันเบาลงไป ถูกไม๊ครับ แต่ว่าถ้าสมมุติว่ารัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตย อันนี้แหละอย่าว่าแต่กลุ่มนี้เลย นึกออกไม๊ครับ อย่าว่าแต่กลุ่มนี้เลย มันก็จะเกิด โอ้โห ปัญหาที่คาดได้เลยว่าจะตามมามากมาย
ผู้ดำเนินรายการ คุย เรื่องปรับครม.อีกนิดนึงแล้วกันนะคะคุณอภิสิทธิ์ เพราะว่าตอนนรีร้ก็ต้องมองไปที่ตัวบุคคลนะคะ ว่าจะเป็นใคร ก็ครม.ชุดนี้ก็โดยครหาว่าเป็นขิงแก่จะลุ้นให้เป็นขิงเผ็ดกันขึ้นมา คุณอภิสิทธิ์คิดว่าน่าจะต้องเป็นผู้สูงวัย อายุไล่เลี่ยกัน น่าจะเป็นคนในวงการอื่นๆ ซึ่งบางคนอาจจะมีที่มาที่ไป เคยเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองแล้วมันอาจจะมีปัญหาหรือว่าจะไปหานักวิชาการยังไงดีคะ คุณอภิสิทธิ์
คุณอภิสิทธิ์ เรื่องคนแล้วใช่ไม๊ครับ คือ ผมก็ไม่อยากก้าวล่วงนะครับ แต่เมื่อกี้ที่พูดไปก็คือว่า ผมอยากเห็นความหลากหลายมากขึ้น อยากเห็นความหลากหลายมากขึ้น
ผู้ดำเนินรายการ แปลว่าความหลากหลายมากขึ้น หมายถึงจะต้องมีหลายช่วงอายุหรือคนมายังไงคะคุณอภิสิทธิ์
คุณอภิสิทธิ์ คือ อายุก็เป็นส่วนหนึ่ง แล้วก็ประสบการณ์ก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง นะครับ เพราะว่าประสบการณ์เนี่ยก็จะมีความค่อนข้างจะคล้ายๆ กันอยู่ในครม.ทั้งหมดในขณะนี้นะครับ เพราะฉะนั้น ถ้าเราได้ที่
ผู้ดำเนินรายการ ความหลากหลายกว่านี้
คุณอภิสิทธิ์ ครับ ก็จะทำให้มีความรอบด้านมากขึ้น
ผู้ดำเนินรายการ แล้วเรื่องการต่อเนื่องของนโยบายละคะ เพราะว่าถ้าปรับรัฐมนตรี
คุณอภิสิทธิ์ ก็ไม่รู้ว่าเราจะมีเวลาคุยกัน รายละเอียดแค่ไหน แต่เอาสาระสำคัญก่อนว่า ก่อนหน้านี้มันเกิดความวิตกกังวลกันขึ้นมาว่าชาวโลกสับสนเศรษฐกิจพอเพียงหรือเปล่า แล้วก็ปรากฎว่าก็ไปกังวลกันว่าจะต้องมีคนไปชี้แจง ที่จริงแล้วความสับสนมันไม่ได้เกิดขึ้นจากปัญหาการไม่ชี้แจง ที่จริงแล้วปัญหาความสับสนเกิดขึ้นจากมาตราการของรัฐบาล เพราะฉะนั้นที่ผมเคยติงเอาไว้เนี่ย เช่น เรื่องมาตราการ 30% ผมก็เสนอมาตั้งนานแล้วว่ายกเลิกนะครับ กฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ผมก็พูดชัดว่า ถ้าเราไม่แก้กฎหมายอื่นให้มันครบวงจร จนทำให้ชาวต่างชาติที่จะมาทำธุรกิจ ซึ่งเราก็อยากให้เขามาทำธุรกิจในหลายๆ เรื่อง กำหมายปัจจุบันก็ไม่ได้ห้ามเขาอยู่ แต่ว่าให้เขาเปิดเผยตรงไปตรงมาไม่ต้องใช้นอมินี มันต้องไปแก้กฎหมายอีกหลายฉบับ มันไม่ใช่แก้กฎหมายฉบับนี้ ฉะนั้นอย่าไปทำอะไรที่ทำให้เกิดความไม่แน่นอน ความไม่มั่นใจขึ้นมาอีกนะครับ หรือแม้กระทั่งวิธีการที่เราได้ใช้สิทธิ์ในเรื่องของการบังคับใช้สิทธิบัตรอะไรต่างๆ งั้นตรงนี้คือสิ่งที่ผมคิดว่า อยากให้ทบทวน
ผู้ดำเนินรายการ ค่ะ เอาล่ะค่ะ วันนี้ต้องขอบคุณนะคะ สวัสดีค่ะ
ผู้ดำเนินรายการ ขอบคุณมากครับคุณอภิสิทธิ์ครับ
ผู้ดำเนินรายการ ค่ะ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะค่ะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์นะคะ
******************************************
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 2 มี.ค. 2550--จบ--