ปชป.ยกพลบุกเหนือ ประชุมสาขาพรรค
ที่จ.พิษณุโลก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การประชุมสาขาพรรคในภาคเหนือที่จัดขึ้นที่ จ.พิษณุโลก ในวันที่ 13 ก.ค. ว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในการประชุมสาขาพรรคภายหลังการปฏิวัติ ซึ่ง เนื้อหาในการประชุมวันนี้จะเป็นการขอความร่วมมือในสาขาพรรคในภาคเหนือ 5 ประเด็นด้วยกัน คือ 1. ให้แกนนำสาขาพรรคไปคัดเลือกตัวผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งในเขต โดยเฉพาะ คนรุ่นใหม่ที่สนใจเล่นการเมือง 2. ให้สำรวจว่าในพื้นที่มีประชาชนที่ชื่นชอบพรรคเท่าใด และหากมีความพร้อมในการจัดงานระดมทุนในพื้นที่ก็สามารถดำเนินการเพื่อหาทุนในการเลือกตั้งได้เลย 3 หากมีประชาชนที่สนใจอยากสมัครเป็นสมาชิพรรค ให้ประธานสาขาพรรคนำใบสมัครไปให้ประชาชนสมัครสมาชิก 4 จะมีการแจ้งในที่ประชุม ว่า ในวันที่ 20-21 ก.ค.นี้ จะมีการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคที่กรุงเทพฯ ให้ประธานสาขาพรรคไปหารือว่า ในพื้นที่ควรจะมีการวางนโยบายในแต่ละพื้นที่อย่างไร เพื่อเสนอที่ประชุมใหญ่พรรคสำหรับจัดทำนโยบายต่อไป 5 พรรคได้ประกาศจุดยืนว่าจะรับร่างรัฐธรรมนูญ จึงให้ประธานสาขาพรรคไปศึกษาร่างรัฐธรรมนูญ และมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น จากนั้นให้ไปอธิบายถึงข้อดีข้อเสียกับประชาชน อย่างไรก็จะไม่มีการชี้นำ เพราะหากประชาชนต้องการให้มีการเลือกตั้ง ตามกำหนดที่พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีประกาศไว้ ก็ต้องรับร่างรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า ในการหาตัวผู้สมัครในภาเหนือที่ถือเป็นฐานเสียงของพรรคไทยรักไทยเดิม นายสุเทพ กล่าวว่า พรรคได้กำหนดให้วันที่ 15 ก.ย.50 เป็นวันสุดท้ายที่พรรคจะวางตัวผู้สมัครเลือกตั้งทั่วไประเทศ ซึ่งพรรคมีขั้นตอนการสรรหาเริ่มจากให้ประธานสาขาพรรค หาผู้สมัคร และเข้าสู่การพิจาณาของคณะกรรมการสาขาพรรคจากนั้นจะมีการชี้ขาดในที่ประชุมใหญ่คณะกรรมการชุดใหญ่ที่มี นายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นประธาน
อย่างไรก็ตามขณะนี้มีอดีต ส.ส.ของ พรรคไทยรักไทย จำนวน 2-3 คน และอดีต ส.ว.มาร่วมกับพรรคจำนวนหนึ่ง แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งเท่าที่สังเกตพบว่า ผู้สมัครใหม่ของพรรคมีความตั้งใจเป็นอย่างมาก ซึ่งทางพรรคก็ไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะได้ส.ส.เพิ่มขึ้นหรือไม่ แต่มั่นว่า จะได้มากกว่าเดิมเกินครึ่ง นอกจากนี้ จากการพูดคุยกับทางสภาหอการค้าพิษณุโลก สมาคมท่องเที่ยวและ สภาอุตสาหกรรม ทำให้ทราบว่าประชาชนในพื้นที่ คาดหวังที่จะให้มีการเลือกตั้งและได้รัฐบาลใหม่ที่เข้ามาดูแลปัญหาเรื่องการศึกษา การจัดการระบบขนส่ง และ มีคำตอบในการแก้ไขปัญหา 3 จังวัดชายแดนใต้ ซึ่งสิ่งที่ประชาชนสะท้อนมานั้นตรงกับความคิดของพรรคที่ได้วางไว้
เมื่อถามว่ากรณีที่ นายบรรหาร ศิลปะอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยระบุว่า หาก พล.อ.สนธิ ลงเล่นการเมืองจะให้เป็นหัวหน้าพรรคเลย นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่วาจะอยู่พรรคไหนก็จะเป็นคู่แข่งแน่นอน แต่ว่า จะเป็นการแข่งขันในมิติใหม่ทางการเมือง ที่ไม่มีความรุนแรงและไม่มีการเป็นศัตรูกัน แต่จะเป็นการแข่งขันในด้านการชูนโยบาย ซึ่งหากใครได้เป็นรัฐบาลก็จะมีความร่วมมือในการทำงาน ซึ่งที่ระบุว่าพรรคเล่นการเมืองในระบบตอบโต้ ขณะนี้พรรคก็มีการปรับตัวมากขึ้น โดยทำการเมืองแบบสร้างสรรค์
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 14 ก.ค. 2550--จบ--
ที่จ.พิษณุโลก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การประชุมสาขาพรรคในภาคเหนือที่จัดขึ้นที่ จ.พิษณุโลก ในวันที่ 13 ก.ค. ว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในการประชุมสาขาพรรคภายหลังการปฏิวัติ ซึ่ง เนื้อหาในการประชุมวันนี้จะเป็นการขอความร่วมมือในสาขาพรรคในภาคเหนือ 5 ประเด็นด้วยกัน คือ 1. ให้แกนนำสาขาพรรคไปคัดเลือกตัวผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งในเขต โดยเฉพาะ คนรุ่นใหม่ที่สนใจเล่นการเมือง 2. ให้สำรวจว่าในพื้นที่มีประชาชนที่ชื่นชอบพรรคเท่าใด และหากมีความพร้อมในการจัดงานระดมทุนในพื้นที่ก็สามารถดำเนินการเพื่อหาทุนในการเลือกตั้งได้เลย 3 หากมีประชาชนที่สนใจอยากสมัครเป็นสมาชิพรรค ให้ประธานสาขาพรรคนำใบสมัครไปให้ประชาชนสมัครสมาชิก 4 จะมีการแจ้งในที่ประชุม ว่า ในวันที่ 20-21 ก.ค.นี้ จะมีการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคที่กรุงเทพฯ ให้ประธานสาขาพรรคไปหารือว่า ในพื้นที่ควรจะมีการวางนโยบายในแต่ละพื้นที่อย่างไร เพื่อเสนอที่ประชุมใหญ่พรรคสำหรับจัดทำนโยบายต่อไป 5 พรรคได้ประกาศจุดยืนว่าจะรับร่างรัฐธรรมนูญ จึงให้ประธานสาขาพรรคไปศึกษาร่างรัฐธรรมนูญ และมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น จากนั้นให้ไปอธิบายถึงข้อดีข้อเสียกับประชาชน อย่างไรก็จะไม่มีการชี้นำ เพราะหากประชาชนต้องการให้มีการเลือกตั้ง ตามกำหนดที่พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีประกาศไว้ ก็ต้องรับร่างรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า ในการหาตัวผู้สมัครในภาเหนือที่ถือเป็นฐานเสียงของพรรคไทยรักไทยเดิม นายสุเทพ กล่าวว่า พรรคได้กำหนดให้วันที่ 15 ก.ย.50 เป็นวันสุดท้ายที่พรรคจะวางตัวผู้สมัครเลือกตั้งทั่วไประเทศ ซึ่งพรรคมีขั้นตอนการสรรหาเริ่มจากให้ประธานสาขาพรรค หาผู้สมัคร และเข้าสู่การพิจาณาของคณะกรรมการสาขาพรรคจากนั้นจะมีการชี้ขาดในที่ประชุมใหญ่คณะกรรมการชุดใหญ่ที่มี นายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นประธาน
อย่างไรก็ตามขณะนี้มีอดีต ส.ส.ของ พรรคไทยรักไทย จำนวน 2-3 คน และอดีต ส.ว.มาร่วมกับพรรคจำนวนหนึ่ง แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งเท่าที่สังเกตพบว่า ผู้สมัครใหม่ของพรรคมีความตั้งใจเป็นอย่างมาก ซึ่งทางพรรคก็ไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะได้ส.ส.เพิ่มขึ้นหรือไม่ แต่มั่นว่า จะได้มากกว่าเดิมเกินครึ่ง นอกจากนี้ จากการพูดคุยกับทางสภาหอการค้าพิษณุโลก สมาคมท่องเที่ยวและ สภาอุตสาหกรรม ทำให้ทราบว่าประชาชนในพื้นที่ คาดหวังที่จะให้มีการเลือกตั้งและได้รัฐบาลใหม่ที่เข้ามาดูแลปัญหาเรื่องการศึกษา การจัดการระบบขนส่ง และ มีคำตอบในการแก้ไขปัญหา 3 จังวัดชายแดนใต้ ซึ่งสิ่งที่ประชาชนสะท้อนมานั้นตรงกับความคิดของพรรคที่ได้วางไว้
เมื่อถามว่ากรณีที่ นายบรรหาร ศิลปะอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยระบุว่า หาก พล.อ.สนธิ ลงเล่นการเมืองจะให้เป็นหัวหน้าพรรคเลย นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่วาจะอยู่พรรคไหนก็จะเป็นคู่แข่งแน่นอน แต่ว่า จะเป็นการแข่งขันในมิติใหม่ทางการเมือง ที่ไม่มีความรุนแรงและไม่มีการเป็นศัตรูกัน แต่จะเป็นการแข่งขันในด้านการชูนโยบาย ซึ่งหากใครได้เป็นรัฐบาลก็จะมีความร่วมมือในการทำงาน ซึ่งที่ระบุว่าพรรคเล่นการเมืองในระบบตอบโต้ ขณะนี้พรรคก็มีการปรับตัวมากขึ้น โดยทำการเมืองแบบสร้างสรรค์
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 14 ก.ค. 2550--จบ--