สัมภาษณ์ : ตรงไปตรงมากับ 'อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ' 13 กรกฎาคม 50

คำต่อคำรายการตรงไปตรงมากับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ทางสถานีวิทยุ 101 ช่วงเวลา 08.00 — 08.30 น.
วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม 2550
ผู้ดำเนินรายการ เราไปที่คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กันนะครับ สวัสดีครับคุณอภิสิทธิ์ครับ สวัสดีครับค่ะ คุณอภิสิทธิ์คะ
คุณอภิสิทธิ์ สวัสดีครับ ต้องขออภัยนะครับว่าสัปดาห์ที่แล้ว ก็อยู่ต่างประเทศ และก็ขณะนี้กำลังเดินทางมาที่อุตรดิตถ์นะครับ สัญญาณโทรศัพท์เพิ่งจะกลับคืนมาครับ
ผู้ดำเนินรายการ ค่ะ เช้าวันนี้ เขาเริ่มคึกคักกันเรื่องที่จะเปิดตัวผู้สมัครของพรรคต่าง ๆ แล้วนะคะ คุณอภิสิทธิ์ พรรคประชาธิปัตย์ก็พร้อมที่จะเปิดตัวแล้วใช่ไม๊คะ ได้จำนวนผู้ที่จะลงสมัคร ส.ส. กันครบถ้วนหรือยังคะ
คุณอภิสิทธิ์ ในแง่ของตัวบุคลากรนะครับ ไม่ว่าจะเป็นในระบบบัญชีรายชื่อหรือว่าระบบเขต ก็มีอยู่มากทีเดียวแล้วแต่ว่าเนื่องจากเรื่องเขตเลือกตั้งยังไม่แน่นอนนะครับ เพราะฉะนั้นเรื่องของการเปิดตัว ผมคิดว่าคงเป็นเรื่องที่ต้องรอความชัดเจนตรงนั้นเสียก่อนนะครับ แต่ว่าสิ่งที่เดินหน้าทำเต็มที่จะเป็นเรื่องของวาระประชาชนนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือการออกมาพบปะกับประชาชนในทุกภาค เพื่อให้ได้แนวนโยบายที่จะช่วยฟื้นเศรษฐกิจ และก็ช่วยให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ต้องยอมรับว่าปัญหาต่าง ๆ ก็รุนแรงขึ้น เมื่อกี้เข้าใจว่าคุณกันอยู่เรื่องของโรงงานใช่ไม๊ครับ ก็มีจะมีภาพสะท้อนว่าสภาวะเศรษฐกิจก็ยังเป็นปัญหาอยู่มาก ที่ผมไปพบกับนักลงทุนต่างประเทศ เขาก็มีความเชื่อว่าพื้นฐานทางเศรษฐกิจเราก็ยังไปได้แต่ว่าต้องให้สถานการณ์บ้านเมืองมีความชัดเจนแล้วก็รัฐบาลที่จะเข้ามาก็ต้อง เร่งลงมือทำงานได้ทันที มองเห็นภาพใหญ่นะครับว่า จะต้องดำเนินการอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือเรื่องของภาพใหญ่ของการที่จะให้เกิดการลงทุนในประเทศของเรา และก็ทำให้เกิดความสมดุลย์ ขณะนี้ก็คืออย่างที่เคยพูดมาหลายครั้งว่าเศรษฐกิจเราปีนี้ โตด้วยการขยายตัวทางการส่งออกอย่างเดียว แต่ว่าทางการส่งออก และผู้ส่งออกเองก็เดือดร้อนเพราะว่าเงินบาทแข็งมากนะครับ ความไม่สมดุลย์ตรงนี้เป็นปัญหานะครับ จำเป็นจะต้องมีเงินที่จะเข้ามาแล้วก็มากระตุ้นกิจกรรมเศรษฐกิจภายในประเทศให้มากนะครับ พร้อม ๆ กันไปนั้น เงินทุนที่ไหลเข้ามาถ้าเป็นเงินทุนระยะสั้น ซึ่งก็จะไปส่งผลต่อตลาดเงินตลาดทุน เราต้องมีวิธีการที่จะทำให้ทุนเหล่านั้นกลายเป็นทุนระยะยาว ซึ่งเกิดประโยชน์ให้กับระบบเศรษฐกิจโดยรวมของเราได้
ขณะเดียวกันแนวที่ผมทำอยู่ขณะนี้ก็คือการเชื่อมเศรษฐกิจของชาวบ้านเข้ากับเศรษฐกิจใหญ่ให้ได้ เหมือนกับที่สัปดาห์ที่แล้วที่ไปพูดเรื่องมันสำปะหลังกับเอทานอล แนวทางนี้เป็นแนวทางที่ได้รับการยอมรับนะครับ ไม่ใช่เฉพาะในประเทศแต่ต่างประเทศด้วย เพราะว่าเขาเองเขาก็เข้าใจดีครับว่า พื้นฐานของประเทศของเราที่มีทางด้านการเกษตรนั้น มันเป็นหัวใจสำคัญนะครับ ในการที่ทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศเข้มแข็ง ซึ่งในอดีตที่ผ่านมานั้นเราไม่ค่อยมีนโยบายที่ชัดเจนว่าจะทำให้ภาคการเกษตรมีมูลค่าที่เพิ่มขึ้น สร้างรายได้ที่เป็นรายได้ถาวรให้กับประชาชนในแง่ของโอกาสในแง่ของการมีงานทำ ที่จะทำให้หลุดพ้นจากความยากจนได้นะครับ อันนี้ก็เป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญมากกว่าในขณะนี้นะครับในการเดินสาย
ส่วนเรื่องของผู้สมัครนั้น ผมคิดว่าไม่มีปัญหานะครับ ถึงเวลาเมื่อความชัดเจนเรื่องเขตเลือกตั้ง เรื่องระบบเลือกตั้งมี เราก็พร้อมครับ
ผู้ดำเนินรายการ ค่ะ เห็นช่วงนี้มีแต่คนกลุ่มต่าง ๆ พรรคต่าง ๆ พยายามจะจีบพลเอก สนธิ บุญยรัตกลินเข้าพรรคนะคะ แต่มีคุณอภิสิทธิ์ออกมาบอกว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ทาบทามท่าน ไม่สนใจบ้างเหรอคะ
คุณอภิสิทธิ์ ไม่ได้ทาบทามหรอกครับ ทางพรรคก็ทำงานไปตามปกตินะครับ แต่ว่าสิ่งที่เราพูดกันก็คือว่า ถ้าท่านพลเอกสนธิ อยากจะเข้ามาการเมืองก็ขอให้เข้ามาตามช่องทางตามปกติ แข่งขันกับคนอื่นตามปกตินะครับ ก็เป็นสิทธิ และก็เป็นเรื่องที่ดีในแง่ของประชาธิปไตย ถ้าท่านตัดสินใจแล้วก็ใช้วิธีนี้จริง ๆ นะครับ แล้วก็ไม่มีการเอารัดเอาเปรียบ การใช้อำนาจกันในทางการเมืองเพื่อไม่ให้มันเป็นธรรม ถ้าเกิดมาด้วยความโปร่งใสก็ดีนะครับ แต่ว่าก็เรียนตรง ๆ ว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่เคยทาบทาม และก็ผมก็ไม่คิดว่าท่านจะมาเข้าประชาธิปัตย์หรอกครับ
ผู้ดำเนินรายการ แล้วคุณอภิสิทธิ์เองส่วนตัวไม่สนใจท่านเหรอคะ
คุณอภิสิทธิ์ ผมคิดว่าขณะนี้ท่านมีภารกิจของท่านอยู่ ในฐานะที่เป็นประธานคมช. นะครับ เป็นผู้บัญชาการทหารบกนะครับ ผมคิดว่าตรงนี้เราก็คิดว่าท่านทำหน้าที่ของท่าน การจะตัดสินใจทางการเมือง อนาคตทางการเมืองนั้นก็เป็นสิทธิ เป็นดุลยพินิจของท่าน ในส่วนของพรรคไม่มีการไปทาบทามหรอกครับ
ผู้ดำเนินรายการ ครับ ถ้าพลเอกสนธิ เล่นการเมืองแล้วเกิดเข้ามาในสภาด้วย พร้อมจะทำงานด้วยกันหรือเปล่าครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ
คุณอภิสิทธิ์ ขณะนี้ก็ยังไม่ทราบจุดยืน ท่าทีที่ชัดเจนนะครับ แต่สมมติว่าท่านเข้ามาการเมืองแล้ว ก็จะต้องถูกบีบโดยกระบวนการประชาธิปไตย ให้แสดงจุดยืนเรื่องนโยบาย เมื่อถึงตรงนั้นแล้วเราก็จะตอบได้นะครับว่าการทำงานทางการเมืองจะสามารถทำงานร่วมกันได้เป็นพันธมิตรหรือว่าอย่างไร แต่ว่าต้องรอท่านเข้ามาแสดงจุดยืนในทางการเมืองในฐานะนักการเมืองก่อน เราถึงจะตอบได้ แต่ในชั้นนี้ เนื่องจากท่านบอกว่ายังไม่ได้ตัดสินใจนะครับ ก็ยังเป็นเรื่องไกลมากที่จะไปตอบว่าอะไรจะเป็นอะไร
ผู้ดำเนินรายการ แต่คุณอภิสิทธิ์ ไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของการสืบทอดอำนาจใช่ไม๊ครับ เรื่องนี้
คุณอภิสิทธิ์ ผมมองอย่างนี้ครับ คือถ้าบอกว่าสืบทอดอำนาจไม๊ เราต้องแยกในแง่ของการสืบทอดอำนาจในเรื่องของระบบกับเรื่องของบุคคล นะครับ อย่างตัวอย่างในอดีต ถ้าหากว่าการสืบทอดอำนาจก็คือว่าไปทำกติกาให้ไม่เป็นประชาธิปไตย แล้วก็เข้ามา อันนั้นก็ชัดเจนนะครับว่า จะถูกการต่อต้านอย่างรุนแรง แต่ว่าถ้าเหมือนกับนายทหาร หรือคนอื่น ๆ ซึ่งลาออกมาแล้วมาทำงานการเมืองแข่งขันกันตามปกติ เราคงจะไปบอกสืบทอดอำนาจ คงไม่ได้
สำหรับผมถ้าท่านลาออกจริง ๆ แล้วก็มาลงส.ส.จริง ๆ แล้วก็ไม่มีการเอารัดเอาเปรียบ การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรม ผมคิดว่าไม่ได้ถือว่าเป็นการสืบทอดอำนาจ ส่วนความเหมาะสมคนจะแยกแยะได้แค่ไหนอันนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง สืบทอดอำนาจที่ขณะนี้ ผมมองว่าน่ากลัวกว่าคือการสืบทอดโดยกฎหมายซึ่งกฎหมายความมั่นคง เพราะกฎหมายฉบับนี้มีหลายเรื่องซึ่งขัดกับหลักประชาธิปไตย ผมว่าอันนั้นเป็นสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญมากกว่านะครับ ส่วนตัวบุคคลถ้ามาตามช่อง ก็ต้องมาแข่งขันกันไปนะครับ แล้วก็ผมคิดว่า มีหลายคนก็เตือนท่านอยู่เหมือนกันว่า เวลามาการเมืองแล้วมาแบบเท่าเทียมกัน ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน
ผู้ดำเนินรายการ ค่ะ แล้วคุณอภิสิทธิ์คิดอย่างไรคะ กับคำพูดที่ว่า ทหารมักไม่ค่อยประสบความสำเร็จกับการเล่นการเมือง
คุณอภิสิทธิ์ เราจะไปพูดรวม ๆ เสียทีเดียวก็คงไม่ได้นะครับ ขึ้นอยู่กับว่าเรานิยามความสำเร็จอย่างไรด้วยนะครับ ผมคิดว่าหลายท่านที่เคยเข้ามาในทางการเมืองก็ได้ทำประโยชน์ หลายท่านก็อาจจะไม่บรรลุเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ ก็เป็นเรื่องปกติครับ คงไม่ใช่เฉพาะทหารนะครับ นักการเมืองทุกคน จะมีที่บอกว่าประสบความสำเร็จจริง ๆ ก็ไม่ได้มากนะครับ ไม่มากเท่าไหร่
ผู้ดำเนินรายการ เคยมีคนพูดว่า การเมืองมันมีกับระเบิดเยอะนะ ทหารไม่คุ้นเคยหรอก อย่างนี้แสดงว่าการเมืองไม่ตรงไปตรงมาเหรอฮะ คุณอภิสิทธิ์ครับ
คุณอภิสิทธิ์ มันคงไม่ใช่เรื่องว่า การเมืองไม่ตรงไปตรงมาหรืออะไร แต่ผมอยากให้มองอย่างนี้นะครับ การเมืองก็เป็นวงการหนึ่ง อาชีพหนึ่ง ทักษะที่ต้องใช้ทำงานการเมืองมันก็มีความเฉพาะของมัน ผมเป็นคนหนึ่งซึ่งพูดมาตลอดว่า สังเกตดูเถอะครับ ว่าประเทศประชาธิปไตยส่วนใหญ่เขาก็ใช้นักการเมืองอาชีพ ทำงานการเมือง เพราะความเป็นนักการเมือง จะต้องมีคุณสมบัติ จะต้องมีงาน มีหน้าที่ มีภารกิจที่ไม่เหมือนกับวงการอื่นนะครับ ถึงทำงานเพื่อส่วนรวมและวงการอื่นทำงานเพื่อส่วนรวม แต่วิธีการทำงานไม่เหมือนกัน ราชการก็ไม่เหมือนการเมือง ธุรกิจก็ไม่เหมือนการเมือง วงการทหารก็ไม่เหมือนการเมือง หรือวงการอื่น ๆ วงการสื่อ วงการบันเทิง บอกเป็นคนสาธารณะก็ไม่เหมือนการเมือง เพราะฉะนั้นจึงทำให้ส่วนหนึ่งเวลาใครที่มาจากวงการอื่น ๆ ก็ต้องมีการปรับตัวนะครับ บางคนก็ปรับตัวได้สำเร็จ แต่ว่าหลายคนก็อาจจะไม่ผ่านจุดทดสอบตรงนี้ คงไม่ใช่ว่า วงการไหนมันเลวร้าย หรือมันดีกว่าวงการไหนครับ
ผู้ดำเนินรายการ ค่ะ ถ้าสมมติว่าพลเอกสนธิ ท่านตัดสินใจจะลงเล่นการเมือง แล้วลุกขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองสักพรรคหนึ่งนะคะ คุณอภิสิทธิ์กับพรรคประชาธิปัตย์คิดว่าจะต้องทำงานหนักมากขึ้นไม๊คะ
คุณอภิสิทธิ์ ก็ถือว่า เนื่องจากเป็นบุคคลซึ่งเคยมีตำแหน่งมีอำนาจ มีความสำคัญ ก็ต้องถือว่าเป็นคู่แข่งที่ประมาทไม่ได้ ถ้าท่านจะลงมา แต่ก็ไม่มีความกังวลอะไรนะครับ คืออยู่ในวิถีทางนี้ แล้วเราเชื่อในประชาธิปไตย เราต้องส่งเสริมและก็เชื่อในการแข่งขันนะครับ ไม่มีสิทธิ์จะไปกลัวใครทั้งสิ้น ขอให้การแข่งขันนั้นสุจริต เที่ยงธรรม การเลือกตั้งสะท้อนเจตนารมย์ของประชาชนแล้ว ประชาธิปัตย์กับผมไม่กลัวใครทั้งนั้นหรอกครับ
ผู้ดำเนินรายการ เอาหล่ะครับ ขอบคุณมากครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ สวัสดีครับ
*************************************************
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 13 ก.ค. 2550--จบ--