วันที่ 21 เมย. 50 นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น และมีความผันผวนตามลำดับโดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาจากกรณีปัญหาความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่าน และมีแนวโน้มว่าอาจจะมีการใช้กำลังในการแก้ไขปัญหากรณีเรื่องนิวเคลียร์นั้น มีแรงกดดันทำให้ส่อแนวโน้มว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอาจพุ่งสูงขึ้นเกิน 80 เหรียญต่อบาเรล หรือจะทำให้ราคาน้ำมันในประเทศนั้นเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่าลิตรละ 35 บาท
นายอลงกรณ์ได้เสนอมาตรการในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วยต่อแนวทางระยะเฉพาะหน้าที่ทางรัฐบาล โดยเฉพาะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้ประกาศว่าจะใช้กลไก กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการบรรเทาปัญหาราคาน้ำมัน โดยจะมีการลดจำนวนเงินที่จะส่งเข้ากองทุนน้ำมัน ทั้งเบนซิน และดีเซล เพื่อที่จะเป็นกลไกในการลดผลกระทบต่อราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นในระหว่างนี้ แต่อย่างไรก็ตามนายอลงกรณ์เห็นว่ารัฐบาลควรจะต้องกล้าเดินหน้าตัดสินใจกำหนดนโยบายทั้งระยะกลาง และระยะยาว เพื่อที่จะให้ประเทศนั้นได้พ้นจากผลกระทบอย่างรุนแรงต่อวิกฤตการณ์น้ำมันซึ่งอาจจะเกิดขึ้นภายใน 1 — 2 เดือนข้างหน้านี้ด้วยการดำเนินยุทธศาสตร์พลังงานทดแทนอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการส่งเสริมการลงทุนและการใช้น้ำมันเอทานอล ซึ่งเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะสามารถใช้ทดแทนการใช้น้ำมันเบนซินและดีเซลได้ โดยที่ขณะนี้มีผู้ที่ได้รับใบอนุญาตให้มีการลงทุนก่อสร้างโรงงานเอทานอลถึง 45 โรงงาน และพร้อมที่จะมีการลงทุนไม่น้อยกว่า 20,000 ล้านในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคเหนือตอนล่าง
ทั้งนี้นายอลงกรณ์เห็นว่า รัฐบาลจะต้องประกาศความชัดเจน เช่นการยกเลิกการใช้น้ำมันเบนซิน 95 ภายในวันที่ 1 มิย. 50 เพื่อสร้างความมั่นใจของผู้ลงทุนและสถาบันการเงิน รวมถึงผู้ใช้น้ำมันแก๊ซโซฮอลล์และรัฐบาลจะต้องมองยุทธศาสตร์นี้ว่าเป็นมาตรการระยะยาว ที่จะสามารถสร้างฐานเศรษฐกิจใหม่ของประเทศในการลดการนำเข้าน้ำมันซึ่งสูงถึงปีละ 8 แสนล้านบาท
“มาตรการและแนวทางในเรื่องของการผลักดันและประกาศให้ยุทธศาสตร์พลังงานทดแทน โดยเฉพาะโครงการเอทานอล เป็นยุทธศาสตร์ชาตินั้น ควรจะต้องเร่งรัดดำเนินการเพื่อรองรับวิกฤตการณ์น้ำมันที่อาจจะเกิดขึ้นภายในเดือนหรือ 2 เดือนข้างหน้า” นายอลงกรณ์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 21 เม.ย. 2550--จบ--
นายอลงกรณ์ได้เสนอมาตรการในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วยต่อแนวทางระยะเฉพาะหน้าที่ทางรัฐบาล โดยเฉพาะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้ประกาศว่าจะใช้กลไก กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการบรรเทาปัญหาราคาน้ำมัน โดยจะมีการลดจำนวนเงินที่จะส่งเข้ากองทุนน้ำมัน ทั้งเบนซิน และดีเซล เพื่อที่จะเป็นกลไกในการลดผลกระทบต่อราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นในระหว่างนี้ แต่อย่างไรก็ตามนายอลงกรณ์เห็นว่ารัฐบาลควรจะต้องกล้าเดินหน้าตัดสินใจกำหนดนโยบายทั้งระยะกลาง และระยะยาว เพื่อที่จะให้ประเทศนั้นได้พ้นจากผลกระทบอย่างรุนแรงต่อวิกฤตการณ์น้ำมันซึ่งอาจจะเกิดขึ้นภายใน 1 — 2 เดือนข้างหน้านี้ด้วยการดำเนินยุทธศาสตร์พลังงานทดแทนอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการส่งเสริมการลงทุนและการใช้น้ำมันเอทานอล ซึ่งเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะสามารถใช้ทดแทนการใช้น้ำมันเบนซินและดีเซลได้ โดยที่ขณะนี้มีผู้ที่ได้รับใบอนุญาตให้มีการลงทุนก่อสร้างโรงงานเอทานอลถึง 45 โรงงาน และพร้อมที่จะมีการลงทุนไม่น้อยกว่า 20,000 ล้านในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคเหนือตอนล่าง
ทั้งนี้นายอลงกรณ์เห็นว่า รัฐบาลจะต้องประกาศความชัดเจน เช่นการยกเลิกการใช้น้ำมันเบนซิน 95 ภายในวันที่ 1 มิย. 50 เพื่อสร้างความมั่นใจของผู้ลงทุนและสถาบันการเงิน รวมถึงผู้ใช้น้ำมันแก๊ซโซฮอลล์และรัฐบาลจะต้องมองยุทธศาสตร์นี้ว่าเป็นมาตรการระยะยาว ที่จะสามารถสร้างฐานเศรษฐกิจใหม่ของประเทศในการลดการนำเข้าน้ำมันซึ่งสูงถึงปีละ 8 แสนล้านบาท
“มาตรการและแนวทางในเรื่องของการผลักดันและประกาศให้ยุทธศาสตร์พลังงานทดแทน โดยเฉพาะโครงการเอทานอล เป็นยุทธศาสตร์ชาตินั้น ควรจะต้องเร่งรัดดำเนินการเพื่อรองรับวิกฤตการณ์น้ำมันที่อาจจะเกิดขึ้นภายในเดือนหรือ 2 เดือนข้างหน้า” นายอลงกรณ์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 21 เม.ย. 2550--จบ--