รายงานสภาวะอุตสาหกรรมเครื่องเรือน
ภาพรวมของอุตสาหกรรมเครื่องเรือนไม้ในปัจจุบันเป็นอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อการส่งออกการผลิตเน้นในเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและใช้
ไม้จากป่าปลูกมากขึ้นมีการพัฒนาอุตสาหกรรม คุณภาพสินค้าอย่างต่อเนื่องจนเป็นที่ยอมรับในตลาดโลกถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนา
ประเทศ เนื่องจากประเทศไทยตั้งอยู่ในแหล่งวัตถุดิบไม้ที่สำคัญ โดยเฉพาะไม้ยางพารามีมากเป็นอันดับ 2 ของโลก นอกจากนี้ อุตสาหกรรมไม้และ
เครื่องเรือนยังเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานฝีมือมาก จึงถือว่าอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนเป็นอุตสาหกรรมที่สามารถนำทรัพยากรของประเทศมาใช้
ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งวัตถุดิบและแรงงาน
ปัจจุบันสินค้าเครื่องเรือนของตกแต่งบ้านเป็นอุตสาหกรรมแฟชั่นที่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบตามวิถีชีวิตความเป็นอยู่ หรือ Life Style
ของแต่ละบุคคล เปลี่ยนแปลงตาม trend ของแต่ละปี ในสังคมเมืองนิยมการตกแต่งบ้านและเปลี่ยนเครื่องเรือนให้เข้ากับชีวิตความเป็นอยู่แบบสมัยใหม่
ซึ่งมีความสะดวกสบาย ทันสมัยและมีประโยชน์ในการใช้สอยสูงสุด ส่วนในสังคมชนบทนิยมเครื่องเรือนที่มีความแข็งแรงทนทานสูงสามารถใช้งานได้นาน
มากกว่าการเปลี่ยนเครื่องเรือนบ่อย ปัจจุบันสังคมเมืองเริ่มมีการขยายตัวมากขึ้น โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ที่มีการขยายตัวสูงทำให้เครื่องเรือนและ
ของตกแต่งบ้านขยายตัวตามไปด้วย
สภาวะการผลิต
สำหรับประเทศไทยและประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถือเป็นประเทศที่มีการผลิตเครื่องเรือนจำนวนมาก มีการใช้น้อยและส่งออก
มาก ผู้ผลิตเครื่องเรือนและผลิตภัณฑ์ไม้ในประเทศไทยมีประมาณ 2,800 โรงงาน มีแรงงานกว่า 1 แสนคนและผู้ผลิตส่วนใหญ่เป็นโรงงานอุตสาหกรรม
ขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) มีโรงงานที่ผลิตเพื่อส่งออกเครื่องเรือนกว่า 650 ราย โรงงานเครื่องเรือนและผลิตภัณฑ์ไม้ของไทยมีกำลังการผลิต
ประมาณ 100,000 ล้านบาทต่อปี ร้อยละ 60 ของการผลิตส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ ส่วนที่เหลือจำหน่ายในประเทศ
การผลิตเครื่องเรือนไม้ของไทยส่วนใหญ่ใช้วัตถุดิบที่มีจำนวนมากในประเทศไทย ได้แก่ไม้ยางพาราที่เมื่อปลูกเอาน้ำยางแล้วตัดโค่นนำไม้
มาใช้ทำเครื่องเรือน
เทคโนโลยีการผลิตงานไม้ของไทยยังคงเป็นการผลิตโดยใช้เครื่องจักรพื้นฐานที่เป็นเครื่องจักรเก่า หรือเครื่องที่ผลิตได้เองภายใน
ประเทศ ส่วนเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพสูงจะนำเข้าจากประเทศเยอรมันนี ญี่ปุ่น อิตาลี โรงงานที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงมีประมาณร้อยละ 25 ของโรงงาน
ทั้งหมด อุตสาหกรรมเครื่องเรือนเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันแม้ประเทศไทยจะมีแรงงานฝีมือที่มีความชำนาญแต่การพัฒนา
บุคลากรแก่แรงงานที่ไร้ฝีมือยังคงมีความต้องการเพื่อเพิ่มความรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับแรงงานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเรื่องการออกแบบใน
อุตสาหกรรมเครื่องเรือนที่ต้องมีการพัฒนาให้มากขึ้นจากปัจจุบัน
*โครงสร้างต้นทุนของอุตสาหกรรมเครื่องเรือน
ต้นทุนไม้ ร้อยละ 49
ต้นทุนวัสดุอื่น ๆ ร้อยละ 13
ต้นทุนค่าแรง ร้อยละ 19
ต้นทุนค่าขนส่ง ร้อยละ 10
ต้นทุนค่าโสหุ้ย ร้อยละ 9
( * ที่มา รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการจัดทำข้อมูลอุตสาหกกรรมเชิงเปรียบเทียบเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขัน)
แบ่งลักษณะการผลิตเครื่องเรือนเพื่อการส่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ
การรับจ้างผลิตตามแบบที่ลูกค้ากำหนด ( OEM : Original Equipment Manufacturing )
การผลิตที่ผู้ผลิตเป็นผู้ออกแบบเอง ( ODM : Original Design Manufacturing )
การผลิตสินค้าที่มีตรายี่ห้อเป็นของตนเอง ( OBM : Original Brand Manufacturing )
การผลิตเครื่องเรือนของไทยมากกว่าร้อยละ 80 เป็นการรับจ้างผลิตตามแบบที่ลูกค้ากำหนด โดยลูกค้าเป็นคนนำแบบหรือตัวอย่างมาให้
รองลงมาเป็นการผลิตที่โรงงานผู้ผลิตออกแบบเอง โดยอาจมีการปรับปรุงแบบที่มีในตลาดนำเสนอแก่ลูกค้า และมีโรงงานเป็นจำนวนน้อยที่มีตรายี่ห้อเป็น
ของตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงงานที่มีการผลิตโดยใช้ MDF หรือ Particle Board เป็นวัตถุดิบหลัก
สภาวะการตลาด
สินค้าเครื่องเรือนและผลิตภัณฑ์ไม้ในโลกมีมูลค่าการค้ากว่า 8 ล้านล้านบาท โดยผู้บริโภคร้อยละ 70 อยู่ในประเทศ OECD ซึ่งได้แก่
อเมริกา ญี่ปุ่น แคนาดา ยุโรป ส่งออกไปต่างประเทศประมาณ 57,000 ล้านบาท/ปี บริโภคภายในประเทศประมาณ 43,000 ล้านบาท/ปี มีอัตราการ
ขยายตัวของการส่งออกร้อยละ 12.67 ในปี 2547 ในช่วงไตรมาสที่ 1 ตั้งแต่ ม.ค. — ส.ค. 48 ไทยส่งออกเครื่องเรือนและชิ้นส่วน 31,862.00
ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปี 2547 ร้อยละ 3.81 ตลาดส่งออกมากที่สุดยังคงเป็นตลาดหลักคือ สหรัฐอเมริกา และ ญี่ปุ่น มีสัดส่วน ร้อยละ
32.73 และ 25.16 อัตราการขยายตัวในการส่งออกไป ยุโรป มีอัตราการขยายตัวที่ดี ส่วนการส่งออกสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นมีการขยายตัวที่ลดลงร้อย
ละ - 5.78 และ - 2.02 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน
ตลาดญี่ปุ่น
ตลาดญี่ปุ่นเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของเครื่องเรือนของไทย โดยไทยส่งออกเครื่องเรือนไปญี่ปุ่นในปี 2547 มีมูลค่า 12,784.50 ล้าน
บาท รองจากสหรัฐอเมริกา เครื่องเรือนที่ผลิตตามรูปแบบที่ลูกค้ากำหนด (Original Equipment Manufacturing) ตลาดญี่ปุ่นถือเป็นตลาดที่เข้ม
งวดในเรื่องคุณภาพสินค้า ดังนั้นเครื่องเรือนที่ญี่ปุ่นนำเข้าจะต้องได้รับการตรวจสอบคุณภาพให้อยู่ในระดับมาตรฐาน จนกระทั่งได้รับการรับรองคุณภาพ
รวมทั้งต้องปฏิบัติตามกฎหมาย Product Liability (PL) ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการกำหนดให้ผู้ขายต้องชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากความบกพร่องของ
สินค้า หากผู้บริโภคได้รับความเสียหายจากการบริโภคสินค้านั้นๆ
ตลาดสหรัฐอเมริกา
สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดที่มีสำคัญอีกตลาดหนึ่งของไทย โดยไทยส่งออกเครื่องเรือนไปตลาดอเมริกาในปี 2547 ถึง 17,474.90 ล้าน
บาท มีสัดส่วน ร้อยละ 35.91 ของมูลค่าการส่งออกเครื่องเรือนและชิ้นส่วนของไทย เป็นอันดับหนึ่ง แต่ไทยยังคงมีส่วนแบ่งในตลาดสหรัฐอเมริกาน้อย
มาก
ตลาดสหรัฐอเมริกามีการแข่งขันด้านราคาค่อนข้างรุนแรง โดยเฉพาะกับ จีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียตนาม ที่ไทยเสียเปรียบใน
เรื่องต้นทุน ซึ่งคู่แข่งมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า นอกจากนี้การรวมกลุ่มการค้า NAFTA ทำให้สหรัฐนำเข้าเครื่องเรือนและผลิตภัณฑ์ไม้จากประเทศในกลุ่ม
มากขึ้น
สำหรับการนำเข้าเครื่องเรือนของตลาดสหรัฐอเมริกา ต้องผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐานจาก The American National
Standard Institute (ANSI) และต้องติดฉลาก (Product Label) เพื่อระบุแหล่งที่ผลิต ส่วนอัตราภาษีนำเข้าเครื่องเรือนอยู่ในอัตราร้อยละ
0- 1.5
ตลาดสหภาพยุโรป
กลุ่มสหภาพยุโรปเป็นทั้งผู้ผลิตเครื่องเรือนเพื่อการส่งออกและนำเข้าเครื่องเรือนรายใหญ่ของโลก แต่ส่วนใหญ่เป็นการค้าภายในกลุ่มกัน
เอง โดยประเทศที่มีการค้าเครื่องเรือนที่สำคัญได้แก่ สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี เนื่องจากตลาดสหภาพยุโรปต้องการเครื่องเรือน
ไม้เนื้อแข็งคุณภาพดีราคาสูง ส่วนเครื่องเรือนที่นำเข้าจากกลุ่มอาเซียนส่วนใหญ่เป็นไม้ยางพารา
ตลาดที่สำคัญของไทยในสหภาพยุโรป คือ สหราชอาณาจักร เป็นตลาดส่งออกที่มีอนาคตสดใส รองลงมาได้แก่ เยอรมนี ฝรั่งเศส เน
เธอร์แลนด์ อย่างไรก็ตาม ตลาดเครื่องเรือนของไทยในตลาดสหภาพยุโรปน้อยมาก คือ ไม่ถึงร้อยละ 1 ในตลาดสหภาพยุโรปให้ความสำคัญทั้งด้าน
คุณภาพและราคาควบคู่กันไป การแข่งขันด้านราคาไม่รุนแรงเท่าในสหรัฐอเมริกา
ตารางแสดงการส่งออกเครื่องเรือนและผลิตภัณฑ์ไม้
รายการ 2542 2543 2544 2545 2546 2547 2548
1. เครื่องเรือนและชิ้นส่วน 30,144.90 36,605.60 38,445.90 41,255.40 43,192.60 48,655.40 31,862.00
1. เครื่องเรือนไม้ 17,615.30 21,542.30 22,382.30 24,036.20 24,343.40 27,643.20 16,842.80
2. เครื่องเรือนโลหะ 3,483.10 4,431.70 4,204.20 3900.5 1,144.40 3,042.60 1,836.00
3. ที่นอนหมอนฟูก 1,454.30 1,366.50 1,513.60 1,938.60 1,760.10 2,059.60 1,552.80
4. เครื่องเรือนอื่น ๆ 5188.9 6,604.90 7625.6 8,200.30 9,339.20 10,698.50 7,519.50
5. ชิ้นส่วนเครื่องเรือน 2,403.20 2,660.40 2,720.10 3,179.70 4,329.60 5,221.50 4,110.90
2. ผลิตภัณฑ์ไม้ 12,301.60 14,149 14,547.70 15,023.00 14,587.00 15,293.90 9,498.80
3,574.30 4,466.30 4,561.40 4,915 4,630.90 4,367.50 2,588.20
1. เครื่องใช้ทำด้วยไม้ 4,204.50 4,568.60 4,720.90 4,390 4,523.90 4,877.50 3,264.50
2. อุปกรณ์ก่อสร้างด้วยไม้ 3,756.70 4,213.30 4,119.90 4,399.80 3,907.00 4,257.20 2,390.40
3. กรอบรูป 766.1 900.8 1,145.50 1,318.20 1,525.30 1,791.70 1,255.70
4. รูปแกะสลักและเครื่องประดับทำด้วยไม้
รวม (1+2) 42,446.50 52,310.70 52,993.60 56,278.40 57,779.60 63,949.30 41,360.80
ที่มา : ศูนย์สารสนเทศเศรษฐกิจการค้า กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์
ตลาดส่งออกเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ของไทย
รายการ มูลค่า : ล้านบาท อัตราการขยายตัว : ร้อยละ สัดส่วน : ร้อยละ
2545 2546 2547 2547 2548 2545 2546 2547 2548 2545 2546 2547 2547 2548
(ม.ค.-ส.ค.) (ม.ค.-ส.ค.) (ม.ค.-ส.ค.) (ม.ค.-ส.ค.) (ม.ค.-ส.ค.)
1 ญี่ปุ่น 12,794.90 13,231.20 12,784.50 11,068.20 10,428.00 -11.55 3.41 -3.38 -5.78 30.63 26.27 29.41 36.06 32.73
2 สหรัฐอเมริกา 14,602.90 14,588.60 17,474.90 8,182.70 8,017.30 25.72 -0.1 19.78 -2.02 33.78 35.91 34.63 26.66 25.16
3 สหราชอาณาจักร 3,244.60 3,733.40 4,773.00 2,939.50 3,198.10 32.76 15.07 27.85 8.8 8.64 9.81 10.42 9.58 10.04
4 แคนาดา 1,705.70 1,806.90 1,869.70 1,205.20 867.3 30.1 5.93 3.48 -28.04 4.18 3.84 3.92 3.93 2.72
5 ออสเตรเลีย 1,325.50 1,140.40 1,256.60 785.5 777.7 55.81 -13.96 10.19 -0.99 2.64 2.58 2.15 2.56 2.44
6 เยอรมนี 699.8 911.1 987.7 374.5 597.1 -27.5 30.19 8.41 59.44 2.11 2.03 2.06 1.22 1.87
7 อินโดนีเซีย 56.2 126.9 407.3 605.2 575.3 102.89 125.8 220.96 -4.94 0.29 0.84 0.33 1.97 1.81
8 เนเธอร์แลนด์ 355.9 561.3 581.6 215.4 543.4 -8.41 57.71 3.62 152.27 1.3 1.2 1.13 0.7 1.71
9 อิตาลี 410.7 472.8 541.7 368.4 502.3 15.49 15.12 14.57 36.35 1.09 1.11 1.2 1.2 1.58
10 สเปน 336.5 435.9 521 330.9 429.3 16.32 29.54 19.52 29.74 1.01 1.07 1.18 1.08 1.35
รวม 10รายการ 35,532.80 37,008.60 41,198.00 9,656.50 26,075.50 25,935.90 4.15 11.32 -1.62 -0.54 85.68 84.66 86.43 84.96
อื่นๆ 5,704.20 6,184.00 7,467.40 1,516.70 4,616.70 5,926.20 8.41 20.75 27.5 28.37 14.32 15.34 13.57 15.04
มูลค่ารวม 41,237.00 43,192.60 48,665.40 11,173.10 30,692.10 31,862.00 4.74 12.67 2.33 3.81 100 100 100 100
ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยความร่วมมือของกรมศุลกากร
วิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อน
จุดแข็ง
เป็นอุตสาหกรรมที่มีวัตถุดิบจากไม้ป่าปลูกภายในประเทศ
มีแรงงานฝีมือที่มีความชำนาญ
มีตลาดที่แน่นอนคือตลาดญี่ปุ่นและอเมริกา
จุดอ่อน
มีการพึ่งพาตลาดเก่ามากเกินไป
ขาดการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง
มีข้อจำกัดในเรื่อง R&D การปรับปรุงผลิตภัณฑ์และการสนับสนุนจากภาครัฐ
ขาดข้อมูลข่าวสารและสารสนเทศ และความรู้ใหม่ ๆ
โอกาส
ขยายแนวคิดแฟชั่นของอุตสาหกรรมเครื่องเรือน
ออกแบบโดยการนำเสนอแนวคิดในการตกแต่งบ้านและlife style
การให้บริการหลังการขายที่ดี
อุปสรรค
สินค้าราคาถูกจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น จีน เวียตนาม และมาเลเซีย
วัตถุดิบมีการเปลี่ยนแปลงราคาตลอดเวลา
ความไม่มีเสถียรภาพของไม้ยางพารา
การส่งเสริมสนับสนุนที่ต้องการจากภาครัฐ
ลดภาษีนำเข้า
สนับสนุนให้มีการผลิตทดแทนการนำเข้า
สนับสนุนให้มีการจัดงานแสดงเครื่องจักรให้มากกว่านี้เพื่อกระตุ้นให้มีการพัฒนาอุตสาหกรรม การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตเป็นสิ่งจำเป็น
เพื่อเพิ่มผลิตภาพยกระดับคุณภาพสินค้า ลดการสูญเสียไม้ และลดต้นทุนการผลิต
สนับสนุนในด้านการเงินโดยผ่านสถาบันการเงิน สถาบัน SMEs กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นต้น
อุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนเป็นอุตสาหกรรมที่เน้นการใช้แรงงาน ดังนั้น การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ทั้งในด้านฝีมือแรงงาน ด้านทักษะ
การออกแบบและในด้านเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไป
อุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนเป็นอุตสาหกรรมหลัก 1 ใน 13 สาขา ที่มีการส่งเสริม พัฒนาให้มีศักยภาพแข่งขันได้ในเวทีโลก มีการ
สนับสนุนให้อุตสาหกรรมเครื่องเรือนและชิ้นส่วนมีมูลค่าการส่งออก 1 แสนล้านภายใน 5 ปี
ส่วนอุตสาหกรรมเครื่องเรือนและคอมโพสิท เป็นหน่วยงานภายใต้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมกระทรวงอุตสาหกรรมที่มีหน้าที่ให้การส่งเสริม
และสนับสนุนอุตสาหกรรมเครื่องเรือน
โดยมีกิจกรรมหลักดังนี้
ให้บริการปรึกษาแนะนำด้านการผลิต การจัดการ และการออกแบบผลิตภัณฑ์ ในโรงงานอุตสาหกรรมเครื่องเรือน
ให้บริการฝึกอบรม / สัมมนา พัฒนาผู้ประกอบการและบุคลากรในโรงงาน
ให้บริการข้อมูลสารสนเทศ
ให้บริการวิเคราะห์ทดสอบผลิตภัณฑ์
ให้บริการออกแบบและจัดทำต้นแบบ
ให้บริการบ่มเพาะธุรกิจ
ให้บริการแนะนำการลงทุน
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
-พห-
ภาพรวมของอุตสาหกรรมเครื่องเรือนไม้ในปัจจุบันเป็นอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อการส่งออกการผลิตเน้นในเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและใช้
ไม้จากป่าปลูกมากขึ้นมีการพัฒนาอุตสาหกรรม คุณภาพสินค้าอย่างต่อเนื่องจนเป็นที่ยอมรับในตลาดโลกถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนา
ประเทศ เนื่องจากประเทศไทยตั้งอยู่ในแหล่งวัตถุดิบไม้ที่สำคัญ โดยเฉพาะไม้ยางพารามีมากเป็นอันดับ 2 ของโลก นอกจากนี้ อุตสาหกรรมไม้และ
เครื่องเรือนยังเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานฝีมือมาก จึงถือว่าอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนเป็นอุตสาหกรรมที่สามารถนำทรัพยากรของประเทศมาใช้
ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งวัตถุดิบและแรงงาน
ปัจจุบันสินค้าเครื่องเรือนของตกแต่งบ้านเป็นอุตสาหกรรมแฟชั่นที่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบตามวิถีชีวิตความเป็นอยู่ หรือ Life Style
ของแต่ละบุคคล เปลี่ยนแปลงตาม trend ของแต่ละปี ในสังคมเมืองนิยมการตกแต่งบ้านและเปลี่ยนเครื่องเรือนให้เข้ากับชีวิตความเป็นอยู่แบบสมัยใหม่
ซึ่งมีความสะดวกสบาย ทันสมัยและมีประโยชน์ในการใช้สอยสูงสุด ส่วนในสังคมชนบทนิยมเครื่องเรือนที่มีความแข็งแรงทนทานสูงสามารถใช้งานได้นาน
มากกว่าการเปลี่ยนเครื่องเรือนบ่อย ปัจจุบันสังคมเมืองเริ่มมีการขยายตัวมากขึ้น โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ที่มีการขยายตัวสูงทำให้เครื่องเรือนและ
ของตกแต่งบ้านขยายตัวตามไปด้วย
สภาวะการผลิต
สำหรับประเทศไทยและประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถือเป็นประเทศที่มีการผลิตเครื่องเรือนจำนวนมาก มีการใช้น้อยและส่งออก
มาก ผู้ผลิตเครื่องเรือนและผลิตภัณฑ์ไม้ในประเทศไทยมีประมาณ 2,800 โรงงาน มีแรงงานกว่า 1 แสนคนและผู้ผลิตส่วนใหญ่เป็นโรงงานอุตสาหกรรม
ขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) มีโรงงานที่ผลิตเพื่อส่งออกเครื่องเรือนกว่า 650 ราย โรงงานเครื่องเรือนและผลิตภัณฑ์ไม้ของไทยมีกำลังการผลิต
ประมาณ 100,000 ล้านบาทต่อปี ร้อยละ 60 ของการผลิตส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ ส่วนที่เหลือจำหน่ายในประเทศ
การผลิตเครื่องเรือนไม้ของไทยส่วนใหญ่ใช้วัตถุดิบที่มีจำนวนมากในประเทศไทย ได้แก่ไม้ยางพาราที่เมื่อปลูกเอาน้ำยางแล้วตัดโค่นนำไม้
มาใช้ทำเครื่องเรือน
เทคโนโลยีการผลิตงานไม้ของไทยยังคงเป็นการผลิตโดยใช้เครื่องจักรพื้นฐานที่เป็นเครื่องจักรเก่า หรือเครื่องที่ผลิตได้เองภายใน
ประเทศ ส่วนเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพสูงจะนำเข้าจากประเทศเยอรมันนี ญี่ปุ่น อิตาลี โรงงานที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงมีประมาณร้อยละ 25 ของโรงงาน
ทั้งหมด อุตสาหกรรมเครื่องเรือนเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันแม้ประเทศไทยจะมีแรงงานฝีมือที่มีความชำนาญแต่การพัฒนา
บุคลากรแก่แรงงานที่ไร้ฝีมือยังคงมีความต้องการเพื่อเพิ่มความรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับแรงงานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเรื่องการออกแบบใน
อุตสาหกรรมเครื่องเรือนที่ต้องมีการพัฒนาให้มากขึ้นจากปัจจุบัน
*โครงสร้างต้นทุนของอุตสาหกรรมเครื่องเรือน
ต้นทุนไม้ ร้อยละ 49
ต้นทุนวัสดุอื่น ๆ ร้อยละ 13
ต้นทุนค่าแรง ร้อยละ 19
ต้นทุนค่าขนส่ง ร้อยละ 10
ต้นทุนค่าโสหุ้ย ร้อยละ 9
( * ที่มา รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการจัดทำข้อมูลอุตสาหกกรรมเชิงเปรียบเทียบเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขัน)
แบ่งลักษณะการผลิตเครื่องเรือนเพื่อการส่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ
การรับจ้างผลิตตามแบบที่ลูกค้ากำหนด ( OEM : Original Equipment Manufacturing )
การผลิตที่ผู้ผลิตเป็นผู้ออกแบบเอง ( ODM : Original Design Manufacturing )
การผลิตสินค้าที่มีตรายี่ห้อเป็นของตนเอง ( OBM : Original Brand Manufacturing )
การผลิตเครื่องเรือนของไทยมากกว่าร้อยละ 80 เป็นการรับจ้างผลิตตามแบบที่ลูกค้ากำหนด โดยลูกค้าเป็นคนนำแบบหรือตัวอย่างมาให้
รองลงมาเป็นการผลิตที่โรงงานผู้ผลิตออกแบบเอง โดยอาจมีการปรับปรุงแบบที่มีในตลาดนำเสนอแก่ลูกค้า และมีโรงงานเป็นจำนวนน้อยที่มีตรายี่ห้อเป็น
ของตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงงานที่มีการผลิตโดยใช้ MDF หรือ Particle Board เป็นวัตถุดิบหลัก
สภาวะการตลาด
สินค้าเครื่องเรือนและผลิตภัณฑ์ไม้ในโลกมีมูลค่าการค้ากว่า 8 ล้านล้านบาท โดยผู้บริโภคร้อยละ 70 อยู่ในประเทศ OECD ซึ่งได้แก่
อเมริกา ญี่ปุ่น แคนาดา ยุโรป ส่งออกไปต่างประเทศประมาณ 57,000 ล้านบาท/ปี บริโภคภายในประเทศประมาณ 43,000 ล้านบาท/ปี มีอัตราการ
ขยายตัวของการส่งออกร้อยละ 12.67 ในปี 2547 ในช่วงไตรมาสที่ 1 ตั้งแต่ ม.ค. — ส.ค. 48 ไทยส่งออกเครื่องเรือนและชิ้นส่วน 31,862.00
ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปี 2547 ร้อยละ 3.81 ตลาดส่งออกมากที่สุดยังคงเป็นตลาดหลักคือ สหรัฐอเมริกา และ ญี่ปุ่น มีสัดส่วน ร้อยละ
32.73 และ 25.16 อัตราการขยายตัวในการส่งออกไป ยุโรป มีอัตราการขยายตัวที่ดี ส่วนการส่งออกสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นมีการขยายตัวที่ลดลงร้อย
ละ - 5.78 และ - 2.02 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน
ตลาดญี่ปุ่น
ตลาดญี่ปุ่นเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของเครื่องเรือนของไทย โดยไทยส่งออกเครื่องเรือนไปญี่ปุ่นในปี 2547 มีมูลค่า 12,784.50 ล้าน
บาท รองจากสหรัฐอเมริกา เครื่องเรือนที่ผลิตตามรูปแบบที่ลูกค้ากำหนด (Original Equipment Manufacturing) ตลาดญี่ปุ่นถือเป็นตลาดที่เข้ม
งวดในเรื่องคุณภาพสินค้า ดังนั้นเครื่องเรือนที่ญี่ปุ่นนำเข้าจะต้องได้รับการตรวจสอบคุณภาพให้อยู่ในระดับมาตรฐาน จนกระทั่งได้รับการรับรองคุณภาพ
รวมทั้งต้องปฏิบัติตามกฎหมาย Product Liability (PL) ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการกำหนดให้ผู้ขายต้องชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากความบกพร่องของ
สินค้า หากผู้บริโภคได้รับความเสียหายจากการบริโภคสินค้านั้นๆ
ตลาดสหรัฐอเมริกา
สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดที่มีสำคัญอีกตลาดหนึ่งของไทย โดยไทยส่งออกเครื่องเรือนไปตลาดอเมริกาในปี 2547 ถึง 17,474.90 ล้าน
บาท มีสัดส่วน ร้อยละ 35.91 ของมูลค่าการส่งออกเครื่องเรือนและชิ้นส่วนของไทย เป็นอันดับหนึ่ง แต่ไทยยังคงมีส่วนแบ่งในตลาดสหรัฐอเมริกาน้อย
มาก
ตลาดสหรัฐอเมริกามีการแข่งขันด้านราคาค่อนข้างรุนแรง โดยเฉพาะกับ จีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียตนาม ที่ไทยเสียเปรียบใน
เรื่องต้นทุน ซึ่งคู่แข่งมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า นอกจากนี้การรวมกลุ่มการค้า NAFTA ทำให้สหรัฐนำเข้าเครื่องเรือนและผลิตภัณฑ์ไม้จากประเทศในกลุ่ม
มากขึ้น
สำหรับการนำเข้าเครื่องเรือนของตลาดสหรัฐอเมริกา ต้องผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐานจาก The American National
Standard Institute (ANSI) และต้องติดฉลาก (Product Label) เพื่อระบุแหล่งที่ผลิต ส่วนอัตราภาษีนำเข้าเครื่องเรือนอยู่ในอัตราร้อยละ
0- 1.5
ตลาดสหภาพยุโรป
กลุ่มสหภาพยุโรปเป็นทั้งผู้ผลิตเครื่องเรือนเพื่อการส่งออกและนำเข้าเครื่องเรือนรายใหญ่ของโลก แต่ส่วนใหญ่เป็นการค้าภายในกลุ่มกัน
เอง โดยประเทศที่มีการค้าเครื่องเรือนที่สำคัญได้แก่ สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี เนื่องจากตลาดสหภาพยุโรปต้องการเครื่องเรือน
ไม้เนื้อแข็งคุณภาพดีราคาสูง ส่วนเครื่องเรือนที่นำเข้าจากกลุ่มอาเซียนส่วนใหญ่เป็นไม้ยางพารา
ตลาดที่สำคัญของไทยในสหภาพยุโรป คือ สหราชอาณาจักร เป็นตลาดส่งออกที่มีอนาคตสดใส รองลงมาได้แก่ เยอรมนี ฝรั่งเศส เน
เธอร์แลนด์ อย่างไรก็ตาม ตลาดเครื่องเรือนของไทยในตลาดสหภาพยุโรปน้อยมาก คือ ไม่ถึงร้อยละ 1 ในตลาดสหภาพยุโรปให้ความสำคัญทั้งด้าน
คุณภาพและราคาควบคู่กันไป การแข่งขันด้านราคาไม่รุนแรงเท่าในสหรัฐอเมริกา
ตารางแสดงการส่งออกเครื่องเรือนและผลิตภัณฑ์ไม้
รายการ 2542 2543 2544 2545 2546 2547 2548
1. เครื่องเรือนและชิ้นส่วน 30,144.90 36,605.60 38,445.90 41,255.40 43,192.60 48,655.40 31,862.00
1. เครื่องเรือนไม้ 17,615.30 21,542.30 22,382.30 24,036.20 24,343.40 27,643.20 16,842.80
2. เครื่องเรือนโลหะ 3,483.10 4,431.70 4,204.20 3900.5 1,144.40 3,042.60 1,836.00
3. ที่นอนหมอนฟูก 1,454.30 1,366.50 1,513.60 1,938.60 1,760.10 2,059.60 1,552.80
4. เครื่องเรือนอื่น ๆ 5188.9 6,604.90 7625.6 8,200.30 9,339.20 10,698.50 7,519.50
5. ชิ้นส่วนเครื่องเรือน 2,403.20 2,660.40 2,720.10 3,179.70 4,329.60 5,221.50 4,110.90
2. ผลิตภัณฑ์ไม้ 12,301.60 14,149 14,547.70 15,023.00 14,587.00 15,293.90 9,498.80
3,574.30 4,466.30 4,561.40 4,915 4,630.90 4,367.50 2,588.20
1. เครื่องใช้ทำด้วยไม้ 4,204.50 4,568.60 4,720.90 4,390 4,523.90 4,877.50 3,264.50
2. อุปกรณ์ก่อสร้างด้วยไม้ 3,756.70 4,213.30 4,119.90 4,399.80 3,907.00 4,257.20 2,390.40
3. กรอบรูป 766.1 900.8 1,145.50 1,318.20 1,525.30 1,791.70 1,255.70
4. รูปแกะสลักและเครื่องประดับทำด้วยไม้
รวม (1+2) 42,446.50 52,310.70 52,993.60 56,278.40 57,779.60 63,949.30 41,360.80
ที่มา : ศูนย์สารสนเทศเศรษฐกิจการค้า กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์
ตลาดส่งออกเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ของไทย
รายการ มูลค่า : ล้านบาท อัตราการขยายตัว : ร้อยละ สัดส่วน : ร้อยละ
2545 2546 2547 2547 2548 2545 2546 2547 2548 2545 2546 2547 2547 2548
(ม.ค.-ส.ค.) (ม.ค.-ส.ค.) (ม.ค.-ส.ค.) (ม.ค.-ส.ค.) (ม.ค.-ส.ค.)
1 ญี่ปุ่น 12,794.90 13,231.20 12,784.50 11,068.20 10,428.00 -11.55 3.41 -3.38 -5.78 30.63 26.27 29.41 36.06 32.73
2 สหรัฐอเมริกา 14,602.90 14,588.60 17,474.90 8,182.70 8,017.30 25.72 -0.1 19.78 -2.02 33.78 35.91 34.63 26.66 25.16
3 สหราชอาณาจักร 3,244.60 3,733.40 4,773.00 2,939.50 3,198.10 32.76 15.07 27.85 8.8 8.64 9.81 10.42 9.58 10.04
4 แคนาดา 1,705.70 1,806.90 1,869.70 1,205.20 867.3 30.1 5.93 3.48 -28.04 4.18 3.84 3.92 3.93 2.72
5 ออสเตรเลีย 1,325.50 1,140.40 1,256.60 785.5 777.7 55.81 -13.96 10.19 -0.99 2.64 2.58 2.15 2.56 2.44
6 เยอรมนี 699.8 911.1 987.7 374.5 597.1 -27.5 30.19 8.41 59.44 2.11 2.03 2.06 1.22 1.87
7 อินโดนีเซีย 56.2 126.9 407.3 605.2 575.3 102.89 125.8 220.96 -4.94 0.29 0.84 0.33 1.97 1.81
8 เนเธอร์แลนด์ 355.9 561.3 581.6 215.4 543.4 -8.41 57.71 3.62 152.27 1.3 1.2 1.13 0.7 1.71
9 อิตาลี 410.7 472.8 541.7 368.4 502.3 15.49 15.12 14.57 36.35 1.09 1.11 1.2 1.2 1.58
10 สเปน 336.5 435.9 521 330.9 429.3 16.32 29.54 19.52 29.74 1.01 1.07 1.18 1.08 1.35
รวม 10รายการ 35,532.80 37,008.60 41,198.00 9,656.50 26,075.50 25,935.90 4.15 11.32 -1.62 -0.54 85.68 84.66 86.43 84.96
อื่นๆ 5,704.20 6,184.00 7,467.40 1,516.70 4,616.70 5,926.20 8.41 20.75 27.5 28.37 14.32 15.34 13.57 15.04
มูลค่ารวม 41,237.00 43,192.60 48,665.40 11,173.10 30,692.10 31,862.00 4.74 12.67 2.33 3.81 100 100 100 100
ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยความร่วมมือของกรมศุลกากร
วิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อน
จุดแข็ง
เป็นอุตสาหกรรมที่มีวัตถุดิบจากไม้ป่าปลูกภายในประเทศ
มีแรงงานฝีมือที่มีความชำนาญ
มีตลาดที่แน่นอนคือตลาดญี่ปุ่นและอเมริกา
จุดอ่อน
มีการพึ่งพาตลาดเก่ามากเกินไป
ขาดการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง
มีข้อจำกัดในเรื่อง R&D การปรับปรุงผลิตภัณฑ์และการสนับสนุนจากภาครัฐ
ขาดข้อมูลข่าวสารและสารสนเทศ และความรู้ใหม่ ๆ
โอกาส
ขยายแนวคิดแฟชั่นของอุตสาหกรรมเครื่องเรือน
ออกแบบโดยการนำเสนอแนวคิดในการตกแต่งบ้านและlife style
การให้บริการหลังการขายที่ดี
อุปสรรค
สินค้าราคาถูกจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น จีน เวียตนาม และมาเลเซีย
วัตถุดิบมีการเปลี่ยนแปลงราคาตลอดเวลา
ความไม่มีเสถียรภาพของไม้ยางพารา
การส่งเสริมสนับสนุนที่ต้องการจากภาครัฐ
ลดภาษีนำเข้า
สนับสนุนให้มีการผลิตทดแทนการนำเข้า
สนับสนุนให้มีการจัดงานแสดงเครื่องจักรให้มากกว่านี้เพื่อกระตุ้นให้มีการพัฒนาอุตสาหกรรม การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตเป็นสิ่งจำเป็น
เพื่อเพิ่มผลิตภาพยกระดับคุณภาพสินค้า ลดการสูญเสียไม้ และลดต้นทุนการผลิต
สนับสนุนในด้านการเงินโดยผ่านสถาบันการเงิน สถาบัน SMEs กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นต้น
อุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนเป็นอุตสาหกรรมที่เน้นการใช้แรงงาน ดังนั้น การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ทั้งในด้านฝีมือแรงงาน ด้านทักษะ
การออกแบบและในด้านเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไป
อุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนเป็นอุตสาหกรรมหลัก 1 ใน 13 สาขา ที่มีการส่งเสริม พัฒนาให้มีศักยภาพแข่งขันได้ในเวทีโลก มีการ
สนับสนุนให้อุตสาหกรรมเครื่องเรือนและชิ้นส่วนมีมูลค่าการส่งออก 1 แสนล้านภายใน 5 ปี
ส่วนอุตสาหกรรมเครื่องเรือนและคอมโพสิท เป็นหน่วยงานภายใต้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมกระทรวงอุตสาหกรรมที่มีหน้าที่ให้การส่งเสริม
และสนับสนุนอุตสาหกรรมเครื่องเรือน
โดยมีกิจกรรมหลักดังนี้
ให้บริการปรึกษาแนะนำด้านการผลิต การจัดการ และการออกแบบผลิตภัณฑ์ ในโรงงานอุตสาหกรรมเครื่องเรือน
ให้บริการฝึกอบรม / สัมมนา พัฒนาผู้ประกอบการและบุคลากรในโรงงาน
ให้บริการข้อมูลสารสนเทศ
ให้บริการวิเคราะห์ทดสอบผลิตภัณฑ์
ให้บริการออกแบบและจัดทำต้นแบบ
ให้บริการบ่มเพาะธุรกิจ
ให้บริการแนะนำการลงทุน
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
-พห-