วันนี้ (25 มี.ค.50) ที่พรรคประชาธิปัตย์ มล.อภิมงคล โสณกุล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงภาพรวมมาตรการและการดำเนินการด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดปัจจุบันว่า ผ่านมา 6 เดือนแล้วที่รัฐบาลเข้ามาบริหารเศรษฐกิจของประเทศ แต่ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจของไทยยังมีเรื่องน่าห่วงอยู่มาก กล่าวคือ มีมาตรการหลายอย่างที่รัฐบาลนำมาบริหารเศรษฐกิจมีความรัดกุมเกินความจำเป็น เช่น มาตรการที่เกี่ยวข้องการสำรอง 30 % ที่วันนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยยังมีการนำมาใช้แม้ว่าจะมีการผ่อนปรนลงบ้าง ตรงนี้เป็นการดำเนินการในระยะสั้นเพื่อให้เงินบาทมีเสถียรภาพ แต่ข้อเท็จจริงแล้วจะเห็นว่าในที่สุดก็ไม่สามารถควบคุมค่าเงินบาทได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้การสำรองเพิ่มต้นทุนขึ้น 30 % ทำให้ขีดการแข่งขันของประเทศในเชิงระยะยาวถดถอยลง เพราะทำให้ต้นทุนการลงทุนในประเทศไทยสูงขึ้น เป็นลำดับดูจากผลสำรวจของหลายสำนักทั้งในและต่างประเทศ จะพบว่าการลงทุนในไทยจะลดลงมากเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน
“มาตรการที่มีความรัดกุมเช่นนี้ผมคิดว่าในระยะยาวจะไม่เป็นประโยชน์ต่อการลงทุน เพราะฉะนั้นผมคิดว่ารัฐบาลโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งได้พูดหลายครั้งกับมาตรการนี้ ตรงนี้ธนคารแห่งประเทศไทยควรนำไปพิจารณายกเลิกมาตรการดังกล่าวและกลับไปใช้เครื่องมือทางเศรษฐกิจอย่างปกติ เช่นการใช้มาตรการควบคุมอัตราดอกเบี้ย เป็นต้น”มล.อภิมงคล กล่าว
มล.อภิมงคล กล่าวต่อว่า นอกนั้นยังมีเรื่อง พ.ร.บ.ธุรกิจต่างด้าว วันนี้จะเห็นได้ว่าการแก้ไข พ.ร.บ.ดังกล่าว ยังมีความสับสนอยู่มาก ความสับสนที่เกิดขึ้นนั้น ทั้งกับผู้ประกอบการต่างด้าวปัจจุบัน และผู้ประกอบการที่พึงจะลงทุนในอนาคต ดังนั้นจึงเป็นเรื่องน่าเป็นห่วงที่รัฐบาลควรเร่งแก้ไข และสร้างความชัดเจน อย่างมีประสิทธิภาพ
เพราะมาตรการหลายอย่างที่รัฐบาลกล่าวมายังขาดกลไกลรองรับที่ชัดเจน จะเห็นได้ว่าเมื่อมีปัญหาต่างๆ เช่น ปัญหาอุตสาหกรรม มาบตาพุด ปัญหาพลังงาน ปัญหาไฟฟ้า ก็มีเสียงตอบรับจากรัฐบาลว่าต้องการให้มีการเก็บภาษีมลพิษ การเก็บภาษีพลัง ซึ่งมีการออกมาพูดของรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง แต่ออกมาพูดแล้วแต่ไม่มีกลไกรองรับ ส่งผลให้เกิดความไม่มั่นใจของผู้ประกอบการ นักลงทุน และประชาชน
“ผมคิดว่าการที่จะมีภาษีมลพิษเพื่อควบคุมมาตรฐานโรงงาน การชดเชยการกระทำเสียหายจากผู้ประกอบการก็ดี การชดเชยประชาชนในพื้นที่อุตสาหกรรมก็ดี ในระยะยาวถือว่าเป็นผลดีกับประชาชน แต่วันนี้ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนที่จะแถลงแนวความคิดออกไป เพราะแนวทางดำเนินการต่างๆ ต้องมีกลไกลรองรับ ดังนั้นมาตรการเก็บภาษีก็ดี การกระทำที่มีผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจก็ดี ขอให้รัฐบาลไตร่ตรองเสนอเป็นนโยบายอย่างชัดเจน และเร่งดำเนินการร่างพ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้อง เข้าสู่สภานิติบัญญัติ เพราะขณะนี้ทั้งผู้ประกอบการ ทั้งประชาชน ต่างก็มีความสับสนอย่างมาก ผมหวังว่ารัฐบาลจะนำเสนอไปสู่การพิจารณาและการปฏิบัติต่อไปครับ”รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 25 มี.ค. 2550--จบ--
“มาตรการที่มีความรัดกุมเช่นนี้ผมคิดว่าในระยะยาวจะไม่เป็นประโยชน์ต่อการลงทุน เพราะฉะนั้นผมคิดว่ารัฐบาลโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งได้พูดหลายครั้งกับมาตรการนี้ ตรงนี้ธนคารแห่งประเทศไทยควรนำไปพิจารณายกเลิกมาตรการดังกล่าวและกลับไปใช้เครื่องมือทางเศรษฐกิจอย่างปกติ เช่นการใช้มาตรการควบคุมอัตราดอกเบี้ย เป็นต้น”มล.อภิมงคล กล่าว
มล.อภิมงคล กล่าวต่อว่า นอกนั้นยังมีเรื่อง พ.ร.บ.ธุรกิจต่างด้าว วันนี้จะเห็นได้ว่าการแก้ไข พ.ร.บ.ดังกล่าว ยังมีความสับสนอยู่มาก ความสับสนที่เกิดขึ้นนั้น ทั้งกับผู้ประกอบการต่างด้าวปัจจุบัน และผู้ประกอบการที่พึงจะลงทุนในอนาคต ดังนั้นจึงเป็นเรื่องน่าเป็นห่วงที่รัฐบาลควรเร่งแก้ไข และสร้างความชัดเจน อย่างมีประสิทธิภาพ
เพราะมาตรการหลายอย่างที่รัฐบาลกล่าวมายังขาดกลไกลรองรับที่ชัดเจน จะเห็นได้ว่าเมื่อมีปัญหาต่างๆ เช่น ปัญหาอุตสาหกรรม มาบตาพุด ปัญหาพลังงาน ปัญหาไฟฟ้า ก็มีเสียงตอบรับจากรัฐบาลว่าต้องการให้มีการเก็บภาษีมลพิษ การเก็บภาษีพลัง ซึ่งมีการออกมาพูดของรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง แต่ออกมาพูดแล้วแต่ไม่มีกลไกรองรับ ส่งผลให้เกิดความไม่มั่นใจของผู้ประกอบการ นักลงทุน และประชาชน
“ผมคิดว่าการที่จะมีภาษีมลพิษเพื่อควบคุมมาตรฐานโรงงาน การชดเชยการกระทำเสียหายจากผู้ประกอบการก็ดี การชดเชยประชาชนในพื้นที่อุตสาหกรรมก็ดี ในระยะยาวถือว่าเป็นผลดีกับประชาชน แต่วันนี้ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนที่จะแถลงแนวความคิดออกไป เพราะแนวทางดำเนินการต่างๆ ต้องมีกลไกลรองรับ ดังนั้นมาตรการเก็บภาษีก็ดี การกระทำที่มีผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจก็ดี ขอให้รัฐบาลไตร่ตรองเสนอเป็นนโยบายอย่างชัดเจน และเร่งดำเนินการร่างพ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้อง เข้าสู่สภานิติบัญญัติ เพราะขณะนี้ทั้งผู้ประกอบการ ทั้งประชาชน ต่างก็มีความสับสนอย่างมาก ผมหวังว่ารัฐบาลจะนำเสนอไปสู่การพิจารณาและการปฏิบัติต่อไปครับ”รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 25 มี.ค. 2550--จบ--