ญี่ปุ่นเป็นประเทศเป้าหมายสำคัญอีกประเทศหนึ่งที่ผู้ประกอบการไทยสนใจเข้าไปลงทุนประกอบธุรกิจสปา เพราะประชากรมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง ด้วยรายได้เฉลี่ยประมาณ 29,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อปี ในช่วงปี 2545-2549 อีกทั้งปัจจุบันชาวญี่ปุ่นนิยมใช้บริการสปาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งเพื่อรักษาสุขภาพ เสริมความงาม และเพื่อการพักผ่อน นอกจากนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นยังสนับสนุนให้มีการลงทุนประกอบธุรกิจสปาเพื่อเป็นการส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยว จากปัจจัยสนับสนุนดังกล่าว ประกอบกับชื่อเสียงของธุรกิจสปาไทยเป็นที่รู้จักแพร่หลายในญี่ปุ่น ด้วยจุดเด่นและเอกลักษณ์ด้านการให้บริการนวดแผนไทย และการใช้สมุนไพรไทยเป็นองค์ประกอบหลัก รวมทั้งบุคลากรมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการให้บริการ จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการธุรกิจสปาไทยในการลงทุนประกอบธุรกิจสปาในญี่ปุ่น
ทั้งนี้ ข้อมูลเบื้องต้นที่น่าสนใจเกี่ยวกับธุรกิจสปาในญี่ปุ่นที่ควรทราบ มีดังนี้
* กลุ่มลูกค้า กลุ่มผู้ใช้บริการสปาในญี่ปุ่นมีทั้งผู้ชายและผู้หญิงในสัดส่วนใกล้เคียงกัน แตกต่างกันที่ประเภทของบริการที่เลือกใช้ โดยผู้หญิงญี่ปุ่นนิยมใช้บริการสปาเพื่อเสริมความงามเป็นหลัก ขณะที่ผู้ชายญี่ปุ่นส่วนใหญ่ใช้บริการสปาเพื่อผ่อนคลายความเครียดจากการทำงาน สำหรับกลุ่มลูกค้าที่น่าสนใจและมีแนวโน้มเข้ามาใช้บริการสปาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสปาเพื่อการพักผ่อนและเพื่อรักษาสุขภาพ คือ กลุ่มผู้สูงอายุ เนื่องจากประชากรในยุค Baby Boom ในช่วงปี 2490-2492 เริ่มเข้าสู่วัยเกษียณ
* รูปแบบการให้บริการ บริการสปาในญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ Day Spa ซึ่งใช้เวลาแต่ละครั้งราว 2 ชั่วโมง ส่วนใหญ่เน้นบริการเพื่อผ่อนคลายความเครียด และเพื่อเสริมความงาม รองลงมา คือ Mineral Spring Spa ซึ่งเป็นสปาที่อยู่ในสถานที่ให้บริการบ่อน้ำแร่ร้อน
* อัตราค่าบริการ อัตราค่าบริการของสปาในญี่ปุ่นมีราคาเริ่มต้นที่ 8,000-10,000 เยนต่อครั้ง (ประมาณ 2,500-3,200บาท) ครั้งละประมาณ 1-1.5 ชั่วโมง
* ผู้ประกอบการ มีทั้งชาวญี่ปุ่น และผู้ประกอบการต่างชาติ โดยเฉพาะสิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ทั้งนี้ ผู้ประกอบการต่างชาตินิยมลงทุนประกอบธุรกิจสปาในโรงแรม ขณะที่ผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่น โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดใหญ่มักลงทุนทั้งสปาในโรงแรม และสปานอกโรงแรมที่มีสาขาตั้งอยู่ในเมืองต่าง ๆ สำหรับผู้ประกอบการขนาดเล็กส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการธุรกิจบ่อน้ำแร่ร้อนและนำบริการด้านสปามาเสริม
* ข้อแนะนำในการทำธุรกิจสปาในญี่ปุ่น ผู้ประกอบการควรหาผู้ร่วมทุนชาวญี่ปุ่นเพื่อช่วยทำการตลาดและทราบถึงแนวโน้มความนิยมของลูกค้า โดยอาจร่วมลงทุนกับสถานบริการบ่อน้ำแร่ร้อน ซึ่งเริ่มนำบริการสปาเข้ามาเสริม หรือเข้าไปให้บริการสปาในรีสอร์ตหรือโรงแรม เพื่อเพิ่มจุดขาย
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เมษายน 2550--
-พห-
ทั้งนี้ ข้อมูลเบื้องต้นที่น่าสนใจเกี่ยวกับธุรกิจสปาในญี่ปุ่นที่ควรทราบ มีดังนี้
* กลุ่มลูกค้า กลุ่มผู้ใช้บริการสปาในญี่ปุ่นมีทั้งผู้ชายและผู้หญิงในสัดส่วนใกล้เคียงกัน แตกต่างกันที่ประเภทของบริการที่เลือกใช้ โดยผู้หญิงญี่ปุ่นนิยมใช้บริการสปาเพื่อเสริมความงามเป็นหลัก ขณะที่ผู้ชายญี่ปุ่นส่วนใหญ่ใช้บริการสปาเพื่อผ่อนคลายความเครียดจากการทำงาน สำหรับกลุ่มลูกค้าที่น่าสนใจและมีแนวโน้มเข้ามาใช้บริการสปาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสปาเพื่อการพักผ่อนและเพื่อรักษาสุขภาพ คือ กลุ่มผู้สูงอายุ เนื่องจากประชากรในยุค Baby Boom ในช่วงปี 2490-2492 เริ่มเข้าสู่วัยเกษียณ
* รูปแบบการให้บริการ บริการสปาในญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ Day Spa ซึ่งใช้เวลาแต่ละครั้งราว 2 ชั่วโมง ส่วนใหญ่เน้นบริการเพื่อผ่อนคลายความเครียด และเพื่อเสริมความงาม รองลงมา คือ Mineral Spring Spa ซึ่งเป็นสปาที่อยู่ในสถานที่ให้บริการบ่อน้ำแร่ร้อน
* อัตราค่าบริการ อัตราค่าบริการของสปาในญี่ปุ่นมีราคาเริ่มต้นที่ 8,000-10,000 เยนต่อครั้ง (ประมาณ 2,500-3,200บาท) ครั้งละประมาณ 1-1.5 ชั่วโมง
* ผู้ประกอบการ มีทั้งชาวญี่ปุ่น และผู้ประกอบการต่างชาติ โดยเฉพาะสิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ทั้งนี้ ผู้ประกอบการต่างชาตินิยมลงทุนประกอบธุรกิจสปาในโรงแรม ขณะที่ผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่น โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดใหญ่มักลงทุนทั้งสปาในโรงแรม และสปานอกโรงแรมที่มีสาขาตั้งอยู่ในเมืองต่าง ๆ สำหรับผู้ประกอบการขนาดเล็กส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการธุรกิจบ่อน้ำแร่ร้อนและนำบริการด้านสปามาเสริม
* ข้อแนะนำในการทำธุรกิจสปาในญี่ปุ่น ผู้ประกอบการควรหาผู้ร่วมทุนชาวญี่ปุ่นเพื่อช่วยทำการตลาดและทราบถึงแนวโน้มความนิยมของลูกค้า โดยอาจร่วมลงทุนกับสถานบริการบ่อน้ำแร่ร้อน ซึ่งเริ่มนำบริการสปาเข้ามาเสริม หรือเข้าไปให้บริการสปาในรีสอร์ตหรือโรงแรม เพื่อเพิ่มจุดขาย
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เมษายน 2550--
-พห-