จากปัญหาที่ยืดเยื้อมานานของลำไยอันถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงออกประกาศดีเดย์ “การขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกลำไยและผู้มีเตาอบลำไย ปี 2548” ระหว่าง 25 เมษายน ถึง 15 พฤษภาคม 2548 นี้
นางอัญชลี อุไรกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงการประกาศการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกลำไย ปี 2548 ว่าการขึ้นทะเบียนครั้งนี้ครอบคลุมพื้นที่ผู้ปลูกลำไยใน 8 จังหวัดภาคเหนือคือ จังหวัดเชียงราย จังหวัดพะเยา จังหวัดลำปาง จังหวัดลำพูน จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดตาก จังหวัดแพร่ และจังหวัดน่าน ซึ่งผู้มาขึ้นทะเบียนต้องเป็นผู้ปลูกลำไยและหรือผู้ครอบครองต้นลำไย, ผู้มีเตาอบลำไย ทั้งนี้ผู้มาขึ้นทะเบียนดังกล่าว สามารถขอขึ้นทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่ที่ทำการสำนักงานเกษตรอำเภอ หรือสถานที่กรมส่งเสริมการเกษตรจะนัดหมายโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ซึ่งจะรับขึ้นทะเบียนภายใน 21 วัน นับตั้งแต่ 25 เมษายน ถึง 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2548
หลักเกณฑ์วิธีการขึ้นทะเบียนและเงื่อนไขว่าด้วยการขึ้นทะเบียนผู้ปลูกลำไย พ.ศ. 2548 มีดังนี้ ให้ผู้ปลูกและ/หรือผู้ครอบครองต้นลำไยและผู้มีเตาอบลำไย ยื่นคำร้องขอขึ้นทะเบียนผู้ปลูกลำไย พ.ศ. 2548 ผู้มาขอขึ้นทะเบียนต้องเตรียมเอกสารดังต่อไปนี้ 1.บัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน 2. เอกสารสำคัญแสดงกรรมสิทธิหรือสิทธิครอบครองหรือสิทธิทำกิน หรือสัญญาเช่าปลูกพื้นที่ลำไย และ 3. แบบคำร้องขอขึ้นทะเบียนผู้ปลูกลำไย
เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเปิดเผยต่อว่า การมาขอขึ้นทะเบียนของผู้ปลูกลำไย และผู้มีเตาอบลำไย จะช่วยให้ทางราชการมีข้อมูลที่แท้จริงในการวางแผนแปรรูป และวางแผนการจำหน่ายลำไยได้ถูกต้องตามความเป็นจริง โดยเฉพาะหากเกิดปัญหาในเรื่องการตลาดที่ภาครัฐจะต้องเข้าไปให้ความช่วยเหลือ ผู้ที่มาขึ้นทะเบียนไว้เท่านั้นที่จะได้รับความช่วยเหลือ ดังนั้นขอให้เกษตรกรผู้ปลูกลำไยและผู้มีเตาอบลำไยแจ้งข้อมูลต่างๆตามความเป็นจริง เพื่อประโยชน์ของตัวเอง โดยที่ข้อมูลที่ขึ้นทะเบียนนั้นถือเป็นข้อมูลของราชการ หากผู้ขอขึ้นทะเบียนแจ้งข้อมูลเป็นเท็จแก่ทางราชการจะมีโทษตามกฎหมาย ซึ่งแบบคำร้องที่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น ต้องมีลายมือชื่อของผู้ขอขึ้นทะเบียนเป็นหลักฐาน พร้อมกันนี้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ในการรับแบบคำร้อง ตรวจสอบความครบถ้วน และให้นายทะเบียนตรวจสอบความครบถ้วนอีกครั้ง พร้อมทั้งออกบัตรขึ้นทะเบียนผู้ปลูกลำไยและผู้มีเตาอบลำไย
นางอัญชลีกล่าวอีกว่าต้องการให้เกษตรกรเห็นถึงความสำคัญของการขึ้นทะเบียนผู้ปลูกลำไย และผู้มีเตาอบลำไย ทั้งนี้ให้มาขึ้นทะเบียนตามที่รัฐกำหนด เพื่อประโยชน์ของตนเองดังกล่าว
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-
นางอัญชลี อุไรกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงการประกาศการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกลำไย ปี 2548 ว่าการขึ้นทะเบียนครั้งนี้ครอบคลุมพื้นที่ผู้ปลูกลำไยใน 8 จังหวัดภาคเหนือคือ จังหวัดเชียงราย จังหวัดพะเยา จังหวัดลำปาง จังหวัดลำพูน จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดตาก จังหวัดแพร่ และจังหวัดน่าน ซึ่งผู้มาขึ้นทะเบียนต้องเป็นผู้ปลูกลำไยและหรือผู้ครอบครองต้นลำไย, ผู้มีเตาอบลำไย ทั้งนี้ผู้มาขึ้นทะเบียนดังกล่าว สามารถขอขึ้นทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่ที่ทำการสำนักงานเกษตรอำเภอ หรือสถานที่กรมส่งเสริมการเกษตรจะนัดหมายโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ซึ่งจะรับขึ้นทะเบียนภายใน 21 วัน นับตั้งแต่ 25 เมษายน ถึง 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2548
หลักเกณฑ์วิธีการขึ้นทะเบียนและเงื่อนไขว่าด้วยการขึ้นทะเบียนผู้ปลูกลำไย พ.ศ. 2548 มีดังนี้ ให้ผู้ปลูกและ/หรือผู้ครอบครองต้นลำไยและผู้มีเตาอบลำไย ยื่นคำร้องขอขึ้นทะเบียนผู้ปลูกลำไย พ.ศ. 2548 ผู้มาขอขึ้นทะเบียนต้องเตรียมเอกสารดังต่อไปนี้ 1.บัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน 2. เอกสารสำคัญแสดงกรรมสิทธิหรือสิทธิครอบครองหรือสิทธิทำกิน หรือสัญญาเช่าปลูกพื้นที่ลำไย และ 3. แบบคำร้องขอขึ้นทะเบียนผู้ปลูกลำไย
เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเปิดเผยต่อว่า การมาขอขึ้นทะเบียนของผู้ปลูกลำไย และผู้มีเตาอบลำไย จะช่วยให้ทางราชการมีข้อมูลที่แท้จริงในการวางแผนแปรรูป และวางแผนการจำหน่ายลำไยได้ถูกต้องตามความเป็นจริง โดยเฉพาะหากเกิดปัญหาในเรื่องการตลาดที่ภาครัฐจะต้องเข้าไปให้ความช่วยเหลือ ผู้ที่มาขึ้นทะเบียนไว้เท่านั้นที่จะได้รับความช่วยเหลือ ดังนั้นขอให้เกษตรกรผู้ปลูกลำไยและผู้มีเตาอบลำไยแจ้งข้อมูลต่างๆตามความเป็นจริง เพื่อประโยชน์ของตัวเอง โดยที่ข้อมูลที่ขึ้นทะเบียนนั้นถือเป็นข้อมูลของราชการ หากผู้ขอขึ้นทะเบียนแจ้งข้อมูลเป็นเท็จแก่ทางราชการจะมีโทษตามกฎหมาย ซึ่งแบบคำร้องที่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น ต้องมีลายมือชื่อของผู้ขอขึ้นทะเบียนเป็นหลักฐาน พร้อมกันนี้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ในการรับแบบคำร้อง ตรวจสอบความครบถ้วน และให้นายทะเบียนตรวจสอบความครบถ้วนอีกครั้ง พร้อมทั้งออกบัตรขึ้นทะเบียนผู้ปลูกลำไยและผู้มีเตาอบลำไย
นางอัญชลีกล่าวอีกว่าต้องการให้เกษตรกรเห็นถึงความสำคัญของการขึ้นทะเบียนผู้ปลูกลำไย และผู้มีเตาอบลำไย ทั้งนี้ให้มาขึ้นทะเบียนตามที่รัฐกำหนด เพื่อประโยชน์ของตนเองดังกล่าว
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-