สหรัฐอเมริกา กลุ่มยุโรป และยังเป็นผลมาจากอัตราค่าขนส่งทางเรือที่เพิ่มขึ้นและ กระแสการควบรวมกิจการและการซื้อกิจการของบริษัทเหล็กต่างๆ
ทั่วโลก
จากข้อมูลของสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าระหว่างประเทศ(International Iron & Steel Institute) ได้จัดอันดับตำแหน่งผู้ผลิต
เหล็กดิบรายใหญ่ของโลก โดยเรียงตามลำดับ 10 ลำดับ คือ จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา รัสเซีย เกาหลีใต้ เยอรมนี อินเดีย ยูเครน อิตาลี
บราซิล และพบว่า ประเทศอินเดียได้เลื่อนตำแหน่งผู้ผลิตเหล็กดิบรายใหญ่ของโลกจากลำดับที่ 8 มาลำดับที่ 7 ในขณะที่บราซิลตกมาอยู่อันดับที่ 10
โดยเป็นผลมาจากการหยุดใช้เตา Blast Furnace ในโรงงานของบริษัท CSN’s Volta Redonda เป็นเวลา 5 เดือน
ผู้ผลิตเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีประสบปัญหาราคาสังกะสีที่แพงขึ้น ซึ่งผู้ซื้อไม่ซื้อสินค้าในราคาดังกล่าว จึงเป็นผลทำให้อุปสงค์ลดและราคา
เหล็กเคลือบสังกะสีก็ลดลงด้วย แต่ในด้านราคาส่งออกได้เพิ่มขึ้นอีก 10-20 เหรียญต่อตันตั้งแต่ปลายเดือนต.ค. 2549 นอกจากนี้ โรงงานหลายแห่ง
ถูกบังคับให้ลดการผลิตลง ซึ่งโรงงานหลายแห่งได้ลดปริมาณการผลิตแล้ว อย่างไรก็ตามอุปทานก็ยังมีมากกว่าอุปสงค์ที่ซบเซา
3.แนวโน้ม
แนวโน้มสถานการณ์เหล็กโดยรวมในประเทศในปี 2550 เมื่อเทียบกับปี 2549 คาดการณ์ว่าขยายตัวขึ้นเล็กน้อย โดยในส่วนของการ
ผลิตและการใช้ในประเทศของเหล็กทรงยาวมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็นผลมาจากความต้องการใช้เพื่อการบูรณะและซ่อมแซมที่อยู่อาศัย รวม
ถึงสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น ถนน หลังจากประสบปัญหาอุทกภัยในหลายพื้นที่ของประเทศ สำหรับในส่วนของเหล็กทรงแบนคาดการณ์ว่าการผลิตจะขยาย
ตัวขึ้นโดยในส่วนของการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนที่ใช้ในงานก่อสร้างจะขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่ในส่วนของการส่งออก คาดการณ์ว่าจะลดลงเนื่องจากความ
ต้องการใช้ของตลาดในประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าเหล็กที่สำคัญเริ่มอิ่มตัว ประกอบกับตลาดในกลุ่มประเทศ EU เริ่มชะลอตัวลง
สำหรับการที่ประเทศจีนได้ประกาศจัดเก็บภาษีส่งออกของผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป 10% โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน
2549 ซึ่งประกาศดังกล่าวนี้จะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตไทยเนื่องจากผู้ผลิตของโรงงานเหล็กชนิดที่ไม่มีเตาหลอมนี้ส่วนใหญ่จะนำเข้าผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่ง
สำเร็จรูป เช่น เหล็กแท่งแบน (Slab) และเหล็กแท่งเล็ก (Billet ) จากประเทศจีน ซึ่งจะส่งผลทำให้ผู้ผลิตเหล่านี้มีต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-
ทั่วโลก
จากข้อมูลของสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าระหว่างประเทศ(International Iron & Steel Institute) ได้จัดอันดับตำแหน่งผู้ผลิต
เหล็กดิบรายใหญ่ของโลก โดยเรียงตามลำดับ 10 ลำดับ คือ จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา รัสเซีย เกาหลีใต้ เยอรมนี อินเดีย ยูเครน อิตาลี
บราซิล และพบว่า ประเทศอินเดียได้เลื่อนตำแหน่งผู้ผลิตเหล็กดิบรายใหญ่ของโลกจากลำดับที่ 8 มาลำดับที่ 7 ในขณะที่บราซิลตกมาอยู่อันดับที่ 10
โดยเป็นผลมาจากการหยุดใช้เตา Blast Furnace ในโรงงานของบริษัท CSN’s Volta Redonda เป็นเวลา 5 เดือน
ผู้ผลิตเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีประสบปัญหาราคาสังกะสีที่แพงขึ้น ซึ่งผู้ซื้อไม่ซื้อสินค้าในราคาดังกล่าว จึงเป็นผลทำให้อุปสงค์ลดและราคา
เหล็กเคลือบสังกะสีก็ลดลงด้วย แต่ในด้านราคาส่งออกได้เพิ่มขึ้นอีก 10-20 เหรียญต่อตันตั้งแต่ปลายเดือนต.ค. 2549 นอกจากนี้ โรงงานหลายแห่ง
ถูกบังคับให้ลดการผลิตลง ซึ่งโรงงานหลายแห่งได้ลดปริมาณการผลิตแล้ว อย่างไรก็ตามอุปทานก็ยังมีมากกว่าอุปสงค์ที่ซบเซา
3.แนวโน้ม
แนวโน้มสถานการณ์เหล็กโดยรวมในประเทศในปี 2550 เมื่อเทียบกับปี 2549 คาดการณ์ว่าขยายตัวขึ้นเล็กน้อย โดยในส่วนของการ
ผลิตและการใช้ในประเทศของเหล็กทรงยาวมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็นผลมาจากความต้องการใช้เพื่อการบูรณะและซ่อมแซมที่อยู่อาศัย รวม
ถึงสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น ถนน หลังจากประสบปัญหาอุทกภัยในหลายพื้นที่ของประเทศ สำหรับในส่วนของเหล็กทรงแบนคาดการณ์ว่าการผลิตจะขยาย
ตัวขึ้นโดยในส่วนของการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนที่ใช้ในงานก่อสร้างจะขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่ในส่วนของการส่งออก คาดการณ์ว่าจะลดลงเนื่องจากความ
ต้องการใช้ของตลาดในประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าเหล็กที่สำคัญเริ่มอิ่มตัว ประกอบกับตลาดในกลุ่มประเทศ EU เริ่มชะลอตัวลง
สำหรับการที่ประเทศจีนได้ประกาศจัดเก็บภาษีส่งออกของผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป 10% โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน
2549 ซึ่งประกาศดังกล่าวนี้จะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตไทยเนื่องจากผู้ผลิตของโรงงานเหล็กชนิดที่ไม่มีเตาหลอมนี้ส่วนใหญ่จะนำเข้าผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่ง
สำเร็จรูป เช่น เหล็กแท่งแบน (Slab) และเหล็กแท่งเล็ก (Billet ) จากประเทศจีน ซึ่งจะส่งผลทำให้ผู้ผลิตเหล่านี้มีต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-