ประเมินเศรษฐกิจโลกดีเกินคาด

ข่าวเศรษฐกิจ Friday June 8, 2007 14:29 —กรมส่งเสริมการส่งออก

          นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันการเงินต่างๆวิเคราะห์ภาพรวมการเติบโตของเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มดีเกินคาด  เพราะได้ปัจจัยหนุนด้านบวกจากภาคการผลิตที่เริ่มดำเนินการผลิตอีกระลอก และการลงทุนในภาคการเงินรูปแบบใหม่ชดเชยภาวะชะลอตัวของการบริโภคในภาคครัวเรือน
ผู้แทนจากองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) ยอมรับว่าสถานการณ์ ของเศรษฐกิจปัจจุบันดีกว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาโดยโออีซีดีได้ปรับตัวเลขคาดการทางเศรษฐกิจโลกในปีนี้ของประเทศสมาชิกในกลุ่ม 30 ประเทศ เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 2.7 จากเดิมร้อยละ 2.5
ปัจจัยบวกเบื้องหลังความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจโลกมาจากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมการผลิตซึ่งเป็นพื้นฐานของโครงสร้างเศรษฐกิจแบบเก่าและจากการลงทุนการเงินรูปแบบใหม่ที่มาผนวกกันบรรเทาปัญหาการว่างงานและช่วยกระตุ้นผลกำไรให้ธุรกิจในสหรัฐอเมริกา นักเศรษฐศาสตร์ได้ปรับตัวเลขประมาณการทางเศรษฐกิจในไตรมาสสองของปีนี้เนื่องจากแรงหนุนจากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการผลิตเช่นรถยนต์และธุรกิจไฮเทคมีการเร่งผลิตสินค้าเพิ่มและมีการใช้จ่ายเพื่อขยายธุรกิจ การผลิตและการจ้างงานขยายตัว เพิ่มขึ้นจากที่คาดไว้ในเดือนเมษายนถึงสองเท่าตัว
การเติบโตนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกับบริษัทโตโยต้าที่เพิ่มกำลังการผลิตถึงร้อยละ 4.2 บริษัท 3 เอ็มที่สามารถเพิ่มกำไรให้ธุรกิจในไตรมาสแรกถึงร้อยละ 52 หลังจากที่ขยายธุรกิจเข้าไปในจีนและอินเดีย ในส่วนของการผลิตในภาคอุตสาหกรรมของจีนก็โตขึ้นถึงร้อยละ 18 ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้
จึงเป็นที่เชื่อว่าการขยายตัวในธุรกิจน่าจะชดเชยการชะลอตัวของการใช้จ่ายในภาคครัวเรือนที่ถูกกระทบจากการปรับเพิ่มของราคาน้ำมันประมาณร้อยละ 37 ในปีนี้ได้
ส่วนภาคการเงิน เกิดรูปแบบการลงทุนแบบใหม่นอกเหนือจากภาคธนาคารคือกลุ่มเก็งกำไรและบริษัทบริหารเงินทุนส่วนบุคคล ซึ่งเป็นตัวสำคัญในการขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจขยายการเติบโต สินทรัพย์กลุ่มเก็งกำไรขยายตัวถึง 3 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงทศวรรษที่ผ่านมาเป็นมูลค่าถึง 1.57 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เช่นเดียวกับเงินทุนส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน
จากการลงทุนดังกล่าวประธานบริษัทที่ปรึกษาดิซิชัน อีโคโนมิกส์คาดการณ์ว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกขยายตัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนและคาดว่าจะเติบโตมากกว่าร้อยละ 5 ในปีนี้ สูงกว่าที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดไว้ที่ร้อยละ 4.9 เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
ที่มา: http://www.depthai.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ