คำต่อคำรายการตรงไปตรงมากับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ทางสถานีวิทยุ 101 ช่วงเวลา 08.00 — 08.30 น.
วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม 2550
ผู้ดำเนินรายการ สวัสดีค่ะคุณอภิสิทธิ์คะ สวัสดีครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ
คุณอภิสิทธิ์ สวัสดีครับ คุณอวัสดาครับ สวัสดีครับคุณเติมศักดิ์ครับ
ผู้ดำเนินรายการ ค่ะ สถานการณ์การเมืองเข้มข้นขึ้นทุกขณะค่ะ คุณอภิสิทธิ์ คุณทักษิณ ก็รุกคืบเข้ามาทุกที โทรศัพท์เข้ามาเมื่อวานนี้ ไม่ทราบว่าคุณอภิสิทธิ์มองเหตุการณ์ตรงนี้แล้วคิดว่ามันจะมีอะไรที่หนักขึ้นอีกไม๊คะ
คุณอภิสิทธิ์ ผมไม่ได้ฟังหรอกนะครับ ก็เลยต้องเรียนตรง ๆ ว่าไม่ได้ทราบรายละเอียดทั้งหมด เพราะว่าเห็นบอกว่าออกตั้ง 3 รายการนะครับ แต่ว่าต้องพูดโดยหลักที่ถูกต้องก่อนก็คือว่าคุณทักษิณก็มีสิทธิในการที่จะพูด ในการที่จะแสดงออก ในการที่จะสะท้อนความรู้สึกของตัวเอง หรือแม้กระทั่งในการที่จะแสดงความคิดเห็นวิพาก์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลหรือใครก็ตาม อันนี้จะไปบอกว่าคุณทักษิณไม่มีสิทธิ์ บอกไม่ได้นะครับ เช่นเดียวกันถ้าหากว่าสิ่งที่คุณทักษิณได้พูดออกไปทั้งหมด ไม่ได้เป็นเรื่องของการกระทำที่มีความผิดในทางกฎหมายใด ๆ นะครับก็ไม่ควรที่จะไปดำเนินการอะไรนะครับ อันนี้คือสิ่งที่ผมอยากให้ทุกฝ่ายได้ยึดถือตรงกันนะครับ มิเช่นนั้นแล้วมันจะมีแต่การขยายผลของความขัดแย้งและก็ไม่เป็นผลดีกับสถานการณ์ในปัจจุบันนะครับ
อย่างไรก็ตามถามว่าถ้าคุณทักษิณมีความจริงใจในการที่จะให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ก็ต้องถามว่า การกระทำในลักษณะนี้ทำไปเพื่ออะไรนะครับ และผมคิดว่า คมช. และรัฐบาล ควรที่จะชี้แจงการดำเนินการขององค์กรต่าง ๆ ให้มากนะครับ เพราะว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ มันเป็นปฏิกิริยาจากการที่คดีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคดียุบพรรค ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง คตส. ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอัยการหรือศาล คืบคลานเข้าไป แล้วก็คนในครอบครัวของคุณทักษิณกำลังจะต้องเผชิญกับการต่อสู้คดี ทีนี้ถ้าข้อเท็จจริงในหลาย ๆ เรื่องมันไม่ได้ปรากฎออกมา คำพูดสั้น ๆ อย่างเช่น บอกว่า ภารยาและลูกถูกกลั่นแกล้งนั้น มันก็ทำให้คนที่มีจิตใจสนับสนุนคุณทักษิณเกิดความรู้สึกขึ้นมาได้
ดังนั้นสิ่งที่สำคัญก็คือว่าเวลาที่มีการดำเนินการ อย่างเช่นของ คตส. หรือใครก็ตามคงต้องชัดเจนว่ามันมีฐานมีหลัก มีเหตุ มีผลอย่างไรหรือไม่นะครับ แต่ว่าถ้าเราไม่รับทราบสิ่งเหล่านี้ การที่จะพูดกันง่าย ๆ ว่ามันมีการกลั่นแกล้งกันหรืออะไรกันนั้น มันก็จะทำให้คนแต่ละกลุ่มเกิดความรู้สึก และก็จะเกิดความขัดแย้ง จะเกิดการเผชิญหน้ากันนะครับ ผมจริง ๆ เรื่องทั้งหมดนี้ผมได้เขียนไว้ในหนังสือหมดแล้วนะครับ การเมืองไทยหลังรัฐประหารเคยเขียนเอาไว้ว่า ปัญหาของความขัดแย้งที่จะรุนแรงขึ้นเมื่อระยะเวลาผ่านไป โดยเฉพาะเมื่อมีกรณีของการตรวจสอบหรือว่าคดีความต่าง ๆ จะเป็นปัญหา ถ้าหากว่าประชาชนไม่มีโอกาสได้รับรู้ในเรื่องของเนื้อหาของการดำเนินการต่าง ๆ ว่ามันมีข้อเท็จจริง มีข้อกฎหมาย มีเหตุผลอย่างไรนะครับ เพราะว่าถ้าตัดสินทางใดทางหนึ่งก็จะต้องมีคนที่ไม่พอใจอยู่แล้วเป็นพื้นฐานนะครับ เช่นเดียวกันผมก็บอกว่า เวลาที่ผ่านมานั้นในหนังสือผมก็เขียนไว้อีกว่า กลุ่มคนซึ่งเคยรวมตัวกันนะครับ ในการเรียกร้องความถูกต้อง ต่อสู้กับคุณทักษิณมา ก็จะเริ่มแตกออกเป็นกลุ่ม ๆ เพราะว่าการดำเนินการหลายเรื่องมันก็จะถูกใจบางกลุ่ม ไม่ถูกใจบางกลุ่ม หรือว่าบางกลุ่มเห็นว่าถูกต้อง บางกลุ่มเห็นว่าไม่ถูกต้องอย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้อย่าไปแปลกใจ อย่าไปกังวล แต่ว่าสิ่งที่สำคัญก็คือว่าทำอย่างไร หน่วยงาน ผู้คนที่เกี่ยวข้องจะให้ข้อมูลกับประชาชนให้มาก และต้องดูแลว่าทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรม ผมก็เรียกร้องมาตลอดว่า การดำเนินคดีต่าง ๆ โดยเฉพาะแม้กระทั่งกับตัวคุณทักษิณและครอบครัว ไปกลั่นแกล้งไม่ได้เด็ดขาด ถ้ากลั่นแกล้งแล้วมีแต่จะทำให้เกิดปัญหามากขึ้น ทุกอย่างต้องอยู่บนข้อเท็จจริง อยู่บนเหตุบนผลและถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริง คุณทักษิณหรือใครก็ตามก็ไม่มีสิทธิที่จะมาอ้างว่าตัวเองอยู่เหนือกฎหมายได้ แต่ว่าถ้าหากว่าไปตั้งธงว่าจะต้องเอาผิดแล้วก็เรื่องที่ไม่ผิดก็พยายามให้มันผิด อย่างนี้ในที่สุดกระบวนการมันจะเสียหายหมด อย่างนั้นดีที่สุดเลยก็คือว่าหลายเรื่องคือ บางเรื่องเมื่อเข้าสู่กระบวนการศาลนี่ผมก็เข้าใจ ก็ต้องระมัดระวังอย่าไปเกิดกรณีละเมิดอำนาจศาล แต่ว่าอีกหลาย ๆ เรื่องซึ่งเข้าใจว่ากำลังดำเนินการอยู่แล้วจะออกมานั้น ต้องมีความชัดเจนมาก เหมือนกับที่ผมห่วงเรื่องคดียุบพรรคที่ผ่านมาเหมือนกันว่า เสียดายว่าข้อเท็จจริงทีเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคดีนั้นออกมาน้อย ก็เลยเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงต้องทำ เผยแพร่ พิมพ์หนังสือ แล้วก็มีทั้งขาย มีทั้งแจกจ่ายกันไป
ผู้ดำเนินรายการ ค่ะ แต่อยากถามความรู้สึกคุณอภิสิทธิ์นิดนึงนะคะ เพราะหลายคนก็พูดกันมากในช่วงเวลานี้เกี่ยวกับคุณทักษิณ กับคุณหญิงอ้อ บอกว่าสถานการณ์มันจะเข้มข้นขึ้นเพราะว่าทั้ง 2 ท่านนั้นอาจจะไม่มีคำว่ายอมแพ้ จากสามีภรรยาคู่นี้อะไรนี่ค่ะ คุณอภิสิทธิ์ แล้วมันมาถึงช่วงจังหวะการเมืองแบบ อืมม เข้มข้นมากนะคะ ไม่ทราบคุณอภิสิทธิ์คิดว่ามันจะเป็นอย่างไรบ้างคะ
คุณอภิสิทธิ์ คือผมคิดว่า ทุกคนก็ต้องปกป้องตัวเอง ใครจะไปนั่งอยู่เฉยนะครับ ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ ทีนี้ถามว่า ยอมแพ้ไม่ได้ หรืออะไรไม่ได้ แล้วจะทำอะไร ประเด็นก็คือว่า ถ้าการต่อสู้ทั้งหลายทั้งปวงอยู่ในกรอบของกฎหมาย ก็เป็นสิทธิ อย่างเต็มที่ แต่ว่าถ้าเริ่มทำอะไรซึ่งผิดกฎหมาย ก็เป็นหน้าที่ของบ้านเมืองของสังคมที่จะต้องจัดการ ผมว่ามันไม่ได้มีอะไรซับซ้อนไปกว่านั้น และผมก็ยืนยันมาตลอดว่าความล้มเหลวของการเมืองในช่วง 4 — 5 ปีที่ผ่านมา เรื่องใหญ่ที่สุดก็คือเรื่องนี้ว่า เราไม่ได้ใช้หลักนิติธรรม ก็คือ เรากลายเป็นพยายามที่จะเอาปัจจัยอื่นมาเพื่อที่จะไม่ให้การบังคับใช้กฎหมายนั้นเท่าเทียมกัน สมัยที่คุณทักษิณอยู่นั้น ใครอยู่ฝ่ายผู้มีอำนาจทำอะไรก็ไม่ผิด ใครอยู่ฝ่ายตรงกันข้าม มีอะไรนิดเดียว ผิดไม่ผิดไม่รู้ก็ถูกเอาผิดไว้ก่อน ก็เป็นปัญหามาตลอด มาถึงตอนนี้ถ้าเราคิดในทางทำนองเดียวกันว่า คดีต่าง ๆ ทีเกิดขึ้น ถ้าเราไปคิดว่ามันต้องเป็นธงทางการเมืองอย่างนั้นอย่างงี้ นั่นแหละครับมันก็จะทำให้บ้านเมืองวิกฤตไม่รู้จบนะครับ เพราะฉะนั้นวันนี้ถึงวันที่ทุกฝ่ายควรจะช่วยกันเผยแพร่ค่านิยมที่ถูกต้อง ตั้งหลักกันว่าทั้งหลายทั้งปวง สังคมประชาธิปไตย จะเกิดขึ้นได้ ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเท่าเทียมกัน อันนี้เป็นพื้นฐานสำคัญ พื้นฐานหนึ่ง มีพื้นฐานอื่น ๆ ที่เขาพูดกันมาเยอะนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิทธิเสรีภาพ สื่อสารมวลชนหรืออะไรก็ตาม แต่ว่าข้อนี้เรายังล้มเหลวอยู่มาก นะครับ และตราบใดที่เรายังไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้ มันยากที่เราจะก้าวไปสู่ความเป็นสังคมที่มีระบบการเมืองที่ดี ระบบการปกครองที่ดี ตรงนี้มันจึงเป็นจุดที่ท้าทาย
ผู้ดำเนินรายการ ครับ การเคลื่อนไหวของคุณทักษิณที่พูดผ่านรายการวิทยุชุมชุนนั้น ดูจะทำให้ความเชื่อเรื่องคุณทักษิณวางมือทางการเมืองนี้แทบจะเชื่อไม่ได้แล้วนะฮะ คุณอภิสิทธิ์ฮะ
คุณอภิสิทธิ์ ผมไม่เคยเชื่ออยู่แล้ว ผมไม่เคยเชื่ออยู่แล้ว พูดมาตั้งนานแล้วว่า ไม่เคยเชื่อ แล้วก็เราก็ต้องพูดกันตามข้อเท็จจริงนะครับว่า ตราบเท่าที่คุณทักษิณไม่ถูกตัดสิทธิ์ด้วยเหตุผลที่มีกฎหมายรองรับ คุณทักษิณก็ย่อมมีสิทธิ์เสมอในการที่จะเล่นการเมือง หรือใช้สิทธิทางการเมืองต่าง ๆ ผมคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดก็คือว่า ถ้าทุกฝ่ายยึดกติกาขณะนี้คุณทักษิณหรือครอบครัว เมื่อถูกกล่าวหา เมื่อจะต้องขึ้นศาลนั้น ก็ต้องมีสิทธิ์กลับมาต่อสู้คดี เพียงแต่ว่าคนที่คิดใช้วิธีการใต้ดิน คนที่คิดใช้วิธีเอามวลชนมากดดันนั้น ต้องเลิก ไม่งั้นบ้านเมืองวุ่นวายไม่รู้จบ ผมก็ย้อนไปหลายครั้งนะครับ เพราะว่าคนก็วิเคราะห์กันมากว่าเอ๊ะ ตกลง ที่บ้านเมืองเราเดินมาถึงจุดนี้นั้นมันเพราะเรื่องไหนอย่างไร ผมก็ชี้ให้เห็นว่าจริง ๆ เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้วนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีกระแสพระราชดำรัสเป็นแสงสว่างนำทางชัดเจนที่สุด ก็คือเรื่องของการที่จะให้กระบวนการยุติธรรมให้คำตอบกับสังคม คลี่คลายวิกฤตต่าง ๆ ใช่ไม๊ครับ แต่ว่าสถานการณ์มันพัฒนามาพอถึงใกล้เดือนสิงหา กันยา ทั้ง ๆ ที่ก็จะมีการเลือกตั้งนะครับ มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งแล้ว แต่มันมีความพยายามที่จะเอามวลชนมาสร้างปัญหาให้เกิดการปะทะกัน อะไรต่าง ๆ นั่นแหละคือจุดที่มันทำให้ในที่สุดมันเกิดการรัฐประหารขึ้น อันนี้คือสิ่งที่มันจะต้องเป็นบทเรียนะครับ สำหรับทุกฝ่าย แล้วก็ทำให้เราจะต้องมาย้อนกลับมาดูว่า เดินไปข้างหน้านั้นอย่าให้มันผิดซ้ำรอยเดิมนะครับ
เมื่อวานนี้ผมก็ไปร่วมงานในช่วงเช้านะครับ 15 ปีพฤษภา ก็อยากให้เหตุการณ์เดือนพฤษภาเป็นข้อคิดนะครับ กับการที่เราจะต้องมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย ที่จริงขณะนี้หลายฝ่ายพูดตรงกันนะครับ ว่าถ้ามีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย ถ้ารัฐบาล กกต. ผู้เกี่ยวข้อง ทำงานเพื่อวางรากฐานให้การเลือกตั้งเป็นไปในลักษณะที่เป็นการเลือกตั้งที่สุจริต เที่ยงธรรม การเลือกตั้งที่เกิดขึ้นภายในปีนี้ ก็จะเป็นตัวที่ช่วยคลายทุกสิ่งทุกอย่างได้ ถูกไม๊ครับ จริง ๆ แล้ว ท่านนายกฯ ก็พูดอย่างนี้ คมช. เองเมื่อวันที่เข้ามายึดอำนาจก็ประกาศอย่างนี้ คุณทักษิณเองก็พูดอย่างนี้ เพราะฉะนั้นถ้าทุกคนจริงใจที่จะร่วมกันทำตรงนี้นะครับ บ้านเมืองก็เดินไปได้ ผมมีความเป็นห่วงว่าถ้าเรายังพยายามจะสร้างเงื่อนไขในทางการเมืองกันขนาดนี้แล้ว สิ่งที่มันเป็นผลกระทบต่อประชาชนในเชิงเศรษฐกิจ ในเชิงสังคม มันจะยิ่งยาวออกไป นะครับ
เมื่อวานนี้ผมก็ได้มีโอกาสพบกับนักลงทุนจากต่างประเทศกลุ่มหนึ่งนะครับ พอดีเขาเชิญผมไปบรรยาย พวกนักลงทุนต่างประเทศยังคุยกับผมเลยบอกว่า จริง ๆ เขามองว่าพื้นฐานประเทศไทยนี้ดี เศรษฐกิจไทยยังมีความน่าลงทุนมีอะไรอยู่ ยังมีพื้นฐานที่ดีอยู่อีกมาก แต่ว่าหนึ่งก็คือว่าเขาแปลกใจมากว่า พบปะกับคนไทยทุกวันนี้มีแต่ความไม่เชื่อมั่น มีแต่ความไม่เชื่อมั่น ก็เพราะว่ามันมีคนสร้างเงื่อนไขให้เกิดความกังวล มีความกลัวอยู่ตลอดเวลาว่าจะเกิดสิ่งนั้นสิ่งนี้ ใช่ไม๊ครับ ถ้าคุณทักษิณมีความจริงใจว่า อยากจะให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยอย่างที่พูด ก็ต้องถามว่าการกระทำคุณทักษิณเมื่อวานนี้ช่วยให้ประเทศมีความเชื่อมั่นมากขึ้นไม๊ในการกลับสู่ประชาธิปไตย ฉะนั้นต้องวัดกันตรงนี้ว่าคนมีความจริงใจ มีความต้องการที่จะให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย เดินกลับมาสู่ความเป็นประชาธิปไตย ขณะนี้ควรจะทำอะไรแต่ละคน อันนี้คือสิ่งสำคัญ ประเด็นที่สองก็คือว่า ถ้าขณะนี้หลายคนก็ยังมองว่าประเทศไทยยังมีพื้นฐานที่ดี มีจุดแข็ง แต่ถ้าปล่อยยาวออกไปเรื่อย ๆ แล้วปัญหาหลายปัญหาที่เป็นปัญหาพื้นฐานมันไม่ได้รับการแก้ไข เราก็จะสูญเสียมากขึ้นเรื่อย ๆ นะครับ
เมื่อวันพุธผมก็เชิญภาคธุรกิจ และนักวิชาการมาคุยกันในเรื่องของเศรษฐกิจระยะกลาง ระยะยาว ทำอย่างไรจะให้เศรษฐกิจของเรานั้นมีประสิทธิภาพ ใช้ทรัพยากรน้อย แต่ว่าได้ผลตอบแทนมาก ทีนี้ก็เป็นสิ่งซึ่งมันมีอีกหลายเรื่องที่เราต้องทำ ต้องตั้งหลักแล้วก็ทำกันอย่างจริงจังนะครับ แต่ว่า 2 ปีที่ผ่านมา หรือ 3 — 4 ปีที่ผ่านมา สิ่งเหล่านี้แทบไม่ได้พูดกันเลย เพราะฉะนั้นอันนี้จึงเป็นสิ่งที่เป็นความท้าทายอย่างมาก ผมก็ยังยืนยันเรียกร้องทุกฝ่ายว่า ขณะนี้มาช่วยกันประคับประคองให้เรามีประชาธิปไตย และมีการเลือกตั้งปลายปีนี้เถิด ส่วนประโยชน์ตน ประโยชน์พวกอะไรต่าง ๆ ต้องละจริง ๆ ในขณะนี้นะครับ แล้วก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าการที่เรายึดหลักของประชาธิปไตยจริง ๆ ก็คือพื้นฐานของหลักนิติธรรม นิติรัฐ นะครับ และมาช่วยกันปูทางให้การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นเป็นการเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตยจริง ๆ และมีความหมายมีความสุจริต เที่ยงธรรม สะท้อนเจตนารมย์ของประชาชน
ผู้ดำเนินรายการ ครับ สุดท้ายนิดเดียวครับ คุณอภิสิทธิ์ หวั่นไหวกับกระแสข่าวซึ่งไม่รู้ใครปล่อยออกมานะฮะ แต่ว่าเจ้าตัวเขาปฏิเสธแล้ว เรื่อง 6 ต่อ 3 5 ต่อ 4 เนี่ยฮะ
คุณอภิสิทธิ์ ไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวอะไร เพียงแต่คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่สมควรที่จะพูดนะฮะ ที่ไม่หวั่นไหวเพราะว่ารู้ขั้นตอนการทำงานของคณะตุลาการดีนะครับ และอยู่ในช่วงของการที่ประชุมกันเสร็จแล้วจึงจะให้ตุลาการแต่ละท่านไปเขียนคำวินิจฉัยของเฉพาะตนนะครับ ซึ่งจะต้องตีพิมพ์ในราชกิจจา เมื่อเขียนเสร็จแล้วจึงจะนัดกลับมาประชุมกันเพื่อเอาคำวินิจฉัยนั้นเป็นการลงมตินะครับ เพราะฉะนั้นอย่าว่าแต่คนที่พูดหรือไม่พูดก็แล้วแต่นะครับ หรือว่าพูดแล้วเบลอ อะไรนั้น ผมว่าคณะตุลาการก็ยังไม่รู้เลยว่าอย่างมากก็จะรู้เฉพาะคำวินิจฉัยของตัวเองในใจ ดังนั้นไม่ได้มีความรู้สึกหวั่นไหวอะไร นะครับเพียงแต่ว่าก็ย้ำว่าต้องการเห็นการตัดสินอย่างที่ยึดหลักของความถูกต้องและเนื้อหาของคดี เพราะว่าผมทราบดี และผมเชื่อว่าคณะตุลาการจะไม่ยอมจำนนกับแรงกดดัน และผมก็รู้ว่ามีแรงกดดันจากหลายทาง เพราะว่ามันก็มีคนที่มีส่วนได้เสียนะครับ และมีเป้าหมายทางการเมืองที่พยายามจะไปสร้างกระแสเหมือนกับแวดล้อมกดดันทางคณะตุลาการนะครับ แต่ว่าผมคิดว่า 9 ท่านที่นั่งอยู่ในคณะนี้มาจากทั้งศาลฎีกา ทั้งศาลปกครอง ก็คงจะเป็นบุคคลที่มีความเข้มแข็งที่จะอยู่ภายใต้ปัญหาการวิพากษ์วิจารณ์การกดดันต่าง ๆ นะครับ แล้วก็จะได้เดินหน้าตัดสินและก็สามารถอธิบายต่าง ๆ ได้
ผู้ดำเนินรายการ ขอบพระคุณมากครับคุณอภิสิทธิ์ครับ ขอบพระคุณค่ะคุณอภิสิทธิ์ สวัสดีค่ะ
คุณอภิสิทธิ์ สวัสดีครับ
*************************************************
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 18 พ.ค. 2550--จบ--
ทางสถานีวิทยุ 101 ช่วงเวลา 08.00 — 08.30 น.
วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม 2550
ผู้ดำเนินรายการ สวัสดีค่ะคุณอภิสิทธิ์คะ สวัสดีครับ คุณอภิสิทธิ์ครับ
คุณอภิสิทธิ์ สวัสดีครับ คุณอวัสดาครับ สวัสดีครับคุณเติมศักดิ์ครับ
ผู้ดำเนินรายการ ค่ะ สถานการณ์การเมืองเข้มข้นขึ้นทุกขณะค่ะ คุณอภิสิทธิ์ คุณทักษิณ ก็รุกคืบเข้ามาทุกที โทรศัพท์เข้ามาเมื่อวานนี้ ไม่ทราบว่าคุณอภิสิทธิ์มองเหตุการณ์ตรงนี้แล้วคิดว่ามันจะมีอะไรที่หนักขึ้นอีกไม๊คะ
คุณอภิสิทธิ์ ผมไม่ได้ฟังหรอกนะครับ ก็เลยต้องเรียนตรง ๆ ว่าไม่ได้ทราบรายละเอียดทั้งหมด เพราะว่าเห็นบอกว่าออกตั้ง 3 รายการนะครับ แต่ว่าต้องพูดโดยหลักที่ถูกต้องก่อนก็คือว่าคุณทักษิณก็มีสิทธิในการที่จะพูด ในการที่จะแสดงออก ในการที่จะสะท้อนความรู้สึกของตัวเอง หรือแม้กระทั่งในการที่จะแสดงความคิดเห็นวิพาก์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลหรือใครก็ตาม อันนี้จะไปบอกว่าคุณทักษิณไม่มีสิทธิ์ บอกไม่ได้นะครับ เช่นเดียวกันถ้าหากว่าสิ่งที่คุณทักษิณได้พูดออกไปทั้งหมด ไม่ได้เป็นเรื่องของการกระทำที่มีความผิดในทางกฎหมายใด ๆ นะครับก็ไม่ควรที่จะไปดำเนินการอะไรนะครับ อันนี้คือสิ่งที่ผมอยากให้ทุกฝ่ายได้ยึดถือตรงกันนะครับ มิเช่นนั้นแล้วมันจะมีแต่การขยายผลของความขัดแย้งและก็ไม่เป็นผลดีกับสถานการณ์ในปัจจุบันนะครับ
อย่างไรก็ตามถามว่าถ้าคุณทักษิณมีความจริงใจในการที่จะให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ก็ต้องถามว่า การกระทำในลักษณะนี้ทำไปเพื่ออะไรนะครับ และผมคิดว่า คมช. และรัฐบาล ควรที่จะชี้แจงการดำเนินการขององค์กรต่าง ๆ ให้มากนะครับ เพราะว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ มันเป็นปฏิกิริยาจากการที่คดีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคดียุบพรรค ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง คตส. ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอัยการหรือศาล คืบคลานเข้าไป แล้วก็คนในครอบครัวของคุณทักษิณกำลังจะต้องเผชิญกับการต่อสู้คดี ทีนี้ถ้าข้อเท็จจริงในหลาย ๆ เรื่องมันไม่ได้ปรากฎออกมา คำพูดสั้น ๆ อย่างเช่น บอกว่า ภารยาและลูกถูกกลั่นแกล้งนั้น มันก็ทำให้คนที่มีจิตใจสนับสนุนคุณทักษิณเกิดความรู้สึกขึ้นมาได้
ดังนั้นสิ่งที่สำคัญก็คือว่าเวลาที่มีการดำเนินการ อย่างเช่นของ คตส. หรือใครก็ตามคงต้องชัดเจนว่ามันมีฐานมีหลัก มีเหตุ มีผลอย่างไรหรือไม่นะครับ แต่ว่าถ้าเราไม่รับทราบสิ่งเหล่านี้ การที่จะพูดกันง่าย ๆ ว่ามันมีการกลั่นแกล้งกันหรืออะไรกันนั้น มันก็จะทำให้คนแต่ละกลุ่มเกิดความรู้สึก และก็จะเกิดความขัดแย้ง จะเกิดการเผชิญหน้ากันนะครับ ผมจริง ๆ เรื่องทั้งหมดนี้ผมได้เขียนไว้ในหนังสือหมดแล้วนะครับ การเมืองไทยหลังรัฐประหารเคยเขียนเอาไว้ว่า ปัญหาของความขัดแย้งที่จะรุนแรงขึ้นเมื่อระยะเวลาผ่านไป โดยเฉพาะเมื่อมีกรณีของการตรวจสอบหรือว่าคดีความต่าง ๆ จะเป็นปัญหา ถ้าหากว่าประชาชนไม่มีโอกาสได้รับรู้ในเรื่องของเนื้อหาของการดำเนินการต่าง ๆ ว่ามันมีข้อเท็จจริง มีข้อกฎหมาย มีเหตุผลอย่างไรนะครับ เพราะว่าถ้าตัดสินทางใดทางหนึ่งก็จะต้องมีคนที่ไม่พอใจอยู่แล้วเป็นพื้นฐานนะครับ เช่นเดียวกันผมก็บอกว่า เวลาที่ผ่านมานั้นในหนังสือผมก็เขียนไว้อีกว่า กลุ่มคนซึ่งเคยรวมตัวกันนะครับ ในการเรียกร้องความถูกต้อง ต่อสู้กับคุณทักษิณมา ก็จะเริ่มแตกออกเป็นกลุ่ม ๆ เพราะว่าการดำเนินการหลายเรื่องมันก็จะถูกใจบางกลุ่ม ไม่ถูกใจบางกลุ่ม หรือว่าบางกลุ่มเห็นว่าถูกต้อง บางกลุ่มเห็นว่าไม่ถูกต้องอย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้อย่าไปแปลกใจ อย่าไปกังวล แต่ว่าสิ่งที่สำคัญก็คือว่าทำอย่างไร หน่วยงาน ผู้คนที่เกี่ยวข้องจะให้ข้อมูลกับประชาชนให้มาก และต้องดูแลว่าทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรม ผมก็เรียกร้องมาตลอดว่า การดำเนินคดีต่าง ๆ โดยเฉพาะแม้กระทั่งกับตัวคุณทักษิณและครอบครัว ไปกลั่นแกล้งไม่ได้เด็ดขาด ถ้ากลั่นแกล้งแล้วมีแต่จะทำให้เกิดปัญหามากขึ้น ทุกอย่างต้องอยู่บนข้อเท็จจริง อยู่บนเหตุบนผลและถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริง คุณทักษิณหรือใครก็ตามก็ไม่มีสิทธิที่จะมาอ้างว่าตัวเองอยู่เหนือกฎหมายได้ แต่ว่าถ้าหากว่าไปตั้งธงว่าจะต้องเอาผิดแล้วก็เรื่องที่ไม่ผิดก็พยายามให้มันผิด อย่างนี้ในที่สุดกระบวนการมันจะเสียหายหมด อย่างนั้นดีที่สุดเลยก็คือว่าหลายเรื่องคือ บางเรื่องเมื่อเข้าสู่กระบวนการศาลนี่ผมก็เข้าใจ ก็ต้องระมัดระวังอย่าไปเกิดกรณีละเมิดอำนาจศาล แต่ว่าอีกหลาย ๆ เรื่องซึ่งเข้าใจว่ากำลังดำเนินการอยู่แล้วจะออกมานั้น ต้องมีความชัดเจนมาก เหมือนกับที่ผมห่วงเรื่องคดียุบพรรคที่ผ่านมาเหมือนกันว่า เสียดายว่าข้อเท็จจริงทีเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคดีนั้นออกมาน้อย ก็เลยเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงต้องทำ เผยแพร่ พิมพ์หนังสือ แล้วก็มีทั้งขาย มีทั้งแจกจ่ายกันไป
ผู้ดำเนินรายการ ค่ะ แต่อยากถามความรู้สึกคุณอภิสิทธิ์นิดนึงนะคะ เพราะหลายคนก็พูดกันมากในช่วงเวลานี้เกี่ยวกับคุณทักษิณ กับคุณหญิงอ้อ บอกว่าสถานการณ์มันจะเข้มข้นขึ้นเพราะว่าทั้ง 2 ท่านนั้นอาจจะไม่มีคำว่ายอมแพ้ จากสามีภรรยาคู่นี้อะไรนี่ค่ะ คุณอภิสิทธิ์ แล้วมันมาถึงช่วงจังหวะการเมืองแบบ อืมม เข้มข้นมากนะคะ ไม่ทราบคุณอภิสิทธิ์คิดว่ามันจะเป็นอย่างไรบ้างคะ
คุณอภิสิทธิ์ คือผมคิดว่า ทุกคนก็ต้องปกป้องตัวเอง ใครจะไปนั่งอยู่เฉยนะครับ ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ ทีนี้ถามว่า ยอมแพ้ไม่ได้ หรืออะไรไม่ได้ แล้วจะทำอะไร ประเด็นก็คือว่า ถ้าการต่อสู้ทั้งหลายทั้งปวงอยู่ในกรอบของกฎหมาย ก็เป็นสิทธิ อย่างเต็มที่ แต่ว่าถ้าเริ่มทำอะไรซึ่งผิดกฎหมาย ก็เป็นหน้าที่ของบ้านเมืองของสังคมที่จะต้องจัดการ ผมว่ามันไม่ได้มีอะไรซับซ้อนไปกว่านั้น และผมก็ยืนยันมาตลอดว่าความล้มเหลวของการเมืองในช่วง 4 — 5 ปีที่ผ่านมา เรื่องใหญ่ที่สุดก็คือเรื่องนี้ว่า เราไม่ได้ใช้หลักนิติธรรม ก็คือ เรากลายเป็นพยายามที่จะเอาปัจจัยอื่นมาเพื่อที่จะไม่ให้การบังคับใช้กฎหมายนั้นเท่าเทียมกัน สมัยที่คุณทักษิณอยู่นั้น ใครอยู่ฝ่ายผู้มีอำนาจทำอะไรก็ไม่ผิด ใครอยู่ฝ่ายตรงกันข้าม มีอะไรนิดเดียว ผิดไม่ผิดไม่รู้ก็ถูกเอาผิดไว้ก่อน ก็เป็นปัญหามาตลอด มาถึงตอนนี้ถ้าเราคิดในทางทำนองเดียวกันว่า คดีต่าง ๆ ทีเกิดขึ้น ถ้าเราไปคิดว่ามันต้องเป็นธงทางการเมืองอย่างนั้นอย่างงี้ นั่นแหละครับมันก็จะทำให้บ้านเมืองวิกฤตไม่รู้จบนะครับ เพราะฉะนั้นวันนี้ถึงวันที่ทุกฝ่ายควรจะช่วยกันเผยแพร่ค่านิยมที่ถูกต้อง ตั้งหลักกันว่าทั้งหลายทั้งปวง สังคมประชาธิปไตย จะเกิดขึ้นได้ ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเท่าเทียมกัน อันนี้เป็นพื้นฐานสำคัญ พื้นฐานหนึ่ง มีพื้นฐานอื่น ๆ ที่เขาพูดกันมาเยอะนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิทธิเสรีภาพ สื่อสารมวลชนหรืออะไรก็ตาม แต่ว่าข้อนี้เรายังล้มเหลวอยู่มาก นะครับ และตราบใดที่เรายังไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้ มันยากที่เราจะก้าวไปสู่ความเป็นสังคมที่มีระบบการเมืองที่ดี ระบบการปกครองที่ดี ตรงนี้มันจึงเป็นจุดที่ท้าทาย
ผู้ดำเนินรายการ ครับ การเคลื่อนไหวของคุณทักษิณที่พูดผ่านรายการวิทยุชุมชุนนั้น ดูจะทำให้ความเชื่อเรื่องคุณทักษิณวางมือทางการเมืองนี้แทบจะเชื่อไม่ได้แล้วนะฮะ คุณอภิสิทธิ์ฮะ
คุณอภิสิทธิ์ ผมไม่เคยเชื่ออยู่แล้ว ผมไม่เคยเชื่ออยู่แล้ว พูดมาตั้งนานแล้วว่า ไม่เคยเชื่อ แล้วก็เราก็ต้องพูดกันตามข้อเท็จจริงนะครับว่า ตราบเท่าที่คุณทักษิณไม่ถูกตัดสิทธิ์ด้วยเหตุผลที่มีกฎหมายรองรับ คุณทักษิณก็ย่อมมีสิทธิ์เสมอในการที่จะเล่นการเมือง หรือใช้สิทธิทางการเมืองต่าง ๆ ผมคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดก็คือว่า ถ้าทุกฝ่ายยึดกติกาขณะนี้คุณทักษิณหรือครอบครัว เมื่อถูกกล่าวหา เมื่อจะต้องขึ้นศาลนั้น ก็ต้องมีสิทธิ์กลับมาต่อสู้คดี เพียงแต่ว่าคนที่คิดใช้วิธีการใต้ดิน คนที่คิดใช้วิธีเอามวลชนมากดดันนั้น ต้องเลิก ไม่งั้นบ้านเมืองวุ่นวายไม่รู้จบ ผมก็ย้อนไปหลายครั้งนะครับ เพราะว่าคนก็วิเคราะห์กันมากว่าเอ๊ะ ตกลง ที่บ้านเมืองเราเดินมาถึงจุดนี้นั้นมันเพราะเรื่องไหนอย่างไร ผมก็ชี้ให้เห็นว่าจริง ๆ เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้วนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีกระแสพระราชดำรัสเป็นแสงสว่างนำทางชัดเจนที่สุด ก็คือเรื่องของการที่จะให้กระบวนการยุติธรรมให้คำตอบกับสังคม คลี่คลายวิกฤตต่าง ๆ ใช่ไม๊ครับ แต่ว่าสถานการณ์มันพัฒนามาพอถึงใกล้เดือนสิงหา กันยา ทั้ง ๆ ที่ก็จะมีการเลือกตั้งนะครับ มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งแล้ว แต่มันมีความพยายามที่จะเอามวลชนมาสร้างปัญหาให้เกิดการปะทะกัน อะไรต่าง ๆ นั่นแหละคือจุดที่มันทำให้ในที่สุดมันเกิดการรัฐประหารขึ้น อันนี้คือสิ่งที่มันจะต้องเป็นบทเรียนะครับ สำหรับทุกฝ่าย แล้วก็ทำให้เราจะต้องมาย้อนกลับมาดูว่า เดินไปข้างหน้านั้นอย่าให้มันผิดซ้ำรอยเดิมนะครับ
เมื่อวานนี้ผมก็ไปร่วมงานในช่วงเช้านะครับ 15 ปีพฤษภา ก็อยากให้เหตุการณ์เดือนพฤษภาเป็นข้อคิดนะครับ กับการที่เราจะต้องมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย ที่จริงขณะนี้หลายฝ่ายพูดตรงกันนะครับ ว่าถ้ามีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย ถ้ารัฐบาล กกต. ผู้เกี่ยวข้อง ทำงานเพื่อวางรากฐานให้การเลือกตั้งเป็นไปในลักษณะที่เป็นการเลือกตั้งที่สุจริต เที่ยงธรรม การเลือกตั้งที่เกิดขึ้นภายในปีนี้ ก็จะเป็นตัวที่ช่วยคลายทุกสิ่งทุกอย่างได้ ถูกไม๊ครับ จริง ๆ แล้ว ท่านนายกฯ ก็พูดอย่างนี้ คมช. เองเมื่อวันที่เข้ามายึดอำนาจก็ประกาศอย่างนี้ คุณทักษิณเองก็พูดอย่างนี้ เพราะฉะนั้นถ้าทุกคนจริงใจที่จะร่วมกันทำตรงนี้นะครับ บ้านเมืองก็เดินไปได้ ผมมีความเป็นห่วงว่าถ้าเรายังพยายามจะสร้างเงื่อนไขในทางการเมืองกันขนาดนี้แล้ว สิ่งที่มันเป็นผลกระทบต่อประชาชนในเชิงเศรษฐกิจ ในเชิงสังคม มันจะยิ่งยาวออกไป นะครับ
เมื่อวานนี้ผมก็ได้มีโอกาสพบกับนักลงทุนจากต่างประเทศกลุ่มหนึ่งนะครับ พอดีเขาเชิญผมไปบรรยาย พวกนักลงทุนต่างประเทศยังคุยกับผมเลยบอกว่า จริง ๆ เขามองว่าพื้นฐานประเทศไทยนี้ดี เศรษฐกิจไทยยังมีความน่าลงทุนมีอะไรอยู่ ยังมีพื้นฐานที่ดีอยู่อีกมาก แต่ว่าหนึ่งก็คือว่าเขาแปลกใจมากว่า พบปะกับคนไทยทุกวันนี้มีแต่ความไม่เชื่อมั่น มีแต่ความไม่เชื่อมั่น ก็เพราะว่ามันมีคนสร้างเงื่อนไขให้เกิดความกังวล มีความกลัวอยู่ตลอดเวลาว่าจะเกิดสิ่งนั้นสิ่งนี้ ใช่ไม๊ครับ ถ้าคุณทักษิณมีความจริงใจว่า อยากจะให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยอย่างที่พูด ก็ต้องถามว่าการกระทำคุณทักษิณเมื่อวานนี้ช่วยให้ประเทศมีความเชื่อมั่นมากขึ้นไม๊ในการกลับสู่ประชาธิปไตย ฉะนั้นต้องวัดกันตรงนี้ว่าคนมีความจริงใจ มีความต้องการที่จะให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย เดินกลับมาสู่ความเป็นประชาธิปไตย ขณะนี้ควรจะทำอะไรแต่ละคน อันนี้คือสิ่งสำคัญ ประเด็นที่สองก็คือว่า ถ้าขณะนี้หลายคนก็ยังมองว่าประเทศไทยยังมีพื้นฐานที่ดี มีจุดแข็ง แต่ถ้าปล่อยยาวออกไปเรื่อย ๆ แล้วปัญหาหลายปัญหาที่เป็นปัญหาพื้นฐานมันไม่ได้รับการแก้ไข เราก็จะสูญเสียมากขึ้นเรื่อย ๆ นะครับ
เมื่อวันพุธผมก็เชิญภาคธุรกิจ และนักวิชาการมาคุยกันในเรื่องของเศรษฐกิจระยะกลาง ระยะยาว ทำอย่างไรจะให้เศรษฐกิจของเรานั้นมีประสิทธิภาพ ใช้ทรัพยากรน้อย แต่ว่าได้ผลตอบแทนมาก ทีนี้ก็เป็นสิ่งซึ่งมันมีอีกหลายเรื่องที่เราต้องทำ ต้องตั้งหลักแล้วก็ทำกันอย่างจริงจังนะครับ แต่ว่า 2 ปีที่ผ่านมา หรือ 3 — 4 ปีที่ผ่านมา สิ่งเหล่านี้แทบไม่ได้พูดกันเลย เพราะฉะนั้นอันนี้จึงเป็นสิ่งที่เป็นความท้าทายอย่างมาก ผมก็ยังยืนยันเรียกร้องทุกฝ่ายว่า ขณะนี้มาช่วยกันประคับประคองให้เรามีประชาธิปไตย และมีการเลือกตั้งปลายปีนี้เถิด ส่วนประโยชน์ตน ประโยชน์พวกอะไรต่าง ๆ ต้องละจริง ๆ ในขณะนี้นะครับ แล้วก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าการที่เรายึดหลักของประชาธิปไตยจริง ๆ ก็คือพื้นฐานของหลักนิติธรรม นิติรัฐ นะครับ และมาช่วยกันปูทางให้การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นเป็นการเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตยจริง ๆ และมีความหมายมีความสุจริต เที่ยงธรรม สะท้อนเจตนารมย์ของประชาชน
ผู้ดำเนินรายการ ครับ สุดท้ายนิดเดียวครับ คุณอภิสิทธิ์ หวั่นไหวกับกระแสข่าวซึ่งไม่รู้ใครปล่อยออกมานะฮะ แต่ว่าเจ้าตัวเขาปฏิเสธแล้ว เรื่อง 6 ต่อ 3 5 ต่อ 4 เนี่ยฮะ
คุณอภิสิทธิ์ ไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวอะไร เพียงแต่คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่สมควรที่จะพูดนะฮะ ที่ไม่หวั่นไหวเพราะว่ารู้ขั้นตอนการทำงานของคณะตุลาการดีนะครับ และอยู่ในช่วงของการที่ประชุมกันเสร็จแล้วจึงจะให้ตุลาการแต่ละท่านไปเขียนคำวินิจฉัยของเฉพาะตนนะครับ ซึ่งจะต้องตีพิมพ์ในราชกิจจา เมื่อเขียนเสร็จแล้วจึงจะนัดกลับมาประชุมกันเพื่อเอาคำวินิจฉัยนั้นเป็นการลงมตินะครับ เพราะฉะนั้นอย่าว่าแต่คนที่พูดหรือไม่พูดก็แล้วแต่นะครับ หรือว่าพูดแล้วเบลอ อะไรนั้น ผมว่าคณะตุลาการก็ยังไม่รู้เลยว่าอย่างมากก็จะรู้เฉพาะคำวินิจฉัยของตัวเองในใจ ดังนั้นไม่ได้มีความรู้สึกหวั่นไหวอะไร นะครับเพียงแต่ว่าก็ย้ำว่าต้องการเห็นการตัดสินอย่างที่ยึดหลักของความถูกต้องและเนื้อหาของคดี เพราะว่าผมทราบดี และผมเชื่อว่าคณะตุลาการจะไม่ยอมจำนนกับแรงกดดัน และผมก็รู้ว่ามีแรงกดดันจากหลายทาง เพราะว่ามันก็มีคนที่มีส่วนได้เสียนะครับ และมีเป้าหมายทางการเมืองที่พยายามจะไปสร้างกระแสเหมือนกับแวดล้อมกดดันทางคณะตุลาการนะครับ แต่ว่าผมคิดว่า 9 ท่านที่นั่งอยู่ในคณะนี้มาจากทั้งศาลฎีกา ทั้งศาลปกครอง ก็คงจะเป็นบุคคลที่มีความเข้มแข็งที่จะอยู่ภายใต้ปัญหาการวิพากษ์วิจารณ์การกดดันต่าง ๆ นะครับ แล้วก็จะได้เดินหน้าตัดสินและก็สามารถอธิบายต่าง ๆ ได้
ผู้ดำเนินรายการ ขอบพระคุณมากครับคุณอภิสิทธิ์ครับ ขอบพระคุณค่ะคุณอภิสิทธิ์ สวัสดีค่ะ
คุณอภิสิทธิ์ สวัสดีครับ
*************************************************
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 18 พ.ค. 2550--จบ--