เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2550 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวเปิดตัวหนังสือ “คำแถลงการณ์ปิดคดี พรรคประชาธิปัตย์” ซึ่งเป็นหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊คขนาด 16 หน้ายก หนา 350 หน้า จัดพิมพ์จำนวน 30,000 เล่ม ออกวางจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วประเทศ และส่งอภินันทนาการไปยัง ห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษา และโรงเรียนมัธยมศึกษาทั่วประเทศ, ห้องสมุดประชาชน, ศาลยุติธรรม, ส่วนราชการ, สาขาธนาคารต่างๆ, สถานทูต, บริษัทเอกชนขนาดใหญ่, สมาชิกสภานิติบัญญัติฯและสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ, องค์กรปกครองท้องถิ่น, สื่อมวลชนแขนงต่างๆ ฯลฯ
สำหรับเนื้อหาหนังสือ “คำแถลงการณ์ปิดคดี พรรคประชาธิปัตย์” เป็นเนื้อหาเดียวกับที่คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ นำเสนอต่อคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา ทั้งนี้ได้รับอนุญาตจากคณะตุลาการรัฐธรรมนูญให้ตีพิมพ์เผยแพร่แล้ว
หนังสือดังกล่าวได้ตีพิมพ์คำปรารภในการจัดพิมพ์หนังสือของ แกนนำระดับสูงของพรรค 4 ท่าน คือ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคฯ ในฐานะประธานคณะผู้ว่าคดี, นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคฯ ประธานคณะเตรียมสำนวนคดี, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค
โดยนายชวน หลีกภัย ระบุว่า พยานหลักฐานที่พรรคประชาธิปัตย์นำมาเสนอต่อคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ นอกจากจะพิสูจน์ความจริงว่าพรรคฯไม่ได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหาของคณะกรรมการการเลือกตั้งและอัยการสูงสุดแล้ว ยังแสดงให้เห็นความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองภายใต้ระบอบนี้ว่า มีการทุจริตในทางการเมิอง มีการละเมิดหลักนิติธรรม แทรกแซงองค์กรอิสระ แทรกแซง คุกคาม และครอบงำสื่อมวลชน มีการใช้เงินครอบงำวุฒิสมาชิกบางส่วน ฯลฯ หากคนไทยไม่สามารถขจัดระบอบชั่วร้ายนี้ไปได้ จะเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ระบุว่า ตนและพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันมาตลอดว่า เราพร้อมพิสูจน์ข้อเท็จจริงทั้งหลายเกี่ยวกับคดี และต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมโดยให้ความร่วมมือ และเคารพต่อคณะตุลาการรัฐธรรมนูญอย่างเต็มที่ นอกจากนั้นยังได้พยายามเผยแพร่ข้อเท็จจริงในคดีต่อสาธารณะ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ดี และเพื่อให้ประวัติศาสตร์ไม่ถูกบิดเบือน
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ย้ำว่า หลักการง่ายๆหลักการเดียวที่สังคมควรยอมรับ คือ ใครผิดต้องรับผิด ใครบริสุทธิ์ ใครไม่ผิด ต้องมี่ถูกลงโทษ หรือกลั่นแกล้ง มิฉะนั้นบ้านเมืองจะมีแต่ปัญหาไม่จบไม่สิ้น
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน เขียนในคำปรารภ หัวข้อ “ผมไม่คิดว่าพรรคของเราจะถูกยุบ” โดยชี้ว่า การยื่นเรื่องให้มีการยุบพรรคประชาธิปัตย์ เป็นการจัดฉากของพรรคไทยรักไทย กกต.และอัยการสูงสุดในขณะนั้น เพื่อนำพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นตัวประกัน หวังให้พรรคไทยรักไทยที่ทำความผิดในการจ้างพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้งปลอดภัยจากข้อกล่าวหา
นายบัญญัติ ชี้ว่า ได้ทบทวนถึงคำสอนของอาจารย์ในวิชาว่าความที่กล่าวไว้เป็นหลักเกณฑ์ว่า คดีความจะชนะต้องประกอบด้วย “สี่ดี” คือ รูปคดีดี, ทนายดี, พยานดี และผู้พิพากษาดี ซึ่งคดีของพรรคประชาธิปัตย์เข้าองค์ประกอบทั้งสี่ ทำให้มั่นใจว่า พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ถูกยุบ
ด้านนายสุเทพเทือกสุบรรณ ระบุว่า เนื้อหาในคำแถลงการณ์ปิดคดีนี้ เป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ที่ไม่มีใครจะสามารถบิดเบือนได้ นักศึกษาและพี่น้องประชาชนผู้สนใจจะได้อ่านคำแถลงการณ์ปิดคดีของพรรคประชาธิปัตย์ สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงและพิสูจน์พยานหลักฐานเหล่านี้ได้ด้วยตนเอง
“ท่านผู้อ่านจะเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งทีเดียวว่า ทำไมท่านผู้ก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์เมื่อปี 2489 จึงได้ใช้พระแม่ธรณีบีบมวยผม โดยมีพุทธสุภาษิต “สจฺจํเว อมตา วาจา” เป็นสัญลักษณ์ของพรรค เพราะพรรคประชาธิปัตย์ต้องต่อสู้กับ “มาร” ทางการเมือง และสู้ด้วยความจริง เอาความจริงมาพิสูจน์กันตลอดมา” นายสุเทพระบุ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 15 พ.ค. 2550--จบ--
สำหรับเนื้อหาหนังสือ “คำแถลงการณ์ปิดคดี พรรคประชาธิปัตย์” เป็นเนื้อหาเดียวกับที่คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ นำเสนอต่อคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา ทั้งนี้ได้รับอนุญาตจากคณะตุลาการรัฐธรรมนูญให้ตีพิมพ์เผยแพร่แล้ว
หนังสือดังกล่าวได้ตีพิมพ์คำปรารภในการจัดพิมพ์หนังสือของ แกนนำระดับสูงของพรรค 4 ท่าน คือ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคฯ ในฐานะประธานคณะผู้ว่าคดี, นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคฯ ประธานคณะเตรียมสำนวนคดี, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค
โดยนายชวน หลีกภัย ระบุว่า พยานหลักฐานที่พรรคประชาธิปัตย์นำมาเสนอต่อคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ นอกจากจะพิสูจน์ความจริงว่าพรรคฯไม่ได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหาของคณะกรรมการการเลือกตั้งและอัยการสูงสุดแล้ว ยังแสดงให้เห็นความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองภายใต้ระบอบนี้ว่า มีการทุจริตในทางการเมิอง มีการละเมิดหลักนิติธรรม แทรกแซงองค์กรอิสระ แทรกแซง คุกคาม และครอบงำสื่อมวลชน มีการใช้เงินครอบงำวุฒิสมาชิกบางส่วน ฯลฯ หากคนไทยไม่สามารถขจัดระบอบชั่วร้ายนี้ไปได้ จะเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ระบุว่า ตนและพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันมาตลอดว่า เราพร้อมพิสูจน์ข้อเท็จจริงทั้งหลายเกี่ยวกับคดี และต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมโดยให้ความร่วมมือ และเคารพต่อคณะตุลาการรัฐธรรมนูญอย่างเต็มที่ นอกจากนั้นยังได้พยายามเผยแพร่ข้อเท็จจริงในคดีต่อสาธารณะ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ดี และเพื่อให้ประวัติศาสตร์ไม่ถูกบิดเบือน
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ย้ำว่า หลักการง่ายๆหลักการเดียวที่สังคมควรยอมรับ คือ ใครผิดต้องรับผิด ใครบริสุทธิ์ ใครไม่ผิด ต้องมี่ถูกลงโทษ หรือกลั่นแกล้ง มิฉะนั้นบ้านเมืองจะมีแต่ปัญหาไม่จบไม่สิ้น
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน เขียนในคำปรารภ หัวข้อ “ผมไม่คิดว่าพรรคของเราจะถูกยุบ” โดยชี้ว่า การยื่นเรื่องให้มีการยุบพรรคประชาธิปัตย์ เป็นการจัดฉากของพรรคไทยรักไทย กกต.และอัยการสูงสุดในขณะนั้น เพื่อนำพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นตัวประกัน หวังให้พรรคไทยรักไทยที่ทำความผิดในการจ้างพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้งปลอดภัยจากข้อกล่าวหา
นายบัญญัติ ชี้ว่า ได้ทบทวนถึงคำสอนของอาจารย์ในวิชาว่าความที่กล่าวไว้เป็นหลักเกณฑ์ว่า คดีความจะชนะต้องประกอบด้วย “สี่ดี” คือ รูปคดีดี, ทนายดี, พยานดี และผู้พิพากษาดี ซึ่งคดีของพรรคประชาธิปัตย์เข้าองค์ประกอบทั้งสี่ ทำให้มั่นใจว่า พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ถูกยุบ
ด้านนายสุเทพเทือกสุบรรณ ระบุว่า เนื้อหาในคำแถลงการณ์ปิดคดีนี้ เป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ที่ไม่มีใครจะสามารถบิดเบือนได้ นักศึกษาและพี่น้องประชาชนผู้สนใจจะได้อ่านคำแถลงการณ์ปิดคดีของพรรคประชาธิปัตย์ สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงและพิสูจน์พยานหลักฐานเหล่านี้ได้ด้วยตนเอง
“ท่านผู้อ่านจะเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งทีเดียวว่า ทำไมท่านผู้ก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์เมื่อปี 2489 จึงได้ใช้พระแม่ธรณีบีบมวยผม โดยมีพุทธสุภาษิต “สจฺจํเว อมตา วาจา” เป็นสัญลักษณ์ของพรรค เพราะพรรคประชาธิปัตย์ต้องต่อสู้กับ “มาร” ทางการเมือง และสู้ด้วยความจริง เอาความจริงมาพิสูจน์กันตลอดมา” นายสุเทพระบุ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 15 พ.ค. 2550--จบ--