แท็ก
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
ธนาคารแห่งประเทศไทย
แฟชั่น ไอส์แลนด์
อัตราดอกเบี้ย
วันวิสาขบูชา
ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ระบุไม่ชี้นำให้ ธพ.ปรับลดอัตราดอกเบี้ย นายเกริก วณิกกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
กล่าวถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ ธพ. หลังจากที่ ธปท.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงรวม 1% ในช่วงที่ผ่านมาว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ ธพ.จะ
ต้องขึ้นอยู่กับการบริหารต้นทุนและการจัดการรายได้ของ ธพ.แต่ละแห่ง ซึ่งมีความจำเป็นที่แตกต่างกัน โดยที่ ธปท.ไม่สามารถชี้นำหรือบังคับให้ดำเนินการใดได้
สำหรับสภาพคล่องในระบบการเงินขณะนี้ หากพิจารณาจากอัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ที่ประมาณ 89% ถือเป็นสภาพคล่องส่วนเกินในระดับปกติที่ ธพ.น่าจะ
สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงได้ (กรุงเทพธุรกิจ, ไทยโพสต์, มติชน)
2. ธปท.ระบุเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง นางผ่องเพ็ญ เรืองวีระยุทธ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงินและบริหารเงินสำรอง
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกบทความผ่านเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ ธปท.เรื่อง “ค่าเงินบาทจากวันนั้น...ถึงวันนี้” เพื่อชี้แจงความเปลี่ยนแปลงและ
ผลกระทบของการออกมาตรการกันสำรองเงินทุนนำเข้าร้อยละ 30 ว่า ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา เงินบาทยังคงแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง แต่เป็นการแข็งค่าที่สอดคล้อง
กับภูมิภาคและเคลื่อนไหวตามเงินสกุลอื่นในภูมิภาค ประกอบมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนหลายประการ ที่ทำให้เงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้นโดยไม่มีความจำเป็น
หลายครั้ง อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ ธปท.ออกมาตรการกันสำรอง 30% ส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินหลายสกุลในภูมิภาค นอกจากนี้ จากการ
สอบถามบริษัทที่กู้ยืมเงินตราต่างประเทศ มีความเห็นว่าเงินบาทในช่วงต่อไปไม่น่าจะแข็งค่าจากปัจจุบันมากนัก และมีแนวโน้มอ่อนค่าลง (กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด)
3. ช่วงไตรมาสแรกปี 50 ไทยส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น 4.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายงานข่าวจาก ก.พาณิชย์ เปิดเผยว่า
ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ (ม.ค.-มี.ค.50) ไทยส่งออกข้าวได้แล้วประมาณ 1.87 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็น
มูลค่า 691 ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 20.6% ราคาส่งออกเฉลี่ยตันละ 369 ดอลลาร์ สรอ. หรือเพิ่มขึ้น 15.3% สำหรับเป้าหมาย
การส่งออกในปี 50 ก.พาณิชย์กำหนดไว้ที่ 8.5 ล้านตัน หรือคิดเป็นมูลค่า 2,600 ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่วนในเดือน เม.ย.นี้ คาดว่าจะส่งออกข้าวได้อีก
ประมาณ 650,000 ตัน เนื่องจากผู้ส่งออกไทยยังคงมีความต้องการข้าวนึ่งเกรดดีและข้าวหอมมะลิไทยมากขึ้นเพื่อส่งมอบให้ลูกค้าต่างประเทศ (โลกวันนี้)
4. ผู้ค้าน้ำมันมีแนวโน้มปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันอีกภายในสัปดาห์นี้ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
กล่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศว่า มีแนวโน้มที่ผู้ค้าน้ำมันจะปรับขึ้นราคาน้ำมันขายปลีกทั้งเบนซิน และดีเซลอีก 40 สตางค์/ลิตร ภายใน
สัปดาห์นี้ เนื่องจากในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้ค้าน้ำมันประสบภาวะขาดทุนในการแบกรับภาระ
ที่ไม่ได้ปรับขึ้นราคาน้ำมันในช่วงที่ผ่านมา (โลกวันนี้, ข่าวสด)
5. เอสแคปคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 50 ขยายตัว 4.7% ต่ำกว่าปีก่อนหน้า นายชิเกรุ โมชิดะ รองเลขาธิการคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ
และสังคมประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกของสหประชาชาติ (เอสแคป) เปิดเผยผลสำรวจเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยประจำปี 50 ว่า ผลิตภัณฑ์
ในประเทศ (จีดีพี) น่าจะขยายตัวในอัตรา 4.7% ต่ำกว่าปี 49 ที่ขยายตัว 5% และอาจเสี่ยงที่จะขยายตัวในทิศทางชะลอลงเมื่อเทียบกับประเทศในเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังตึงเครียด ส่วนอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่ 3.6% ลดลงจากปีก่อนที่อยู่ที่ 4.6% ขณะที่การบริหาร
จัดการอัตราแลกเปลี่ยนเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ และคาดว่าเงินบาทจะแข็งค่าต่อไป (ข่าวสด, มติชน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าเศรษฐกิจ สรอ. จะฟื้นตัวขณะที่ภาวะเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง รายงานจากนิวยอร์กเมื่อวันที่ 18 เม.ย. 50 ผลการสำรวจ
โดยรอยเตอร์คาดว่า ในช่วงปลายปีนี้เศรษฐกิจ สรอ. จะ ฟื้นตัวและปัญหาตลาดอสังหาริมทรัพย์จะหมดไป แต่ภาวะเงินเฟ้อก็ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าที่ ธ.กลาง
สรอ.ตั้งเป้าหมายไว้ ทั้งนี้นับตั้งแต่ต้นปีนักเศรษฐศาสตร์ลดความคาดหวังว่าธ.กลาง สรอ.จะดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย โดยจากผลการสำรวจเฉลี่ย
ล่าสุดคาดว่าธ.กลาง สรอ. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเพียง 1 ครั้ง ในไตรมาสที่ 4/50 เทียบกับผลการสำรวจเดิมเมื่อ 3 เดือนที่แล้วที่คาดว่า
ธ.กลางจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายถึง 2 ครั้งในปี 50 นี้ ทั้งนี้เนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อยังคง
สูงกว่าเป้าหมายของธ.กลาง นอกจากนั้นนักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่าการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจมากกว่าผลเสีย ซึ่งก่อนหน้านี้
นักเศรษฐศาสตร์บางคนคาดว่าจะประสบปัญหาการจ่ายคืนเงินกู้และกระทบต่อสถาบันการเงินรวมทั้งทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว แต่ปัญหาดังกล่าวได้ผ่อนคลายลง
ในที่สุด และคาดว่าเศรษฐกิจ สรอ. จะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 2.3 ในไตรมาสที่ 2/50 ส่วนไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 จะขยายตัวร้อยละ 2.7
และร้อยละ 2.9 ตามลำดับ และจะเติบโตร้อยละ 3.0 ในไตรมาสแรกปีหน้า ส่วนตลอดทั้งปีนี้และปีหน้าเศรษฐกิจจะเติบโตร้อยละ 2.4 และร้อยละ 3.0
ตามลำดับ(รอยเตอร์)
2. คาดว่าจีดีพีของเขตเศรษฐกิจยุโรปปีนี้จะเติบโตร้อยละ 2.4 รายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 18 เม.ย.50 สำนักข่าว
รอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นรายไตรมาสของนักเศรษฐศาสตร์กว่า 60 คน คาดว่า เศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจยุโรปจะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ที่ร้อยละ 2.4 ในปีนี้ แต่จะชะลอตัวลงเหลือร้อยละ 2.2 ในปี 50 ซึ่งนับเป็นผลสำรวจติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ที่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะเติบโตเข้าใกล้
ระดับร้อยละ 2.7 ในปี 49 ที่เป็นอัตราการเติบโตสูงสุดในรอบ 6 ปี ซึ่งการที่เศรษฐกิจขยายตัวดีจะทำให้ ธ.กลางสหภาพยุโรปสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ในเดือน มิ.ย.50 อีกร้อยละ 0.25 ขึ้นไปอยู่ที่ระดับร้อยละ 4.0 และคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับนั้นไปจนถึงสิ้นไตรมาส 2 ปี 51 (รอยเตอร์)
3. คาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในปี 50 และ 51 จะขยายตัวร้อยละ 2.4 รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 18 เม.ย.50
สถาบันวิจัยเศรษฐกิจชั้นนำ 5 สถาบันของเยอรมนี คาดการณ์ว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในปี 50 และ 51 จะฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพที่
ร้อยละ 2.4 เนื่องจากรัฐบาลมีการทบทวนปรับปรุงนโยบายการคลังสาธารณะ และเห็นว่าจากการปรับเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มอีกร้อยละ 3 ของเยอรมนีตั้งแต่
วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา ยังไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเยอรมนีเท่าใดนัก ทั้งนี้ ผลสำรวจนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์คาดการณ์เกี่ยวกับมุมมองทางเศรษฐกิจ
ล่าสุดว่า รัฐบาลเยอรมนีจะสามารถจัดทำงบประมาณแบบสมดุลได้ในปี 51 หลังจากที่จัดทำงบประมาณแบบขาดดุลร้อยละ 0.6 ของผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี)
ในปีนี้ ขณะที่ รมว.คลังของเยอรมนี (Peer Steinbrueck) กล่าวว่า การจัดทำงบประมาณแบบสมดุลต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากมี
ความเสี่ยงหลายประการ อย่างไรก็ตาม เขาประมาณการภาษีรายได้ (ซึ่งจะประกาศในเดือน พ.ค.) ว่าน่าจะสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้เมื่อปลายปี 49
อนึ่ง เยอรมนีได้ถูกกำหนดบทลงโทษจากสหภาพยุโรป หลังจากที่ได้ปล่อยให้งบประมาณของประเทศขาดดุลเกินกว่าเป้าหมายที่สหภาพยุโรปกำหนดไว้ถึง
4 ปีต่อเนื่องกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อปีที่ผ่านมาเยอรมนีได้ปรับลดงบประมาณขาดดุลลงมาอยู่ที่ร้อยละ 1.7 ของจีดีพีแล้ว (รอยเตอร์)
4. ผลสำรวจรอยเตอร์คาดว่า ธ.กลางอังกฤษอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นร้อยละ 5.75 ต่อปีภายในสิ้นปี 50 รายงานจากลอนดอน เมื่อ
18 เม.ย.50 ผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์ในระหว่างวันที่ 11 — 17 เม.ย.50 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะมีการประกาศตัวเลขอัตรา
เงินเฟ้อในเดือน มี.ค.50 นั้น นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าเศรษฐกิจอังกฤษจะขยายตัวประมาณร้อยละ 2.7 ในปี 50 ก่อนที่จะชะลอตัวลงเหลือร้อยละ 2.5
ในปี 51 ทั้งนี้เมื่อวันที่ 17 เม.ย.50 ที่ผ่านมา ธ.กลางอังกฤษได้รายงานอัตราเงินเฟ้อในเดือน มี.ค.50 พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 3.1 ต่อปี สูงกว่าเป้าที่
ธ.กลางอังกฤษกำหนดไว้ว่าไม่ควรเกินร้อยละ 2.0 ต่อปีมากถึงขนาดที่ ผู้ว่าการ ธ.กลางอังกฤษต้องมีจดหมายชี้แจงไปยังรัฐบาลและเพิ่มความเป็นไปได้ที่
อัตราดอกเบี้ยอาจสูงขึ้นถึงร้อยละ 5.75 ต่อปีภายในสิ้นปี 50 โดยค่อนข้างเป็นที่แน่นอนว่า ธ.กลางอังกฤษจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25
เป็นร้อยละ 5.5 ต่อปีในการประชุมในวันที่ 10 พ.ค.50 ที่จะถึงนี้ สอดคล้องกับผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์ทันทีหลังการประกาศ
ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่นักเศรษฐศาสตร์ 49 ใน 51 คนคาดว่า ธ.กลางอังกฤษจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นร้อยละ 5.5 ต่อปีในเดือน พ.ค.50 โดยนักเศรษฐศาสตร์
ร้อยละ 35 คาดว่าอัตราดอกเบี้ยอาจสูงขึ้นถึงร้อยละ 5.75 ต่อปีหรือสูงกว่าภายในสิ้นปี 50 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 19 เม.ย. 50 18 เม.ย. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 34.773 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 34.5750/34.9090 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.17047 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 692.27/6.18 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 11,250/11,350 11,250/11,350 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 62.56 62.23 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 28.79*/24.94* 28.79*/24.94* 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 11 เม.ย. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.ระบุไม่ชี้นำให้ ธพ.ปรับลดอัตราดอกเบี้ย นายเกริก วณิกกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
กล่าวถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ ธพ. หลังจากที่ ธปท.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงรวม 1% ในช่วงที่ผ่านมาว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ ธพ.จะ
ต้องขึ้นอยู่กับการบริหารต้นทุนและการจัดการรายได้ของ ธพ.แต่ละแห่ง ซึ่งมีความจำเป็นที่แตกต่างกัน โดยที่ ธปท.ไม่สามารถชี้นำหรือบังคับให้ดำเนินการใดได้
สำหรับสภาพคล่องในระบบการเงินขณะนี้ หากพิจารณาจากอัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ที่ประมาณ 89% ถือเป็นสภาพคล่องส่วนเกินในระดับปกติที่ ธพ.น่าจะ
สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงได้ (กรุงเทพธุรกิจ, ไทยโพสต์, มติชน)
2. ธปท.ระบุเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง นางผ่องเพ็ญ เรืองวีระยุทธ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงินและบริหารเงินสำรอง
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกบทความผ่านเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ ธปท.เรื่อง “ค่าเงินบาทจากวันนั้น...ถึงวันนี้” เพื่อชี้แจงความเปลี่ยนแปลงและ
ผลกระทบของการออกมาตรการกันสำรองเงินทุนนำเข้าร้อยละ 30 ว่า ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา เงินบาทยังคงแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง แต่เป็นการแข็งค่าที่สอดคล้อง
กับภูมิภาคและเคลื่อนไหวตามเงินสกุลอื่นในภูมิภาค ประกอบมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนหลายประการ ที่ทำให้เงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้นโดยไม่มีความจำเป็น
หลายครั้ง อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ ธปท.ออกมาตรการกันสำรอง 30% ส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินหลายสกุลในภูมิภาค นอกจากนี้ จากการ
สอบถามบริษัทที่กู้ยืมเงินตราต่างประเทศ มีความเห็นว่าเงินบาทในช่วงต่อไปไม่น่าจะแข็งค่าจากปัจจุบันมากนัก และมีแนวโน้มอ่อนค่าลง (กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด)
3. ช่วงไตรมาสแรกปี 50 ไทยส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น 4.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายงานข่าวจาก ก.พาณิชย์ เปิดเผยว่า
ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ (ม.ค.-มี.ค.50) ไทยส่งออกข้าวได้แล้วประมาณ 1.87 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็น
มูลค่า 691 ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 20.6% ราคาส่งออกเฉลี่ยตันละ 369 ดอลลาร์ สรอ. หรือเพิ่มขึ้น 15.3% สำหรับเป้าหมาย
การส่งออกในปี 50 ก.พาณิชย์กำหนดไว้ที่ 8.5 ล้านตัน หรือคิดเป็นมูลค่า 2,600 ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่วนในเดือน เม.ย.นี้ คาดว่าจะส่งออกข้าวได้อีก
ประมาณ 650,000 ตัน เนื่องจากผู้ส่งออกไทยยังคงมีความต้องการข้าวนึ่งเกรดดีและข้าวหอมมะลิไทยมากขึ้นเพื่อส่งมอบให้ลูกค้าต่างประเทศ (โลกวันนี้)
4. ผู้ค้าน้ำมันมีแนวโน้มปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันอีกภายในสัปดาห์นี้ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
กล่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศว่า มีแนวโน้มที่ผู้ค้าน้ำมันจะปรับขึ้นราคาน้ำมันขายปลีกทั้งเบนซิน และดีเซลอีก 40 สตางค์/ลิตร ภายใน
สัปดาห์นี้ เนื่องจากในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้ค้าน้ำมันประสบภาวะขาดทุนในการแบกรับภาระ
ที่ไม่ได้ปรับขึ้นราคาน้ำมันในช่วงที่ผ่านมา (โลกวันนี้, ข่าวสด)
5. เอสแคปคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 50 ขยายตัว 4.7% ต่ำกว่าปีก่อนหน้า นายชิเกรุ โมชิดะ รองเลขาธิการคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ
และสังคมประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกของสหประชาชาติ (เอสแคป) เปิดเผยผลสำรวจเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยประจำปี 50 ว่า ผลิตภัณฑ์
ในประเทศ (จีดีพี) น่าจะขยายตัวในอัตรา 4.7% ต่ำกว่าปี 49 ที่ขยายตัว 5% และอาจเสี่ยงที่จะขยายตัวในทิศทางชะลอลงเมื่อเทียบกับประเทศในเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังตึงเครียด ส่วนอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่ 3.6% ลดลงจากปีก่อนที่อยู่ที่ 4.6% ขณะที่การบริหาร
จัดการอัตราแลกเปลี่ยนเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ และคาดว่าเงินบาทจะแข็งค่าต่อไป (ข่าวสด, มติชน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าเศรษฐกิจ สรอ. จะฟื้นตัวขณะที่ภาวะเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง รายงานจากนิวยอร์กเมื่อวันที่ 18 เม.ย. 50 ผลการสำรวจ
โดยรอยเตอร์คาดว่า ในช่วงปลายปีนี้เศรษฐกิจ สรอ. จะ ฟื้นตัวและปัญหาตลาดอสังหาริมทรัพย์จะหมดไป แต่ภาวะเงินเฟ้อก็ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าที่ ธ.กลาง
สรอ.ตั้งเป้าหมายไว้ ทั้งนี้นับตั้งแต่ต้นปีนักเศรษฐศาสตร์ลดความคาดหวังว่าธ.กลาง สรอ.จะดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย โดยจากผลการสำรวจเฉลี่ย
ล่าสุดคาดว่าธ.กลาง สรอ. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเพียง 1 ครั้ง ในไตรมาสที่ 4/50 เทียบกับผลการสำรวจเดิมเมื่อ 3 เดือนที่แล้วที่คาดว่า
ธ.กลางจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายถึง 2 ครั้งในปี 50 นี้ ทั้งนี้เนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อยังคง
สูงกว่าเป้าหมายของธ.กลาง นอกจากนั้นนักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่าการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจมากกว่าผลเสีย ซึ่งก่อนหน้านี้
นักเศรษฐศาสตร์บางคนคาดว่าจะประสบปัญหาการจ่ายคืนเงินกู้และกระทบต่อสถาบันการเงินรวมทั้งทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว แต่ปัญหาดังกล่าวได้ผ่อนคลายลง
ในที่สุด และคาดว่าเศรษฐกิจ สรอ. จะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 2.3 ในไตรมาสที่ 2/50 ส่วนไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 จะขยายตัวร้อยละ 2.7
และร้อยละ 2.9 ตามลำดับ และจะเติบโตร้อยละ 3.0 ในไตรมาสแรกปีหน้า ส่วนตลอดทั้งปีนี้และปีหน้าเศรษฐกิจจะเติบโตร้อยละ 2.4 และร้อยละ 3.0
ตามลำดับ(รอยเตอร์)
2. คาดว่าจีดีพีของเขตเศรษฐกิจยุโรปปีนี้จะเติบโตร้อยละ 2.4 รายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 18 เม.ย.50 สำนักข่าว
รอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นรายไตรมาสของนักเศรษฐศาสตร์กว่า 60 คน คาดว่า เศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจยุโรปจะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ที่ร้อยละ 2.4 ในปีนี้ แต่จะชะลอตัวลงเหลือร้อยละ 2.2 ในปี 50 ซึ่งนับเป็นผลสำรวจติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ที่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะเติบโตเข้าใกล้
ระดับร้อยละ 2.7 ในปี 49 ที่เป็นอัตราการเติบโตสูงสุดในรอบ 6 ปี ซึ่งการที่เศรษฐกิจขยายตัวดีจะทำให้ ธ.กลางสหภาพยุโรปสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ในเดือน มิ.ย.50 อีกร้อยละ 0.25 ขึ้นไปอยู่ที่ระดับร้อยละ 4.0 และคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับนั้นไปจนถึงสิ้นไตรมาส 2 ปี 51 (รอยเตอร์)
3. คาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในปี 50 และ 51 จะขยายตัวร้อยละ 2.4 รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 18 เม.ย.50
สถาบันวิจัยเศรษฐกิจชั้นนำ 5 สถาบันของเยอรมนี คาดการณ์ว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในปี 50 และ 51 จะฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพที่
ร้อยละ 2.4 เนื่องจากรัฐบาลมีการทบทวนปรับปรุงนโยบายการคลังสาธารณะ และเห็นว่าจากการปรับเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มอีกร้อยละ 3 ของเยอรมนีตั้งแต่
วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา ยังไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเยอรมนีเท่าใดนัก ทั้งนี้ ผลสำรวจนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์คาดการณ์เกี่ยวกับมุมมองทางเศรษฐกิจ
ล่าสุดว่า รัฐบาลเยอรมนีจะสามารถจัดทำงบประมาณแบบสมดุลได้ในปี 51 หลังจากที่จัดทำงบประมาณแบบขาดดุลร้อยละ 0.6 ของผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี)
ในปีนี้ ขณะที่ รมว.คลังของเยอรมนี (Peer Steinbrueck) กล่าวว่า การจัดทำงบประมาณแบบสมดุลต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากมี
ความเสี่ยงหลายประการ อย่างไรก็ตาม เขาประมาณการภาษีรายได้ (ซึ่งจะประกาศในเดือน พ.ค.) ว่าน่าจะสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้เมื่อปลายปี 49
อนึ่ง เยอรมนีได้ถูกกำหนดบทลงโทษจากสหภาพยุโรป หลังจากที่ได้ปล่อยให้งบประมาณของประเทศขาดดุลเกินกว่าเป้าหมายที่สหภาพยุโรปกำหนดไว้ถึง
4 ปีต่อเนื่องกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อปีที่ผ่านมาเยอรมนีได้ปรับลดงบประมาณขาดดุลลงมาอยู่ที่ร้อยละ 1.7 ของจีดีพีแล้ว (รอยเตอร์)
4. ผลสำรวจรอยเตอร์คาดว่า ธ.กลางอังกฤษอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นร้อยละ 5.75 ต่อปีภายในสิ้นปี 50 รายงานจากลอนดอน เมื่อ
18 เม.ย.50 ผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์ในระหว่างวันที่ 11 — 17 เม.ย.50 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะมีการประกาศตัวเลขอัตรา
เงินเฟ้อในเดือน มี.ค.50 นั้น นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าเศรษฐกิจอังกฤษจะขยายตัวประมาณร้อยละ 2.7 ในปี 50 ก่อนที่จะชะลอตัวลงเหลือร้อยละ 2.5
ในปี 51 ทั้งนี้เมื่อวันที่ 17 เม.ย.50 ที่ผ่านมา ธ.กลางอังกฤษได้รายงานอัตราเงินเฟ้อในเดือน มี.ค.50 พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 3.1 ต่อปี สูงกว่าเป้าที่
ธ.กลางอังกฤษกำหนดไว้ว่าไม่ควรเกินร้อยละ 2.0 ต่อปีมากถึงขนาดที่ ผู้ว่าการ ธ.กลางอังกฤษต้องมีจดหมายชี้แจงไปยังรัฐบาลและเพิ่มความเป็นไปได้ที่
อัตราดอกเบี้ยอาจสูงขึ้นถึงร้อยละ 5.75 ต่อปีภายในสิ้นปี 50 โดยค่อนข้างเป็นที่แน่นอนว่า ธ.กลางอังกฤษจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25
เป็นร้อยละ 5.5 ต่อปีในการประชุมในวันที่ 10 พ.ค.50 ที่จะถึงนี้ สอดคล้องกับผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์ทันทีหลังการประกาศ
ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่นักเศรษฐศาสตร์ 49 ใน 51 คนคาดว่า ธ.กลางอังกฤษจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นร้อยละ 5.5 ต่อปีในเดือน พ.ค.50 โดยนักเศรษฐศาสตร์
ร้อยละ 35 คาดว่าอัตราดอกเบี้ยอาจสูงขึ้นถึงร้อยละ 5.75 ต่อปีหรือสูงกว่าภายในสิ้นปี 50 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 19 เม.ย. 50 18 เม.ย. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 34.773 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 34.5750/34.9090 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.17047 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 692.27/6.18 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 11,250/11,350 11,250/11,350 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 62.56 62.23 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 28.79*/24.94* 28.79*/24.94* 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 11 เม.ย. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--