จากที่นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ลงนามในประกาศ สพฐ.เรื่องนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียนชั้น ม.1 และ ม.4 สังกัด สพฐ.ปีการศึกษา 2554 เรียบร้อยแล้ว และได้รับความร่วมมือจากผู้อำนวยการโรงเรียนต่างๆทั่วประเทศเป็นอย่างดี ก็ต้องติดตามว่า นโยบายดังกล่าว จะบรรลุวัตถุประสงค์มากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะปัญหา “เด็กฝาก” ที่รัฐมนตรีว่าการ ศธ.ประกาศชัดเจนว่าไม่ให้รับจะลดลงได้จริงหรือไม่? “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จึงได้สอบถามความคิดเห็นจากผู้ปกครองที่มีบุตรหลานอยู่ในวัยเรียนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,471 คน ระหว่างวันที่ 16-20 ธันวาคม 2553 สรุปผลได้ดังนี้
อันดับ 1 เห็นด้วย 88.73%
เพราะ ทำให้ครูสามารถดูแลเด็กได้ทั่วถึงและใกล้ชิดกับเด็กมากขึ้น ,การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ฯลฯ
อันดับ 2 ไม่แน่ใจ 8.45%
เพราะ การเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพจะต้องขึ้นอยู่กับตัวครูผู้สอนและความตั้งใจของเด็กในชั้นเรียนด้วย ฯลฯ
อันดับ 3 ไม่เห็นด้วย 2.82%
เพราะ คิดว่าจำนวนนักเรียนที่กำหนดไว้ยังมากเกินไป อยากให้ดูห้องเรียนของต่างประเทศว่า 1 ห้อง มีนักเรียนกี่คน ฯลฯ
อันดับ 1 เห็นด้วย 73.24%
เพราะ เป็นการวัดความรู้ ความเข้าใจ รวมทั้งทักษะและความสามารถของเด็ก , สามารถจัดกลุ่มเด็กเรียนเก่งและเด็กเรียนอ่อนได้ เพื่อให้ครูได้ดูแลได้อย่างถูกต้อง ฯลฯ
อันดับ 2 ไม่เห็นด้วย 15.49%
เพราะ เด็กแต่ละคนอาจมีความสามารถแตกต่างกัน บางคนเก่งทฤษฎี บางคนเก่งปฏิบัติ บางคนเรียนไม่เก่งแต่มีความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งนำมาใช้สอบไม่ได้ , ควรดูจากระยะทางหรือที่พักอาศัยของเด็กด้วยว่าอยู่แถวไหน ฯลฯ
อันดับ 3 ไม่แน่ใจ 11.27%
เพราะ เด็กในเมืองกับเด็กนอกเมืองมีโอกาสทางการศึกษาแตกต่างกัน หนังสือ สื่อและอุปกรณ์การเรียนไม่เหมือนกัน ฯลฯ
อันดับ 1 เห็นด้วย 83.09%
เพราะ เด็กทุกคนจะได้มีสิทธิ มีโอกาสแสดงความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่โดยเท่าเทียมกัน ,ลดปัญหาเด็กฝากที่มาแย่งที่นั่งของเด็กที่สอบได้จริง ฯลฯ
อันดับ 2 ไม่แน่ใจ 9.87%
เพราะ โรงเรียนที่มีชื่อเสียงมีจำนวนมาก การตรวจสอบ ดูแลของกระทรวงศึกษาอาจไม่ทั่วถึง , นิสัยคนไทยมีความเกรงอกเกรงใจโดยเฉพาะเด็กที่ผู้ใหญ่ขอมา อาจปฏิเสธลำบาก ฯลฯ
อันดับ 3 ไม่เห็นด้วย 7.04%
เพราะ อาจเป็นโรงเรียนที่เด็กหรือผู้ปกครองอยากให้เข้าเรียนจริงๆ ,ควรมีการแบ่งสัดส่วนจำนวนนักเรียนที่สอบได้จริง กับเด็กฝากในแต่ละชั้นเรียนให้ดี ,ทำให้ขาดเงินบำรุงโรงเรียนสำหรับนำไปพัฒนาหรือใช้ปรับปรุงโรงเรียน ฯลฯ
อันดับ 1 ไม่สามารถทำได้จริง 67.61%
เพราะ สังคมไทยเป็นระบบพวกพ้อง อุปถัมภ์ อาจทำให้เกิดความลำบากใจ , ที่ผ่านมายังคงได้ยินเรื่องเด็กฝากอยู่เป็นประจำโดยเฉพาะช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ ฯลฯ
อันดับ 2 สามารถทำได้จริง 19.72%
เพราะ ถ้าผู้อำนวยการโรงเรียนต่างๆปฏิบัติตามนโยบายอย่างเคร่งครัด ,กระทรวงศึกษาเอาจริงเอาจัง ฯลฯ
อันดับ 3 ไม่แน่ใจ 12.67%
เพราะ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ผู้ปกครองต้องเข้าใจและปฏิบัติตามด้วย , อาจเปลี่ยนรูปแบบของการฝากจากการใช้เงินมาเป็นการซื้อของบริจาคแทน ,เรื่องเด็กฝากมีมานานแล้ว ฯลฯ
--สวนดุสิตโพลล์--